ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 509 ปราบเด็กผู้ชาย!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 509 ปราบเด็กผู้ชาย!

ตามหลักแล้ว นักพรตเฒ่าน่าจะกลับไปที่ทงเฉิงนานแล้ว เขาขับรถพาหญิงสาวตัวดำกลับไป จากสวีโจวถึงทงเฉิงใช้เวลาครึ่งวันกว่าๆ ก็พอแล้ว

ตอนที่โจวเจ๋อพูดข้อมูลนี้ออกมา อิงอิงเครียดขึ้นมาทันที ทนายอันก็มีใบหน้าที่กลัดกลุ้ม ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน “เถ้าแก่แล้วน้ำดอกพลับพลึงแดงของท่านล่ะจะทำยังไง”

“แล้วน้ำดอกพลับพลึงแดงของฉันล่ะจะทำยังไง”

“..” นักพรตเฒ่าที่ขาดการติดต่อ

อืม ดูเหมือนทุกคนจะเป็นห่วงดอกพลับพลึงแดง เป็นเพราะหญิงสาวตัวดำแท้ๆ แต่ความปลอดภัยของนักพรตเฒ่ากลับไม่มีใครสนใจ

“อีกสักพักผมจะส่งวีแชตหาเหล่าสวี่ สั่งให้เขาพาเดดพูลออกไปหา เหล่าจาง คุณไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว กลับไปช่วยกันหาก่อน”

เหล่าจางได้ยินดังนั้น จึงพยักหน้าแล้วหยิบเสื้อผ้าของตัวเองเดินออกไป เขาทิ้งรถไว้ที่นี่ จอดอยู่ในลานจอดรถหน้าโรงพยาบาล จากนั้นเขาจึงนั่งแท็กซี่ไปสถานีรถไฟคนเดียว

เขาสั่งให้เหล่าจางกลับไปเป็นเพราะฐานะของเหล่าจางสะดวกมากในการตามหาคน เหล่าสวี่กับเดดพูลความสามารถในการพลิกแพลงสถานการณ์ถือว่ายังด้อยกว่าในสายตาของโจวเจ๋อ

หลังจากเหล่าจางกลับไปแล้ว โจวเจ๋อจึงเหลือบตามองทนายอันที่อยู่บนเตียงถัดไป ทนายอันเข้าใจความหมายของโจวเจ๋อ จึงพยักหน้าพูดว่า “จะว่าไป เหล่าจางคนนี้ ก็มีประโยชน์มากนะ” ถือว่ายอมรับว่าตัวเองมองผิดไป

เหล่าจางคนนี้อย่างแรกเลยเป็นคนสุขุมมั่นคง สองมีความระมัดระวัง และอาจจะมีข้อเสียเพียงข้อเดียวคือไม่มีพลังในการสู้รบมากเท่าไร แต่ตอนนี้ร้านหนังสือไม่ขาดพลังในการสู้รบชั่วคราว แต่กลับขาดตัวละครที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ด้วยตัวคนเดียว

ทนายอันเป็นคนประเภทนี้ โจวเจ๋อไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนประเภทนี้ นิสัยของเขาขี้เกียจมากเกินไป อันที่จริงถ้าพูดถึงพลังในการต่อสู้ โจวเจ๋อพลิกตัว มองไปที่เด็กผู้ชายที่นอนอยู่ในนั้น ถ้าหากเอาไอ้หมอนี่กลับไปร้านหนังสือ อย่างนั้นด้านพลังการต่อสู้ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้วจริงๆ

กระทั่งสามารถมองเป็นสมบัติของร้านได้เลย มีหลายเรื่องที่โจวเจ๋อไม่ต้องออกโรงเลยด้วยซ้ำ และไม่ต้องให้อิ๋งโกวที่ปากไม่ตรงกับใจทั้งยังมีนิสัยที่แปลกประหลาดขึ้นทุกวันออกหน้า ถึงตอนนั้นเวลาเจอเรื่องอะไร ก็ให้เด็กในร้านหนังสือของเขารับมือ จากนั้นก็จัดการได้แล้ว

โจวเจ๋อไม่รู้ว่าตอนที่ตัวเองสลบไปเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้นตอนนี้เขายังคงกลุ้มใจเรื่องของเด็กผู้ชายคนนี้อยู่ มันใช้ดีก็จริง ถือว่าเป็นเหรียญทองในหมู่เหรียญทองเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ตอนนี้โจวเจ๋อจะยังไม่ใช่ผู้จับกุม แต่ต่อให้โจวเจ๋อเป็นถึงผู้ตรวจสอบ ก็คาดว่าคงจะหาลูกน้องระดับนี้ไม่ได้แล้ว

แต่จะปราบเขาอย่างไรล่ะ หรือว่าต้องสั่งให้เจ้างั่งปลดผนึกปากกา แล้วปล่อยให้อิ๋งโกวออกมาทำท่า ‘ความรักของพ่อดั่งขุนเขา’

จริงๆ แล้วตอนที่โจวเจ๋อสลบไป เจ้างั่งได้ปลดผนึกด้วยตัวเอง แต่อิ๋งโกวกลับไม่ออกมา เมื่อก่อนที่ประตูล็อกอยู่ เขาที่อยู่ด้านในพยายามดิ้นรนอยากจะพังประตูพลางตะโกนเสียงดังว่า ‘ข้าจะออกไป ข้าจะออกไป!’ ตอนนี้ประตูถูกเปิดแล้ว เขากลับนั่งอยู่ข้างใน เชิดหน้าแล้วพูดว่า ‘ประตูที่ให้สุนัขเข้าออก เปิดอยู่!’

ถ้าหากอิ๋งโกวลงมือควบคุมและยึดครองร่างกายโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เถ้าแก่โจวคงไม่ต้องนอนรักษาตัวให้ฟื้นฟูอยู่ที่นี่หรอก นั่นคือคนที่ควักหัวใจของตัวเองแล้วสามารถทำให้มันเกิดสะเก็ดแผลได้ในพริบตาเชียวนะ

เหล่าจางออกไปแล้ว เหลืออิงอิงอยู่ในห้องคนเดียวก็พอ พอตกดึกกำลังเตรียมตัวพักผ่อน อิงอิงถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง นอนอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกับโจวเจ๋อ และยังเตือนตัวเองเป็นพิเศษว่าอย่าไปสะกิดโดนแผลของเถ้าแก่

ทนายอันแทบเป็นบ้า เขาเคยออกข้อเสนอให้ลดระยะห่างของเตียงมาใกล้กันหน่อย แบบนี้เขาจะได้ไอเย็นด้วย แต่กลับถูกโจวเจ๋อปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

ทนายอันบอกว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในช่วงฟื้นฟูที่สำคัญ ต้องการการพักผ่อน แต่โจวเจ๋อกลับปฏิเสธโดยตรง ทนายอันเกือบจะเอากฎหมายแรงงานมาฟ้องโจวเจ๋อแล้ว แต่เถ้าแก่โจวยังคงดื้อดึง

ในด้านนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ยืมไม่ได้ อืม เมื่อก่อนให้สาวน้อยโลลิขึ้นเตียงก็ถือว่าอนุโลมมากแล้ว ช่วยไม่ได้จริงๆ

กลางดึก ได้ยินเสียงนอนกรนเบาๆ ของโจวเจ๋อ และได้ยินอิงอิงใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อของโจวเจ๋อ ทนายอันจึงทนไม่ไหว เขาเดินงกๆ เงิ่นๆ ลงจากเตียง เขาไม่ได้เดินไปที่ข้างเตียงของโจวเจ๋อ แต่เดินไปที่เตียงที่อยู่ด้านในสุด แล้วนอนกับผีดิบน้อย

จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนนอนกรนเสียงดัง เสียงกัดฟัน แล้วก็เสียงพูดละเมอ ทนายอันอยู่ข้างนอกมักจะแต่งตัวดูดีเสื้อผ้าหน้าผมเรียบร้อยแลดูเป็นคนฉลาดเก่งกาจมาตลอด แต่กลับนอนได้แย่ถึงขั้นนี้

เช้าวันถัดมา ทนายอันลืมตาขึ้นด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขามองตัวเองที่นอนกอดเด็กผู้ชายไว้ในอ้อมอกตลอดคืน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าไอ้หมอนี่ไม่ขัดหูขัดตาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าน่ารักมาก

ทนายอันยังยื่นมือบีบหน้าของอีกฝ่าย แล้วพูดด้วยความแปลกใจ “เถ้าแก่ ผิวพรรณของผีดิบระดับสูงกับคนทั่วไปไม่แตกต่างกันใช่ไหม”

“ตามหลักแล้ว ก็เป็นแบบนี้” เพราะว่าผิวของอิงอิงมีความละเอียดนุ่มกว่าผู้หญิงทั่วไป เหมือนกับแพรไหม และที่สำคัญที่สุดคือ เธอจะไม่มีริ้วรอยตลอดไป เธอจะไม่อ้วนตลอดไป เธอจะไม่มีวันแก่ตลอดไป เธอไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องสำอางตลอดไป!

“ผิวพรรณของเด็กคนนี้ก็นุ่มละมุนมาก” ทนายอันบีบอีกครั้ง ชอบจนไม่อยากเอามือออก

เวลานี้เด็กผู้ชายพลันลืมตา มองทนายอันด้วยนัยน์ตาที่เย็นชา มือของทนายอันที่บีบหน้าเจ้าเด็กน้อยน่ารักจึงหยุดลง “เอ่อ…”

เด็กผู้ชายไม่ได้ทำอะไร ทนายอันจึงลงจากเตียงอย่างเงียบๆ จากนั้นเด็กผู้ชายก็นั่งตัวตรง มองสองมือของตัวเองด้วยความสงสัย อิงอิงก็ลงจากเตียงเหมือนกัน ยืนข้างเตียงจ้องมองเขาด้วยใบหน้าที่ระแวดระวัง

จะมีก็แต่โจวเจ๋อที่ยังคงดื่มกาแฟที่อิงอิงซื้อมาให้ พร้อมกับถือหนังสือพิมพ์ฉบับของวันนี้อยู่ในมือ ดูเหมือนจะไม่สนใจการเคลื่อนไหวของเด็กผู้ชายอย่างสิ้นเชิง

เด็กผู้ชายพลิกตัวลงจากเตียง จากนั้นก็มีเสียงดัง ‘พลั่ก’ เขาล้มลงไปบนพื้น ทำให้กระโถนบ้วนน้ำลายและกะละมังล้างหน้าพลิกทั้งหมด แถมยังแตกละเอียดอีกด้วย ไอ้เด็กคนนี้เป็นเด็กหัวเหล็กชัดๆ เวลาที่เขาล้มลงไปมีพลังทำลายล้างมากกว่าลูกตุ้มเหล็กในระดับเดียวกันอีก แม้แต่พื้นปูนที่อยู่ในห้องคนไข้ก็ยังแตกแยกออกจากกัน ยังดีที่ไม่ได้ใช้กระโถนบ้วนน้ำลายเลย

เด็กผู้ชายนอนอยู่บนพื้น เขาพยายามลุกคลานขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

“ประคองขึ้นมา” โจวเจ๋อพลิกหนังสือพิมพ์หน้าถัดไป อิงอิงเดินไปข้างหน้า ประคองเขาขึ้นมา แต่ถึงแม้เขาจะเงยหน้าสูงแค่ไหน ก็สูงไม่ถึงเตียงคนไข้

“อุ้มขึ้นมา” โจวเจ๋อพูดอีก

อิงอิงจึงอุ้มเขาไปบนเตียง เด็กผู้ชายนั่งอยู่ตรงขาของโจวเจ๋อ อยู่บนเตียงเดียวกับโจวเจ๋อ

เด็กผู้ชายสูดลมหายใจลึกๆ เผยสีหน้าที่เคลิบเคลิ้มออกมา แล้วพูดว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ฟื้นฟูเร็วขนาดนี้”

โจวเจ๋อวางหนังสือพิมพ์ แล้วสบตากับเด็กผู้ชาย

เด็กผู้ชายแสดงแววตาที่สงสัยออกมา “ปู่ทวด อยู่ในร่างกายของเจ้าใช่ไหม” ตอนที่พูดคำว่า ‘ปู่ทวด’ น้ำเสียงของเด็กผู้ชายสั่นเครือเล็กน้อย

“เหอะๆ” โจวเจ๋อหัวเราะ หลักฐานชัดเจนแล้ว อิ๋งโกวไอ้คนปากไม่ตรงกับใจ ผ่านไปสักพักหนึ่ง โจวเจ๋อจึงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “เขา ถูกฉันผนึกเอาไว้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งอย่างมาก ราวกับกำลังพูดว่า ‘อ้อ กับข้าวที่เหลือเมื่อวานฉันใส่ตู้เย็นแล้ว’

เด็กผู้ชายพยักหน้ากล่าวว่า “ข้าไม่อยากฆ่าเจ้า”

อิงอิงได้ยินประโยคนี้ แล้วจึงทำเสียงฮึดฮัดเย็นชาอยู่ข้างๆ ตอนที่เธอมาถึงเห็นกับตาตัวเองว่าเขากำลังจะลงมือฆ่าเถ้าแก่ของตัวเอง

แน่นอนว่าความเจ็บปวดระทมทุกข์ที่แฝงอยู่ในเรื่องนี้ มีแต่ตัวของเด็กผู้ชายเท่านั้นที่รู้ดี

“มันผ่านไปแล้ว” กับข้าวที่เหลืออยู่ในตู้เย็น สุดท้ายก็เหม็นบูดแล้ว

“เจ้าคิดจะปราบพยศข้าใช่ไหม” เด็กผู้ชายไม่ถามว่า ‘เจ้าจะจัดการข้ายังไง’ และไม่ถามว่า ‘เจ้าคิดจะฆ่าข้าใช่ไหม’ เพราะถามพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ หลังจากเขาฟื้นขึ้นมา แล้วพบว่าตัวเองยังนอนอยู่ที่นี่ จริงๆ แล้วมีหลายเรื่องราวที่ชัดเจนมาก

เมื่อได้ยินดังนี้ ทนายอันที่ยังอ่อนแรงพยายามส่งสายตาให้โจวเจ๋อ เพื่อบอกให้โจวเจ๋อรีบยืนยัน เขาต้องการเด็กคนนี้จริงๆ! ต้องการเป็นอย่างยิ่ง! คิดเสียว่านอนกอดลูกชายของตัวเองก็พอแล้ว!

ทนายอันเมื่อก่อนใช่ว่าไม่เคยคิดจะหาผีดิบมานอนเป็นเพื่อนตัวเอง แต่ผีดิบป่าทั้งสกปรกและเหม็น แถมยังสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถเทียบกับอิงอิงของเถ้าแก่ได้อย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้ผีดิบน้อยหน้าตาไม่เลว ผิวพรรณก็นุ่มลื่นมาก หน้าตาไม่ต่างจากเด็กชายทั่วไป ทนายอันจึงชอบเขาเป็นที่สุด!

เมื่อมีเขาแล้ว จากนั้นก็ตามหาหญิงสาวตัวดำ ต่อไปไม่ต้องกลุ้มเรื่องกินนอนอีกแล้ว รู้สึกว่าชีวิตสมบูรณ์แบบขึ้นมาทันที

ทว่าโจวเจ๋อได้แต่ส่ายหน้า แล้วเอ่ยว่า “นายมีคุณค่าอะไรให้ฉันต้องปราบนาย”

“…” ทนายอัน คุณอย่ามาทำเป็นเท่ได้ไหม

“ข้า…” เด็กผู้ชายขมวดคิ้ว เขาอยากพูดว่าตัวเองต่อสู้เก่ง แต่พอนึกถึงความน่ากลัวตอนที่ลมหายใจนั่นปรากฏขึ้น เขากลับพูดไม่ออก

“คนที่สามารถถูกฉันปราบได้ มีแค่คนนั้น” โจวเจ๋อพูดเบาๆ

“…” อิงอิง

“…” ทนายอัน

เด็กผู้ชายได้ยินดังนั้น จึงคิดอย่างจริงจัง จากนั้นพยักหน้า

“เอาเลือดวิญญาณให้เธอ” โจวเจ๋อชี้ไปที่อิงอิง เด็กผู้ชายก้มหน้า ยื่นมือวางบนหน้าผากของตัวเอง จากนั้นเลือดสดสีฟ้าจึงหยดลงกลางฝ่ามือ แล้วยื่นให้อิงอิงที่อยู่ข้างกายอย่างเชื่อฟัง

“เถ้าแก่ ให้ข้าเหรอ” อิงอิงเหมือนได้รับความเมตตากะทันหัน โจวเจ๋อพยักหน้า

อิงอิงรับเลือดวิญญาณมา ราวกับว่าเถ้าแก่ได้มอบของขวัญให้ตัวเอง

“พักผ่อนเถอะ วันพรุ่งนี้พวกเราก็กลับแล้ว” โจวเจ๋อกล่าว

เด็กผู้ชายถูกอิงอิงอุ้มไปวางบนเตียงที่อยู่ข้างๆ จริงๆ แล้ว สาเหตุที่โจวเจ๋อเก็บเลือดวิญาณของเด็กผู้ชายไว้ที่นี่ อาจจะเป็นเพราะว่ามีเพียงผู้หญิงที่เซ่อซ่าไร้เดียงสาอย่างอิงอิงเท่านั้นที่คิดว่าโดนจูบแล้วถึงจะตั้งครรภ์ได้ อิงอิงคิดมาตลอดว่าเมื่อได้นอนกับเขาแล้ว สายเลือดของเธอถึงจะได้รับการพัฒนา

แต่ในความเป็นจริง โจวเจ๋อคิดมาตลอดว่าอิงอิงนำเลือดวิญญาณมาไว้ที่เขา ถึงได้มีผลกระทบซึ่งกันและกัน ทำให้การพัฒนาของอิงอิงชัดเจนมากขึ้น

และสำหรับผีดิบน้อยตัวนี้ อย่างแรกคือโจวเจ๋อไม่อยากปล่อยให้อีกฝ่ายได้ประโยชน์ฟรีๆ อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายไม่เหมือนกับอิงอิง สุดท้ายแล้วก็ต้องเว้นระยะห่างและให้ความสนิทสนมต่างกัน

อย่างที่สองคือ โจวเจ๋อไม่ค่อยวางใจเด็กคนนี้ และไม่แน่ใจว่าเลือดวิญญาณสามารถควบคุมอีกฝ่ายอยู่ไหม ถ้าหากอีกฝ่ายเจอสิ่งที่ดีกว่าแล้วกลับมาทำร้ายโจวเจ๋อ แบบนั้นตัวเขาคงเสียหายน่าดู

เวลานี้ เด็กผู้ชายที่นั่งอยู่บนเตียงจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ “ไปกับเจ้าแล้ว จะได้เจอนางอีกใช่ไหม” ชั่วเวลาเพียงครู่เดียวความรู้สึกของคนช่ำชองในความรักเริ่มอบอวลไปทั่วห้องคนไข้ช้าๆ

โจวเจ๋อครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เธอเป็นลูกน้องของฉัน และฉันก็คือเจ้านายของเธอ”

“อืม” เด็กผู้ชายพยักหน้า

“ดังนั้น สิทธิ์ที่จะให้เธอแต่งงานกับใคร อยู่ที่ฉัน”

“อืม!” นัยน์ตาของเด็กผู้ชายที่เดิมทีหม่นหมอง จู่ๆ กลับเป็นประกายขึ้นมา!

………………………………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท