ตอนที่ 303 แม่หมาป่าเจ็บหนัก
ทั้งสามคนวิ่งตามฝูงหมาป่าไปประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าถึงหยุดลง
ถึงแม้บางคนจะสะพายเต็นท์ บางคนสะพายเสบียงอาหาร แต่ระยะทางแค่นี้ไม่ทำให้พวกเขาเหนื่อยหอบเท่าไร
หมาป่าขาวมองพวกเขา
มู่เถาเยาวางลูกหมาป่าลง
ในที่สุดเจ้าตัวน้อยก็ยอมวิ่งไปหาหมาป่าขาวตัวใหญ่แล้ว แต่สักพักมันก็เดินผ่านหมาป่าขาว วิ่งไปด้านหลัง
บรู้ววว
หมาป่าขาวส่งเสียงหอนยาว ฝูงหมาป่าก็แยกย้ายกระจายออกไป หายเข้าไปในป่า เหลือไม่กี่ตัวสำหรับเฝ้ายาม
พวกมู่เถาเยาแค่มองหมาป่าขาว ไม่ขยับกันแม้แต่น้อย
หมาป่าขาวส่งเสียงหอนอีกครั้ง
พวกมู่เถาเยาพากันคาดเดา ทั้งยังปรึกษากันอยู่เรื่อยๆ สุดท้ายก็เข้าใจการกระทำของพวกมันแล้ว
ที่แท้มันก็ต้องการพาพวกเขาไปรังของราชาหมาป่า
ทั้งสามคนตามไปอย่างงงๆ
เดินไปไม่กี่นาที ระหว่างหินยักษ์สองก้อนมีถ้ำอยู่
มู่เถาเยากับลู่จือฉินยังไม่ทันเข้าใกล้ปากถ้ำก็ได้ยินเสียงแปลกๆ จากด้านใน
หมาป่าขาวหยุดอยู่ตรงปากถ้ำ หันกลับไปมองทั้งสามคนแล้วถึงเดินเข้าถ้ำ
ถ้ำไม่ลึก แต่สูงและกว้างมาก เป็นถ้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ใช่ถ้ำดินตื้นๆ แคบๆ แบบที่หมาป่าขุดกันเอง เข้าไปอยู่อาศัยได้แค่ตัวเดียว
เย่ว์จือกวงที่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตรเดินตัวยืดตรงเข้าไปได้ ด้านบนยังเหลือระยะห่างนิดหน่อย แสดงให้เห็นว่าความสูงของถ้ำน่าจะอยู่ที่ราวๆ สองเมตร
มีแสงสาดส่องเข้ามาระหว่างชั้นหิน แม้ภายในถ้ำจะมืด แต่กลับมองเห็นด้านในอย่างชัดเจน
นี่เป็นถ้ำหิน ไม่ใช่ถ้ำดิน ด้านในจึงสะอาดพอสมควร แต่กลิ่นกลับแย่มาก
เพราะเป็นกลิ่นของแผลที่เริ่มเน่า
มู่เถาเยาอดตกใจไม่ได้
หมาป่าขาวตัวน้อยตัวนั้นหมอบอยู่ข้างแม่หมาป่าอย่างว่าง่าย เอาหัวชนหัว
ยังมีลูกหมาป่าสีเทาอีกสองตัวอยู่อีกด้านของแม่หมาป่า
“งื้ดดด…งื้ด…”
หมาป่าขาวเดินเข้าไปงับแม่หมาป่าที่หายใจรวยริน
แม่หมาป่าอ่อนแรงจนยกหัวไม่ขึ้น
มองพวกมู่เถาเยาสามคน มันอยากส่งเสียง แต่ร้องไม่ออก ทำได้เพียงจ้องพวกเขา
“งื้ดดด…อือ…งื้ด…”
หมาป่าขาวสื่อสารกับแม่หมาป่าด้วยความร้อนใจ ราวกับอยากให้มันวางใจ
ลู่จือฉิน “เสี่ยวเยาเยา ถ้าไม่รีบช่วยแม่หมาป่าตัวนี้ มันอยู่ไม่พ้นคืนนี้แน่”
“ค่ะ พวกเราเอาของไว้ด้านนอกก่อนแล้วค่อยอุ้มหมาป่าออกมา ในถ้ำมืดเกินไป เห็นแผลไม่ชัด” แม้พวกเขาจะพกอุปกรณ์ให้แสงสว่างมาด้วย แต่ผนังหินเรียบและลื่น ไม่มีที่แขวน
ลู่จือฉินกับเย่ว์จือกวงขานรับพร้อมกัน
มู่เถาเยาเข้าไปลูบหมาป่าขาวกับหมาป่าเทา พูดกับพวกมันเล็กน้อยแล้วเดินออกไปปากถ้ำพร้อมลู่จือฉินกับเย่ว์จือกวง
หมาป่าขาวตามไปติดๆ
มันกลัวพวกเขาหนี
ทั้งสามคนเดินออกมาจากถ้ำ ปลดของออกจากตัวทั้งหมดวางไว้ตรงหินยักษ์ที่ปากถ้ำ
มู่เถาเยา “อาจารย์สามคะ หนูจะไปอุ้มแม่หมาป่าออกมา อาจารย์เอาผ้าร่มออกมาปูตรงหินก้อนใหญ่เรียบๆ ตรงนั้น พี่รองเอาไฟฉายออกมาส่องให้ฉัน ป้องกันฉันเผลอไปถูกแผลของมันตอนอุ้ม”
ทั้งสองคนขานรับ
มู่เถาเยาเข้าไปในถ้ำอีกครั้ง
หมาป่าขาวก็ตามไปติดๆ
“เจ้าขาว ฉันจะอุ้มเจ้าเทาออกไปผ่าตัดข้างนอก เจ้าเทา ไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่มีทางทำร้ายพวกเธอ…”
มู่เถาเยาพูดอยู่คนเดียวเพื่อสื่อสารกับหมาป่าทั้งสองตัวอยู่หนึ่งนาที
เย่ว์จือกวงเดินถือไฟฉายเข้ามาแล้ว
มู่เถาเยารับมาส่องดูแม่หมาป่า เมื่อแน่ใจตำแหน่งแผลแล้วก็ยื่นไฟฉายให้เย่ว์จือกวง เพื่อให้เขาส่องไฟให้ จากนั้นเธอก็อุ้มแม่หมาป่าขึ้นมาด้วยความระมัดระวังบาดแผลตรงช่วงคอ เอาออกไปวางบนผ้าร่มที่ลู่จือฉินปูไว้
“พี่รองไปอุ้มลูกหมาป่าเทาสองตัวในถ้ำออกมาด้วยค่ะ พวกมันหายใจรวยริน ต้องตรวจดูด้วย”
“ได้”
“อาจารย์คะ พวกเราตรวจแผลของแม่หมาป่ากันก่อน”
“อืม”
ขณะที่อาจารย์กับศิษย์กำลังตรวจดูแผลของแม่หมาป่าอยู่นั้น เย่ว์จือกวงก็อุ้มลูกหมาป่าสีเทาสองตัวออกมาวางข้างแม่หมาป่า
หมาป่าขาวกระโดดขึ้นไปบนก้อนหิน ให้กำลังใจข้างแม่หมาป่า
หมาป่าขาวตัวน้อยส่งเสียงร้อง มันกระโดดขึ้นไม่ได้
เย่ว์จือกวงเลยช่วยอุ้มมันไปวางไว้ข้างพี่น้อง
“อาจารย์คะ แผลตรงคอแม่หมาป่าใหญ่มาก มันบาดเจ็บตั้งแต่ก่อนคลอด…พวกเราโกนขนก่อน…”
ลู่จือฉิน “นี่มัน…เหมือนจะเป็นรอยอุ้งเท้าหรือเปล่า ใหญ่ขนาดนี้เลย! คงไม่ใช่อุ้งเท้าหมีใช่ไหม แม่หมาป่าเจ็บหนักขนาดนี้ ต้องทำแผลใหญ่เลยนะ…ถ้าไม่ใช่เพราะลูกหมาป่าสามตัวเป็นกำลังใจให้มัน มันคงอยู่มาไม่ถึงตอนนี้ อ่อนกำลังลงมากแล้ว…”
มู่เถาเยาพยักหน้า
เพราะแผลเริ่มติดเชื้อแล้ว
“เสี่ยวเยาเยา อาจารย์จะไปเก็บสมุนไพร”
ในกล่องยาใบน้อยมียาสมานแผล แต่ไม่เหมาะนำมาใช้กับแม่หมาป่าตัวนี้
“ค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะ”
“อืม”
ลู่จือฉินเอาของออกจากเข่งใบหนึ่งแล้วเอาเสียมขุดใส่ เดินออกไป
เย่ว์จือกวงพูดด้วยความร้อนใจ “เสี่ยวเยาเยา งั้นพี่ช่วยอะไรได้บ้าง”
“พี่รองไปเก็บพวกกิ่งไม้จากแถวนี้มาหน่อยค่ะ ตอนเย็นต้องก่อไฟ”
แม้จะไม่ควรก่อไฟในป่า แต่ตอนเย็นป่าจะหนาวมาก แม่หมาป่าที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จอ่อนแอเกินไป จะปล่อยให้หนาวอีกไม่ได้
ต่อให้เดิมทีร่างกายของหมาป่าไม่กลัวความหนาวเย็น แต่ถ้ามีแผลสาหัสบนตัวก็ไม่เหมือนกันแล้ว
เย่ว์จือกวงพยักหน้าขานรับแล้วออกไป
ที่นี่เป็นอาณาเขตของหมาป่า เขาไม่ต้องกังวลความปลอดภัยของน้องสาว จึงออกไปได้อย่างสบายใจ
มู่เถาเยาตรวจดูร่างกายของลูกหมาป่าสีเทาสองตัว
เจ้าสองตัวนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็แค่อยู่ในท้องแม่นานเกินไป เกือบต้องตายในท้องแล้ว
หมาป่าน้อยสีขาวเป็นเพียงตัวเดียวที่แข็งแรง
หมาป่าขาวเอาหัวดันมู่เถาเยา
“วางใจนะเจ้าขาว เมียนายยังมีทางรอด”
มู่เถาเยาหยิบขวดขนาดเล็กออกมาจากกล่องยาใบน้อย เทยาออกมาหนึ่งเม็ดเอาใส่ปากของแม่หมาป่า
พอยาเข้าปากก็ละลายทันที ไม่ต้องให้มันกลืนเอง
หัวของหมาป่าเทาขยับ ลืมตามองมู่เถาเยา ส่งเสียงร้องอย่างอ่อนแรง
มู่เถาเยาลูบหัวของมันเบาๆ พลางพูด “เธอเป็นแม่ที่ยิ่งใหญ่มากนะ เดี๋ยวต้องอดทนไว้ล่ะ เธอยังต้องอยู่ดูลูกๆ ทั้งสามเติบโตนะ”
หมาป่าขาวเดินวนไปวนมาด้วยความกังวล
หมาป่าน้อยสีขาวอยู่ข้างๆ หมาป่าน้อยสีเทาสองตัว ไม่ดูร่าเริงเหมือนเมื่อกี้เลยสักนิด
มู่เถาเยาทำได้เพียงลูบพวกมันอย่างอ่อนโยน ปลอบใจโดยไร้เสียง
อาการอ่อนแรงของหมาป่าน้อยสีเทาสองตัวรักษาไม่ยาก ก็แค่ตอนนี้ไม่มียา อีกทั้งการรักษาก็ต้องใช้เวลา พวกเขาอยู่ในป่านานไม่ได้ จุดนี้แอบยุ่งยาก
“เจ้าขาว ร่างกายของเทาน้อยกับเทารองต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เอาแบบนี้ดีไหม ฉันจะพาพวกมันออกไปก่อน รักษาพวกมันหายเมื่อไรค่อยพากลับมาคืน”
หมาป่าขาวตัวใหญ่ส่งเสียงร้องหนึ่งที
มู่เถาเยาจิ้มหัวของหมาป่าเทาน้อยสองตัวเบาๆ พูดซ้ำหลายรอบด้วยความอดทน
หมาป่าขาวก็ส่งเสียงร้องตอบ
แม่หมาป่าก็ร้องเบาๆ
มู่เถาเยาผายมือออก “เอาเถอะ ดูเหมือนพวกเราจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ก็ไม่รู้ว่าคำพูดที่บอกว่าคนตระกูลเย่ว์ทำให้หมาป่ามาเป็นทหารได้มันมีที่มายังไงกันนะ”
ครอบครัวหมาป่าขาวมีด้วยกันห้าชีวิต สองตัวนัยน์ตาสีน้ำเงิน สามตัวนัยน์ตาเขียว ต่างมองมู่เถาเยา
“…สองสามวันนี้พวกเราคงต้องอยู่ที่นี่แล้ว ไม่อย่างนั้นไม่มีใครทำแผลให้เธอ…งั้นพวกเราจะออกไปหาสมุนไพรตอนกลางวัน ตอนเย็นกลับมาค้างที่นี่…”
มู่เถาเยาบ่นพึมพำกับหมาป่าทั้งห้าตัว
เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองพูดอยู่คนเดียวได้นานขนาดนี้
แอบรู้สึกขำ