ตอนที่ 45 คนเลว
พระอาทิตย์ตอนเย็นสีแดงเข้มเหมือนกับลูกแอปเปิล เหมือนใบหน้าของเด็กสาวที่ร้อนฉ่า
โจวเจ๋อนั่งอยู่ในร้านหนังสือ กำลังจัดการบิลล็อตล่าสุด กิจการของร้านหนังสือเข้าสู่ช่วงยากจนข้นแค้น และปัญหาสำคัญอยู่ที่สมบัติของตัวเองที่สืบทอดจากสวีเล่อ มันช่างน้อยจริงๆ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะได้ส่วนแบ่งของหนังสือที่ละเมิดลิขสิทธิ์ในครั้งนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่ร้านจะไม่สามารถดำเนินกิจการได้ต่อไป
หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาลคืนนั้น โจวเจ๋อได้เผาเงินกระดาษที่เหลือทั้งหมด โจวเจ๋อนั่งยองๆ สูบบุหรี่อยู่หน้าร้านสักพักหนึ่ง และก็จริง ไม่มีคนเอาเงินมาโยนให้อีก
จากคำพูดของศพผีสาว ครั้งนี้คือการใช้ส่วนบุญป้องกันภัยพิบัติ
เงินกระดาษที่ได้จากผี ก็เท่ากับได้ส่วนบุญ ยามที่คุณจำเป็นต้องใช้เงิน สามารถนำเงิน ‘มาแลก’ ได้ ยามที่ต้องการหลบภัย ก็สามารถนำเงินมาหลบความยุ่งยากได้
อุบัติเหตุครั้งที่แล้ว ได้มีรายงานข่าวออกมา เป็นเศรษฐีคนหนึ่งจ้างฆาตกรฆ่าภรรยา
มีข่าวที่ไม่เป็นทางการระบุว่า ผู้ต้องสงสัยเหมือนจะพูดว่ามีผู้หญิงชั้นมัธยมปลายคนหนึ่ง โผล่มาซัดพวกเขาไปหนึ่งยก แน่นอนว่าอันนี้ไม่มีใครเชื่อ เพราะไม่ใช่เซเลอร์มูนเสียหน่อย
อย่างไรก็ตาม ถือว่าเรื่องนั่นจบลงแล้ว เงินกระดาษของโจวเจ๋อไม่ได้ถูกเผาอย่างไร้ประโยชน์
สวี่ชิงหล่างที่อยู่ข้างบ้านเดินเข้ามา พร้อมกับถือแก้วน้ำชาสองใบอยู่ในมือ ไลฟ์สไตล์ของเขานับวันยิ่งสูงขึ้น
เดิมทีเป็นเด็กหนุ่มขยันมีหัวคิด แต่หลังจากที่มีห้องชุดกว่ายี่สิบหลัง ในที่สุดก็เริ่มเพลิดเพลินไปกับการใช้ชีวิตที่ถดถอย
ทั้งสองคนนั่งลงข้างเคาน์เตอร์ดื่มน้ำชาด้วยกัน
“ภรรยาของคุณคนนั้น หมู่นี้เป็นยังไงบ้างครับ” สวี่ชิงหล่างถาม
“เธอพูดว่าเธออยากอยู่เงียบๆ สักพัก ขอใช้เวลาคิดหน่อย” โจวเจ๋อตอบ
ขั้นตอนการสารภาพดำเนินไปอย่างราบรื่น กระทั่งพูดได้ว่ามากจนล้นเกินไป
ความชอบของหมอหลินที่มีต่อตัวเอง มีแนวโน้มพัฒนาถึงขั้น ‘มีอาการป่วย’ อย่างหนึ่ง แต่ยังดีที่เธอยังเป็นคนที่มีสติอยู่
สวีเล่อตายแล้ว เขาโจวเจ๋อยืมศพคืนชีพ เรื่องที่น่าเหลือเชื่อหลายอย่างเกิดขึ้นตรงหน้าเธอ และคุณอยากจะให้เธอยอมรับทั้งหมด ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องอายกับ ‘สามีคนปัจจุบัน’ ควบตำแหน่ง ‘ผู้ชายในฝัน’ กับตัวเองต่อไป จึงยากลำบากนิดหน่อย
“ถือว่าไม่เลวแล้ว เธอเข้มแข็งมากกว่าที่ผมจินตนาการไว้เสียอีก” สวี่ชิงหล่างหัวเราะ “คนทั่วไปคาดว่าน่าจะตกใจจนเป็นบ้าไปแล้ว”
โจวเจ๋อไม่ปฏิเสธ
สวี่ชิงหล่างเดิมทีไม่ควรรู้เรื่องนี้ แต่เห็นได้ชัดว่ามีคนแอบเปิดเผยความลับ
และคนที่เปิดเผยความลับนี้ไม่ต้องไปหาก็รู้ว่าเป็นใคร
คนนั้นก็คือแม่นางไป๋อิงอิง
“อ้อใช่ มีเรื่องอยากถามนาย” โจวเจ๋อถามอย่างจริงจัง “ตอนที่สวีเล่อเปิดร้านก็จนขนาดนี้แล้วเหรอ”
“ไม่นะ ผมรู้ว่าเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาก แต่ก่อนที่เขาจะตาย ผมก็ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับเขาเท่าไร เป็นคนซื่อบื้อไม่ค่อยพูด ไม่น่าสนใจ แต่เขาใช้เงินเยอะมาก ผมจำได้ ตอนนั้นเขาชอบช่วยเหลือญาติพวกนั้นของเขาในร้านหนังสือเป็นประจำ และใจกว้างมาก”
สวี่ชิงหล่างพูดจบก็เหลือบตามองโจวเจ๋อ ทั้งยังแลบลิ้นออกมาเลียปาก
“แต่คุณน่าสนุกกว่า”
เผลอแป๊บเดียว ก็มีทรวดทรงองค์เอว ดวงตาหยาดเยิ้มดุจแพรไหม ทำให้จิตใจคนรู้สึกวาบหวามเสียจริง
“นายไม่ไปเป็นผู้ชายขายตัว น่าเสียดายจริงๆ เดิมทีก็เป็นผู้ชายขายตัวรุ่นพี่ได้”
“รู้จักพูดเป็นบ้างไหม” สวี่ชิงหล่างพูดด้วยความโกรธ
“นี่คือคำชม”
“เหอะ…” สวี่ชิงหล่างยื่นมือชี้ไปที่โจวเจ๋อ “คุณเป็นห่วงตัวเองจะดีกว่า”
“เกี่ยวอะไรกับฉัน” โจวเจ๋อยื่นมือชี้ไปที่ร้านหนังสือ “ช่วงนี้กิจการไม่ค่อยดี เจอคนเป็นมาไม่ถึงสองสามคนก็ยังพอไหว แต่นี่แม้แต่ผีก็แทบไม่มี”
“คุณกับภรรยาที่เป็นหมอของคุณไม่คิดจะพัฒนาอะไรกันเหรอ ผมรู้สึกว่าเธอแค่ต้องการเวลาทำใจสักพักจากนั้นก็สามารถรับได้ อย่างไรเสียเธอก็เป็นผู้หญิงประเภทนั้น พูดตามจริง คุณได้กำไรแล้ว มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าในยุคนี้ยังมีผู้หญิงนิสัยเหมือนสาวโบราณแบบนี้อยู่ด้วย พ่อแม่ของเธอต้องเป็นคนประหลาดแน่นอน”
“อืม” โจวเจ๋อพยักหน้า พ่อตาแม่ยายของตัวเองเป็นคนแปลกมากจริงๆ
พ่อตาเคยเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล และตัวท่านเองก็เคยบริหารบริษัททางการแพทย์แห่งหนึ่ง ตามหลักแล้วถือว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง กลับมีความคิดที่ดื้อรั้นหัวโบราณอย่างเห็นได้ชัด
“ผู้หญิงแบบนี้ ขอแค่คุณปราบพยศของเธอได้ เธอก็จะยอมช่วยเหลือสามีสั่งสอนบุตรให้คุณ” สวี่ชิงหล่างเผยสีหน้า ที่แสดงความใฝ่ฝัน “ผมก็อยากได้ผู้หญิงแบบนี้”
“นายก็มีแล้วนี่” โจวเจ๋อพูดซ้ำเติม
“มาพูดเรื่องของคุณดีกว่า ต่อไปคุณก็จะใช้ชีวิตกับเธอใช่ไหมครับ”
“น่าจะใช่” โจวเจ๋อเอ่ย
“อย่างนั้นก็ต้องนอนด้วยกันใช่ไหมครับ” สวี่ชิงหล่างยื่นมือที่สั่นเล็กน้อยออกมา แล้วพูดต่อว่า “ที่ผมพูดว่า ‘นอน’รวมถึงคำกริยาที่มีการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนกับตำแหน่งที่พิเศษเฉพาะอีกมากมาย คุณเข้าใจใช่ไหมครับ”
โจวเจ๋อพยักหน้า เขายังไม่รู้ว่าสวี่ชิงหล่างหมายความว่าอะไรกันแน่
“อืม ถ้างั้น ปัญหาของคุณมาแล้ว ตอนนี้คุณใช้ร่างกายของสวีเล่อ ถ้าหากพวกคุณนอนด้วยกันจริงๆ ก็หมายความว่าคุณสวมเขาให้สวีเล่อใช่ไหมครับ”
สวี่ชิงหล่างหรี่ตา เวลานี้เขาหัวเราะอย่างร้ายกาจมาก
จากนั้นโจวเจ๋อก็ตกอยู่ในภวังค์
“กระทั่งดีเอ็นเอของคุณก็ไม่ใช่ของคุณแต่เดิม แต่เป็นของสวีเล่อ หมายความว่าหลังจากที่พวกคุณผ่านขั้นตอนคำกริยา ‘นอน’ ที่ซับซ้อนด้วยกันแล้ว เด็กก็จะเกิดมา ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ลูกของคุณอีก แต่เป็นลูกของสวีเล่อกับหลินหวั่นชิว ใช่ไหมครับ”
จากนั้นโจวเจ๋อก็ครุ่นคิดอีก
สวี่ชิงหล่างยิ่งพูดยิ่งสนุก มองโจวเจ๋อใช้ความคิดต่อไป เขารู้สึกมีความสุขในใจอย่างบอกไม่ถูก!
ตอนแรกที่แม่นางไป๋สั่งให้คนใช้ยกเกี้ยวมารับตัวเอง
เป็นโจวเจ๋อที่แอบชี้นิ้วมาที่ตัวเขา
และความแค้นนี้ เขาจดบันทึกไว้ในสมุดแล้ว!
โจวเจ๋อดื่มน้ำหนึ่งทีโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน
“รู้สึกกังวลหาจุดหมายไม่เจอใช่ไหม” สวี่ชิงหล่างถาม
“คนที่รู้สึกดีก็คือตัวฉันเอง” โจวเจ๋อตอบ
สวี่ชิงหล่างขมวดคิ้ว แล้วพูดต่อ “แต่ร่างกายนี้เป็นของสวีเล่อ ตอนที่คุณกับเธอนอนด้วยกันเป็นร่างกายของสวีเล่อ”
“คนที่รู้สึกดีคือตัวฉันเอง”
“แต่ดีเอ็นเอของเด็ก…”
“คนที่รู้สึกดีคือตัวฉันเอง”
สวี่ชิงหล่างตบเคาน์เตอร์ด้วยสองมืออย่างแรง ดุว่า “แม่ง คุณจะคิดแบบมีความสุขมากไม่ได้นะ!”
“ถึงยังไงคนที่รู้สึกดีก็เป็นตัวฉันเอง สวีเล่อไอ้หมอนั่นลงนรกไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าไปอยู่นรกขุมไหน หรืออาจจะดื่มน้ำเบญจรสกลับชาติมาเกิดแล้วก็ได้ ฉันต้องสนใจทำไม ฉันมีความสุขก็พอแล้ว”
สวี่ชิงหล่างโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงโกรธ
แต่มันโกรธมากจริงๆ!
“โอเค ไม่พูดแล้ว หากพูดอีกจะกลายเป็นการถกเถียงปัญหาของจิตใจและร่างกายมากกว่า จนเกือบจะถึงระดับสูงของปรัชญาแล้ว” โจวเจ๋อแสดงให้เห็นว่าเบื่อที่จะพูดเรื่องนี้นิดหน่อย
“คุณดีใจก็พอ” สวี่ชิงหล่างพูดด้วยความขุ่นเคือง
“อ้อใช่ มีเรื่องหนึ่งอยากถามนาย” โจวเจ๋อนึกได้อีกเรื่องหนึ่ง
“ว่ามา”
“นายยังรู้จักยมทูตคนอื่นอีกไหม” โจวเจ๋อถาม
“ก่อนหน้านั้นผมใช้ชีวิตกับดวงวิญญาณของพ่อแม่ แล้วจะกล้ารู้จักยมทูตเหรอ” สวี่ชิงหล่างย้อนถาม
“โอเค ฉันรู้แล้ว”
สงสัยต้องเจียดเวลาไปดูที่วัดขงจื๊อเสียหน่อย คราวที่แล้วเขาเห็นชายชราร่างเล็กเหมือนคนแคระที่ตีฆ้องคนนั้น น่าจะเป็นพนักงานคนหนึ่งเหมือนกัน
“คุณอยากถามอะไรกันแน่” สวี่ชิงหล่างถาม
“ฉันอยากลองถามยมทูตดูว่า มีงานอะไร ประเภทไหน ที่สามารถเพิ่มเงินเดือนสวัสดิการได้บ้าง”
“น่าจะ…มีมั้ง” สวี่ชิงหล่างครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “คุณดูแม่นางไป๋สิ ยังสะสมบุญกุศลได้เลย จากผีสาวที่วนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์กลับไปนรกยังสามารถขอตำแหน่งข้าราชการได้ คุณก็น่าจะมีครับ สาวน้อยโลลิคนนั้นไม่ได้บอกคุณเหรอ”
โจวเจ๋อส่ายหน้า
“ผมก็รู้สึกว่าคุณเป็นยมทูตง่ายเกินไป ผมเดาว่า เธออาจจะมีเรื่องอื่นที่สำคัญจำเป็นต้องไปจัดการ ดังนั้นเลยมอบหน้าที่นี้ให้คุณรับมือชั่วคราว”
“ความหมายของนายคือ ฉันเป็นแค่พนักงานชั่วคราวจริงๆ เหรอ”
“เหอะๆ รอเธอทำธุระกลับมาก่อน คุณน่าจะถูกบังคับให้ย้ายรัง ถึงตอนนั้นถ้าหากเธออารมณ์ดี เธออาจจะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ถ้าหากเธออารมณ์ไม่ดี แล้วจับคุณไปลงนรกก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน”
“เธอไปจัดการเรื่องอะไรกันแน่” โจวเจ๋อพึมพำกับตัวเอง
จากนั้นในหัวของโจวเจ๋อก็มีภาพของเด็กหนุ่มที่นั่งซดข้าวต้ม ตอนที่อยู่ในไลฟ์สดของช่องนักพรตเฒ่าผุดขึ้นมา
เมืองหรงเฉิง ร้านขายของจิปาถะสำหรับคนตาย?
แล้วลองคิดปะติดปะต่อกันถึงการตอบสนองของสาวน้อยโลกลิ ตอนที่ได้ยินตัวเองพูดถึงเมืองหรงเฉิง
ดูเหมือนว่า จะมีความเป็นไปได้จริงๆ
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ตัวเองตอนนี้มีฐานะเป็นพนักงานชั่วคราว จะยอมกลับไปใช้ชีวิตของคนไร้สำมะโนครัวง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด มันไม่สบายเลย
สวี่ชิงหล่างกลับไปที่ร้านของตัวเอง ก่อนจะไป ได้พูดกับโจวเจ๋อว่า “สุขสันต์วันเทศกาลโคมไฟ”
โจวเจ๋อก็กำลังเก็บของ ขณะเดียวกันได้กำชับไป๋อิงอิงให้ออกไปซื้อบุหรี่สองสามซองกับขนมบัวลอยกลับมาให้ตัวเอง เขาต้องเปลี่ยนแผน คืนนี้จะไปคุยกับชายชราร่างเล็กเหมือนคนแคระที่วัดขงจื๊อ
และในตอนนี้เอง ประตูร้านหนังสือก็ถูกผลักออก คนที่เดินเข้ามาเป็นผู้ชายที่สวมเสื้อกันหนาวขนเป็ดสีขาว
“พี่อาเล่อ! ผมมารับพ่อออกจากโรงพยาบาล”
โจวเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อย ในหัวเริ่มใช้ความคิด และพอจะเดาฐานะของผู้ชายคนนี้ออกอยู่บ้าง น่าจะเป็นลูกของลุงตัวเอง อายุน้อยกว่าตัวเองเล็กน้อย น่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับสวีเล่อ
สวีต้าชวนมาเยี่ยมตัวเองในเมืองเมื่อครั้งที่แล้ว ตอนกลับเกิดอุบัติเหตุกระดูกหักเล็กน้อย หลังจากโจวเจ๋อไปเยี่ยมเขาครั้งหนึ่งแล้ว ค่ารักษาพยาบาลอะไร หมอหลินเป็นคนจ่ายสำรองไปก่อน เขาเลยไม่ได้เป็นห่วงอะไรมากมายนัก
“สวัสดี” โจวเจ๋อขานรับอย่างเฉยชาเล็กน้อย
“พี่อาเล่อ ช่วงนี้ค่อนข้างขัดสน พี่ดูสิครั้งนี้พ่อล้มเจ็บ หลังจากกลับบ้านไปก็ต้องรักษาตัวอย่างน้อยสองเดือนออกไปทำงานหาเงินไม่ได้”
ลูกพี่ลูกน้องยิ้มให้โจวเจ๋อ
“ให้ค่ารักษาตัวกับลุงไปแล้ว” โจวเจ๋อเคยให้ไปบ้าง สวีต้าชวนไม่ยอมรับ แต่โจวเจ๋อก็แอบยัดใส่ในเสื้อผ้าของเขา
“อืม พี่อาเล่อ ช่วงนี้ผมมีแฟนใหม่แล้ว จึงขัดสนเล็กน้อย พี่ ช่วยน้องชายหน่อยสิ” ลูกพี่ลูกน้องเอ่ยปากขอเงินโดยตรง
“ช่วงนี้ฉันกิจการไม่ค่อยดี” โจวเจ๋อไม่อยากให้
“พี่ พี่ยังจะกล้าพูดเหรอ” น้องชายลูกพี่ลูกน้องไม่พอใจ เอ่ยว่า “เรื่องครั้งที่แล้วผมอุตส่าห์หาคนมาช่วยพี่นะ”
“เรื่องอะไร”
“พี่ ไม่มีคุณธรรมเลย เสร็จงานก็ทิ้งกันเลยเหรอ ผมจะบอกพี่นะ ผมไม่ได้หน้าด้านมาขอเงินพี่ และครึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ผมเคยมาหาพี่แล้วพูดเรื่องเงินบ้างไหม เรื่องคราวที่แล้ว คนขับรถคนนั้น รับประกันว่าจะไม่แพร่งพราย อีกอย่างเขาก็ถูกขังครึ่งปีกว่าแล้ว ผ่านไปอีกครึ่งปี ก็น่าจะถูกปล่อยตัวออกมา ถ้าเขาโง่ก็คงพูดออกมา แต่เขาปิดปากสนิท ไม่อย่างนั้นคงจากขับรถผิดกฎหมายกลายเป็นฆ่าคนโดยเจตนา น้องชายอย่างผม รอบนี้ขัดสนจริงๆ พี่ ช่วยผมสักพันสองพัน รอผมมีเงินแล้วค่อยคืนพี่ได้ไหม”
โจวเจ๋อหยิบถ้วยน้ำชาที่อยู่บนเคาน์เตอร์ขึ้นมา พอฟังถึงตรงนี้ เขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยว่า “มันเรื่องอะไรกันแน่ ฉันฟังไม่เข้าใจ”
“พี่ นี่พี่ใช้งานเสร็จก็คิดจะถีบหัวส่งใช่ไหม เมื่อครึ่งปีก่อน พี่เป็นคนให้ผมช่วยติดต่อคนขับรถบรรทุกคนหนึ่ง จ่ายเงินแล้วให้เขาขับรถชนหมอคนนั้นตาย พี่จะลืมความดีความชอบของผมไม่ได้นะ…”
“เคร้ง…”
ถ้วยน้ำชากระเบื้องที่อยู่ในมือของโจวเจ๋อตกแตกทันที
…………………………………………………………………………