ตอนที่ 341 ใครเอาเปรียบกันแน่
วันเสาร์ มู่เถาเยารับนัดอาจารย์หลี่ พาลู่จือฉินไปกินข้าวกลางวันที่บ้านครอบครัวหลี่
เหลียงจีกับปาอินไปเดินซื้อของ จึงมีแค่พวกเธอสองคนที่ไปบ้านครอบครัวหลี่
แต่ตอนพวกเธอไปถึง กู่ย่ากับหลี่อวี้เสวี่ยเพิ่งจอดรถเสร็จ
พอทุกคนทักทายกันเสร็จก็ตามอาจารย์หลี่เข้าบ้าน
“จือฉินเหมือนคนอายุสามสิบต้นๆ ไม่เหมือนคนอายุห้าสิบเลยสักนิด”
กู่ย่ายิ้มพลางพยักหน้า “นั่นสิคะ เดิมทีจือฉินก็ตัวเล็กอยู่แล้ว แถมยังเป็นหมออีก รู้จักดูแลตัวเอง ดูอ่อนเยาว์ก็เป็นเรื่องปกติ”
ลู่จือฉินยิ้มพลางยื่นของขวัญที่ตัวเองเตรียมมา “อาจารย์หลี่คะ นี่เป็นยาบำรุงผิวพรรณที่ทำจากสมุนไพรที่ฉันกับเสี่ยวเยาเยาไปเก็บมาจากในป่าเซียนโหยวค่ะ กินวันละเม็ดก่อนนอน ได้ผลดีพอควรเลยนะคะ”
กู่ย่ายิ้มกว้าง “อาจารย์หลี่รีบรับไว้เลยค่ะ นี่เป็นของดีมาก ฉันกับอวี้เสวี่ยก็กินค่ะ!”
อาจารย์หลี่รับพวกขวดเล็กๆ หลายใบไว้แล้วพูด “งั้นฉันก็ขอรับไว้หมดเลยนะ”
หลี่อวี้เสวี่ยยิ้มพูด “รับเลยค่ะรับเลย รับรองอาจารย์หลี่จะดูเด็กลงเรื่อยๆ”
อาจารย์หลี่พูดขอบคุณด้วยความดีใจ จากนั้นก็ถือของขวัญเข้าไปเก็บในห้องนอนแล้วออกมาอีกครั้ง
ใครๆ ต่างก็รักสวยรักงามทั้งนั้น ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็เหมือนกัน
หลังจากอาจารย์หลี่นั่งดื่มชาคุยกับทุกคนเสร็จก็เข้าครัวทำอาหาร
กู่ย่ากับหลี่อวี้เสวี่ยไปช่วย
เนื่องจากชาติกำเนิดในชาตินี้ ทำให้ฝีมือทำอาหารของลู่จือฉินก็ใช้ได้พอสมควร แต่วันนี้เธอเป็นแขกหลักที่ถูกเชิญมา อาจารย์หลี่จึงไม่อนุญาตให้เข้าครัวด้วย
“เสี่ยวเยาเยาพาอาจารย์สามไปเดินดูชั้นบนชั้นล่างทุกซอกทุกมุมดูนะ เข้าได้ทุกที่เลย ประตูไม่ได้ล็อก ถ้าอยากจะเล่นพิณก็ได้นะ ไม่มีอะไรที่ห้ามดูหรือห้ามแตะจ้ะ”
“ได้ค่ะ”
มู่เถาเยาขานรับแล้วพาลู่จือฉินเดินชมตั้งแต่ชั้นหนึ่งถึงชั้นสาม สุดท้ายไปหยุดที่ห้องพิณตรงชั้นสอง
ลู่จือฉินหัวเราะ พูดกับลูกศิษย์ “อาจารย์หลี่ท่านนี้เป็นคนที่มีอารมณ์สุนทรีย์และรู้จักดื่มด่ำกับชีวิตจริงๆ ดูพิณกับกู่เจิงพวกนี้สิ เก็บรักษามาอย่างดี หนังสือกับภาพเขียนก็มีไม่น้อย จัดวางได้ดีมากเห็นแล้วสบายตา”
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมนพลางพยักหน้า “อาจารย์หลี่อาศัยอยู่คนเดียวมาตั้งนาน แต่บ้านไม่ทรุดโทรม ชั้นบนชั้นล่างสะอาดหมดจด”
ปกติบ้านที่ไม่มีคนอยู่นานๆ มากน้อยก็ต้องมีฝุ่นหรือกลิ่นเชื้อรา หรือก็คือไม่มีกลิ่นอายของคน แต่บ้านอาจารย์หลี่ดูอบอุ่นและอ่อนโยน
ใช่ ใช้คำว่าอ่อนโยนที่ใช้กับคนมาบรรยายบ้านหลังนี้ได้
“อาจารย์หลี่เป็นคนอ่อนโยน แม้แต่พวกสิ่งของก็ยังมีกลิ่นอายบุคลิกของเธอ”
“อาจารย์ชอบไหมคะ”
“ต้องชอบอยู่แล้วเสี่ยวเยาเยา ศิษย์พี่ของเธอบอกว่าเธอดวงดีมาก อาจารย์ก็ว่าใช่ นี่คงเป็นการชดเชยจากสวรรค์ ทำให้คนรอบตัวเธอพลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “ทุกคนมีความสุขก็พอแล้วค่ะ”
ลู่จือฉินลูบผมยาวดำสลวยถึงเอวของมู่เถาเยา
“เสี่ยวเยาเยา เล่นเพลงข้าเอ่ยหน่อยไหม”
เพลงข้าเอ่ยเป็นบทเพลงที่พูดถึงชีวิตในชาติก่อนของมู่เถาเยาตั้งแต่ความสุขในวัยเด็กไปจนถึงทำสงคราม ฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ ความคาดหวังที่โลกนี้จะเท่าเทียมกัน
“อาจารย์คะ พิณกับกู่เจิงประสาน”
“ได้”
ลู่จือฉินเล่นพิณ มู่เถาเยาดีดกู่เจิง
กู่เจิงเล่นนำพิณ เรื่องราวเหมือนหวนกลับมา ความสุขในตอนไม่กี่ขวบที่สดใสดุจแสงอาทิตย์ ภาพตอนยิงธนูทำสงคราม กลองศึกลั่นรบ
ความหนักหน่วงหลังภัยพิบัติ ความคาดหวังในอนาคตเป็นเสียงพิณนำกู่เจิง ถ่ายทอดอารมณ์ในตอนนั้นออกมาได้เป็นอย่างดี
สามคนที่อยู่ในห้องครัวชั้นล่างพอได้ยินเสียงพิณกับกู่เจิงก็อดหยุดงานในมือไม่ได้
จนกระทั่งเสียงดนตรีหยุดลง หลี่อวี้เสวี่ยถึงได้พูด “ฉันเพิ่งเคยฟังเพลงนี้เป็นครั้งแรก เสี่ยวเยาเยาเก่งรอบด้านจริงๆ ค่ะ! ไม่ว่าจะเรียนอะไรก็ทำได้ดี เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทุกด้าน”
“ก่อนหน้านี้เสี่ยวเยาเยาบอกว่าด้านดนตรีจือฉินก็พอไหว ถ่อมตัวไปมากจริงๆ นี่แค่เล่นเป็นที่ไหนกัน!” กู่ย่าประหลาดใจมาก
อาจารย์หลี่ยิ้มตาหยีพูด “พิณกับกู่เจิงของฉันคงเจอเจ้าของแล้วสินะ”
“อาจารย์หลี่?” หลี่อวี้เสวี่ยกับกู่ย่าเรียกเป็นเสียงเดียวกัน
อาจารย์หลี่ส่ายมือ “ฉันเอาตัวที่เล่นในคณะไปตัวเดียวก็พอแล้ว ถึงฉันจะมีหลานชายหลานสาว แต่เด็กๆ เหมือนพ่อของพวกเขา หลานสาวเพิ่งจะขวบเดียว ถ้าโตแล้วสนใจฉันยกตัวนั้นให้ก็ได้”
เครื่องดนตรีก็มีชีวิตเหมือนกัน หากไปอยู่ในมือคนที่ไม่สนใจมัน มันก็เสียใจเป็น
เธอจะทนปล่อยให้เป็นแบบนั้นได้อย่างไร
“หัวหน้า อวี้เสวี่ย ขอบใจทั้งสองคนนะ”
กู่ย่าพูดด้วยความจนปัญญา “อาจารย์หลี่คะ จือฉินของเราจะเอาเปรียบอาจารย์ขนาดนี้ได้ยังไงกันคะ”
ถึงแม้บ้านจะตกลงกันตามราคาท้องตลาด แต่แถมเครื่องเรือนหมดทั้งบ้าน ไหนจะแถมรถเล็กให้อีก ตอนนี้ยกพิณกับกู่เจิงให้อีก…
“พวกเครื่องเรือนราคาแพงมากก็จริง แต่ฉันใช้มาสิบกว่าปีแล้ว ยังไงก็เอาไปไม่ได้ จะให้เอาความทุ่มเทของตัวเองขายในราคาถูกก็ทำไม่ลง รถก็ใช่ว่าจะดีมากมาย ขายออกไปคงได้ไม่เท่าไร…ฉันกับจือฉินชะตาต้องกัน…ยิ่งไปกว่านั้นจือฉินกับเสี่ยวเยาเยาก็เป็นหมอทั้งคู่ วันหน้าพวกเราอาจต้องมาพึ่งพาหรือเปล่าก็ยังไม่รู้…”
ใครที่ได้ผูกมิตรกับหมอเทวดาย่อมถือเป็นกำไร
เธอไม่รู้ว่ามู่เถาเยากับลู่จือฉินฝีมือดีแค่ไหน แต่รู้ว่ามู่เถาเยาเป็นลูกศิษย์ปิดสำนักของหมอเทวดาหยวน แค่นี้ก็พอแล้ว
หลี่อวี้เสวี่ยยิ้มพูด “วันหน้าถ้าอาจารย์หลี่ต้องการความช่วยเหลือแค่บอกมาคำเดียวค่ะ”
ถ้าไม่มีเรื่องซื้อขายบ้าน วันหน้าอาจารย์หลี่อยากรู้จักเสี่ยวเยาเยาคงไม่ใช่เรื่องง่าย
ตอนนี้ดูเหมือนเอาเปรียบ แต่วันหน้าชดเชยให้ มันก็อาจเป็นโชคชะตา
ใครกล้ารับประกันได้บ้างว่าตัวเองจะอยู่ดีมีสุขไปตลอดชีวิต ไม่มีทางป่วยด้วยโรครักษายาก
ต่อให้ไม่เป็นโรคร้ายแรง แต่การได้เป็นเพื่อนกับคนในแวดวงวิทยาศาสตร์ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ
พวกเขาไม่มีใครสงสัยอนาคตอันโชติช่วงโดดเด่นของเสี่ยวเยาเยา
ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวอาจารย์หลี่ย้ายไปอยู่ที่เผ่า และเสี่ยวเยาเยาก็คือว่าที่หัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์
ใครเอาเปรียบใครแน่อีกหน่อยก็รู้
และสิ่งที่ล้ำค่ามากก็คือ อาจารย์หลี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานะของเสี่ยวเยาเยาเป็นอย่างไร แต่กลับใจดีขนาดนี้ ดังนั้นครอบครัวของเธอก็ควรค่าให้เสี่ยวเยาเยาช่วยดูแลแล้ว
อาจารย์หลี่ยิ้มกว้าง “ถ้าจำเป็นฉันเอ่ยปากแน่จ้ะ”
กู่ย่ากับหลี่อวี้เสวี่ยยิ้มพลางพยักหน้า
ทั้งสามคนทำกับข้าวด้วยกัน ไม่นานก็ได้กับข้าวห้าอย่างกับซุปมาขึ้นโต๊ะ
มู่เถาเยากินไปชมไป
เธอไม่เคยงกคำชมเรื่องของกิน
“จือฉิน ลองหาเวลานะ พวกเราไปทำเรื่องโอนบ้านก่อน”
“ฉันได้หมดค่ะ เอาที่อาจารย์หลี่สะดวกดีกว่าค่ะ ต่อให้โอนบ้านแล้วอาจารย์หลี่ก็อยู่ต่อจนกว่าจะอยากย้ายได้นะคะ ระยะนี้ฉันจะอยู่กับเสี่ยวเยาเยาก่อน บางทีอาจรอลูกศิษย์คนเล็กย้ายมามหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูเทอมหน้าถึงจะย้ายเข้ามาอยู่ค่ะ”
“จ้ะ แต่เดือนตุลาฉันก็เกษียณแล้ว พอถึงตอนนั้นครอบครัวลูกชายคงกลับมาพักด้วยสองสามวัน แล้วลูกศิษย์คนเล็กของเธอเอาบ้านเก่าไหม”
“หันซูบอกว่าเอาค่ะ ครอบครัวเธอจะมาจัดการเรื่องนี้ก่อนอาจารย์หลี่ย้ายไปค่ะ”
อาจารย์หลี่พยักหน้า “บ้านเก่าของฉันค่อนข้างไกล แต่ข้อดีคือพื้นที่เยอะ เหมาะที่จะให้คนแก่ได้ทำสวนเล็กๆ เดินออกกำลังกาย”
“ใช่ค่ะ ย่าของหันซูทำงานมาทั้งชีวิต ถ้าอยู่ๆ จะให้มานั่งนอนเฉยๆ คงไม่ชิน”
กู่ย่ายิ้มพูด “คนแก่ก็แบบนี้ มีอะไรทำใจถึงจะสงบ”
อย่างหยวนเหยี่ย พวกซย่าโหวโซ่ว มีอะไรทำทุกวัน สภาพจิตใจกับร่างกายถึงดียิ่งขึ้น