ตอนที่ 2010 เปลี่ยนโชคร้ายให้เป็นโชคดี
หลิงฮันเค้นเสียงในใจ พร้อมกับรีบเข้าไปหลบซ่อนตัวในหอคอยทมิฬ
“อั่ก!” เขาโอดครวญออกมา ถึงแม้จะกลับเข้าหอคอยทมิฬได้ทัน แต่ร่างของเขาก็ถูกออร่าของราชานิรันดร์ถาโถมเข้าใส่ จึงส่งผลให้กระดูกในร่างของเขากว่าเก้าส่วนถูกบดขยี้
ช่างน่าสะพรึงกลัวอะไรอย่างนี้ ราชานิรันดร์ยังแม้แต่จะโจมตี แต่เพียงแค่ออร่าที่ปลดปล่อยออกมา ก็สามารถทําให้กายหยาบอันน่าภาคภูมิใจของหลิงฮันพังทลายได้
หลิงฮันรีบโคจรหยดวารีอมตะ เมื่อหยดวารีอมตะถูกใช้งาน โดยปกติแล้วบาดแผลที่เขาได้รับจะถูกฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นแบบนั้น
ถึงแม้ร่างกายของหลิงฮันจะได้รับบาดเจ็บเพียงเพราะออร่าของราชานิรันดร์ แต่ภายในออร่าได้มีเจตจํานงยุทธของราชานิรันดร์ผสานเอาไว้ด้วย หากไม่กําจัดเจตจํานงภายในร่างกายทิ้งไปก่อน ต่อให้เป็นหยดวารีอมตะก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้
เพราะไม่ว่าอย่างไร ระดับพลังของทั้งสองฝ่ายก็แตกต่างกันเกินไป
“เป็นราชานิรันดร์แบบใดกัน ถึงได้ต้องแอบลอบโจมตีจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ!” หลิงฮันสบถ
กล่าวได้ว่าราชานิรันดร์นั้นมีความอดทนเป็นเลิศจริงๆ เพราะไม่รู้ว่าพวกเขาผ่านช่วงเวลามากยุคสมัยแล้ว ในทางกลับกัน เป็นพวกหลิงฮันทั้งห้าเองต่างหากที่ใจร้อนเกินไป
ต้องฟื้นฟูบาดแผลก่อน” หลิงฮันนั่งลงในมุมหนึ่งและกระตุ้นพลังของหอคอยทมิฬ เพื่อลบล้างเจตจํานงยุทธของราชานิรันดร์
เพียงแต่การจะทําเช่นนั้นได้เป็นเรื่องที่ยากมาก ราชานิรันดร์คือตัวตนที่ยืนทัดเทียมกับอํานาจแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ต่อให้หลิงฮันจะมีหอคอยทมิฬ การจะลบล้างเจตจํานงของราชานิรันดร์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
หลิงฮันตัดความสนใจจากทุกสิ่ง และเริ่มต่อสู้กับเจตจํานงของราชานิรันดร์
หนึ่งปี… สองปี… สิบปี… หนึ่งร้อยปี… เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว และด้วยความสามารถในการเร่งเวลา ระยะเวลาภายในหอคอยทมิฬจึงล่วงเลยไปกว่าหนึ่งแสนปีแล้ว จนในที่สุดเจตจํานงของหลิงฮัน ก็เริ่มกดขี่เจตจํานงของราชานิรันดร์ได้
เพียงแต่นั่นก็ยังไม่ใช่ชัยชนะ แต่เพียงแค่กดขี่ได้เท่านั้น
เขาเริ่มเข้าใจวิธีการจัดการกับเจตจํานงของราชานิรันดร์มากขึ้น และที่น่าประหลาดใจก็คือความเชี่ยวชาญในการใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขานั้นเพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิมมาก
เขามีความรู้สึกว่าพลังต่อสู้ของตัวเขาในตอนนี้ แข็งแกร่งกว่าเมื่อร้อยปีก่อนมาก
ซึ่งเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะนอกจากพลังบ่มเพาะของเขาจะยกระดับสูงขึ้นแล้ว ความเข้าใจในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ยังยกระดับสูงขึ้นหลายเท่าด้วย
มีเพียงต้องเข้าใจอํานาจแห่งกฎเกณฑ์อันลึกลับ ของเจตจํานงราชานิรันดร์ให้ได้เท่านั้น เขาถึงจะขับไล่พวกมันให้หายไปได้
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเศษเสี้ยว อํานาจแห่งเต๋าของราชานิรันดร์เท่านั้น หากเขาถูกการโจมตีของราชานิรันดร์เข้าจริงๆ ต่อให้มีความเชี่ยวชาญในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์แค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
เขาต่อกรกับเจตจํานงของราชานิรันดร์ต่อ พร้อมกับเวลาค่อยๆ ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งร้อยปี… สองร้อยปี… ห้าร้อยปี… ในที่สุดหลิงฮันก็ลืมตาขึ้น
ตอนนี้ระยะเวลาภายในหอคอยทมินได้ผ่านไปห้าแสนปีเต็มแล้ว ซึ่งในที่สุดหลิงฮันก็สามารถขจัดเจตจํานงของราชานิรันดร์ได้อย่างสมบูรณ์
“หลิงฮัน เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” พวกฮูหนิวเดินเข้ามาใกล้
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว… ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่บ้าง”
พลังบ่มเพาะของเขาพัฒนาขึ้นเป็น ระดับตัดวิญญาณหยางขั้นปลายแล้ว ซึ่งนี่เป็นการพัฒนาที่มองเห็นได้ ในขณะที่การพัฒนาที่มองไม่เห็นก็คือ ความเชี่ยวชาญในการใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขา
ตอนนี้เขาคล้ายคลึงจี่อู๋หมิงขึ้นมาเล็กน้อย ในระดับพลังเดียวกัน ใครที่เป็นศัตรูกับเขาย่อมต้องพบเจอกับความสิ้นหวัง
“ไม่รู้ว่าเจ้าตัวน่ารําคาญนั่นกลับไปรึยัง” ฮูหนิวบ่นพึมพํา
“เขาอาจจะยังไม่กลับไปจากจุดเดิม แต่พวกเราได้ถูกคลื่นยักษ์หลายคลื่นซัดลอยมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว เพราะงั้นตําแหน่งของพวกเรา ก็น่าจะหลุดพ้นระยะสัมผัสสวรรค์ของราชานิรันดร์แล้ว”
“น่าจะออกกันไปได้แล้ว”
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ และเตรียมพร้อมจะหลบกลับไปทันทีหากมีอันตราย แต่หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งวัน มหาสมุทรก็ยังคงสงบนิ่งโดยที่ไม่มีการโจมตีใดๆ เกิดขึ้น
“ครืนนน”
ซึ่งในจังหวะนั้นเอง จู่ๆ เรือล่องทะเลลําใหญ่ก็ขับเคลื่อนมาจากระยะไกล และมุ่งหน้ามาที่ทิศทางนี้
หลิงฮันจ้องมองไปที่เรือ และมองเห็นสัญลักษณ์เหยี่ยวที่กําลังล่องลอยอยู่กลางสายลมสลักเอาไว้บนธงเรือ
เรือลํานี้… คือเรือขนส่งสินค้า!
เขตมหาสมุทรไร้พรมแดนไม่ใช่มหาสมุทรแห่งความตาย เพราะงั้นจึงมีเรือขนส่งสินค้าผ่านไปมาบ่อยครั้ง ถึงแม้การเดินทางจะอันตราย แต่ผลตอบแทนเองก็สูงมากเช่นกัน
ในเขตมหาสมุทรไร้พรมแดน ไม่มีใครไม่เคยได้ยินเรื่องของโจรสลัดบุกปล้น เพราะงั้นเรือขนส่งสินค้าที่กล้าทําการค้าข้ามเขตมหาสมุทรไร้พรมแดน ย่อมต้องมีปรมาจารย์ที่ทรงพลังคอยคุ้มกันอยู่บนเรือ
“เจ้าหนู ขึ้นมา!” เรือขนส่งสินค้าไม่หยุดขับเคลื่อน แต่มีเชือกเส้นหนึ่งถูกโยนลงมาที่หน้าหลิงฮัน
หลิงฮันคว้าไปจับเชือก ก่อนที่ร่างจะถูกดึงลอยขึ้นฟ้าและตกลงบนหัวเรือ
“เรือขนส่งของเจ้าถูกจ้าวมหาสมุทรโจมตีงั้นรึ?” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนั่งอยู่บนหัวเรือ โดยที่มือของเขาถือปลายเชือกอีกด้านอยู่
ท่ามกลางเขตมหาสมุทรไร้พรมแดน สัตว์อสูรนิรันดร์ที่บรรลุระดับราชานิรันดร์จะถูกเรียกว่าจ้าวมหาสมุทร
หลิงฮันครุ่นคิดและกล่าว “ประมาณนั้น”
ราชานิรันดร์ทั้งสองคน ก็นับว่าเป็นจ้าวมหาสมุทรได้สินะ?
หากราชาเจ็ดเมฆากับราชาพิษทมิฬรู้เข้าล่ะก็ พวกเขาจะต้องเกรี้ยวกราดมากเป็นแน่ ที่หลิงฮันกล้านําพวกเขาไปเทียบกับสัตว์อสูรใต้มหาสมุทรที่ไร้สติปัญญาเหล่านั้น
“พวกข้ากําลังมุ่งหน้าไปยังดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก ถ้าเจ้าไม่รังเกียจก็เดินทางไปกับพวกข้าได้ เพียงแต่โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ เจ้าต้องช่วยคงสภาพค่ายกลอาคมในทุกๆ วันเป็นการแลกเปลี่ยน” ชายร่างใหญ่กล่าว
“ด้วยความยินดี!” หลิงฮันตอบตกลง
ชายร่างใหญ่จัดหาห้องพักให้หลิงฮัน และหลิงฮันจําเป็นต้องลงไปที่ใต้ท้องเรือทุกวัน เพื่อคงสภาพค่ายกลอาคมร่วมกับลูกเรือคนอื่น
เวลาผ่านไปไม่กี่วัน หลิงฮันก็คลุกคลีเข้ากับลูกเรือหลายคน
เขาได้รู้ว่าเรือขนส่งลํานี้เป็นของตระกูลฉิน ตระกูลฉินนั้นเป็นขุมอํานาจระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ โดยมีเรือขนส่งสินค้าลําใหญ่อยู่ด้วยกันทั้งหมดสิบเอ็ดลํา และในแต่ละลําจะมีปรมาจารย์ระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้คอยคุ้มกันอยู่ เพราะงั้นหากไม่พบเจอกับจ้าวมหาสมุทร ก็ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้น
ชายร่างใหญ่ที่ให้หลิงฮันขึ้นเรือมาด้วยมีชื่อว่าฉินเหว่ย เขาเป็นปรมาจารย์ระดับตําหนักอมตะของตระกูลฉิน ที่มีนิสัยเป็นมิตรชอบสร้างสหาย เพราะงั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือหลิงฮัน
เนื่องจากสภาพแวดล้อมของที่นี่ไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่ เขาจึงไม่ให้สตรีทั้งสี่ สือเหล่ย และสืออวี่ออกมา ซึ่งในขณะที่หลิงฮันกําลังนอนพักผ่อนอยู่ในห้องพักเรือนั่นเอง
“ตูม” จู่ๆ ที่บริเวณท้องเรือก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
อย่างบอกนะว่าเรื่อถูกโจมตีอีกแล้ว?
ตูม! ตูม! ตูม!
ท้องเรือสั่นสะเทือนไม่หยุด โดยที่แรงกระแทกค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ดีแล้ว พวกเราพบเจอกับคลื่นมหาสมุทรยักษ์!” ใครบางคนอุทานออกมา