ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 260 สัตว์โลกน่ารัก

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 260 สัตว์โลกน่ารัก

นักพรตเฒ่าไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่มาก่อน และหลายครั้งเขาก็ลืมไปว่าตัวเองเป็นนักพรตคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามแม้แต่ ‘อู๋เลี่ยงเทียนจุน (ขอเทียนจุนอำนวยพร)’ เขายังท่องเป็น ‘อมิตาภพุทธ’ ได้

เขารู้ตัวเองดี เขารู้ว่าตัวเองเป็นเพียงคนตัวเล็ก คนตัวเล็กย่อมมีวิถีชีวิตแบบคนตัวเล็ก เขาเองก็เข้าใจ ไม่เป็นไรมองเป็นเรื่องขำๆ ถือว่าเป็นการปรับปรุงชีวิต หากไม่มีจุดให้หัวเราะก็พยายามสร้างความตลกออกมา ซึ่งนับว่าเป็นจิตสำนึกของตัวเองอย่างหนึ่ง เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ นอกจากยันต์กระดาษที่ตกทอดมาจากครอบครัว เขาก็ไม่มีข้อดีอะไรเลย

แม้แต่เดดพูลที่ตอนนี้มีหน้าที่ทำความสะอาดร้านหนังสือเพียงอย่างเดียว ในสายตาของนักพรตเฒ่าก็ไม่ต่างจากพระกวาดลานในหอพระไตรปิฎกของวัดเส้าหลิน ถ้าลากออกไปก็สามารถเตะต่อยตัวเขาได้เหมือนกัน

แต่คนตัวเล็กที่ไม่สำคัญอะไรก็มีข้อดีของมัน ตอนที่ควรหนีก็หนี เวลาเจอเรื่องอะไร คนอื่นจะไม่คาดหวังให้คุณรับมืออยู่แล้ว และคุณก็ไม่ต้องรับมือ เก็บแรงเอาไว้ใช้กับตัว ไม่ต้องเป็นฮีโร่ ชีวิตยืนยาวอย่างสวยงาม นี่คือหลักการใช้ชีวิตของนักพรตเฒ่า คนทั้งโลกหัวเราะเยาะเขาดูถูกเขา แต่เขาอายุเจ็ดสิบปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน การใช้ชีวิต หรือการทำงาน เขามองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งนานแล้ว คนที่หัวเราะเยาะเขาเหล่านั้น แท้จริงแล้วไม่มีใครเข้าใจดีไปกว่าเขา และไม่ได้ใช้ชีวิตจริงๆ จังๆ เหมือนเขา

เจ้าลิงอยู่ข้างหลังเขา ยังคงสะพายกระเป๋าหนังสือใบเล็กเหมือนเดิม น้ำตาคลอเบ้า นักพรตเฒ่าใช้มือข้างหนึ่งยันเสาไฟฟ้า พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นมา บนตัวของเขากลับเต็มไปด้วยบาดแผล หัวเข่า หัวไหล่ น่อง และส่วนอื่นๆบาดแผลพวกนี้สามารถมองเห็นกระดูกสีขาวได้บางส่วน

แม้แต่ตอนที่ถูกเฉาติ่งเข้าสิงครั้งที่แล้ว นักพรตเฒ่าก็ไม่ได้บาดเจ็บหนักขนาดนี้ คนทั่วไป ตัวประกอบเล็กๆ ได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องที่ยากจะทนรับได้ อย่ามองว่าเถ้าแก่โจวเมื่อก่อนใช้วิชาอู๋ซวงทีไรต้องนอนสลบนานเป็นครึ่งเดือนเสมอ เนื้อหนังตามร่างกายแตกยับน่าเวทนายากจะทนดูได้ แต่ร่างกายของเถ้าแก่โจวไม่เหมือนคนอื่น หลังจากฟื้นขึ้นมาพักรักษาตัวระยะหนึ่งก็สามารถกระโดดโลดเต้นได้เหมือนเดิมแล้ว

นักพรตเฒ่าไม่มีสวัสดิการข้อนี้ แต่เขายังคงยืนหยัดต่อไป ยืนอยู่ด้านหน้าเจ้าลิง และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเงาดำถึงจงใจเหยียบย่ำเขาอย่างช้าๆ หรือเป็นเพราะนักพรตเฒ่าเอายันต์กระดาษแปะที่หน้าผากของตัวเองทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัว

ไม่ว่าอย่างไรเงาดำก็ไม่ได้กำจัดเขาทิ้งโดยตรง แต่กลับเลือกที่จะยื้อให้แผลยาวขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนักพรตเฒ่าก็เป็นฝ่ายถูกกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เงาดำเข้าโจมตีอีกครั้ง หน้าอกของนักพรตเฒ่าโดนหมัดอัดเข้าไปเต็มแรง ทั้งตัวของเขาเหมือนว่าวที่สายป่านขาดลอยออกไป จากนั้นกระแทกลงบนพื้น เลือดสดไหลออกจากมุมปากจนเกือบสลบไป

“แม่งเอ๊ย…ไม่งั้นก็…ฆ่าข้าให้ตายไปเลย…เจ้าทำแบบนี้…ทีละนิด…มัน…สนุกตรงไหน วกกลับไปกลับมา เข้าๆออกๆ ไม่หยุด เจ้ามองว่าเขาเป็นคนโง่เรอะ!” ถูกซัดน่วมจนสภาพดูไม่ได้ขนาดนี้แล้ว แต่นักพรตเฒ่ายังไม่ยอมแพ้เหมือนเดิม ปกติเขาเชื่อฟังคำสั่งมากยามที่อยู่ต่อหน้าโจวเจ๋อ กระทั่งเวลาทำผิดตัวเองก็จะหยิบไม้กวาดกับไม้ถูพื้นออกมา แล้วออกไปอุทิศตนเพื่อ ‘เมืองสุขาภิบาล’ แต่ครั้งนี้ นักพรตเฒ่าไม่ทำตามคำสั่งแม้แต่นิดเดียว กระทั่งมีความดื้อด้านอย่างชัดเจน

เหมือนตอนที่ซุนเสี่ยวเฉียงในเมืองหรงเฉิงเคยโน้มน้าวเขาไม่ต้องให้ทุนการศึกษากับนักเรียนเนรคุณตามภูเขาพวกนั้นอีก แต่นักพรตเฒ่าก็ยังทำตามอำเภอใจตัวเอง ดูเหมือนเป็นคนไม่มีหลักการ แต่จริงๆ แล้วก็แค่ยังไม่เจอเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องยืนหยัดเท่านั้นเอง

“อย่างนั้น…คนโง่อย่างข้าจะบอกเจ้า…ความสามารถของเจ้า…เทียบกับเถ้าแก่ของข้าแล้ว…ยังห่างอีกไกล…”

เจ้าลิงนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ นักพรตเฒ่า เกาหูเกาหน้าด้วยความร้อนใจ กระทั่งขุดโคลนในแปลงดอกไม้ออกมาก้อนหนึ่ง คิดจะฉี่ลงไปบนนั้น แต่เวลาแบบนี้ เจ้าลิงกลับฉี่ไม่ออก ยิ่งฉี่ไม่ออกก็ยิ่งร้อนใจ ยิ่งร้อนใจก็ยิ่งฉี่ไม่ออก

มันเริ่มกระโดดโหยงไปมา คิดหาวิธีแต่ยังหาไม่เจอ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นมันในชาติที่แล้ว หน้าตาดุดัน คงจะสามารถต่อสู้ได้ แต่มันในชาตินี้กลับตัวเล็กเกินไป ตอนนี้จึงยิ่งไร้ประโยชน์

เงาดำเริ่มเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เหมือนกำลังจ้องมองว่านักพรตเฒ่าจะลุกขึ้นมาไหม การเคลื่อนไหวของเขาผิดปกติจริงๆ เหมือนที่นักพรตเฒ่าเดาไว้ไม่ผิด ดูเหมือนเขากำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง

หวาดกลัวยันต์กระดาษของข้าเหรอ แต่เขาเป็นนักพรตที่ชอบโอ้อวดตัวเองไม่ใช่เรอะ ยันต์กระดาษของข้าได้ผลกับเขาหรือ นักพรตเฒ่าสับสนมึนงงอยู่บ้าง แต่งุนงงก็ส่วนงุนงง เขายังต้องลุกขึ้นมา ในเมื่อมองเจ้าลิงเป็นหลานชายแท้ๆ ของตัวเอง ดังนั้นจะตายทีหลังมันไม่ได้ ทว่านักพรตเฒ่าหมดแรงแล้วจริงๆ จึงลุกขึ้นไม่ไหว

เงาดำเดินเข้ามาแล้วหายใจโล่งอก จากนั้นเขายกมือขึ้นมา มือแคบมาก ใช่แล้ว เล็กและแคบมากจริงๆ เล็กและแคบเหมือนกระดาษใบหนึ่ง แต่กลับแหลมคมสุดๆ สามารถฉีกสับวัตถุที่ขัดขวางได้อย่างง่ายดาย

เจ้าลิงถือสมุดหยินหยาง มันโยนลงบนพื้นอย่างแรง กระทั่งใช้เท้าของตัวเองเหยียบลงไป เถ้าแก่โจวมอบสิ่งนี้ให้เจ้าลิงดูแลรักษา เจ้าลิงย่อมรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ล้ำค่าแน่นอน แต่สิ่งล้ำค่านี้กลับไม่สามารถทำประโยชน์ได้เลยในเวลาที่คับขันเช่นนี้ ความรู้สึกแบบนี้เหมือนตอนที่คุณติดอยู่ในทะเลทราย ข้างกายมีของล้ำค่าหายากสองสามกล่อง แต่กลับไม่มีน้ำสักหยด

แต่พอมันเหยียบไปเหยียบมา สมุดหยินหยางมีเสียงแมวร้องออกมาทันที จากนั้นแสงที่ไม่เหมือนกันสามสีได้พุ่งออกมากระจายไปรอบทิศ

สีดำคือแมวดำตัวหนึ่ง สีเขียวคืองูเหลือมตัวหนึ่ง สีเหลืองคือพังพอนเหลืองตัวหนึ่ง ‘สัตว์โลกน่ารัก’ ของเถ้าแก่โจวตอนนี้ได้ปรากฏตัวในที่สุด

จากนั้นเสียงของอาจารย์เจ้าจงเสียงเหมือนจะดังขึ้นข้างหู “ในป่าไม้แห่งนี้ ฤดูร้อนมาเยือน เหล่าพังพอนเหลืองเริ่มออกหาอาหาร พวกงูได้สิ้นสุดช่วงจำศีลของตัวเอง ครอบครัวขนฟูของสัตว์ล่าเหยื่อกลับขี้เกียจไม่กระปรี้กระเปร่า ในนี้ คุณสามารถเห็นสัตว์ได้หลายชนิด พวกมันพักผ่อนอยู่ที่นี่ ใช้ชีวิตที่นี่ สร้างความกลมกลืนสามัคคีและความสวยงามของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ และที่นี่ คุณยังสามารถเห็น….เอ่อจริงๆ เลย…”

เงาดำหยุดชะงักเล็กน้อย

“เจี๊ยกๆๆ!!!!” เจ้าลิงพยายามตะโกนบอกเงาทั้งสามอย่างแข็งขัน ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังพูดอะไร แต่ระหว่างสัตว์ด้วยกัน อ้อไม่ใช่ ระหว่างปีศาจด้วยกันน่าจะมีวิธีการสื่อสารและภาษาเป็นของตัวเอง ดังนั้นเจ้าลิงที่ร้อง ‘เจี๊ยกๆๆ’ พวกมันน่าจะฟังเข้าใจ

ทันใดนั้นแมวดำได้คลานเข้าหาเงาดำ เพื่อเตรียมตัวโจมตี ไม่ว่าอย่างไรสมุดหยินหยางก็ยอมรับโจวเจ๋อเป็นเจ้านายนานแล้ว ถึงแม้โจวเจ๋อผู้เป็นเจ้าของจะใช้ไม่เป็น แต่แมวดำในฐานะวิญญาณของอาวุธวิเศษรู้ดีว่าตัวเองควรทำอะไร แต่แม่ย่าแปดกับหวงอาซานกลับมีท่าทีไม่ใส่ใจ กระทั่งเดินถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่าง เพื่อบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน

“เหอะๆ ตอนนี้อยากจะขอร้องให้แม่ย่าแปดช่วยเหลือพวกเจ้าเหรอ ข้าแม่ย่าคนนี้ทำไมต้องช่วยพวกเจ้า พวกเจ้าต้องตาย คนในร้านหนังสือต้องตายให้หมดถึงจะดี!”

“ครอกฟี้ๆๆ…ครอกฟี้ๆๆ…” หวงอาซานนอนหลับต่อไป ถึงแม้มันจะเคลื่อนตัว แต่ยังคงนอนกรนอยู่ ซึ่งแสดงออกว่าไม่สนใจเรื่องนี้

เจ้าลิงโกรธมากอย่างเห็นได้ชัด ร้อง ‘เจี๊ยกๆๆ’ ต่อไป และจากประสบการณ์ที่ติดตามนักพรตเฒ่า ไม่ว่าจะเรื่องความหน้าด้านหรือพูดด้วยเหตุผล มันย่อมโดดเด่นที่สุดในหมู่ปีศาจราวกับเป็นนกกระเรียนในฝูงไก่ แต่แม่ย่าแปดกับหวงอาซานได้แต่นิ่งดูดาย

แม่ย่าแปดกระทั่งหัวเราะเยาะออกมาสองที แล้วพูดกับเงาดำว่า “ท่านนักพรต เจ้าจัดการเรื่องของเจ้า ข้าแม่ย่าคนนี้จะไม่เข้าไปแทรกแน่นอน”

นี่คือการดูคนอื่นประสบหายนะอย่างแท้จริง กระทั่งยังช่วยเชียร์และให้กำลังใจอีกด้วย

เงาดำหันหน้าเล็กน้อย กวาดตามองปีศาจที่คิดจะหนีออกจากสนามรบ จากนั้นจึงหัวเราะเยาะด้วยเสียงที่ประหลาดแล้วพูดว่า “ปีศาจ ต้องตายทั้งหมด!”

วินาทีต่อมาเสียงขลุ่ยดังขึ้น แมวดำคลานอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด หางที่ตั้งโด่ของมันกลับหดลงไป หวงอาซานกับแม่ย่าแปดก็เช่นกัน ล้มลงกับพื้นเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก

“เจ้า…เจ้าไม่มีเหตุผล…” แม่ย่าแปดพูดด้วยความโมโห

ขณะเดียวกันแม่ย่าแปดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ออกจากภูเขาครั้งนี้ เดิมทีแค่มาแก้ปัญหาของรุ่นน้อง แต่ตัวเองกลับซวยเองได้อย่างไร เริ่มจากเถ้าแก่ร้านหนังสือแห่งนั้นอยู่ดีๆ ก็เลียนแบบเรื่อง ‘ไซอิ๋ว’ ตอนปีศาจเขาเงินกับปีศาจเขาทองจับตัวเองเข้ามาอย่างไม่รู้สาเหตุ ตอนนี้กว่าตัวเองจะได้ออกมาก็ไม่ง่าย แต่ดันมาเจอนักพรตตงฉินที่ ‘ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา’

“ปีศาจ ต้องตายทั้งหมด!”

‘เปรี๊ยะ!’ เกิดรอยแยกบนตัวของแมวดำ บาดแผลนี้หมายความว่าวิญญาณของมันถูกฉีกเป็นแผลแล้ว แต่แมวดำยังคงกระโจนเข้าไปอย่างแรง กลายเป็นแสงไฟฟ้าสีดำทะลุผ่านเงาดำโดยตรง แต่เสียงขลุ่ยยังไม่หยุด เงาดำเกิดขึ้นมาใหม่จากทิศทางอื่น

“สู้เถอะ! ไม่มีตัวเลือกแล้ว เขาล็อกการเคลื่อนไหวชี่ของพวกเราแล้ว พวกเราไม่สามารถหนีได้อย่างสิ้นเชิง!”

หวงอาซานที่ ‘นอนฝันหวาน’ มาตลอดพูดเสียงต่ำ จากนั้นจึงพุ่งเข้าหาเงาดำ แม่ย่าแปดก็ไม่ลังเลอีก บุกเข้าไปโจมตีก่อน

เวลาที่ไม่มีทางเลือก ก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ ไม่สู้ก็ต้องสู้! ร่างวิญญาณของปีศาจทั้งสามตนต่อสู้กับเงาดำเป็นความชุลมุนที่ชัดเจนมาก แต่เงาดำหลังจากที่โดนฉีกร่างทุกครั้ง จะปรากฏตัวขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว หนังคนหนึ่งผืน ก็คือเขาหนึ่งคน ยิ่งหนังคนเยอะเท่าไร หมายความว่าร่างแยกของเขาก็เยอะขึ้นเท่านั้น

ร่างจริงของเขาจะต้องอยู่แถวนี้แน่นอน แต่ไม่ปรากฏตัวออกมาเลย และตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ เขาควบคุมหนังสองสามผืนเข้าห้ำหั่นกับอีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน

พละกำลังเช่นนี้เป็นความมั่นใจชนิดที่ไม่ต้องแยแสใครอย่างสิ้นเชิง ตอนแรกเขาสอนวิชานี้ให้กับสวี่ชิงหล่าง แต่เหล่าสวี่พอใจกับการฝึกฝนโดยนำวิญญาณของพ่อแม่เข้ามาสิงในหนังคนเพื่ออยู่เป็นเพื่อนตัวเองเท่านั้น หลังจากนั้นจึงกลายเป็นพ่อครัว

เสียงขลุ่ยรุนแรงมากขึ้น คุณภาพของเงาดำดูเหมือนจะดีกว่าก่อนหน้านี้ แมวดำลอยกระเด็นออกไป ร่างวิญญาณโปร่งแสงจนแทบจะมองไม่เห็น ร่างวิญญาณของหวงอาซานกับแม่ย่าแปดก็แทบจะแหลกสลายเช่นกัน

ถ้าหากสามารถหนีได้ พวกมันคงหนีไปนานแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้พวกมันหนี ความรู้สึกแบบนี้ทำให้พวกมันอึดอัด

“ยมทูตคนนั้นล่ะ เขาไปตายอยู่ที่ไหน!” แม่ย่าแปดตะโกนขึ้นมาทันที น่าตลกมากที่ตอนนี้แม่ย่าแปดเรียกหาโจวเจ๋อ ไอ้หนุ่มคนที่เธออยากจะฉีกเนื้อแล้วกินทั้งเป็น

‘วืด!’ เงาดำโจมตีเข้ามาอีกครั้ง ปีศาจที่กำลังอ่อนแรงทั้งสามจำต้องกัดฟันต่อสู้ต่อไป และนักพรตเฒ่าที่อยู่ด้านข้างก็ไอเลือดไหลไม่หยุด เจ้าลิงที่อยู่ข้างๆ เขาใช้อุ้งมือนุ่มๆ ของตัวเองเช็ดเลือดให้นักพรตเฒ่า ขณะเดียวกันอุ้งมืออีกข้างหนึ่งของเจ้าลิงก็ถือโทรศัพท์โทรหาโจวเจ๋อไม่หยุด แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเสียงที่มาจากฝั่งนั้นกลับพูดว่า “ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาโทรใหม่อีกครั้งค่ะ Sorry! The subscriber you dialed cannot be connected for the moment, please redial later…”

…………………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท