ตอนที่ 572 พวกสวะ!
อิ๋งโกวมองไปรอบๆ และถามขึ้น “เจ้า…ยัง…อยาก…เห็น…อะไร…อีก…”
ครู่หนึ่ง ท่ามกลางหมู่เมฆมืดครึ้ม ดูเหมือนมีเสียงสูดปากของใครหลายคนดังขึ้น แม้แต่เมฆดำที่ปกคลุมที่นี่ก็ราวกับหดตัวลงเพราะคำพูดเหล่านี้ไม่น้อย
‘อะไรก็ได้’
อิ๋งโกวพยักหน้าทอดกายพุ่งชน กระแทกเข้าไปท่ามกลางเมฆหมอกครึ้ม ด้านหน้านั้นมีนักปราชญ์วางฝ่าเท้าไว้บนลูกคิด สวมใส่ชุดหรูผาว เมื่ออิ๋งโกวแหวกผ่านม่านหมอกครึ้มมาปรากฏตัวตรงหน้าเขา ดูเหมือนว่าเขาจะลนลานทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เป็นความรู้สึกประมาณว่า ‘ทำไมข้าถึงได้รับความไม่เป็นธรรมเล่า!’
อิ๋งโกวคว้าไว้ได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกระโดดออกจากลูกคิด ร่างนั้นกลายเป็นลำแสงอันตรธานหนีหาย ทิ้งลูกคิดไว้ไม่เอาแล้ว
อิ๋งโกวหยิบลูกคิดขึ้นมาเขย่าตรงหน้าตัวเอง จริงๆ แล้วเอาให้โจวเจ๋อดูต่างหาก
ต่อมา ร่างของอิ๋งโกวผลุบๆ โผล่ๆ ปรากฏไปทั่วทุกแห่งท่ามกลางเมฆหมอกครึ้มอย่างต่อเนื่อง ชมสัตว์พาหนะ ชมของวิเศษ ชมแม้กระทั่งรูปแบบอาภรณ์บนร่างผีสาว
ผู้คนจำนวนไม่น้อยหวาดกลัวพลังอำนาจของอิ๋งโกวก่อนหน้านี้ และเป็นเหมือนนักปราชญ์คนนั้น อิ๋งโกวสนใจของสิ่งไหนก็มอบของสิ่งนั้นให้ด้วยความสมัครใจ ผีสาวตนนั้นคาดว่าอยู่ถึงระดับราชาผีแล้วยังเริ่มเปลื้องผ้าออกให้ก่อนเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งไม่สนใจสายตาของสาธารณชนเลยแม้แต่น้อย ปลดเปลื้องอาภรณ์เบาๆ ความรักใคร่ชายหญิงหลากหลายรูปแบบ แต่เจ้าโง่ไม่เข้าใจความรักใคร่ กระชากทึ้งอาภรณ์ของเธอพร้อมกับถีบเธอกระเด็น จากนั้นหยิบอาภรณ์แล้วบอกโจวเจ๋อว่า นี่เป็นอาภรณ์รูปแบบโบราณที่สืบทอดมาจากราชวงศ์โจว
อันที่จริงตอนนั้นเถ้าแก่โจวอยากจะดูการแสดงของราชาผีสาวจริงๆ การแสดงประเภทนี้บนโลกมนุษย์นั้นต่อให้คุณจะรวยแค่ไหนก็หาดูไม่ได้หรอกนะ!
แม่งเอ๊ย ใครอยากจะฟังเจ้าโง่นี่อธิบายเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์กัน!
เมื่อวนไปหนึ่งรอบ สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อประหลาดใจก็คือ พวกต้าฉางชิวทางด้านล่างที่ขันทีเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน คุณสามารถรู้สึกได้ถึงความโกรธและความไม่ยินยอมของพวกเขาอย่างชัดเจน แต่พวกเขาก็ไม่ลุกขึ้นมาสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย!
โดยรอบนั้น ทั้งๆ ที่มีสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงกลัวมากมายรวมตัวกันอยู่ แต่อิ๋งโกวกลับเลือกของอย่างเปิดเผยยิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้ สร้างความอัปยศอดสูให้พวกเขาไปทีละราย ราวกับว่าผู้ยิ่งใหญ่รอบๆ เป็นผักกาดขาวริมถนนก็ไม่ปาน คุณจะเก็บมันอย่างไรก็ได้
‘ไม่…แปลก…ใจ…’
จู่ๆ โจวเจ๋อก็ตระหนักได้ว่า ใครบุกเข้ามาก่อนคนนั้นก็อาจจะตายได้จริงๆ แม้ว่าทุกคนจะรู้ดีว่า หากทุกคนบุกเข้าไปพร้อมกัน อาศัยกลยุทธ์คลื่นฝูงชนก็จะสามารถโค่นอิ๋งโกวได้ เพราะในเวลานี้อิ๋งโกวไม่ได้อยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์ที่สุด แต่มีเรื่องหนึ่งที่สามารถยืนยันได้คือ ก่อนที่อิ๋งโกวจะตายในสนาบรบ สามารถลากคนรับโทษไปด้วยกันได้หนึ่งกลุ่ม ใครจะสมัครใจเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้นดีล่ะ
ชีวิตของทุกคนมีค่ามาก ยิ่งคนที่อายุยืนก็ยิ่งหวงแหนชีวิตมากขึ้น คนประเภทที่ยิ่งอยู่ยิ่งรู้แจ้งมีเพียงจำนวนน้อยในกลุ่มคนจำนวนน้อยอีกที ไม่เช่นนั้นกษัตริย์และขุนนางมากมายในสมัยโบราณก็คงจะไม่เริ่มไล่ตามการหลอมยาอมตะเอาตอนแก่หรอก ไม่เช่นนั้นผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและยาวิเศษราคาแพงไม่น่าเชื่อถือในสังคมบนโลกมนุษย์จะขายได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้กดดันถึงขั้นไม่สู้ตายต้องตายแน่นอนและไม่มีเหตุผลดีๆ มาเร่งเร้า คุณจะให้คนกลุ่มนี้ที่เคยชินกับการอยู่อย่างอิสระไม่เป็นกลุ่มก้อนมารวมตัวพยายามอย่างถึงที่สุดด้วยกัน มันยากเกินไป ยากไปจริงๆ
กำลังของยมโลกโจวเจ๋อก็เห็นแล้ว แต่ระยะทางมันไกลเกินไป กระทั่งโจวเจ๋อยังเห็นธงของพญายมสองสามผืนและกองกำลังภายใต้บังคับบัญชาของพวกเขา แต่ยมโลกกลับไม่ได้รุกเข้ามา แม้ว่าอิ๋งโกวจะใช้พระจันทร์ทำลายเมืองซ่งตี้ไปก่อนหน้าก็ตาม!
ทั้งๆ ที่เป็น ‘การบุกประชิดพรมแดน’ แต่กลับไม่มีประโยชน์อะไร โจวเจ๋อรู้สึกว่ายมโลกจำเป็นต้องเสริมสร้างการศึกษาเชิงอุดมการณ์และศีลธรรมจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น ให้คนอย่างเหล่าจางได้รับการเลื่อนตำแหน่งทางการ บางทีเหล่าจางอาจจะ…艾琳小說
ฉิบหาย
เหล่าจางล่ะ!
เหล่าจางยังถูกแช่แข็งไว้ในพระราชวังอยู่ใช่ไหม!
‘สามารถส่งเหล่าจางออกไปได้ไหม’ โจวเจ๋อถามอิ๋งโกว
แม้ว่าเถ้าแกโจวจะเป็นตัวการทำลายบรรยากาศการทำงานของพนักงานของบริษัท แต่จะต้องบอกว่ามีอยู่บางครั้ง อย่างน้อยๆ เขาก็ปฏิบัติตัวต่อคนของเขาเป็นอย่างดี
‘ไม่…ไป…หา…ยัง…รอด…อยู่…’
โจวเจ๋อนิ่งเงียบ อิ๋งโกวพูดถูก ไม่ไปหาเขาก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ เพราะถ้าว่ากันตอนนี้ อิ๋งโกวเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาไปตั้งแต่ต้นก็เท่ากับลบตัวตน ‘โจวเจ๋อ’ ในสถานะยมทูตไปด้วย ตอนนี้วินาทีนี้ ภายใต้การจับตามองของลูกพี่ใหญ่ของนรกหลายคน ถ้าหากไปหาเหล่าจางละก็ แม้ว่าจะส่งเหล่าจางออกจากนรก แต่ในอนาคตไม่ว่าเหล่าจางจะหนีไปที่ใดก็หนีไปไม่พ้นฝ่ามือมหึมาของนรก
ไม่ไปตามหาเขา ถ้าเหล่าจางโชคดีก็จะสามารถกลับไปยังโลกมนุษย์ได้ แต่ทว่า มีอยู่จุดหนึ่งที่คิดไม่ออกก็คือ นรกในตอนนี้แตกความสามัคคี แล้วนรกในตอนนั้นก็สามัคคีเป็นประวัติการณ์งั้นหรือ
ในความทรงจำของเจ้าโง่ กองภูเขาซากศพใต้ฝ่าเท้าของเขา แสดงให้เห็นว่าเขาเจอกับการปิดล้อมของผู้ยิ่งใหญ่กลุ่มหนึ่งชัดๆ เขาเข่นฆ่าไปตั้งไม่รู้เท่าไร ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงได้เกิดสถานการณ์อย่างนั้นขึ้นได้
‘เล่นสนุก…พอ…หรือ…ยัง…’ อิ๋งโกวถาม
‘ใครเป็นคนเล่นสนุกมาตลอดกันแน่’ โจวเจ๋อย้อนถาม
นี่มันคล้ายกับเด็กน้อยสองคนแย่งจอยสติ๊กเล่นเกม หนึ่งในนั้นที่ครองจอยสติ๊กมาตลอด หลังจากครองมานานมากยังพูดประโยคนี้กับคุณ ‘เราเล่นกันนานมากแล้ว ทำการบ้านกันเถอะ! ไม่อย่างนั้นจะกินเวลาทำการบ้านนะ!”
โจวเจ๋อลังเลครู่หนึ่งและถามขึ้น ‘ระฆังลั่นเตือนแล้วเหรอ’
‘อืม…’
เวลาไม่มากแล้ว อิ๋งโกวไม่บอกโจวเจ๋อก็สามารถสัมผัสได้ อิ๋งโกวในเวลานี้คล้ายกับกระชอนใหญ่ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะกลืนผิงเติ่งหวังไป แต่ตลอดช่วงเวลานี้ก็เผาผลาญและรั่วไหลอย่างต่อเนื่อง เขายังไม่ฟื้นตัว นี่ไม่ใช่การฟื้นตัวที่แท้จริง อีกทั้งเขาไม่มีเวลาไปเขมือบกินผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น เพราะไม่มีเวลาไปย่อยสลายและเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ทุกคนรอเขากลืนหนึ่งคนแล้วหลับไปครึ่งเดือน จากนั้นค่อยลุกขึ้นมาต่อสู้
‘ความยอดเยี่ยมสุดท้ายใกล้มาถึงแล้วใช่ไหม’
‘อืม…’
‘คืออะไร’
อิ๋งโกวลังเลครู่หนึ่ง แล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า ‘คือ…พุทธะ…’
ดวงตาของอิ๋งโกวกะพริบไหวและจับจ้องไปตรงเมฆดำครึ้มในระยะไกล จากนั้นก็พุ่งเข้าไป
ผู้ยิ่งใหญ่ของนรกจำนวนมาก รวมถึงต้าฉางชิวที่ดวงตาสองข้างแดงก่ำอยู่เบื้องล่าง เวลานี้หายใจติดขัด!
เขาจะไปแล้ว ในที่สุดเขาก็จะไปแล้ว เขาจะไปจริงๆ ไปแล้วจริงๆ!
ทุกคนต่างเฝ้าตั้งตารอคอยให้เขาไปหาคนผู้นั้น ผู้ที่ควบคุมอยู่เบื้องหลังนรกและยมโลกที่แท้จริง!
ต้าฉางชิวมองเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ว่างเปล่าในมือพลางกัดฟันกรอด
‘ฟิ้ว!’ หมอกดำทะมึนถูกแหวกออก แต่ด้านหน้าก็ยังคงเป็นสีดำ
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ปิดฟ้าบังดวงอาทิตย์ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้า!
โจวเจ๋อจำได้ว่าตอนเข้าเรียนในอดีตเคยเรียน ‘อิสระจร’[1] แต่สิ่งที่อยู่ด้านหน้าใหญ่มหึมายิ่งกว่าที่เขียนพรรณนาใน ‘อิสระจร’ อย่างแน่นนอน!
ดวงตาคู่นั้นใหญ่จนน่าสะพรึงกลัว แมวดำยักษ์ก่อนหน้านี้เมื่อเทียบกับเจ้านี่แล้วกลายเป็นเฮลโหลคิตตี้ไปอย่างสิ้นเชิง
อิ๋งโกวมองมันอยู่ มันเองก็มองอิ๋งโกวอยู่เช่นกัน แต่โจวเจ๋อเห็นความหวาดกลัวในรูม่านตาขนาดมหึมาของมันอย่างชัดเจน!
อิ๋งโกวขึ้นไปเหยียบบนร่างของมันทันที มันกำลังสั่นเทิ้ม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าด้านบนจะกว้างใหญ่มหึมา แต่กลับว่างเปล่า บนบัลลังก์ดอกบัวสีขาวขาวกลับไม่มีใครเลย
“พุทธะ…เล่า…”
เงาดำปรากฏขึ้นข้างหลังอิ๋งโกว เป็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำ ชายหนุ่มน่าจะเป็นตี้ทิงที่ตัวใหญ่มหึมาใต้ร่างนี้แปลงกายมา ขณะนี้เขาโน้มตัวลงคำนับด้วยความเคารพเป็นพิเศษและเอ่ยว่า “พระโพธิสัตว์ไม่มา”
“อยู่…ที่ใด…”
“พระโพธิสัตว์ไปแล้ว”
“ไป…ที่ใด…”
“พระโพธิสัตว์ไปยังที่ที่ท่านจะไป”
อิ๋งโกวขมวดคิ้วและกระทืบเท้าข้างหนึ่ง ‘ปึง!’
ร่างกายมหึมาของตี้ทิงสั่นสะท้านครู่หนึ่ง หากมองจากระยะไกลจะสามารถมองเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่บนท้องฟ้าตัวนั้นตรงกลางมีรอยบุ๋มยุบลงไปอย่างชัดเจน!
ระยะไกลมีกายทิพย์ขนาดใหญ่มโหฬารห้าร่างปรากฏขึ้น พวกเขาคือพญายมทั้งห้า!
อิ๋งโกวสู้กับคนอื่น ยมโลกยินดีมองดูความสำเร็จ เท่ากับเป็นการกำจัดศักดินาตัวปลอม แต่หากอิ๋งโกวลงมือกับตี้ทิง พวกพญายมนั่งไม่ติด!
ร่างชายชุดคลุมสีดำที่ตี้ทิงแปลงกายมาสั่นเทา ดูท่าทางเจ็บปวดรวดร้าวเอาการ
“พูด…” อิ๋งโกวกระทืบเท้าข้างหนึ่งลงไปอีกครั้ง!
‘ตึง!’ ชายชุดคลุมสีดำสลายไปทันที ร่างกายใหญ่โตมโหฬารของตี้ทิงส่งเสียงร้องครวญครางออกมา ผ่านไปนานพักหนึ่ง ชายชุดคลุมสีดำหล่อหลอมรวมกันใหม่อีกครั้ง คราวนี้แทบจะคุกเข่าลง เขาทรมานมาก!
“ไม่…บอก…ข้า…เช่นนั้น…คอย…ดู…วันนี้…ข้า…ยัง…สามารถ…ฆ่า…พญายม…ได้…กี่…คน…”
ความหมายตรงไปตรงมาและเรียบง่ายมาก ยมโลกนี้ไม่ใช่ว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์กำลังฟังการเมืองอยู่หลังม่านหรือ งั้นก็ดี เจ้าไม่บอกข้าว่าเขาอยู่ที่ไหน ข้าก็จะใช้เวลาที่เหลือของตัวเองเปิดศึกกับยมโลกโดยตรง! มาดูกันว่าก่อนที่ข้าจะสิ้นไร้เรี่ยวแรงจะสามารถเข่นฆ่าพญายมได้สักกี่คน จะสามารถลอกเนื้อถลกหนังตี้ทิงของท่านได้หรือไม่!
นั่งบัลลังก์กระดูกเบื่อแล้ว เปลี่ยนไปนั่งบัลลังก์หนังสัตว์อสูรแทนบ้าง!
มาดูกันว่าข้าจะสามารถรื้อถอนยมโลกนี้ให้สิ้นซากได้หรือไม่!
มาดูกันว่าข้าจะสามารถเข่นฆ่าขันทีเบื้องล่างได้อีกสักกี่คน!
อิ๋งโกวไม่มีจิตสำนึกที่ตระหนักว่าหากยมโลกล่มสลาย นรกแตก สรรพชีวิตจะพังพินาศ เขาในตอนนั้นก็ชี้นิ้วออกคำสั่งไม่ลงมือทำ นรกอลหม่านแล้วหรือ หยินหยางปั่นป่วนแล้วหรือ
โลกหยินและโลกหยาง ใครจากไปก็หมุนเวียนไปเช่นเดิม ควรตายก็ตาย ควรมีชีวิตก็มีชีวิต!
“กำเริบเสิบสาน!”
“เหิมเกริมนัก!”
“บังอาจ!”
พญายมมหลายคนดุว่าพร้อมกัน!
พวกเขาเป็นตัวแทนแห่งเกียรติของยมโลก เป็นตัวแทนแห่งความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของยมโลก จะปล่อยให้อิ๋งโกวเหยียบย่ำที่แห่งนี้ตามอำเภอใจได้อย่างไร!
ในตอนนี้เอง อิ๋งโกวนึกย้อนไปถึงพระพุทธเจ้าที่บอกว่ามาผิดประตูหน้าประตูแห่งพุทธะในตอนนั้น ชั่วขณะหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ารู้สึกเบื่อเล็กน้อย เขาสนใจในตัว ‘พระพุทธเจ้า’ มาโดยตลอด เพราะตอนที่เขาเกิดโลกนี้ไร้พุทธะ สำหรับเขาแล้วพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ เขาสงสัย เขาอยากรู้อยากเข้าใจ แต่สิ่งแปลกใหม่เหล่านี้จริงใจขนาดนี้จริงหรือ
แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆ แสงแห่งพุทธะก็พุ่งออกมาจากบัลลังก์ดอกบัวสีขาว ร่างที่สวมใส่จีวรมองไม่เห็นหน้าอย่างชัดเจนปรากฏขึ้น
“พุทธะทรงเมตตา!” น้ำเสียงของร่างนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเห็นอกเห็นใจ
กายทิพย์พญายมทั้งห้าที่อยู่ตรงนั้นยกมือไหว้เคารพข้างเดียว ส่วนเบื้องล่างนั้น เหล่าผู้พิพากษาหลายคนในแถวขบวนของยมโลกพากันยกมือไหว้ข้างเดียวพร้อมกัน ซึ่งเป็นการเคารพทางพระพุทธศาสนา!
ทันใดนั้นอิ๋งโกวเดือดดาลขึ้นมา สายตาของเขากวาดไปที่พญายมไม่กี่คนตรงนั้น สลับกับมองเหล่าผู้พิพากษาที่สวมเครื่องแบบผู้พิพากษาและถืออาวุธวิเศษประจำตัว นี่เป็นความโกรธเดือดดาลที่แท้จริง และเป็นความขุ่นเคืองอย่างลึกซึ้งที่เห็นพวกเขาไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย มันเป็นความผิดหวังและความขุ่นเคืองของเจ้าแห่งนรกรุ่นแรกต่อเจ้าแห่งนรกยุคปัจจุบัน
เวลานี้ จู่ๆ อิ๋งโกวก็รู้สึกว่าผิงเติ่งหวังลู่ที่เต็มใจยอมปลิดชีวิตตัวเองผู้นั้น ดูเหมือนจะเป็นกระดูกสันหลังชิ้นสุดท้ายในยมโลก
ทันใดนั้น อิ๋งโกวแค่นยิ้มและเอ่ยวาจาดูถูกเหยียดหยาม
“พวก…สวะ…”
…………………………………………………………………..
[1] อิสระจร เป็นบทกวีในคัมภีร์ของจวงจื่อ