ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 289 อากาศแห้งแล้ง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 289 อากาศแห้งแล้ง

“นี่ ทำอาหาร”

ในร้านหนังสือ สาวน้อยโลลินั่งอยู่ตรงริมหน้าต่างที่เถ้าแก่โจวโปรดปรานมากที่สุด พลางถือนิตยสารเศรษฐกิจไว้ในมือของเธอและเปิดอ่านแบบสุ่มๆ ตามใจชอบ อ่านไปอ่านมา เธอหิวแล้ว ในเมื่อหิวแล้วก็ต้องกินข้าว แต่ตอนนี้โจวเจ๋อไม่ได้อยู่ในร้านหนังสือ ผีดิบงี่เง่าตัวนั้นก็ไม่อยู่

แม่ครัวยังไม่ได้สติ หญ้ายังขึ้นเดดพลูอยู่ เหลือเพียงนักพรตเฒ่าที่ยังมีชีวิตอยู่คนนี้

นักพรตเฒ่าเม้มปาก และไม่ได้สนใจเธอ ในเวลานี้เขาง่วนอยู่กับการหยิบกะละมังอาบน้ำเล็กๆ เพื่ออาบน้ำให้เจ้าลิงของเขาอยู่ เขากินมื้อค่ำระหว่างทางที่กลับมาแล้ว เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจางคนนั้นที่เลี้ยงข้าวเขานั่นแหละ

สาวน้อยโลลิอยากจะโมโหตามนิสัย

เธอรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองนับวันยิ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆ ย้อนกลับไปตอนที่โจวเจ๋ออยู่ตรงหน้าเธอในตอนแรกนั้นเป็นเพียงนกกระทาตัวน้อยเท่านั้น จะอยู่หรือตายล้วนอยู่ในกำมือของเธอ แต่ตอนนี้ ชายชราลูกกะจ๊อกที่ทำงานให้โจวเจ๋อยังกล้าเมินเธอ

เธอหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาอย่างจนปัญญา และเปิดแอปเดลิเวอรี่เตรียมจะสั่งอาหาร

‘เจี๊ยกๆๆ…’

จู่ๆ เจ้าลิงในกะละมังอาบน้ำก็กระโดดโลดเต้นขึ้นมา

‘เพียะ!’

นักพรตเฒ่าตบหัวเจ้าลิง “อาบน้ำไปอย่าดื้อ อีกหน่อยเจ้าอยากมีเห็บมีเหาขึ้นบนตัวเจ้าหรือยังไง อีกหน่อยยังต้องผสมพันธุ์ให้เจ้าอีก เวลาอันแสนมีค่าขนาดนี้ ปรากฎว่าเจ้าปล่อยให้ลิงตัวเมียใช้เวลาจับเห็บจับเหาให้เจ้าไปแล้วค่อนชีวิต ไม่รู้สึกกลัวเสียเปรียบบ้างเหรอ”

เจ้าลิงกุมหัว รู้สึกเศร้ามาก

ส่วนสาวน้อยโลลิวางโทรศัพท์มือถือลง เธอเห็นนอกประตูกระจกร้านหนังสือมีแมวสีขาวตัวหนึ่งคลานอยู่ตรงนั้น เจ้าแมวขาวน่าจะเป็นแมวป่าตัวหนึ่งละมั้ง เนื้อตัวสกปรกมอมแมม แถมยังมีบาดแผลอยู่หลายจุด

ตอนแรกสาวน้อยโลลิไม่ได้สนใจ แต่เสียงร้องของเจ้าลิงเตือนสติเธอ ทำให้เธอเหลือบมองเจ้าแมวขาวอยู่หลายครั้ง จากนั้นเธอก็พบว่ามันไม่ถูกต้อง เธอลุกขึ้นเดินไปที่ประตูแล้วเปิดประตูกระจกออก

เจ้าแมวขาวเงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยโลลิ เผยความกลัวบนใบหน้าออกมา และเริ่มฝืนสังขารที่เหนื่อยล้าของมันถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

“ปีศาจเหรอ”

สาวน้อยโลลิรีบก้มลงและอุ้มเจ้าแมวขาวไว้ในอ้อมแขนทันที จากนั้นเดินไปที่ริมเคาน์เตอร์และวางมันลงตรงนั้น สองมือจับอุ้งเท้าหน้าของเจ้าแมวขาว พลิกตัวมันกลับซ้ำไปซ้ำมาและตรวจเช็กอยู่หลายครั้ง เจ้าแมวหน้าแดงเห็นได้ชัดว่ามันอายมาก

“ตัวเมีย” สาวน้อยโลลิขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่มันปีศาจที่ไหนกัน มันเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งชัดๆ”

นักพรตเฒ่าเดินเข้ามาหลังจากเพิ่งเช็ดตัวให้เจ้าลิงเสร็จ เขากวาดตามองเจ้าแมวขาวบนเคาน์เตอร์และพูดออกมาทันที “สุนัขจิ้งจอกเหรอ”

“ใช่น่ะสิ สุนัขจิ้งจอก แต่ว่าถูกคนตัดหางทิ้งไปแล้ว แต่มันแปลกจังเลยนะ สมัยนี้สุนัขจิ้งจอกต้องเข้าร่วมประกวดความงามเหมือนสุนัขคอร์กี้ด้วยเหรอ”

จิ้งจอกขาวหันหน้ามองนักพรตเฒ่า เผยอปากเผยให้เห็นเขี้ยวของมันและส่งเสียง ‘กรร กรร กรร’ แฝงไปด้วยความหมายเชิงคุกคาม

‘เจี๊ยกๆๆ!’

เจ้าลิงเพิ่งอาบน้ำจนสะอาดหมดจดกลิ่นหอมฟุ้งกระโดดขึ้นไปบนเคาน์เตอร์ แล้วถลึงตาใส่เจ้าสุนัขจิ้งจอกกลับทันที!

นักพรตเฒ่าเผยสีหน้าครุ่นคิด คล้ายกับนึกอะไรออก รีบย่อตัวลงมามองเจ้าสุนัขจิ้งจอกบนเคาน์เตอร์ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

“คลับเหรอ”

เจ้าสุนัขจิ้งจอกพยักหน้า

“ฉิบหาย!”

นักพรตเฒ่าตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะสะดุดล้มจ้ำเบ้าลงบนพื้น

“ถูกคนทำร้าย เสียพลังไปแล้ว หางก็ไม่เหลือแล้ว เจ้ากลัวอะไรน่ะ” สาวน้อยโลลิกวาดสายตามองนักพรตเฒ่าด้วยความดูถูก พลางชี้จิ้งจอกขาวตรงหน้าและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ถ้าอยากจะตุ๋นหรือว่านึ่งหรือที่เด็ดขาดกว่านั้น จัดการโชว์ห่วยสักฉาก มันก็ทำได้เพียงปล่อยให้เจ้าทำตามใจเท่านั้น”

จิ้งจอกขาวมองสาวน้อยโลลิด้วยสีหน้าประจบเอาใจและอ้อนวอน

สุนัขจิ้งจอกมันอยู่เป็น

ผู้คนมักเรียกชายชราที่อยู่มานานและมีหลักปรัชญาชีวิตอย่างโชกโชนว่า…จิ้งจอกเฒ่า นี่ก็เป็นเหตุผลของมันด้วย

เจ้าจิ้งจอกรู้ดีว่าตัวเองต้องประจบเอาใจใครในร้านหนังสือแห่งนี้

ในความเป็นจริง มันก็ไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ หลังจากใช้ชีวิตระเหเร่ร่อน ลุ่มๆ ดอนๆ มาเป็นเวลานาน ไม่มีทางเลือกถึงได้ก้มหัวจำนน เมื่อหาร้านหนังสือแห่งนี้เจอ จึงอยากจะมาขอลี้ภัยกับโจวเจ๋อเสียหน่อย

แต่ใครจะไปรู้ว่านางมาได้ไม่ถูกจังหวะ ในเวลานี้เถ้าแก่โจวไม่ได้อยู่ในร้าน ที่ร้านมีสาวน้อยอยู่คนหนึ่ง แต่สาวน้อยคนนี้ไม่ได้เห็นสัตว์เลี้ยงน่ารักแล้วดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

“อาบน้ำให้นางหน่อย ตัวนางเหม็นจะแย่อยู่แล้ว นางมาหาโจวเจ๋อน่ะ ให้นางรอหน่อยแล้วกัน”

ท้ายที่สุดสาวน้อยโลลิตัดสินใจไม่ทำเกินหน้าที่ของตนเอง ถึงอย่างไรโจวเจ๋อที่ไม่เอาไหนคนนั้นก็มีนิสัยชอบสะสมของทำนองนี้ และชอบสะสมของสารพัดสิ่งในสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่แล้ว

“อาบน้ำเหรอ”

นักพรตเฒ่าชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเดินเข้ามา เจ้าจิ้งจอกตกใจจนถอยหลังอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าตัวสุนัขจิ้งจอกจะไม่ได้สวมเสื้อผ้าหรืออะไรเลย นับว่าแทบจะเปลือยเปล่า แต่การปล่อยให้นักพรตเฒ่าดูในเวลานี้กับปล่อยให้นักพรตเฒ่าช่วยอาบน้ำให้ทีหลัง มันเป็นแนวคิดสองอย่างที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ปีศาจจิ้งจอกที่ได้บำเพ็ญเพียรมามากกว่าหนึ่งร้อยปี และถูกบรรดาเด็กรุ่นหลังเรียกว่าบรรพบุรุษของวงศ์ตระกูล อีกทั้งในปีนั้นนางยังสามารถมีความสัมพันธ์โรแมนติกกับหยวนซื่อข่ายในชั่วข้ามคืน จะปล่อยให้นักพรตเฒ่าดูหมิ่นร่างกายของนางแบบนี้ได้อย่างไร

เมื่อคิดว่าหลังจากนี้ตัวนางจะต้องลงน้ำจนกลายเป็นเหมือนไก่ผลัดขน และต้องถูกนักพรตเฒ่าคนนี้จ้องตลอดทาง เจ้าจิ้งจอกไม่เต็มใจอย่างที่สุด

อันที่จริงนักพรตเฒ่าเองก็ไม่กล้า

บ้าเอ๊ย นี่มันปีศาจจิ้งจอกเลยนะ!

เขาเคยถูกนางสั่งสอนมาแล้วในตอนแรก แม้ว่านกฟินิกซ์ที่ถอนขนแล้วจะสู้ไก่ไม่ได้ก็ตามที แต่ใครจะยืนยันได้ว่าของพรรค์นี้จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกในอนาคต

เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้เขาจะจับนางตุ๋นกินซะ ให้นางจบเห่ไปเลย ไม่อย่างนั้นนักพรตเฒ่าก็คงไม่กล้าดูหมิ่นนางหรอก

“เอ่อ งั้นให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน ข้าจะไปซื้อข้าวให้เจ้าเองดีไหม” นักพรตเฒ่าพูดกับสาวน้อยโลลิ

สาวน้อยโลลิมีสีหน้าไม่เต็มใจ

“เถ้าแก่ค่อนข้างจะสนใจนางมากเลยนะ ตอนที่อยู่ในคลับในตอนแรก ฮี่ๆ” นักพรตเฒ่าเอ่ยพลางขยิบตาให้เจ้าจิ้งจอก

ในแววตาของเจ้าจิ้งจอกเผยความรู้สึกซาบซึ้งใจออกมา นางรู้ นักพรตเฒ่ากำลังแต่งเสริมเติมเรื่องให้นาง ดึงหนังเสือมาทำเสื้อผ้าให้นาง

“โจวเจ๋อเหรอ”

สาวน้อยโลลิมองนักพรตเฒ่าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่ากำลังถามว่า โจวเจ๋อมีความสามารถ ‘สนใจ’ ในสิ่งนั้นได้ด้วยเหรอ

“จริงแท้แน่นอน!” นักพรตเฒ่าตบหน้าอก

“ดังนั้น เจ้าเหนื่อยหน่อย ช่วยดูแลนางด้วยก็แล้วกัน”

“ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังหลอกข้า”

ถ้าโจวเจ๋อชอบปีศาจจิ้งจอกตัวนี้จริงๆ อย่างนั้นในฐานะที่เธอเป็นลูกน้อง ควรจะทำตัวดีๆ กับนางอย่างที่ควรจะเป็น การอาบน้ำให้ ก็ไม่นับว่ามีอะไร

“ข้าจะกล้าหลอกเจ้าได้อย่างไร ลองคิดดูสิ เถ้าแก่ไม่สนใจผีดิบ ไม่สนใจผู้ชาย ไม่สนใจสาวบริสุทธิ์ เขาก็ควรจะสนใจตัวอะไรสักอย่างใช่ไหมล่ะ”

“ดังนั้น เขาสนใจในตัวปีศาจงั้นเหรอ”

“ก็ไม่ซะทีเดียว เจ้าดูแม่ย่าแปดนั่นสิ ตอนแรกเถ้าแก่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกับนาง แล้วทำไมถึงยังรับนางมาล่ะ นี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ!”

สาวน้อยโลลิเผยความหวาดกลัวในดวงตา ความจริงนี้มันช่างน่ากลัวจริงๆ

หลังจากที่นักพรตเฒ่าพูดจบก็รู้สึกหวาดกลัวไปชั่วขณะเช่นกัน และหันไปมองข้างหลังอย่างไม่รู้ตัว

ฮู่ว ค่อยยังชั่ว ครั้งนี้เถ้าแก่ไม่ได้โผล่มาอยู่ข้างหลังเขาอย่างกะทันหันเหมือนผี เอ๊ะ ไม่ถูก เถ้าแก่เป็นผีอยู่แล้วนี่นา

สาวน้อยโลลิส่ายหน้าและอุ้มเจ้าจิ้งจอกเข้าไปในห้องน้ำ

นักพรตเฒ่าโอบเจ้าลิงนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ หลังจากช่วยสาวน้อยโลลิสั่งเดลิเวอรี่แล้ว ก็กินถั่วลิสงและเหล้าขาวกับเจ้าลิง แกหนึ่งเม็ดข้าหนึ่งเม็ดร่ำสุราด้วยกัน

สำหรับนักพรตเฒ่าแล้ว การทำงานในร้านหนังสือก็เท่ากับชีวิตเกษียณอายุ

ตอนแรกเขาเลือกอยู่กับเถ้าแก่คนก่อนที่หรงเฉิงก็เพื่อสัมผัสประสบการณ์ตื่นเต้นที่ได้เห็นผีเป็นประจำ

ครั้งนี้เลือกอยู่ที่ร้านหนังสือกับโจวเจ๋อต่อ ไม่ได้ตามพวกถังซือไปเซี่ยงไฮ้ด้วย ความจริงเขารู้ตัวเองดีว่า เขาแก่และก็เหนื่อยแล้ว ชีวิตที่ลุ่มๆ ดอนๆ ขึ้นเหนือจรดใต้ เจออุปสรรคมาแล้วมากมายแล้ว เจอคนรู้หน้าไม่รู้ใจมาหมดแล้ว ผีสางก็ได้เจอมาแล้ว ก็เลยอยากจะอยู่อย่างสงบสุขสักหน่อย

ใน ‘ครอบครัวปลาเค็ม’ แห่งนี้ อ้อ ไม่สิ ใน ‘ร้านหนังสือยามวิกาล’ แห่งนี้ เขาได้รับความมั่นคงปลอดภัยอย่างที่สุด ไม่น่าเบื่อแต่ก็ไม่เหนื่อย ชมอาทิตย์อัสดงแห่งชีวิตอย่างมีความสุขแค่นั้นก็พอแล้ว

‘เจี๊ยกๆๆ!’ จู่ๆ เจ้าลิงก็ร้องขึ้นมา

นักพรตเฒ่าหรี่ตาอันแดงจากการดื่มเหล้าไปเล็กน้อย พลางหยิบน้ำตาวัวขึ้นมาถู จากนั้นก็เห็นคนชรายืนอยู่หน้าประตูสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ชายหญิงช่วยประคองซึ่งกันและกันเดินเข้ามา

นักพรตเฒ่ายืนขึ้นส่งสัญญาณให้พวกเขาเดินเข้ามา จากนั้นไปเตรียมกับแกล้มสองสามอย่าง และนำมาวางเรียงไว้บนโต๊ะไม้เล็กๆ ในห้องส่วนตัวพร้อมกับรินไวน์ข้าวสามแก้ว

สองสามีภรรยาชรานั่งลงที่โต๊ะเล็กๆ นักพรตเฒ่าชูแก้วขึ้นมาและดื่มกับพวกเขาอย่างช้าๆ ทุกคนคุยเรื่องสัพเพเหระ และพูดคุยเรื่องไร้สาระที่คนวัยนี้มักจะคุยกัน

ยุคสมัยเปลี่ยนแปลง ผู้คนก็กำลังเปลี่ยนไป คนแก่ก็แก่ตัวลงไป

นักพรตเฒ่าคุยกับพวกเขาอยู่พักหนึ่งถึงได้รู้ว่าชายชราเสียชีวิตเมื่อแปดวันที่แล้ว และหญิงชราเสียชีวิตหลังชายชราไปหนึ่งวัน

ชายชรากำลังรอหญิงชรา หญิงชรากำลังไล่ตามชายชราไป หลังจากรอหญิงชราผ่านพ้นครบเจ็ดวัน สองเฒ่าก็จับมือก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน เมื่อเดินมาเรื่อยๆ ก็เดินมาถึงหน้าประตูร้านหนังสือ

นักพรตเฒ่าคุยเรื่องราวในอดีตกับพวกเขา ฟังพวกเขาพูดถึงลูก ฟังพวกเขาพูดถึงหลาน ฟังพวกเขาพูดถึงบ้านที่อาศัยอยู่ก่อนหน้านี้และบ้านที่อาศัยอยู่ในตอนนี้

นักพรตเฒ่าไม่มีลูก แต่ก็ฟังอย่างสนุกสนาน พลางโยนเต้าหู้แห้งหรือไม่ก็ถั่วลิสงเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ บ้างเป็นครั้งเป็นคราว

เติมเหล้าไปแล้วสองครั้ง ถั่วลิสงก็ใกล้หมดแล้ว ในเวลานี้ประตูห้องน้ำก็ถูกผลักเปิดออก สาวน้อยโลลิอุ้มจิ้งจอกขาวที่อาบน้ำจนสะอาดและเป่าขนแห้งเรียบร้อยเดินออกมา

สาวน้อยโลลิไม่ชอบสภาพแวดล้อมของร้านหนังสือแห่งนี้เอาเสียเลย ทั้งเจ้าลิงและเจ้าจิ้งจอกนี่ด้วย ทำอย่างกับเป็นสวนสัตว์ไปได้ อีกทั้งแต่ละตัวล้วนเป็นสัตว์คุ้มครองอันล้ำค่า ตัวที่ถูกและไม่ผิดกฎหมายเถ้าแก่โจวยังไม่พอใจที่จะรับเลี้ยง ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะมีพวกแพนด้ายักษ์ เสือโคร่งโผล่มาอยู่ในร้านหนังสือก็ได้

หลังจากปล่อยเจ้าจิ้งจอกลง สาวน้อยโลลิเดินไปที่ห้องส่วนตัวและเอื้อมมือไปเคาะประตู

“กินดื่มจนอิ่มแล้วใช่ไหม ควรออกเดินทางได้แล้ว”

ชายชราและหญิงชราลุกขึ้นพร้อมกัน จากนั้นบอกลานักพรตเฒ่า

“พี่ชาย พี่สะใภ้ เดินทางปลอดภัยนะ” นักพรตเฒ่าโบกมือให้พวกเขาเช่นกัน

สาวน้อยโลลิอ้าปากและแลบลิ้นออกมา ราวกับพรมแดงที่ปูแผ่ออกไป

“ยมโลกมีกฎระเบียบ ข้ามสู่แดนน้ำพุเหลือง…”

ชายชราจูงมือหญิงชรา พวกเขาใช้ชีวิตและประคับประคองกันมาเกือบทั้งชีวิต ตอนนี้ยังต้องประคองกันเดินต่อไปด้วยกันอีก หนทางยังอีกยาวไกล ยังต้องเดินอีกนานแสนนานเลยทีเดียว

หลังจากส่งคนทั้งสองลงไปแล้ว สาวน้อยโลลิก็เก็บลิ้นกลับไป ทั้งรู้สึกดีใจและพอใจเล็กน้อย อาศัยตอนที่เถ้าแก่โจวไม่อยู่ แอบขโมยงานของเขาไปหนึ่งแต้ม คะแนนผลงานก็ถือเป็นของตัวเธอเอง ยอดเยี่ยมที่สุด แม้แต่ตอนที่ลูบขนเจ้าจิ้งจอกก็รู้สึกว่ามันนุ่มกว่าก่อนหน้านี้มากทีเดียว

นักพรตเฒ่าถอนหายใจ กลับไปนั่งหลังเคาน์เตอร์และดื่มเหล้าต่อ เจ้าลิงกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของนักพรตเฒ่าและทุบไหล่ให้เขา

“คืนนี้คนแซ่โจวไม่กลับมาเหรอ” สาวน้อยโลลิถาม

“ใช่ สันนิษฐานว่าใช่ ไปใช้ชีวิตบนโลกของเราสองคนกับอิงอิงนู่นแล้ว”

“ปลาเค็มก็คือปลาเค็มอยู่วันยังค่ำ กะอีแค่อาศัยอยู่ในบ้านหรูหลังใหญ่ทำเหมือนกับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียเต็มประดา ปีนั้นข้า…” เอ่ยถึงตรงนี้ สาวน้อยโลลิไม่พูดต่อแล้ว ต่อให้เอ่ยถึงปีนั้นก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว

“ไม่ควรแตะต้อง ถ้าแตะต้องมากไป พระผู้เป็นเจ้าจะหาทางทำให้เจ้าสำรอกออกมาเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าสาวน้อยโลลิขรึมลงและจ้องไปที่แผ่นหลังของนักพรตเฒ่า

นักพรตเฒ่าจิบเหล้าขาวอีกครั้งและเดาะปากเบาๆ

“ตอนนี้รู้สึกว่าข้าล้ำลึกจนยากจะคาดเดาได้ใช่หรือไม่ ฮี่ๆ”

…………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน