ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 178 หลังชาวาบ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 178 หลังชาวาบ

“อมิตาภพุทธ นับว่าข้าหาเจ้าจนเจอแล้วสินะ ฮ่าๆๆ!”

หลังจากพูดประโยคนี้จบ นักพรตเฒ่าเริ่มใช้มือถูหน้าจอแรงๆ เจ้าสิ่งนี้ถูกโจวเจ๋อทำร้ายจนบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้แล้ว แม้ตอนนี้จะทะลุเข้าไปในกระจกก็ตาม แต่มันไม่ปราดเปรียวว่องไวเท่ากับเมื่อก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้เถ้าแก่สามารถทุบกระจกแล้วบีบบังคับเจ้าสิ่งนี้ออกมาได้ นักพรตเฒ่าคิดว่าตัวเองก็ทำได้เช่นกัน

เพียงแต่ว่าเมื่อถูไปเรื่อยๆ นั้น จู่ๆ นักพรตเฒ่าก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขานึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดออกไป ทันใดนั้นก็รู้สึกสันหลังเย็นวาบ จากนั้นกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

ไม่หรอกมั้ง…

มันน่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

ใช่แล้ว เป็นเพราะว่าเขาเคยได้ยินคำพูดในโทรศัพท์เข้าพอดี ดังนั้นในหัวของเขายังพอจำได้รางๆ เมื่อครู่ถึงได้โพล่งออกมาอย่างไรล่ะ

ใช่แล้ว จะต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ

ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นักพรตเฒ่าไม่กล้าคิด ไม่กล้าคิดเลยจริงๆ

ถูๆ ไถๆ ดูเผินๆ เจ้าสิ่งนี้เหมือนคราบไคลสกปรกที่ถูกถูออกมาจากตัวคนที่ไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเวลานาน นักพรตเฒ่าใช้สองนิ้วหนีบเอาไว้ จากนั้นใช้แรงดึงออกมา

“ข้าหาเจอแล้ว!”

ในขณะเดียวกัน นักพรตเฒ่าที่หายจากการอาการช็อกแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่าต้องตะโกนเรียกใครสักคน

สวี่ชิงหล่างรีบวิ่งเข้ามาทันที เมื่อเห็นนักพรตเฒ่ากำลังกุมอะไรบางอย่างในโทรศัพท์มือถือ พลันตื่นตัวขึ้นมาและรีบมาเฝ้าอยู่ข้างๆ กลัวว่าเจ้าสิ่งนี้จะหนีหายไปอีก

ในที่สุดโจวเจ๋อก็ดึงเล็บของเขาออกจากพื้นและถอนหายใจโล่งอก เมื่อก่อนเห็นคนที่อยู่ในนิยายหรือละครแนวเทพเซียนที่บ่อยครั้งแค่ยกมือขึ้นทุกสิ่งก็หายวับไป ต่อสู้จนภูเขาถล่มแผ่นดินแยกสายน้ำไหลย้อนกลับ การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งช่างน่าเกรงกลัวจริงๆ

พอมาถึงตาของตัวเองนั้นถึงได้รู้ว่า ระหว่างจินตนาการกับความเป็นจริงนั้นต่างกันอย่างลิบลับเลยจริงๆ ผ่านมาเพียงครู่เดียวเท่านั้นตัวเองกลับเหนื่อยจนปวดเมื่อยหลังเสียแล้ว

นักพรตเฒ่าดึงเจ้าสิ่งนั้นออกมา ใช้มือทั้งคู่จับมันเอาไว้อย่างแน่นหนา จริงๆ แล้วคุณไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมัน กระทั่งสองมือที่เดิมทีประกบรอยแยกเอาไว้แน่น ยังดูเหมือนว่าข้างในนั้นไม่มีอะไรอยู่เลยด้วยซ้ำ

แต่มันมีความรู้สึกบางอย่างที่กำลังกระตุ้นคุณอยู่จริงๆ ความรู้สึกเปียกๆ ลื่นๆ ออกจะเย็นๆ สักหน่อย กำลังบอกคุณอยู่ตลอดเวลาว่าในมือของคุณมีอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ

“เถ้าแก่ นี่ให้เจ้า!”

เมื่อเห็นโจวเจ๋อเดินมา นักพรตเฒ่ารีบลุกขึ้นส่งมอบ ‘เผือกร้อน’ ให้แก่โจวเจ๋อ

โจวเจ๋อยื่นมือออกไปจับ มันเป็นลูกบอลสีดำ ไม่สิ ตอนนี้ดูเหมือนเป็นเศษผ้าสีดำผืนหนึ่ง แต่เพื่อความปลอดภัย โจวเจ๋อใช้เล็บแทงทะลุตรงเข้าไปในสิ่งนั้น เหมือนกับการเสียบเนื้อย่างอย่างไรอย่างนั้น เจ้าสิ่งนี้มันมีความสามารถในการวิ่งและหลบซ่อนเก่งจริงๆ

พวกวิญญาณประเภทใดก็ตามทั้งหมดดูเหมือนจะอยู่ภายใต้การควบคุมจากเล็บของโจวเจ๋อ หลังจากที่ชายคนนี้ถูกโจวเจ๋อใช้เล็บแทงทะลุ ก็ทั้งกระโดดและดีดดิ้นไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ามันเจ็บปวดมาก

“แกเป็นตัวอะไร…”

โจวเจ๋อพูดประโยคแรกยังไม่ทันจะจบ ก็ได้ยินเพียงเสียงลูกโป่งแตก เจ้าสิ่งสีดำนั้นถูกปลายเล็บแทงจนระเบิดแตกออกมาจนกลายเป็นกลุ่มควัน

“…” นักพรตเฒ่า

“…” สวี่ชิงหล่าง

ในใจของนักพรตเฒ่าพรั่งพรูคำหยาบออกมาเป็นหมื่นๆ คำ ไม่รู้ว่าควรจะด่าออกมาดีหรือไม่ แต่ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะมีชีวิตรอดทำให้เขากลืนคำพูดในใจลงไปก้นบึ้งหัวใจ นักพรตเฒ่าได้เข้าใจมันอย่างลึกซึ้งแล้วโพล่งออกมาทันที

“เถ้าแก่ เจ้านี่มันแกร่งเกินไปแล้ว ยอมตายดีกว่ายอมแพ้”

เขาจะไม่โทษว่าโจวเจ๋อทรมานอีกฝ่ายจนตาย แม้เขาและคนอื่นยุ่งวุ่นวายกันมาตั้งนาน แต่กลับถามอะไรออกมาไม่ได้เลยสักประโยคเดียวก็ตาม

สวี่ชิงหล่างสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาอยากจะด่าใครสักคน แต่ก็คร้านจะด่าแล้ว

“โทษที” โจวเจ๋อเก้อเขินเล็กน้อย ทุกคนทุ่มเทแรงกายอย่างเต็มที่เพื่อจับเจ้าสิ่งนี้ แต่ปรากฏว่าพอมาอยู่ในกำมือของเขาดันเกิดปัญหาเสียได้ “ผมคิดไม่ถึงว่ามันจะไม่ทนมือขนาดนี้น่ะ”

ทั้งสามคนกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง บรรยากาศอึมครึมเล็กน้อย เดิมทีนึกว่าจุดเปลี่ยนของเรื่องได้ปรากฏขึ้นแล้ว ดูเหมือนจะคืบหน้าขึ้นแล้ว แต่หลังจากเสียงดัง ‘ปัง’ เสียงนั้น เรื่องราวทั้งหมดกลับไปสู่จุดเดิมอีกครั้ง

“เถ้าแก่ อย่างน้อยๆ เราก็ยังยืนยันได้เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือรีสอร์ตแห่งนี้จะต้องมีบางอย่างหลบซ่อนอยู่แน่ๆ!”

นักพรตเฒ่าพูดอย่างเอาจริงเอาจังและตั้งใจมากจนไม่รู้สึกว่า ตัวเองกำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่เลยแม้แต่น้อย

“ตอนนี้พวกเราพักผ่อนกันก่อน หรือจะไปแช่น้ำอีกรอบดี” สวี่ชิงหล่างถามขึ้น

“พักผ่อนก่อนเถอะ ตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มแล้ว ประมาณตีหนึ่งตีสองพวกเราค่อยไปแช่น้ำอีกทีแล้วกัน” โจวเจ๋อดูเวลาแล้วพูดขึ้น

ทั้งสามคนไม่ได้กลับเข้าไปพักผ่อนในห้อง เพียงแค่นอนรวมกันบนโซฟาและบนเสื่อทาทามิในห้องนั่งเล่น จริงๆ แล้วโจวเจ๋ออยากจะกลับเข้าไปนอนในห้อง แต่สวี่ชิงหล่างและนักพรตเฒ่าไม่ยอมอย่างเห็นได้ชัด ถึงอย่างไรนักพรตเฒ่าก็หน้าด้านหน้าทนอยู่แล้ว จะต้องตามติดเถ้าแก่แน่นอน สวี่ชิงหล่างนั้นแม้ปากจะบอกว่าไม่ แต่ร่างกายยังซื่อสัตย์มากเสมอ

เมื่ออยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ อย่างน้อยๆ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยังพอมีคนต่อกรด้วยกันได้บ้าง แต่ถ้าหากตัวเองอยู่คนเดียว ก็มักจะตื่นตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูก

นักพรตเฒ่าไม่ได้พูดเรื่องประโยคนั้นออกมา เพราะเขาคิดว่ามันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่เขาก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่เล็กน้อย

ราวห้าทุ่มกว่าๆ นักพรตเฒ่าตื่นเพราะปวดฉี่ เขาไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำ อย่างแรกเป็นเพราะวันนี้มีผีสิงในห้องน้ำ นักพรตเฒ่ากลัวว่าตอนที่เขากำลังฉี่อยู่ จู่ๆ ทั้งสามคนในครอบครัวนั้นจะโผล่ออกมาตามหาศีรษะบนพื้น ตอนนั้นตัวเขาอาจจะกลัวจนเสื่อมสมรรถภาพไปเลยก็ได้

อย่างที่สอง ในหนังหรือในเรื่องเล่าสยองขวัญเหตุการณ์ไม่คาดคิดส่วนใหญ่มักจะเกิดตอนที่ไปฉี่หรือปลดทุกข์เสมอ รู้ทั้งรู้ว่ามีอันตรายอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์ไปคนเดียว ในช่วงเวลาสำคัญหากยังมัวแต่พิถีพิถันให้ความสำคัญกับบางสิ่งบางอย่าง มักจะทำให้ตัวเองถูกฆ่าตาย

ดังนั้น นักพรตเฒ่าจึงเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำแร่เปล่าออกมาจากโต๊ะ เตรียมพร้อมจะปลดเปลื้องปัญหาที่ห้องนั่งเล่น

เมื่อตอนที่นักพรตเฒ่ากำลังปลดเข็มขัดกางเกงเตรียมเปิดฝาก๊อกนั้น นักพรตเฒ่าก็เห็นโจวเจ๋อลืมตามองเขาอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้าม

นักพรตเฒ่าตกใจจนหยุดเคลื่อนไหวทันที และเอ่ยด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “เถ้าแก่ เจ้าตื่นแล้วหรือ”

“ผมนอนไม่หลับ” โจวเจ๋อพูด

นักพรตเฒ่านึกขึ้นมาได้ทันที ใช่แล้ว ถ้าในตอนกลางคืนเถ้าแก่ไม่มีไป๋อิงอิงแม้จะนอนก็นอนไม่หลับ เขาลืมไปเสียสนิทเลย

โจวเจ๋อลุกขึ้นจุดบุหรี่หนึ่งมวน ก่อนจะเดินไปที่หน้าห้องนั่งเล่น หันหน้าเข้าหาห้องน้ำและชี้เข้าไปข้างในพลางพูดว่า “ผมเฝ้าอยู่ คุณเข้าไปทำธุระเถอะ”

ซึ้งใจ

ซึ้งใจมากถึงมากที่สุด

ซึ้งใจร้อยพันหมื่นแต้ม!

นักพรตเฒ่าแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เถ้าแก่เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ กลายเป็นคนที่ดูแลลูกน้องได้แล้ว กลายเป็นคนที่ห่วงใยเด็กกำพร้า แม่ม่าย และคนชราแล้ว

แม้จะรู้ความจริงเหล่านี้หลังจากผ่านไปสองชั่วอายุคนดูเหมือนจะช้าไปหน่อย แต่มัน…คุ้มค่า!

เถ้าแก่เต็มใจช่วยให้เขาฉี่ในตอนกลางคืน!

ในใจของนักพรตเฒ่าเต็มไปด้วยความสุขสม แน่นอนว่าเป็นการกระทำโดยไม่ได้ใส่ใจของโจวเจ๋อ แต่สำหรับเขานั้นมันเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก

“ได้เลย เถ้าแก่”

นักพรตเฒ่ารีบเข้าห้องน้ำทันที โดยที่ไม่ปิดประตู เมื่อยืนอยู่ริมชักโครก นักพรตเฒ่าสามารถมองเห็นโจวเจ๋อที่อยู่ในห้องนั่งเล่นได้ โจวเจ๋อเองก็มองเห็นเขา ให้ความรู้สึกว่าปลอดภัยมาก!

ความรู้สึกนี้มันยอดเยี่ยมหลายเท่า!

“เถ้าแก่จุดตะเกียง ส่องประกายประตูบ้านผีสิง ให้ผีน้อยที่หลงทางหาทางจนเจอ

เถ้าแก่จุดตะเกียง ส่องประกายอนาคตของผี ใช้แสงเพียงเล็กน้อยเพื่อทำให้ใจของผีเย็นลง…”

นักพรตเฒ่าอารมณ์ดีมาก แถมยังฮัมเพลงอีก ค่อยๆ ล้วงเอาก๊อกน้ำของตัวเองออกมาอย่างไม่รีบร้อน พร้อมกับหามุมที่สบายที่สุด จากนั้นเริ่มทำการปลดปล่อย

เมื่ออายุมากขึ้นแล้ว ก๊อกขึ้นสนิมอย่างเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้นการร้องเพลงในตอนนี้ ก็เพื่อช่วยคลายความกระอักกระอ่วนไปเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นถ้าตัวเองยืนอยู่ริมชักโครกตั้งนานแต่เถ้าแก่ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงน้ำกระเซ็นจะไม่คิดว่าแปลกหรอกหรือ

ในเวลานี้ โทรศัพท์ของโจวเจ๋อดังขั้น เมื่อก้มลงไปดูก็พบว่าเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จักเบอร์นั้น

ที่จริงแล้ว สาเหตุทั้งหมดล้วนมาจากหมายเลขที่ไม่รู้จักเบอร์นี้ มันเหมือนเชือกเส้นหนึ่งที่ลากเขาและคนอื่นๆ มายังรีสอร์ตแห่งนี้และตรวจสอบรีสอร์ตแห่งนี้ไม่หยุด

จริงอยู่ที่รีสอร์ตมีปัญหาจริงๆ แต่นั่นก็ทำให้รู้สึกว่าโดนจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา มันทำให้โจวเจ๋อรู้สึกอึดอัดและก็ไม่ชอบเอามากๆ ด้วย

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โจวเจ๋อก็ยังคงรับสายโทรศัพท์

หลังจากนั้นคำพูดที่ฟังจนเบื่อก็ดังลอดออกมาจากปลายสาย

“ช่วยฉัน…ช่วยฉัน…ฉันอยู่ที่เขาเจียงจวิน…ช่วยฉัน…ช่วยฉัน…ได้โปรด…ช่วยฉันด้วย…”

ดูเหมือนว่าคำกล่าวเปิดงานของเขาจะมีแค่คำพูดพวกนี้เท่านั้น

โจวเจ๋อรู้สึกอยากจะด่าใครสักคน ถ้าหากว่าเจ้านี่อยู่ตรงหน้าตัวเองละก็ คาดว่าโจวเจ๋อคงจะเข้าไปซัดเขาอย่างแน่นอน

ช่วยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริงๆ หน่อยจะได้ไหม

“ผมอยู่ที่เขาเจียงจวิน” โจวเจ๋อตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง

แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เหมือนเดิมแล้ว

เพราะเสียงปลายสายของอีกฝ่าย ดูเหมือนจู่ๆ ก็รู้วิธีสื่อสารขึ้นมาแล้ว

เขาเลิกพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ เหมือนแม่นางเสียงหลินในอดีตแล้ว

“จริงเหรอ…คุณมาแล้วเหรอ…มาแล้วจริงๆ เหรอ…จริงเหรอ…”

“ใช่ ผมมาแล้ว คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปช่วยคุณได้อย่างไร”

โจวเจ๋อค่อยๆ ล่อเหยื่อ และยังมีความหวังอยู่ในใจลึกๆ

“เหอะๆ…คุณมาแล้วก็ดี…ดีจัง…ดีจังเลย…ขอบคุณที่มาช่วยฉัน…จริงๆ นะ…ขอบคุณ…ฉันซึ้งน้ำใจคุณมาก…ซึ้งน้ำใจของคุณมากๆ…”

พูดคำกล่าวขอบคุณย้ำๆ ซ้ำๆ มากมาย

แต่ยังไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรเลย

โจวเจ๋อขัดจังหวะการขอบคุณที่อีกฝ่ายพูดออกมาไม่หยุด และพูดไปตรงๆ ว่า

“บอกอะไรที่เป็นประโยชน์มาบ้าง ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าผมจะกลับไปทันที”

“สิ่งที่เป็นประโยชน์…อา…ใช่แล้ว…ขอโทษที…สมองฉัน…มีปัญหานิดหน่อย…”

เรื่องนี้รู้มาตั้งนานแล้ว

“อ้อ…ฉันนึกออกแล้ว…ฉันนึกออกแล้ว…ว่าคุณจะช่วยฉันอย่างไรดี…อ้อ ไม่สิ…ช่วยพวกเรา…”

“เร็วๆ หน่อย”

“งั้นคุณก็…ยอมรับการลงโทษและทุกข์ทรมาน…แทนพวกเราที่นี่สิ…แล้วพวกเรา…แล้วพวกเราก็จะสามารถ…หลุดพ้นออกจากห้วงแห่งความทุกข์แล้ว…”

โจวเจ๋อหรี่ตาลง ในเวลานี้เอง เสียงในโทรศัพท์เร่งเร้าขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ตกใจไหม แปลกใจหรือเปล่า คุณอยากจะให้ฉันเอาไวน์แดงมาฉลองให้สักหน่อยไหม”

ไวน์แดงงั้นเหรอ

โจวเจ๋อขมวดคิ้วน้อยๆ

ในเวลานี้เอง หลังจากที่นักพรตเฒ่าปลดปล่อยอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดก็ปล่อยน้ำออกมาแล้ว เกิดเสียงดัง ‘ซู่ซ่า’

เช่นเดียวกันกับคนส่วนใหญ่ที่หลังจากนั่งอึบนโถส้วมเสร็จก็ย้อนกลับไปดูอึที่ตัวเองปล่อยออกมา

นักพรตเฒ่าก็ชินกับการก้มลงไปเหลือบดูข้างล่างของตัวเองเช่นกัน

ทันใดนั้นสีหน้าของนักพรตเฒ่าพลันเปลี่ยนไป

เขาพบว่าที่ตัวเองฉี่ออกมานั้นเป็นเลือด

เลือดสีแดง สีแดงฉาน!

……………………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท