ตอนที่ 324 หมอไม่ใช่เทพ
วันพุธ มู่เถาเยาไปโรงพยาบาลทหารหนึ่งหนึ่งหนึ่งหนึ่งเยี่ยมนักเจรจาฝานเสร็จก็กลับเซิ่งซื่อฉางอัน
สะพายเข่งใบเล็ก พาเหลียงจีไปเก็บสมุนไพรที่ภูเขาเซิ่งเย่ว์
ครั้งนี้ไม่รีบร้อน นักเจรจาฝานยังใช้ยาที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพยาไม่ได้
ทั้งสองคนก็เลยอยู่ที่เขาเซิ่งเย่ว์ทั้งวัน
เช้าวันพฤหัสบดีทำยา ช่วงบ่ายไปเยี่ยมนักเจรจาฝานพร้อมอาจารย์อาเล็ก และถือโอกาสเอายาให้ฝานซิงลูกสาวของเขา
“อีกหนึ่งสัปดาห์ ให้นักเจรจาฝานกินหนึ่งเม็ดก่อนนอนทุกวัน พอครบหนึ่งเดือนก็ไม่มีอะไรน่าห่วงมากแล้วค่ะ”
ครอบครัวฝานซาบซึ้งใจจนพูดไม่ออก
“พรุ่งนี้หนูจะกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานแล้ว ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลนะคะ พวกเขาก็ช่วยดูให้ได้ อาจารย์อาเล็กของหนูก็ยังอยู่ที่เย่ว์ตูค่ะ”
แม่ของฝานซิงดวงตาแดงก่ำ จับมือมู่เถาเยาพูดเสียงสะอื้น “หมอมู่ พวกเราไม่รู้จะตอบแทนหมอมู่กับอธิการบดีเจียงยังไงแล้ว…”
“คุณน้าคะ การร้องขอสิ่งตอบแทนมันผิดต่อจรรยาบรรณแพทย์ค่ะ”
“แต่ว่า…”
“คุณน้ารู้จักสำนักแพทย์โบราณของพวกเราไหมคะ”
“รู้จ้ะ”
คนประเทศเหยียนหวงมีใครไม่รู้จักสำนักแพทย์โบราณด้วยเหรอ วงการแพทย์ระดับโลกมีใครไม่รู้จักหมอเทวดาหยวนบ้าง
“ในเมื่อคุณน้ารู้จักสำนักแพทย์โบราณ ก็น่าจะรู้จักคำสอนของที่นั่นด้วยว่า จรรยาบรรณตั้งมั่น ไม่เกี่ยงการรักษา”
ครอบครัวฝานรู้ แต่สองชีวิตในครอบครัวพวกเขาถูกช่วยกลับมาได้ จะให้มองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็กและปล่อยผ่านได้อย่างไร…
“คุณน้าคะ หนูกับอาจารย์อาเล็กยังต้องไปแผนกประสาทอีก ถ้านักเจรจาฝานเกิดเรื่องอะไรก็โทรหาพวกเราได้นะคะ”
“…จ้ะ หมอมู่กับอธิการบดีเจียงไปทำธุระเถอะจ้ะ”
ตอบแทนบุญคุณอันใหญ่หลวงนี้ไม่ต้องรีบร้อน พวกเขาขอไปสืบก่อนว่าหมอมู่ชอบอะไร
ส่วนอธิการบดีเจียงที่เป็นหมอหลักในการผ่าตัด จะมอบของให้ก็ไม่ดี มันดูไม่จริงใจ กลับจะเป็นการทำร้ายด้วยซ้ำ
พวกเขาจะทำให้การตอบแทนบุญคุณเป็นการสร้างความแค้นไม่ได้
ไม่รีบๆ ค่อยๆ คิด
อาจารย์อาเล็กกับมู่เถาเยาเดินออกจากห้องผู้ป่วยไปทางแผนกประสาทวิทยา
“ลุงหวัง ศิษย์พี่หยาง”
“อาจารย์ ศิษย์น้อง”
“คุณหมอเทวดาน้อย นี่คือท่านอาจารย์เหรอคะ” ภรรยาของหวังต้าฟาตื่นเต้นมาก
อาจารย์ต้องเก่งกว่านักเรียนแน่!
“ป้าหวังคะ นี่อาจารย์อาเล็กของหนูค่ะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู”
หวังต้าฟากับภรรยาตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม
อาจารย์อาเล็กอดพูดไม่ได้ว่าเขาไม่ถนัดด้านประสาทวิทยา
เขาฟังอาการคนไข้จากเสี่ยวเยาเยา แต่มันไม่ใช่ด้านที่เขาถนัดจริงๆ !
“ลุงหวังคะ อาจารย์อาเล็กของหนูเป็นศัลยแพทย์ค่ะ แต่อาการของคุณลุงต้องหาหมอแผนกประสาทค่ะ” มู่เถาเยาจำเป็นต้องอธิบาย
สองสามีภรรยาเงียบไปชั่วขณะ ไม่นานก็ขอบตาแดงก่ำ
อาจารย์อาเล็กกับหยางหยางลอบถอนหายใจพร้อมกัน
หมอไม่ใช่เทพ ย่อมมีเรื่องที่ตัวเองทำไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีคำว่า ‘เรียนเฉพาะทาง’ เหรอเทคโนโลยีก็ไม่มีทางเจริญก้าวหน้าได้
มู่เถาเยาพูดเสียงขรึมเล็กน้อย “คุณลุงคุณป้าอย่าเพิ่งท้อใจค่ะ หนูกำลังพยายามอยู่ อย่าเพิ่งยอมแพ้ง่ายๆ นะคะ”
อาจารย์อาเล็กพยักหน้า “ใช่ครับ สภาพจิตใจสำคัญกว่าอาการป่วยเสียอีก เสี่ยวเยาเยาของเรามีพรสวรรค์ด้านการรักษาเหนือกว่าหมอเทวดาหยวนศิษย์พี่ใหญ่ของผมอีกครับ สักวันหนึ่งจะต้องรักษาโรคยากๆ ได้แน่นอน พวกคุณทำใจให้สบายแล้วตั้งใจรักษาตัวให้ดีก็พอครับ”
หยางหยาง “ใช่ครับ ถ้าพวกคุณถอดใจเสียก่อน ต่อมามีวิธีรักษาได้ แบบนั้นไม่เท่ากับทิ้งความเสียดายไว้ให้ลูกสาวของพวกคุณเหรอครับ”
พอนึกถึงลูกสาวที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ แววตาของหวังต้าฟากับภรรยาก็วูบไหว
พวกเขายังปิดบังเรื่องป่วยเอาไว้
มู่เถาเยา “โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นโรคที่ขยายอาการอย่างช้าๆ ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด กลไกของโรคก็ไม่ชัดเจน ตอนนี้เลยยังไม่มีแผนการรักษาที่เห็นผลดี แต่ช่วยยืดระยะการขยายของโรคได้…ส่วนในอนาคต ไม่มีใครบอกได้แน่นอนค่ะ”
“คุณหมอเทวดาน้อย พวกเราเชื่อฟังคุณหมอค่ะ ไม่มีทางยอมแพ้” เกิดความหวังในดวงตาของป้าหวัง
ยากแค่ไหนก็ต้องสู้มันต่อไป!
ไม่โรคก็เราต้องตายกันไปข้าง!
ดวงตาของมู่เถาเยามีรอยยิ้มเล็กน้อย
เปิดกล่องยาใบน้อยของตัวเอง หยิบหมอนรองข้อมือออกมา
หวังต้าฟารีบวางมือโดยอัตโนมัติ
มู่เถาเยาจับชีพจร แม้แต่อาจารย์อาเล็กกับหยางหยางก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย
“ดีมากค่ะ ไม่เลวร้ายลง ตำรับยาที่ให้ไปคราวก่อนได้ผลดี”
หวังต้าฟ้ากับภรรยาดีใจจนกอดกันร้องไห้
อาจารย์อาเล็กกับหยางหยางโล่งอกไปที
มู่เถาเยาเก็บหมอนรองข้อมือ ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
ไม่เลวร้ายลงเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่เห็นเค้าลางว่าจะดีขึ้น
แต่เธอไม่อยากทำพวกเขาเสียกำลังใจ อย่างไรเสียสภาพจิตใจที่ดีก็เป็นยาดีในการรักษา
เธอหยิบสมุดเขียนสั่งยาที่เป็นของสำนักแพทย์โบราณออกมาเขียนเต็มสองหน้า
“ลุงหวังคะ นี่เป็นตำรับยาที่ปรับสูตรแล้ว เอาไปกินก่อนนะคะ อีกหนึ่งเดือนหนูจะตรวจชีพจรให้ใหม่ ระหว่างนี้ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมาได้ค่ะ”
“ขอบคุณหมอเทวดาน้อยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“งั้นพวกเราไปหาซื้อยาก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
สองสามีภรรยาหันไปขอบคุณอาจารย์อาเล็กกับหยางหยางแล้วออกไป
“เสี่ยวเยาเยา โรคนี้…”
“ยังรักษาไม่ได้ค่ะ แต่อนาคตก็ไม่แน่ สักวันหนูต้องเอาชนะมันให้ได้”
อาจารย์อาเล็กกับหยางหยางต่างเชื่อมั่นในความสามารถและความตั้งใจของเสี่ยวเยาเยา
มู่เถาเยาเก็บกล่องยาใบน้อย “ศิษย์พี่หยางคะ ฉันกับอาจารย์อาเล็กกลับก่อนนะคะ”
“ได้ กลับดีๆ นะครับอาจารย์ ศิษย์น้อง”
“ค่ะ”
พอขึ้นรถเหลียงจีก็ถาม “เสี่ยวเยาเยา พวกเราไปจ่ายตลาดตอนนี้เลยไหม”
“ค่ะ ซื้อเสร็จก็ไปบ้านศิษย์พี่หญิงห้า”
เย็นนี้นัดกินข้าวกันอีกครั้ง พรุ่งนี้เธอจะกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานก่อน อาจารย์อาเล็กยังอยู่ที่เย่ว์ตูอีกหนึ่งสัปดาห์
ตอนที่พวกมู่เถาเยาไปถึง พี่เขยห้าเยี่ยหนานเฉินกำลังวาดภาพสีหมึก เพิ่งมีเค้าโครงได้นิดหน่อย
“พี่เขยห้าคะ ทำไมอยู่ๆ ถึงวาดภาพสีหมึกล่ะคะ” พี่เขยห้าขึ้นชื่อเรื่องภาพสีน้ำมันต่างหาก
“มันอิ่มตัวแล้วน่ะ เลยอยากขยายขอบเขตความคิดหน่อย”
“…อาจเพราะช่วงนี้พี่เขยห้าไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก ก็เลยขาดแรงบันดาลใจ”
“ศิษย์พี่เธอท้องอยู่ พี่ไม่กล้าไปไหนหรอก”
“ไม่งั้นไปหมู่บ้านเถาหยวนซานดีไหมคะ ศิษย์พี่หญิงห้าท้องเกินสามเดือนแล้ว นั่งเครื่องบินได้”
“ไม่ล่ะ รอคลอดเยี่ยจั๋วค่อยไปดีกว่า หน้าที่สำคัญอันดับแรกของพี่ตอนนี้คือดูแลสองแม่ลูกให้ดี งานเอาไว้ก่อนได้”
พี่เขยห้าย่อมรู้ว่าตั้งท้องระยะกลางก็นั่งเครื่องบินได้แล้ว แต่ก็ยังเป็นกังวลอยู่
เขาชอบชีวิตที่มีกันสองคน แต่ก็รอคอยชีวิตที่มีกันสามคน
“ขอฉันลองหน่อยนะคะพี่เขย”
“ได้ เอาสิ” พี่เขยห้าหลีกทางให้
เขารู้ว่ามู่เถาเยาวาดภาพเป็น แถมยังวาดได้ดีด้วย
ในสตูดิโอของเขายังมีผลงานของเธอแขวนอยู่ด้วยซ้ำ แต่เขาไม่เคยเห็นตอนเธอวาดภาพเลย
มู่เถาเยาวาดต่อจากเค้าโครงของพี่เขยห้าเมื่อครู่ เธอแต่งเติมแม่น้ำ ภูเขา ใบไผ่ ตะเกียง ชาวประมงเหวี่ยงแห นกกาน้ำจับปลา…
เธอวาดทัศนียภาพของเมืองแห่งธรรมชาติที่เคยพบเห็นลงบนกระดาษ แสดงความสามารถของตัวเอง
พี่เขยห้า อาจารย์อาเล็ก เหลียงจี ต่างตะลึง
ที่แท้การวาดภาพมันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ
นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานก็ได้ภาพวาดที่แสนงดงามแล้ว!
พี่เขยห้ากำสองมือ “เสี่ยวเยาเยา พี่เขยห้าขอยอมแพ้!”
“ฉันแค่วาดเรื่อยเปื่อยเองค่ะ”
พี่เขยห้าวางมือตรงอก
รู้สึกเสียดแทงใจยิ่งนัก
แค่วาดเรื่อยเปื่อยก็เป็นผลงานชิ้นเอกแล้ว นี่ถ้าวาดจริงจัง เธอจัดนิทรรศการผลงานคนเดียวยังได้!
พี่เขยห้าอยากสงบจิตสงบใจ แม้ไม่รู้ว่าจะไปสงบตรงไหนได้ก็ตาม
“ได้เวลาแล้ว พี่จะไปรับศิษย์พี่หญิงห้าของเธอกลับมา เสี่ยวเยาเยา ถ้ายังอยากวาดต่อก็ตามสบายเลยนะ แต่ต้องทิ้งภาพไว้ให้พี่”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งดวงตาเปล่งประกาย “ค่ะ พี่เขยขับรถระวังนะคะ ไม่ต้องรีบ”
“อืม”