ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 70 หัวใจของผมล่ะ!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 70 หัวใจของผมล่ะ!

ความตายมีความรู้สึกเป็นอย่างไร โจวเจ๋อจำได้ชัดเจน เขาในตอนแรกถูกปฏิบัติ โดยถูกผลักเข้าเตาเผาศพ และก่อนจะถึงตรงนั้น ได้ถูกเจ้าหน้าที่ของเตาเผาศพใช้ตะขอเหล็กเกี่ยวท้องของเขาเพื่อป้องกันร่างกายระเบิดตอนที่ถูกเผา

ความรู้สึกเช่นนั้น กับความรู้สึกที่ถูกเจาะทะลุหน้าอกตัวเองในตอนนี้ เหมือนกันเป็นอย่างมาก

เจ็บเหรอ แน่นอนว่าเจ็บ

แต่หลังจากที่ผ่านความเจ็บปวดอย่างรุนแรง คุณกลับรู้สึกชา เหมือนกับตอนผ่าตัดในโรงพยาบาล ถูกรมยาสลบไปครึ่งตัว พร้อมกับผ้าม่านที่ปิดกั้นสายตาของคุณเอาไว้ คุณก็พอจะสัมผัสได้ว่ามีสิ่งของบางอย่างกำลังขยับไปมาอยู่ที่ท้องของคุณ

โจวเจ๋ออยากจะต่อต้าน แต่ร่างกายตอนนี้กลับกระตุกและเข้าสู่โหมดความเงียบ แม้แต่หนังตาของเขา ก็ยังรู้สึกหนักมากในเวลานี้

ถึงแม้ว่าจะไม่สมัครใจมากเท่าไร อยากจะต่อต้านแค่ไหน แต่หนังตาก็ยังหลับลง

เมื่อค่อยๆ ลืมตาขึ้น รอบๆ มีแสงไฟสลัว และด้านหน้ามีโต๊ะยาวหินอ่อนตัวหนึ่งวางอยู่ ลวดลายซับซ้อน แต่กลับให้ความรู้สึกที่งดงาม

พอก้มหน้า โจวเจ๋อพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง นี่คือเก้าอี้ไท่ซือ เป็นเก้าอี้โบราณ และตัวเองก็กำลังเอนตัวพิงอยู่บนนั้น จากคอลงมาพันด้วยผ้าสีขาว แต่เหมือนกับผูกไว้ตอนกินข้าวมากกว่า เพื่อป้องกันน้ำซุปหกเลอะเสื้อผ้า

สองมือ ก็แยกจับมีดและส้อมสีเงิน

และด้านหน้าของตัวเอง ก็มีจานขาวสะอาดใบหนึ่งวางอยู่ บนนั้นมีเนื้อย่างหนึ่งชิ้น ควันร้อนๆ กำลังลอยขึ้นมาและรอบจานประดับด้วยมะนาวกับกะหล่ำดอก

“ท่านครับ กะหล่ำดอกผมใช้ปืนพ่นไฟทำให้สุกแล้ว เวลากินรสชาติจะเหมือนกับรสบาร์บีคิว หวังว่าท่านจะชอบครับ”

เสียงของชายชราดังอยู่ฝั่งตรงข้ามโจวเจ๋อ และยังคงสุภาพเหมือนเดิม เขากำลังหั่นสเต็ก ใส่ปากตัวเองแล้วเคี้ยว

“นี่หมายความว่ายังไง” โจวเจ๋อไม่รีบร้อนกิน กลับถามไปโดยตรง

ไม่ใช่บอกว่าจะฆ่าตัวเองไม่ใช่เหรอ

“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” ชายชรายกไวน์ที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา แล้วจิบไปหนึ่งอึก

“พรึ่บ!”

ชายชรากดมือหนึ่งอยู่บนโต๊ะ แล้วผลักหนังสือรับรองเล่มนั้นไปอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ

“บัตรประจำตัวเสียหายถึงขั้นนี้แล้ว นี่คือสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงเหมือนกัน” ชายชราพูดจบ ก็หั่นสเต็กอีกหนึ่งชิ้นใส่ปากแล้วชิมรสชาติต่อ

“ดังนั้น”

“ดังนั้น ขอโทษเป็นอย่างยิ่ง ท่านตายไม่ได้ครับ” ชายชรายิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ท่านครับ ความโชคดีของท่าน ถือว่าดีมากจริงๆ”

“คุณไม่ฆ่าผมแล้วหรือ”

“ใช่ครับ ท่าน เพราะว่าบัตรประจำตัวที่เจ้านายคนก่อนทิ้งเอาไว้ ไม่สามารถแบกรับขั้นตอนการเปลี่ยนหัวหน้าคนใหม่ได้ ไม่อย่างนั้นมันก็จะแตกสลายไปเลย สูญเสียการทำงานทั้งหมด”

ชายชราส่ายหน้า ยกแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วเชิญชวนโจวเจ๋อ

“ดังนั้น ยินดีกับท่านด้วย ท่านครับ สงสัยสิ่งที่ผมพูดก่อนหน้านี้คงจะผิด วันนี้ เป็นวันโชคดีของท่านจริงๆ”

โจวเจ๋อหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา มองดูสีแดงใสที่อยู่ข้างในนี้ เขาไม่รีบดื่มแต่กลับถามว่า

“ไวน์นี้ ไม่ได้ใส่ยาพิษใช่ไหม”

“ท่านพูดตลกมากครับ”

พูดตลกเหรอ ก่อนหน้านั้นคุณพูดว่าผมเป็นเจ้านายคนใหม่ของคุณ จากนั้นนะเหรอ ก็ใช้มือข้างหนึ่งเจาะทะลุหน้าอกของฉัน! ใครกันแน่ที่พูดตลก

“ท่านครับ ลองชิมฝีมือการทำอาหารของผม ตอนที่นายท่านยังอยู่ อาหารทุกวันของนายท่านผมเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ถึงแม้จะผ่านไปนานหลายปีแล้ว ผมคิดว่าฝีมือการทำอาหารของผมไม่น่าถดถอยมากเกินไป”

“ในเนื้อก็ไม่มีพิษใช่ไหม” โจวเจ๋อยิ้มเล็กน้อยแล้วถาม

“ท่านครับ ท่านคิดมากเกินไปแล้ว สำหรับผม อยากจะฆ่าหรือทรมานท่าน จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้เหรอ”

คุณพูดมีเหตุผลมาก และไม่สามารถตอบโต้ได้จริงๆ

โจวเจ๋อใช้มีดหั่นเนื้อหนึ่งชิ้น แล้วใช้ส้อมจิ้มเนื้อใส่ปากตัวเองแล้วเคี้ยว และด้วยสัญชาตญาณอยากจะอาเจียนออกมา แต่กลับรู้สึกแปลกใจมากที่เนื้อละลายในปาก รสชาติยอดเยี่ยมมาก

และที่สำคัญที่สุดคือ ตัวเองไม่มีความรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนเลยสักนิด

“อร่อยไหมครับ” ชายชราถาม

“พอได้” โจวเจ๋อตอบ

“ถ้าอร่อยท่านก็กินเยอะๆ นะครับ ในฐานะพ่อครัวคนหนึ่ง อาหารที่ตัวเองทำผู้คนชอบ คนกินเยอะ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างหนึ่ง”

ชายชรากินสเต็กไปครึ่งจาน แล้วจึงวางมีดกับส้อม หยิบผ้าขนหนูร้อนผืนหนึ่งแล้วเช็ดมือตัวเอง

โจวเจ๋อกินเนื้ออีกสองสามชิ้น แล้วถามอีกว่า

“ต่อไป ทำยังไงครับ”

“ท่านครับ ท่านพูดตลกอีกแล้ว” ชายชราเผยสีหน้าอันมีเมตตาออกมา “กินเสร็จแล้ว ท่านก็สามารถกลับได้ ผมจะไม่จำกัดความเป็นอิสระของท่าน”

“แค่นี้ก็จบแล้วเรอะ” โจวเจ๋อรู้สึกว่าน่าขันอยู่บ้าง

“ใช่ครับ จบแล้ว” ชายชราตอบอย่างมั่นใจ

“แต่ผมยังจำได้ว่าคุณเคยพูดว่า ท่านฝู่จวินคนนั้นอยากได้คนเลวใช่ไหม”

“ใช่ครับ เป็นเช่นนั้นจริง”

“แต่เป็นเพราะว่าบัตรประจำตัวชำรุดเสียหาย ดังนั้นผมจึงได้รับข้อยกเว้นหรือ”

จริงๆ เชียว นี่เป็นเพราะความโชคดีแท้ๆ เลยใช่ไหม

“ไม่ครับ ปณิธานของท่านฝู่จวิน จะไม่มีการลดละอย่างเด็ดขาด”

“ผมไม่เข้าใจ”

“คำตอบ ก็อยู่ในใจของท่านแล้ว” ชายชราเอ่ยเตือน

“ผมเกลียดมากๆ คือวิธีการพูดเชิงลึกซึ้งของพวกพระทั้งหลาย” โจวเจ๋อเอ่ย

ชายชรายื่นมือ ตบไปที่หน้าอกของตัวเอง “ท่าน ตรงนี้ ผมก็เป็นเหมือนกัน”

สีหน้าของโจวเจ๋อพลันหม่นลง เหมือนนึกอะไรออก เขารีบก้มหน้า เปิดผ้าที่พันอยู่บนคอของตัวเอง แล้วเผยให้เห็นตำแหน่งที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง

ตรงนั้น คือความว่างเปล่า

“ตำแหน่งที่เป็นแผล ผมใช้ยาที่ดีที่สุดช่วยทาให้ท่านแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะดีขึ้น ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นใดๆ กระทั่งรอยแผลเป็นตำแหน่งอื่นๆ ตามร่างกายของท่าน ผมก็ช่วยจัดการให้ท่านแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม และไม่จำเป็นต้องเกรงใจผมครับ”

ฉันจะขอบคุณทำหอกอะไร!

“หัวใจของผมละ หัวใจของผม!” โจวเจ๋อถาม

ชายชราชี้ไปที่จานอาหารตรงหน้าโจวเจ๋อ แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ท่านพูดว่ารสชาติของมันไม่เลว”

“ปั่ก!”

โจวเจ๋อใช้มีดกับส้อมในมือตบลงบนโต๊ะ

ชายชรายกถ้วยน้ำชาขึ้นมา กลั้วปากแล้วบ้วนออกมา จากนั้นจึงค่อยๆ ลุกขึ้น

“ไม่มีหัวใจ ก็ไม่มีเรื่องให้คิดมากเกินไป ท่านก็จะใช้ชีวิตสบายขึ้น คนดี ไม่มีมโนสำนึก ต่อให้เขาดีแค่ไหนก็ไปไม่รอด ท่านคิดว่าใช่ไหมครับ”

โจวเจ๋อจับผ้าปูโต๊ะแน่นด้วยสองมือ เงยหน้าจ้องมองชายชราตาเขม็ง

“คุณฆ่าผมตอนนี้เลยจะดีกว่า”

ชายชรายิ้มเล็กน้อย “ดังนั้น ท่านตอนนี้อยากจะพูดอีกครั้งไหมครับว่า อย่าดูถูกเด็กยากจน”

และจากนั้นชายชราก็ตบหน้าอกตัวเองเบาๆ พ่นลมหายใจออกมาแล้วแสร้งทำเป็นพูดว่า

“น่ากลัวจริงๆ นะครับ”

“…” โจวเจ๋อ

“ท่านครับ ท่านไม่มีโอกาสแก้แค้นผมแล้ว อายุขัยของผมได้หมดสิ้นไปนานแล้ว ตอนที่ท่านออกไปจากบ้านหลังนี้ ผมก็จะมลายหายไป”

“คุณจะลงไปนรกไหม”

“นรก ไม่มีตำแหน่งของผมแล้ว” ชายชราตอบ “นี่คือจุดจบสุดท้าย”

จากนั้น ชายชราก็ชี้ไปที่จานอาหารตรงหน้าโจวเจ๋อ

“ท่าน อยากให้ห่อกลับบ้านไหมครับ”

โจวเจ๋อลุกขึ้น ความรู้สึกว่างเปล่าตรงหน้าอก กับรูขนาดใหญ่ตรงแผลยิ่งน่าตกใจกว่า แต่เขากลับไม่ตาย หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือ เป็นร่างกายของสวีเล่อที่ยังไม่ตาย กระทั่งไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด

บาดแผล จะสมานตัวในสองสามวันไหม

จากนั้นโจวเจ๋อจึงหยิบหนังสือรับรองขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอกประตู แต่กลับหยุดเดินระหว่างทาง แล้วถามว่า

“ผมสงสัยมากว่า ท่านฝู่จวินคนนั้น เป็นใครกันแน่”

“ตั้งแต่ปีนั้นที่ท่านฝู่จวินถูกพระโพธิสัตว์หลอกให้ไปลงนรก ก็ไม่ยอมพูดชื่อของตัวเองอีกเลย”

เมื่อไม่ได้รับคำตอบ แต่โจวเจ๋อก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป จากนั้นจึงผลักประตูที่อยู่ตรงหน้า ตอนที่เขาเดินออกไปและหันกลับมา กลับพบว่าประตูที่ตัวเองเพิ่งออกมาหายไปแล้ว

และด้านหลังของตัวเอง มีแต่หลุมฝังศพร้าง

ภายในบ้าน ชายชราเก็บจานชามและอุปกรณ์รับประทานอาหารอย่างเงียบๆ แล้วจึงทำความสะอาดบ้านหลังนี้ใหม่อีกครั้ง

จากนั้นเขาก็แบมือออกมา แล้วตบโต๊ะเบาๆ

“ออกมาเถอะ”

ลิงขนทองตัวเล็กน่ารักตัวหนึ่ง ไม่รู้ว่าวิ่งออกมาจากทางไหน กระโดดขึ้นมาบนโต๊ะ เกาหูเกาแก้มต่อหน้าชายชราอย่างน่ารักมาก

เพียงแต่ร่างกายของเจ้าลิงตัวนี้เหมือนเป็นภาพลวงตา ไม่มีตัวตนอยู่จริง

“ถึงแม้จะพูดว่า กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา แต่เรื่องของเจ้าในครั้งนี้ ทำเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าผลสุดท้าย จะตกอยู่ที่ตัวของเด็กทารกคนนั้น มัน ก็ไม่ใช่คนที่เจ้าต้องไปแก้แค้น หากต้องหาเหตุและผล ก็จงปฏิบัติตามเหตุและผล หากทำได้ดังนี้ เจ้าที่เป็นเดรัจฉาน เหตุใดถึงต้องตามหาวิถีแห่งมรรคด้วยเล่า กิน ดื่มๆ เกิด แก่ เจ็บ ตาย คือสิ่งที่ต้องปฏิบัติตามเหตุและผลมากที่สุดไม่ใช่หรือ”

เจ้าลิงส่ายหน้าแล้วก็พยักหน้า

“อย่าโทษที่ข้ายึดวิญญาณของเจ้ามาจากเด็กทารกคนนั้น บุญกุศลทั้งสามเจี๋ยจื่อของเจ้า ถือว่าชดเชยให้เด็กทารกคนนั้นเถอะ ถึงแม้เขาจะพิการ แต่วันหลังก็จะราบรื่นเพราะเหตุนี้ กระทั่งสามารถผ่าตัดได้ในภายหลัง กลายเป็นคนปกติธรรมดา เจ้าเองก็ไม่ต้องรู้สึกว่าเสียเปรียบ เรื่องนี้ ให้จบลงแค่นี้เถอะ อีกสักพักข้าจะมอบร่างใหม่ให้กับเจ้า เจ้าก็ออกไปได้ อยากจะบำเพ็ญเพียรใหม่ หรืออยากจะอยู่เล่นบนป่าเขาที่นี่ก็ได้ แต่อย่าทำเรื่องอย่างในวันนี้อีก มนุษย์บำเพ็ญกุศลล้วนมีห้าโรคสามขาด นับประสาอะไรกับเจ้าที่เป็นเดรัจฉานตัวเล็กๆ ถือเสียว่า นี่คืออุปสรรคในการบำเพ็ญภาวนาของเจ้าก็แล้วกัน”

พูดจบ ชายชราก็เปิดประตูข้างใน

ภายในห้องเล็กๆ แห่งนี้ไม่มีการตกแต่งใดๆ มีเพียงภาพวาดหมึกจีนภาพหนึ่งแขวนอยู่บนกำแพง

ภายในภาพ มีภูเขาสูงตระหง่านลูกหนึ่ง ทิวทัศน์งดงาม แบ่งเวลาตอนเช้าและตอนเย็นอย่างชัดเจน!

และมีผู้ชายคนหนึ่งสวมมงกุฎสีม่วงกับชุดคลุมสีเหลืองยืนอยู่บนยอดเขา

ภาพวาดมีสีเหลืองซีด และคนในภาพก็เดินห่างออกไปไกลมาก มีเพียงภูเขาที่สวยงามตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นและเมื่อมองไปแล้วภูเขาลูกอื่นกลับเล็กมาก

“ท่านฝู่จวิน เรื่องที่ท่านสั่ง ข้าน้อยทำเสร็จแล้วครับ” ชายชราคุกเข่าตรงภาพวาด

จากนั้นภาพที่จากลาในอดีตก็ผุดขึ้นมาในหัวของชายชราอีกครั้ง

“เจ้าเนี่ยนะ ตายช้าๆ หน่อย ฝืนอีกนิด คอยช่วยข้าสอดส่องดูว่า บัตรประจำตัวนี้ สุดท้ายจะตกอยู่ในมือของผู้ใด ถ้าหากเป็นคนดี ก็จัดการให้ข้าที แล้วเปลี่ยนคนใหม่! ข้าดันไปหลงเชื่อพระที่ชั่วร้ายพวกนั้น เชื่อคำพูดซี้ซั้ว ตราบใดที่นรกยังไม่ว่าง จะไม่ขอสำเร็จพุทธภูมิ สุดท้ายก็ล้มเหลวทั้งหมด! คนที่ได้บัตรประจำตัวของข้า จะเป็นคนดีไม่ได้อีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะนอนตายตาไม่หลับ!”

“นายท่าน อะไรคือคนดี อะไรคือคนไม่ดีเหรอครับ คนดีอาจจะทำเรื่องชั่ว แต่คนเลวก็อาจจะทำเรื่องดีได้เหมือนกัน การแบ่งแยกความดีความชั่ว ข้าน้อยโง่เขลา เกรงว่าจะทำให้คำสั่งของท่านจะเสียการ”

“อุวะ พูดอะไรซับซ้อนอ้อยอิ่งแบบนั้น ถ้าเจ้ารู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเลว ก็ฆ่าไปเลย”

“ครับ ข้าน้อยจะปฏิบัติตามคำสั่ง”

“เขาเป็นคนดีหรือ”

ภายในห้อง ชายชราที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พูดพึมพำกับภาพวาด

“เขาเป็นคน ‘ดี’ จริงๆ ครับ แต่ในสายตาของผม เป็นคน ‘เลว’ ” ชายชราพูดไปเรื่อยๆ พร้อมกับใบหน้าของเขาที่เริ่มหม่นลง ใบหน้ากับมือเริ่มมีขนสีเหลืองงอกยาวออกมา ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว กลายเป็นหน้ามีขนและปากเหมือนเทพเหล่ยกง[1]!

นี่คือมนุษย์วานรตัวหนึ่ง!

เป็นสัตว์ที่เกิดในภูเขาไท่ซาน และปณิธานในชีวิตนี้ของมันก็คือการยกภูเขาไท่ซานขึ้นมา

ดังคำโบราณได้กล่าวไว้ว่า วานรย้ายภูเขา!

“ลูกศิษย์ลูกหาของข้า บำเพ็ญเพียรสามเจี๋ยจื่อ ชอบช่วยเหลือคน ขยันบำเพ็ญตบะ แต่กลับต้องเจอเคราะห์ใหญ่ร่างกายหดเล็กแบบนี้! เขายืนในแง่มุมของมนุษย์ ไม่สนใจอะไรแล้วก็ฆ่ามันโดยตรง! ถือสิทธิ์อะไรๆ! เพียงเพราะว่าเขาเป็นคน ชาติก่อนเขาเป็นคนแค่นั้นเหรอ! ดังนั้น ขอเพียงแต่สัตว์ประหลาดคุกคามมนุษย์ ไม่ว่าถูกหรือผิด ไม่ว่าใช่หรือไม่ใช่ ก็ต้องฆ่าให้หมดเรอะ สมควรตายกันหมดหรือ”

ชายชราคุกเข่าลง สุดท้ายก็พึมพำว่า “เขามองในแง่มุมของมนุษย์ เขาเป็นคนดี ข้าน้อยยืนในมุมมองของชนเผ่าลิง เขาเป็นคนเลว เหอะๆ สุดท้ายกลับไม่สามารถฆ่าเขาสำเร็จได้เพราะเหตุนี้ ท่านฝู่จวิน นี่คือความหมายของท่านใช่ไหมครับ ท่านฝู่จวิน ข้าน้อยติดตามท่านมา หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีข้าน้อยคอยรับใช้อยู่ข้างกายท่าน ท่านจะต้องไม่ชินแน่เลยใช่ไหมครับ”

ชายชราสูญเสียพลังชีวิต กายร่างของมนุษย์ลิงนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วเจ้าลิงขนทองที่มีแค่ดวงวิญญาณตอนนี้ ได้วิ่งออกมา มันคุกเข่าคำนับร่างของชายชราก่อน จากนั้นก็มุดเข้าไปในเนื้อหนังของชายชรา

สักพักหนึ่ง ภายใต้เสื้อผ้าของชายชรา ก็มีลิงตัวน้อยขนาดเล็กเท่าฝ่ามือตัวหนึ่งโผล่ออกมา

“เจี๊ยกๆๆ…”

เจ้าลิงร้องเรียกติดกันสองสามที จากนั้นก็วิ่งออกไป

…………………………………………………………………………

[1]เหล่ยกงหรือลุ่ยกง เป็นเทพแห่งสายฟ้าของจีน

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท