ตอนที่ 350 ปิดผนึก!
เถ้าแก่โจวถือเจ้างั่งไว้ในมือ สายตายังจ้องเจ้างั่งในมือ มองเจ้างั่งนี่อย่างระมัดระวัง นิ้วลูบไล้เจ้างั่งนี่เบาๆ
ความรู้สึกแปลกหลาดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นเอง เป็นเพราะว่าเขาเรียกชื่อมันถูก ดังนั้นมันถึงทิ้งเจ้าจิตสำนึกในร่างไป และตั้งใจมาหาเขาเพื่อให้เป็นเจ้าของมันอย่างนั้นเหรอ
ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว ตอนแรกปากกาด้ามนี้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากจะได้เขาเป็นทาส อยากจะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิดเหมือนหญิงสาวที่มาจากสะพานไน่เหอและนักโทษคนนั้น สังเวยให้มันดูดกินเข้าไปและครอบงำ
แต่ฉากต่อๆ มาหลังจากนั้น เห็นได้ชัดว่าปากกาด้ามนี้จงใจประจบประแจงเขา เสาะแสวงหาความชอบของเขาเพื่อเอาใจเขาไม่หยุด และในที่สุดมันก็หาฉากที่ทำให้เขามีความสุขจนถึงตอนที่ตื่นจากความฝันเจอจนได้จริงๆ
ชั่วขณะหนึ่ง ในที่สุดโจวเจ๋อก็เข้าใจอย่างลึกซื้งถึงความใส่ใจอย่างยากลำบากของเจ้างั่งด้ามนี้ ในขณะเดียวกันยังเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
ทุกวันนี้มีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนมาก เขามีเพียงเรือใบลำเดียวในครอบครอง คนด้านล่างกลับมีทะเลแห่งความตายไว้ในครอบครองทั้งผืน แม้ว่านี่จะเป็นเพียงภาพลวงตา คนด้านล่างไม่ใช่เจ้าของทะเลแห่งความตายอีกแล้ว เหมือนไท่ซานฝู่จวินที่หายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว
แต่ในด้านระดับชั้นของชีวิต ในด้านความแข็งแกร่งและความอ่อนแอ และขอบข่ายด้านอื่นๆ เขาถูกถล่มจนกลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว
ยิ่งสถานการณ์แบบนี้ที่เหมือนเป็นการเปรียบเทียบมากกว่า เขาเหมือนเรือลำเล็กๆ ที่จะอับปางลงได้ทุกเมื่อ ส่วนเจ้านั่นเป็นทะเลอันกว้างใหญ่ แต่ปากกาด้ามนี้ก็ยังเลือกเขา
ซาบซึ้ง แน่ละว่าซาบซึ้ง ซาบซึ้งเสียจนโจวเจ๋ออยากจะบีบน้ำตาออกมา
ในขณะเดียวกัน ในใจยังมีความรู้สึกดีใจที่บังเอิญโชคดีอย่างสุดซึ้ง ก่อนหน้านี้ที่ถูกกดอัดให้จมอยู่ โจวเจ๋อคิดอยู่ในหัวว่าถึงจะแพ้ก็ต้องทำให้เต็มที่ ด่าให้สะใจไปสักทีหนึ่ง!
ยังดีที่เขาด่าออกไปว่าเจ้างั่ง ไม่ได้ด่าว่า เฮงซวย ตัวตลก เวรตะไล
ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จบเห่แน่นอน
‘ตูม! ตูม! ตูม!!!!!’
ทะเลแห่งความตายเริ่มปั่นป่วน ซึ่งมันหมายความว่าตอนนี้เจ้านั่นกำลังโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่
ในสายตาของมัน โจวเจ๋อเป็นแค่สุนัขเฝ้าบ้าน เป็นบ่าวรับใช้ในยามที่มันหลบซ่อนและฟื้นฟูตัวเอง บางครั้งจะตีสุนัขก็ต้องดูเจ้าของด้วย ดังนั้นเมื่อโจวเจ๋อถูก ‘รังแก’ มันก็จะออกมาช่วยแก้ปัญหา
อีกทั้งโจวเจ๋อกับมันก็หนึ่งร่วงทุกคนล่ม มันไม่อยากยอมก็ต้องยอม หลายครั้งหลายคราถูกบีบบังคับให้โผล่ออกไปช่วยตามล้างตามเช็ดตูดให้โจวเจ๋อ
แต่ตอนนี้ สุนัขเฝ้าบ้านกลับนำสิ่งที่มันอยากได้ที่สุดในตอนนี้ไป ในเวลานี้ของสิ่งนี้สำคัญกับมันมาก หากมีไว้ในครอบครองตัวมันเองก็จะฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น ถึงขนาดว่าหลังจากนี้ในอนาคตมันได้ตื่นขึ้นมาจริงๆ ก็สามารถเป็นแหล่งที่ซ่อนตัวได้
นั่นก็คือการซ่อนตัวอยู่ภายใต้เรื่องราวของปลายปากกา!
เดิมทีมันคิดว่านี่เป็นโอกาสของมัน เต๋าแห่งสวรรค์มอบของขวัญให้มันหลังจากเห็นกับตาว่ามันถูกจักรพรรดิเหลืองเนรเทศให้ไปเฝ้าทะเลแห่งความตาย จนสุดท้ายก็เสียชีวิตเพราะเหตุการณ์นั้น
แต่ตอนนี้ ทำไมปากกาด้ามนั้นถึงไปโผล่ในมือของสุนัขเฝ้าบ้านได้!
แน่นอนว่ามันโมโห และโกรธสุดๆ อีกด้วย!
นี่เหมือนกับเจ้าชายและสามัญชนคนหนึ่งตามจีบหญิงสาวคนเดียวกัน สุดท้ายแล้วหญิงสาวเลือกแต่งงานเคียงคู่ไปกับสามัญชน
นี่จะเป็นไปได้ยังไงกัน!
“เจ้ากำราบมันได้แล้วหรือ เจ้าควบคุมมันได้แล้วหรือ”
ในส่วนลึกของทะเลปรากฏกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ขึ้น เสียงนั้นลอดออกมาจากกระแสน้ำวนแฝงไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง อย่างน้อยในด้านของพลังมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
“เจ้าเอามันไป สุดท้ายแล้วมันก็เป็นของข้าอยู่ดี ลำพังสมุดหยินหยางพังๆ เล่มเดียวเจ้ายังควบคุมมันไม่อยู่เลย นับประสาอะไรกับปากกาด้ามนี้!”
เจ็บปวด เจ็บปวดจริงๆ
โจวเจ๋อขำ เห็นเจ้านี่โกรธแล้ว มันทำให้เขามีความสุขจริงๆ
“เจ้าต้านมันไม่ไหวหรอก มันจะทำให้เจ้าถลำลึกลงไป ให้ข้าเถอะ คืนมันให้ข้าเถอะ!”
“ฝันไปเถอะ”
เถ้าแก่โจวค่อยๆ ลุกยืนขึ้นจากบนเรือ
ตอนนี้ฉันยากจนมาก นอกจากเรือลำเล็กที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าแล้ว ก็เหลือแค่เจ้างั่งคนเดียว แกยังคิดจะเอามันไปอีกเหรอ
เถ้าแก่โจวมีนิสัยขี้เกียจตัวเป็นขน โดยเฉพาะชีวิตนี้หลงใหลความรู้สึกของการได้เป็นปลาเค็ม แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเถ้าแก่โจวขี้เกียจจนไม่มีพลังขับเคลื่อนและความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
เพราะชอบเป็นปลาเค็ม ดังนั้นจึงหวงแหนชีวิตแบบนี้มากขึ้นไปอีก
และด้วยเหตุนี้เลยรักชีวิตยิ่งชีพ!
หากมันเป็นชีวิตที่ย่ำแย่ สละทิ้งแล้วก็ละทิ้งไป ถูกแทนที่ก็แทนที่ไป แม้ว่าจะถูกลบทิ้งไปก็ไม่เป็นไร
แต่ตอนนี้เขามีร้านหนังสือ มีพนักงานที่สามารถอยู่กับเขาได้ทุกวัน แถมยังมีอิงอิงที่เอาใส่ใจทุกเรื่องอีกด้วย มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะยอมทิ้งชีวิตแบบนี้ไปน่ะ!
“เหอะๆ เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีความสุขไปได้สักกี่วัน เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังออกมาจากส่วนลึกของทะเล
“เดิมที ข้ายังคิดว่ารอจนข้าพร้อมก่อนแล้วค่อยตื่นขึ้น บางทีเจ้าอาจยังมีชีวิตรอดไปอีกชาติ แต่ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้าชัดๆ เวลาของเจ้าใกล้จะหมดลงแล้ว!
ไม่ต้องใช้เวลาถึงหกสิบปี จะสิบปีหรือแม้แต่หนึ่งปีก็ไม่ต้อง ภายในครึ่งปีข้าจะควบคุมร่างกายนี้โดยสมบูรณ์ ส่วนเจ้าจะถูกกำจัดให้สิ้นซาก แม้แต่ความคิดและการมีอยู่ของเจ้าข้าก็ไม่คิดจะหลอมรวมเข้ามา!”
ทะเลแห่งความตายกำลังคำรามและแผดเสียง
ครึ่งปี เหลือเพียงครึ่งปีเท่านั้นเองเหรอ
โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือเพราะช่วงนี้ใช้วิชาอู๋ซวงมากไปหน่อย ให้โอกาสกับเจ้านี่มากเกินไป ถึงทำให้เจ้านี่ฟื้นตัวได้เร็วถึงขนาดนี้ใช่ไหม
ราวกับสัมผัสได้ถึงความคิดภายในใจของโจวเจ๋อ จู่ๆ พู่กันที่เดิมทีนอนอยู่ในฝ่ามือของโจวเจ๋อตีลังกากลับหัวลอยออกไปอยู่เหนือทะเลแห่งความตาย
โจวเจ๋อหรี่ตาลงเล็กน้อย เจ้างั่งนี่คิดจะทำอะไร
วินาทีต่อมา มันเริ่มตวัดพู่กันเขียน หมึกสีเลือดเข้มข้นเหมือนจะปรากฏขึ้นกลางอากาศ
“ซี้ด…” เถ้าแก่โจวปวดจนต้องรีบคุกเข่าลงบนเรือทันที
แต่บนพื้นห้องสมุดเรือนจำในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น เลือดสดๆ ในร่างกายโจวเจ๋อถูกสูบออกมาอย่างรวดเร็ว จนทั้งตัวดูไปแล้วเหมือนจะผอมลงไปถนัดตาทันที
แน่นหน้าอก เวียนหัว หายใจหอบถี่
ในฐานะศัลยแพทย์โจวเจ๋อรู้ดีว่า นี่เป็นภาวะของการสูญเสียเลือดมากเกินไป
เมื่อเงยหน้ามองพู่กันด้านบนอีกครั้ง และนึกถึงสองคนนั้นที่เป็นหุ่นเชิดที่ถูกมันควบคุมและดูดกลืนอีกที แม้ว่าจะเป็นเจ้าของมันก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ
ถ้ายังสูบอย่างนี้ต่อไป เขาคงใกล้จะกลายเป็นมนุษย์ตัวแห้งแล้วละมั้ง
‘ตู้ม!’
พู่กันเริ่มตวัดตัวหนังสือกลางอากาศ
ทะเลแห่งความตายเริ่มปั่นป่วนโหมซัดสาด เพราะโจ๋วกับเจ้านั่นเชื่อมโยงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังนั้นเมื่อโจวเจ๋อรู้สึกอ่อนแอ เจ้านั่นก็เช่นกัน ทะเลแห่งความตายเริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็ว
ไม่สิ พูดอย่างถูกต้องคือมันกำลังระเหย
“แกคิดจะ…ทำอะไร!”
เจ้านั่นใต้พื้นผิวทะเลกำลังถาม แต่ไม่มีใครตอบ เพราะพู่กันมันพูดไม่ได้ ในฐานะที่โจวเจ๋อเป็นเจ้าของคนใหม่ โทษที ฉันที่เป็นเจ้าของยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันกำลังจะทำอะไร!
ถึงอย่างไร ความคิดของเจ้างั่งมันเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจได้จริงๆ
คำหนึ่งถูกเขียนกลางอากาศอย่างช้าๆ มันคือ ‘ผนึก’!
ตัวอักขระนี้ยังพอวินิจฉัยออกได้ง่ายมาก เพราะมันคล้ายคลึงกับอักษรจีนตัวย่อของคำว่าผนึก
คำว่า ‘ผนึก’ ที่แข็งแกร่งและทรงพลังลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นอัดลงไปข้างล่างอย่างรุนแรง!
‘ตู้ม!’
ดูเหมือนส่วนลึกของทะเลแห่งความตายถูกระเบิดแยกออก เจ้านั่นที่อยู่ข้างล่างแผดเสียงคำราม แต่เสียงแผดคำรามกลับเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนตอนสุดท้ายทะเลแห่งความตายล้วนถูกทำให้กลายเป็นน้ำแข็งไปทั้งหมด
คำว่า ‘ผนึก’ ขนาดมหึมายังลอยอยู่กลางอากาศ แต่กำลังเสื่อมสภาพลงอย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งที่อยู่ด้านล่างนั้นต่อต้านและกัดเซาะผนึกที่ขังมันไว้
ส่วนพู่กันลอยอยู่เหนือตัวอักษร เพิ่มเส้นและลบเป็นระยะๆ ราวกับผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุด กำลังเฝ้าและผนึกมันไว้
“ปิดผนึกไว้แล้วเหรอ” โจวเจ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่พู่กันไม่ตอบเขา
โจวเจ๋อทำได้เพียงตะโกนลงไปกับชั้นน้ำแข็งด้านล่าง “เฮ้ ผนึกสำเร็จหรือเปล่า ตอบกลับมาหน่อยสิ!”
ด้านล่างมีแต่ความเงียบงัน เมื่อกี้ยังแสร้งทำเป็นพวกขุนนางตระกูลสูงส่งอยู่เลย ตอนนี้ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ
ดูเหมือนว่าจะปิดผนึกได้สำเร็จแล้ว โจวเจ๋อมองใต้เท้าของเขา เรือลำเล็กของเขาก็ถูกแช่แข็งไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้เขาสามารถลงจากเรือไปเดินบนน้ำแข็งได้แล้ว
“เจ้าจะต้องเสียใจภายหลัง…”
ทันใดนั้นเสียงเจ้านั่นก็ดังสะท้อนขึ้นมาจากด้านล่างอีกครั้ง มันทำให้โจวเจ๋อสะดุ้งเฮือก
แม่งเอ๊ย ตอนที่ถามเมื่อกี้ดันแกล้งตาย จู่ๆ ก็ตอบกลับมาอย่างกะทันหันทำให้คนเขาตกใจทำไม
“ไม่มีข้า…เจ้าตายไปนานแล้ว” เสียงด้านล่างอ่อนแอมาก
นี่เป็นเรื่องจริง หลายๆ ครั้งก่อนหน้านี้หากไม่มีเจ้านี่ที่อยู่ในร่างของเขาออกโรง ตอนนี้เถ้าแก่โจวได้ลงไปรายงานตัวในนรกอีกครั้งแล้ว แน่นอนว่าวิญญาณอาจจะสลายไป ไม่มีแม้แต่โอกาสรายงานตัวเสียด้วยซ้ำ
แต่ก็เหมือนกับคำขู่ที่พูดออกมาตอนที่มันแสร้งทำเป็นเก่งก่อนหน้านี้ มันบอกแล้วว่าเหลือเวลาอีกเพียงครึ่งปีที่มันจะมาแทนที่เขา และด้วยเหตุนี้ ถ้าครั้งนี้โจวเจ๋อสามารถผนึกมันได้จริงๆ โจวเจ๋อก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่ามาก
“ข้าจะรอ…”
“รออะไร”
“รอเจ้าต้องการพลังของข้า…”
โจวเจ๋อจ้องมอง
“รอเจ้าต้องการพลังของข้า รอวันที่เจ้าปลดผนึกให้ข้าด้วยตัวเจ้าเอง! เชื่อเถอะว่าวันนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม”
‘พึ่บ…’
คล้ายกับละครเวทีที่จู่ๆ ดับไฟลงกะทันหัน รอบตัวพลันมืดสนิทในทันใด
โจวเจ๋อลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และพบว่าข้างนอกเป็นเวลารุ่งสางแล้ว เขาขดตัวพยายามจะลุกขึ้น แต่ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด ทั้งๆ ที่ไม่มีบาดแผลแต่กลับเสียเลือดมาก บวกกับก่อนหน้านี้สิ้นเปลืองพลังงานทำการต่อสู้ภายในกับจิตสำนึกในร่างของเขาไปรอบหนึ่ง เป็นผลทำให้สภาพร่างกายไม่ได้ดีไปกว่าตอนที่เป็นอัมพาตหลังจากใช้วิชาอู๋ซวงเลย
แต่ทว่า มีเสียงบางอย่างดังมาจากข้างนอก ฟ้าสว่างแล้วอีกไม่นานก็จะมีคนเข้ามาที่นี่ จนถึงตอนนั้นถ้าพวกเขาจับได้ว่ามีบุคคลภายนอกอยู่ในห้องสมุด เรื่องต่อจากนี้ก็จะยุ่งยากลำบากมาก
โจวเจ๋อพยายามดันตัวลุกขึ้นยืน ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ เขายืนขึ้นพลางจับโต๊ะเอาไว้เพื่อพยุงตัว ร่างกายยังคงสั่นเทาไม่หยุด แต่ถ้าคิดจะปีนกำแพงออกไปเหมือนตอนที่เข้ามา มันคงจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อแล้ว
“คุณถ่อมาถึงห้องสมุดเรือนจำกลางดึกเพื่อมาอ่านหนังสือลามกงั้นเหรอครับ”
น้ำเสียงคุ้นเคยดังออกมาจากตรงชั้นวางหนังสือข้างหลัง เป็นทนายอันนี่เอง
“ตอนนี้ร่างกายของคุณอ่อนปวกเปียกจริงๆ”
ทนายอันโน้มตัวลงไปพยุงโจวเจ๋อไว้
“ยังดีที่เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ ถึงได้มาดูสถานการณ์ของคุณ ไม่อย่างนั้นคุณงานเข้าแน่นอน”
ทนายอันกำลังจะช่วยพยุงโจวเจ๋อออกไป แต่สายตาของโจวเจ๋อกลับจ้องไปที่ปากด้ามนั้นบนพื้น
ปากกาด้ามจริงที่ผนึกเจ้านั่นในร่างของเขา และปากกาด้ามนี้ได้กลายเป็นของธรรมดาไปแล้ว
ทนายอันชำเลืองมองและเอื้อมมือไปเก็บปากกาขึ้นมา แล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อของโจวเจ๋อ ขณะเดียวกันก็ตบมันเบาๆ
“ตอนนี้ไปได้หรือยังครับ”
โจวเจ๋อพยักหน้าอย่างอ่อนแรง
…………………………………………………………..