อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร – ตอนที่ 296 มีเพลิงนรก

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 296 มีเพลิงนรก

บรรดาคนตระกูลเย่ว์มุ่งหน้าเดินเข้าไปข้างใน

บนแนวเขาหน้าผาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏสีสันคล้ายสีรุ้ง แสงอาทิตย์สาดส่องสะท้อนเป็นลวดลายสะดุดตา

ต่อให้เป็นมู่เถาเยาที่เห็นทิวทัศน์อันงดงามมาจนชินแล้วก็ยังอดชื่นชมความตระการตาของธรรมชาติไม่ได้

“สถานที่สวยงามแบบนี้ น่าเสียดายที่เป็นสถานที่ต้องห้ามนะคะ มีแค่คนตระกูลเย่ว์ของพวกเราที่ได้ ดื่มด่ำ คุณตาคุณยายก็ไม่เคยมาใช่ไหมคะ”

เย่ว์หลั่ง “อืม คุณตาคุณยายของลูกก็เข้ามาไม่ได้ คนที่แต่งเข้าตระกูลเย่ว์ก็ต้องมีลูกก่อนถึงจะเข้ามาได้ แม่ของลูกก็เพิ่งได้เข้ามาเป็นครั้งแรกตอนคลอดพี่ใหญ่ของลูกได้หนึ่งเดือน”

“ภูเขาไฟลูกใหญ่ที่ยังไม่มอดแบบนี้ ถ้าเกิดปะทุขึ้นมา ผลลัพธ์คงเกินจะจินตนาการเลยนะคะ”

ภูเขาไฟบนแผ่นดินที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ ถ้าเกิดปะทุ ลาวาที่ไหลออกมาสามารถหลอมละลายทุกสิ่งได้ ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศและภูมิทัศน์ ยังจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวและภัยพิบัติอื่นๆ ตามมาอีกด้วย

พอมู่เถาเยานึกถึงผลลัพธ์แบบนั้นก็รู้สึกขนลุก หวาดหวั่นอยู่ในใจ

เย่ว์เลี่ยงเห็นสีหน้าของมู่เถาเยาก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่

“เสี่ยวเยาเยา ไม่ต้องกังวล ภูเขาไฟแถบนี้ไม่มีทางปะทุออกมา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่คนทุกรุ่นจะบอกต่อๆ กันมาว่าไม่ต้องกังวลเรื่องภูเขาไฟกับธารน้ำแข็ง อาเดาว่า อาจเกี่ยวข้องกับเยี่ยนหงและชวนไป๋”

เย่ว์จือกวงพูดต่อ “มีความเป็นไปได้ว่าการดำรงอยู่ของพวกมันก็เพื่อสยบภูเขาไฟกับธารน้ำแข็ง ไม่อย่างนั้นบริเวณรอบๆ ไม่มีพืชเลยสักต้น ทำไมพวกมันถึงเจริญงอกงามได้ แถมยังหยั่งรากในภูเขาไฟกับสภาพพื้นน้ำแข็งได้ อีกทั้งอยู่มาได้เป็นหมื่นๆ ปีโดยที่ไม่ตาย ถึงขั้นที่ไม่มีการเติบโตต่อด้วยซ้ำ…”

มู่เถาเยาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของพี่รอง

เย่ว์จือเหิง “คนตระกูลเย่ว์แต่ละรุ่นล้วนอยากหาสาเหตุ แต่ก็ไม่มีสักคนเดียวที่หาคำตอบได้ พวกเราศึกษาธรณีวิทยามาไม่น้อย ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้อยู่ดี”

“อืม ปรากฏการณ์ธรรมชาติบางอย่างก็เกินกว่าขอบเขตวิทยาศาสตร์” มู่เถาเยาพลอยนึกถึงเสี่ยวฉยงไปด้วย

ตี้อู๋เปียนบอกว่ามันไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิดตลอดยี่สิบปี

เย่ว์เลี่ยงมองมู่เถาเยาที่กำลังมองธารน้ำแข็งอยู่ไกลๆ จึงถามขึ้น “เป็นอะไรไปเสี่ยวเยาเยา”

“อาคะ หนูกำลังนึกถึงดอกฉยงฮวา ดอกเถียนซิน และก็ชวนไป๋ พวกมันจะมีความเกี่ยวข้องกันไหมคะ จะเป็นพืชตระกูลเดียวกันหรือเปล่า ดอกฉยงฮวากับชวนไป๋ดูๆ ไปก็แอบคล้ายกัน ถึงแม้ภายนอกของดอกฉยงฮวาจะแตกต่างกับดอกเถียนซินมาก แต่ดอกฉยงฮวาไม่เคยออกดอก ดังนั้น…”

เย่ว์หลั่ง “เยี่ยนหงกับชวนไป๋ก็ไม่เคยออกดอก พวกเราตั้งสมมติฐานความเป็นไปได้นี้ได้เต็มที่ ยังไงซะก็ไม่มีใครบอกได้ว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหน”

“อืม พวกเราใช้วิชาตัวเบารีบไปแถวภูเขาไฟก่อนแล้วค่อยไปเขตธารน้ำแข็งกันค่ะ”

ทุกคนพยักหน้า

เย่ว์เลี่ยงอยู่ข้างหน้าคนเดียว มู่เถาเยาพาพ่อตัวเองไป เย่ว์จือกวงพาเย่ว์จือเหิง ใช้กำลังภายในเหาะไปอย่างพร้อมเพรียง ผ่านภูเขาไปหลายลูก มองอาณาเขตของภูเขาที่ปรากฏสีต่างกัน มีดำ น้ำตาล แดง เหลือง เทา ขาว เป็นต้น

สุดท้ายไปหยุดลงตรงหน้าภูเขาไฟที่มีรอยแยก

“เอ๊ะ ที่นี่ยังมีเพลิงนรกด้วย!”

เย่ว์จือกวง “ใช่ ภูเขาลูกนี้เป็นภูเขาไฟหินอัคนีกรด ลาวาเป็นสีน้ำเงิน ไม่ใช่สีแดงเพลิง เสี่ยวเยาเยาก็รู้เกี่ยวกับธรณีวิทยาไม่น้อยเลยนะ”

“เอ่อ…ฉันแค่ค่อนข้างสนใจเรื่องที่ไม่ค่อยรู้น่ะค่ะ”

เมื่อชาติก่อนคิดว่าการเกิดแผ่นดินไหวมีสาเหตุจากมังกรพลิกตัว เจ้าพิภพพิโรธ…

นี่ต้องด้อยความรู้ขนาดไหนถึงคิดแบบนี้

เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น…

มู่เถาเยาหน้าแดงเล็กน้อย

เย่ว์จือเหิง “เสี่ยวเยาเยา รอยแยกบนภูเขาไฟรอยนี้ยาวสองกิโลเมตร เป็นบริเวณตรงกลางของหมู่ภูเขาไฟ”

“ค่ะ”

มู่เถาเยามองสองฝั่งของรอยแยก ความกว้างของรอยแยกนี้ไม่ถึงหนึ่งเมตร แต่กลับลึกจนไม่อาจวัดได้ มองไม่เห็นก้นบึ้ง

ยื่นมือออกไปอังเหนือรอยแยก “รู้สึกได้ถึงไอร้อนเลยค่ะ”

เย่ว์หลั่งพยักหน้า “ใช่แล้ว พวกเราสงสัยว่าด้านล่างมีเพลิงสีน้ำเงินแผดเผาอยู่ตลอด เพียงแต่มันลึกเกินไปเลยมองไม่เห็น”

“ค่ะ”

เดินบริเวณรอบๆ อยู่สักพักก็มุ่งหน้ากันต่อ

หลังจากข้ามหมู่ภูเขาไฟไปก็ผ่านแอ่งน้ำหลายแห่ง แสงแดดสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับชวนแสบ ตา

มู่เถาเยาตะลึงงัน

“นี่มันน้ำพุร้อนภูเขาไฟ!”

เย่ว์เลี่ยงยิ้มพูด “ใช่แล้ว ด้านนี้ที่ติดกับภูเขาไฟเป็นน้ำพุร้อนอุณหภูมิสูง ตรงกลางเป็นน้ำพุร้อนที่อุณหภูมิรองลงมา ส่วนที่ติดกับเยี่ยนหงด้านหน้าเป็นน้ำพุร้อนธรรมดา เสี่ยวเยาเยา ครั้งหน้าถ้ามีเวลาพวกเรามาแช่น้ำพุร้อนกัน”

“เอาสิคะ”

มู่เถาเยาชอบแช่น้ำพุร้อน ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ไม่มีร่องรอยมนุษย์มาย่ำกราย ทิวทัศน์งดงามและสะอาดมาก

ย่อตัวลงวักน้ำในแอ่งที่มีไอร้อนลอยขึ้น

เย่ว์หลั่งพูดด้วยความกังวล “ระวังลวกมือนะลูกรัก”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูทนความร้อนสูงได้ น้ำในนี้น่าจะอยู่ที่แปดสิบองศาได้”

เย่ว์จือกวง “น่าจะประมาณนั้น น้ำพุร้อนอุณหภูมิกลางๆ จะอยู่ที่ประมาณหกสิบองศา ส่วนน้ำพุร้อนทั่วไปอยู่ที่ประมาณสี่สิบองศา”

“อืม”

มู่เถาเยามองไปรอบๆ แอ่งน้ำน้อยใหญ่มีอยู่หลายสิบแอ่ง

ผ่านแอ่งน้ำไปก็คือเยี่ยนหงที่ดูมีชีวิตชีวา

เย่ว์เลี่ยง “เสี่ยวเยาเยา ดูพวกมันสิ เหมือนพืชชนิดไหนที่หลานเคยเจอหรือเปล่า”

มู่เถาเยาส่ายหน้า โน้มตัวยื่นมือออกไปจับใบไม้ที่มีสีแดงเหมือนเลือดแต่กลับโปร่งใส

“เดิมทีพืชที่สีแดงทั้งต้นไร้สีอื่นเจือปนก็พบเห็นได้น้อยมากอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเยี่ยนหงที่แดงโปร่งใสเหมือนอัญมณีทับทิมแบบนี้ยิ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน”

เงยหน้ามองไปเต็มไปด้วยสีแดงทุกพื้นที่ อีกทั้งยังมีประกายชวนสะกดตา

“พวกมันแทบจะมีขนาดพอๆ กัน เรียงกันเป็นระเบียบ เหมือนดอกไม้ในสวนที่ถูกตัดแต่งอย่างเอาใจใส่” แตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง

เดิมทีเธอคิดว่าเยี่ยนหงจะเติบโตอย่างสะเปะสะปะ รูปร่างไม่แน่นอน เหมือนดอกไม้ป่าทั่วไป

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปพลางถาม “อาคะ หนูอยากเด็ดออกไปต้นหนึ่งให้อาจารย์สามดูค่ะ พวกเราต้องศึกษามัน”

เย่ว์เลี่ยงพยักหน้า

มู่เถาเยาดึงออกมาหนึ่งต้นแล้วตั้งใจพินิจพิจารณามัน

ครึ่งนาทีต่อมา “พวกเราไปดูชวนไป๋กันค่ะ”

เย่ว์หลั่งพูดเตือน “ลูกพ่อ ใส่เสื้อก่อนนะ ทางนั้นค่อนข้างหนาว”

“ค่ะ”

ทุกคนต่างเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ จากนั้นถึงเหาะจากแนวภูเขาไฟไปยังหมู่ธารน้ำแข็ง

ผ่านอาณาเขตของเยี่ยนหงไปก็คือดินแดนของชวนไป๋

สีขาวเหมือนหิมะ

สีที่สวยงามที่สุดบนโลกนี้คือสีพระจันทร์และสีขาวหิมะ

มู่เถาเยายิ้มมุมปาก ถอนชวนไป๋ขึ้นมาหนึ่งต้น สองมือกำข้างละต้นเปรียบเทียบกัน

“เหมือนกันมากจริงๆ แทบจะเหมือนกันทุกอย่างยกเว้นสี แม้แต่ขนาดสั้นยาวก็ยังไม่ทิ้งกัน ถ้าไม่ได้เห็นกับตายังคิดว่าสีแดงเกิดจากการย้อม”

เย่ว์เลี่ยง “นั่นสิ พวกมันน่าจะเป็นพืชชนิดเดียวกัน อาจเพราะพื้นดินของทั้งสองฝั่งไม่เหมือนกันมันเลยเป็นแบบนี้หรือเปล่า”

อย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร

คนแต่ละรุ่นบอกต่อกันมาว่าแบบนี้

แน่นอนว่าเมื่อหลายพันปีก่อนร่วมหมื่นปีก่อนมันอาจไม่ได้มีรูปร่างหรือความสูงแบบนี้ก็ได้

ไม่มีทางที่ตอนพวกมันแตกหน่อเติบโตก็มีสภาพเป็นแบบนี้

มันย่อมค่อยๆ เติบโต ก็แค่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะโตขึ้นหนึ่งนิ้ว

ความสนใจของมู่เถาเยาย้ายจากเยี่ยนหงกับชวนไป๋ในมือไปยังยอดเขาที่สูงที่สุดไกลๆ

“พ่อคะ ภูเขาหิมะที่สูงที่สุดลูกนั้นสูงกี่เมตรคะ”

“สูงสุดหมื่นสองพันเมตรได้ ลำแสงศักดิ์สิทธิ์สีรุ้งที่เห็นเมื่อกี้ก็อยู่เหนือยอดเขาลูกนั้น ส่วนเขาลูกอื่นมีความสูงตั้งแต่ห้าพันกว่าเมตรไปจนถึงหนึ่งหมื่นเมตรไม่เท่ากัน”

“ค่ะ”

ภูเขาสูงมีไม่มาก หลักๆ จะเป็นหมู่เขาธารน้ำแข็งที่สูงตั้งแต่หนึ่งร้อยเมตรไปจนถึงสามร้อยเมตร นอกเหนือจากนั้นยังมีพวกทะเลสาบขนาดเล็กสีน้ำเงิน

“ลูกรัก ตอนที่แม่ตั้งท้องลูก แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องมาที่สระน้ำตรงนี้” เย่ว์หลั่งชี้น้ำในสระที่ทอประกายระยิบระยับพลางพูด

มู่เถาเยาเดินเข้าไปใกล้ วางเยี่ยนหงกับชวนไป๋ไว้ข้างสระแล้วยื่นมือไปแตะผิวน้ำ

“ก็ไม่ได้เย็นมากนะคะ”

เย่ว์เลี่ยงพยักหน้า “อืม ธารน้ำแข็งไม่เย็นมาก ภูเขาไฟก็ไม่ได้ร้อนมาก”

“นั่นสิคะ”

มู่เถาเยาคิดในใจ เผ่าหมาป่าพระจันทร์เป็นที่ที่มหัศจรรย์จริงๆ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Status: Ongoing
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร!นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง!โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตรเมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใดพร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท