ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 57 ลาภลอย

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 57 ลาภลอย

พอถานเจิ้นผิงเห็นฟางผิงก็โบกมือเรียกเขาทันที

ผ่านไปสักพัก ทั้งสองคนจึงหาจุดที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน

ถานเจิ้นผิงร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด “นักเรียนฟางผิง นายบอกได้หรือเปล่า ตอนนี้ปราณของนายมีเท่าไหร่กันแน่?”

ฟางผิงมองเขาด้วยหางตา เห็นสีหน้ากระวนกระวายเลยเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ลุงถาน…ผมไม่เคยไปตรวจมาก่อน…”

แม้เขาจะรู้ค่าปราณของตัวเอง แต่ถานเจิ้นผิงร้อนใจแบบนี้ ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่ ฟางผิงจึงเลือกเก็บงำเอาไว้

“นายคงฝึก (เคล็ดหลอมกระดูก) มาแล้วสินะ?”

“เคยฝึกมาก่อนครับ”

“งั้นช่วงนี้นายเคยรู้สึกเหมือนกับว่าปราณพลุ่งพล่าน แต่กลับไม่อาจเพิ่มขึ้นได้หรือเปล่า…”

ฟางผิงได้ฟังพลันเข้าใจทันที ถานเจิ้นผิงหมายถึงช่วงคอขวดของหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคลสินะ

ครุ่นคิดในใจพักใหญ่ ฟางผิงไม่ได้ตอบไปตรงๆ เอ่ยอย่างสงสัยว่า “ลุงถานถามเรื่องพวกนี้ไปทำไมเหรอครับ?”

“อีกเดี๋ยวจะเริ่มตรวจปราณแล้ว ค่าปราณเท่าไหร่ ตรวจดูก็น่าจะรู้ผลแล้ว”

ถานเจิ้นผิงเห็นเขาไม่พูด รู้ทันทีว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนใสซื่อ แต่เป็นคนมีไหวพริบต่างหาก

ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนถานเจิ้นผิงจะเอ่ยว่า “ว่าอย่างนี้แล้วกัน ถ้าปราณนายมาถึงขั้นที่ไม่อาจเพิ่มขึ้นได้แล้ว ดูจากการระเบิดปราณก่อนหน้านี้ของนาย คงใกล้ถึงขีดกำจัดแล้ว ไม่ก็แตะขีดจำกัดไปแล้ว! ขีดจำกัดที่ฉันพูดถึง คือขีดจำกัดของคนทั่วไปที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ ฉันว่านายคงจะเข้าใจความหมายแล้ว”

“ท่านพูดถึงขีดจำกัดระหว่างหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคลและหนึ่งร้อยห้าสิบแคล?”

“ถูกต้อง”

ถานเจิ้งผิงเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้ฉันคาดเดาไว้ แต่ไม่กล้ามั่นใจ คนที่พร้อมเป็นผู้ฝึกยุทธ์จะมีขีดจำกัดปราณที่หนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล…”

ฟางผิงไม่รีบร้อน รอเขาพูดจบกลับไม่พูดอะไรต่อ ยังคงจ้องมองเขา

ถานเจิ้นผิงมาหาเขาอย่างร้อนใจ ทั้งถามว่าเขาถึงขีดจำกัดของคนทั่วไปหรือยัง แน่นอนว่าต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง

“ฟู่ว”

ถานเจิ้นผิงจนใจอยู่บ้าง เจ้าเด็กนี้ไม่เหมือนนักเรียนมอปลายสักนิด

ตรึกตรองพักใหญ่ รวมทั้งเด็กนี่ยังมีหวังจินหยางคอยหนุนหลัง รู้ว่าไม่อาจทำเป็นเล่นกับเขาได้

นึกมาถึงตรงนี้ ถานเจิ้นผิงก็พูดอย่างเปิดเผย “หลายปีมานี้คะแนนสอบศิลปะการต่อสู้ของรุ่ยหยางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ วันนี้หากยังรั้งท้าย อาจต้องถูกเบื้องบนตำหนิอีก ก่อนหน้านี้ผู้อำนวยการจินของกองการศึกษารุ่ยหยางมาหาพวกเรา อยากให้พวกเรามอบยาบำรุงให้พวกนักเรียนที่มีปราณสูงเกินหนึ่งร้อยสิบห้าแคลขึ้นไป หวังว่าพอตรวจปราณแล้ว พวกเขาจะแตะถึงหนึ่งร้อยยี่สิบแคล แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี พวกเราไม่กล้าจะบุ่มบ่ามทำเรื่องนี้…ต่อมาผู้อำนวยการจินยังเอ่ยถึงเรื่องคนที่ใกล้ทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ฉันจึงนึกถึงนายขึ้นมา…”

แม้ถานเจิ้นผิงจะไม่พูดอย่างละเอียด ฟางผิงพอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้วเช่นกัน

ปีนี้หากคะแนนสอบของรุ่ยหยางยังแย่ลงอีก ทางกองการศึกษาของรุ่ยหยางจะถูกตำหนิ ส่วนจะริบตำแหน่งหรือลดขั้นหรือไม่ ฟางผิงไม่รู้เหมือนกัน

สรุปแล้วน่าจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร

ตามหานักเรียนที่ปราณใกล้แตะหนึ่งร้อยยี่สิบแคล เพื่อเสนอยาบำรุงช่วยให้คนเหล่านี้มีปราณสูงเกินหนึ่งร้อยยี่สิบแคล

แต่จะมีนักเรียนกี่คนกันที่มีปราณเกือบถึงหนึ่งร้อยยี่สิบแคล?

ทั้งคิดจะเพิ่มปราณขึ้นหลายแคล ยาบำรุงเลือดและปราณทั่วไปคงไม่ได้ผล อาจจะต้องใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งด้วยซ้ำ

ยาบำรุงขั้นหนึ่ง เป็นยาบำรุงที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองใช้เป็นประจำ ฤทธิ์ยาต้องแรงอยู่แล้ว

หากให้นักเรียนที่มีค่าปราณต่ำใช้ อาจจะเกิดปัญหา ทั้งยังอันตรายถึงชีวิตด้วยซ้ำ

พวกถานเจิ้นผิงต่างตกใจ ไม่สนับสนุนกับวิธีนี้เท่าไหร่ กลัวจะถูกร่างแหไปกับผู้อำนวยการจินด้วย

ท้ายที่สุดจึงโยงมาถึงฟางผิง

ก่อนหน้านี้ฟางผิงระเบิดปราณ ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสามต่างเห็นหมดแล้ว ทั้งเดาว่าเขาอาจจะใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว

แม้จะไม่ถึงหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล ก็คงจะประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบห้าแคล

ฟางผิงพลังปราณสูง ใช้ยาบำรุงของขั้นหนึ่งคงไม่อันตรายมาก

ถ้าใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่ง แม้ปราณจะไม่ถึงหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล เมื่อปราณพลุ่กพล่านขึ้นมาอาจจะแตะถึงหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าก็ได้

ความเสี่ยงแบบนี้เทียบกับนักเรียนพวกนั้นนับว่าน้อยกว่ามาก ทั้งยังมีโอกาสสำเร็จสูงกว่า

ฟางผิงเข้าใจความนัยของเรื่องนี้แล้ว แววตาพลันวูบไหวเล็กน้อย เขาขำแห้ง “ลุงถาน ผมคงจะไม่ถึงหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล…”

“ไม่เป็นไร อย่างน้อยมีสักหนึ่งร้อยสี่สิบห้าก็พอแล้ว! ขอเพียงแค่ใช้ยำบำรุงขั้นหนึ่ง การตรวจปราณ…”

“เสี่ยงเกินไป!”

ฟางผิงส่ายหัวพัลวัน “ลุงถานอย่าคิดว่าผมไม่รู้ คนที่ไม่อยู่ในขั้นผู้ฝึกยุทธ์ หลอมกระดูกยังไม่เสร็จสิ้น ใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่ง…”

“นายไม่เหมือนกัน ทั้งผู้อำนวยการจินยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม เป็นผู้อำนวยการกองการศึกษาของรุ่ยหยาง…”

ฟางผิงเอ่ยเรียบนิ่ง “ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม? ไม่รู้ว่าพี่หวังอยู่ขั้นไหนแล้ว หรือผมควรจะโทรถามพี่หวังสักหน่อย…”

คำพูดเมื่อครู่ของถานเจิ้นผิงให้ความรู้สึกข่มขู่อยู่บ้าง

แน่นอนว่า ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ฟางผิงไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจความนัยอยู่แล้ว

ถานเจิ้นผิงนิ่งไป เกือบจะลืมเรื่องนี้เสียแล้ว!

ฟางผิงไม่ใช่จอกแหนที่ไร้ราก เบื้องหลังของหมอนี่ยังมีหวังจินหยางอยู่

แต่พอชำเลืองมองแววตาของฟางผิง เขากลับเข้าใจขึ้นมาทันที!

เด็กคนนี้ไม่ใช่อยากปฏิเสธ แต่คิดจะเสนอเงื่อนไข!

นึกมาถึงตรงนี้ ถานเจิ้นผิงจึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง เขารู้สึกไม่เหมือนกำลังคุยกับเด็กมอปลายอยู่

เด็กมอปลายทั่วไป อย่าเพิ่งพูดถึงจินเค่อหมิงเลย เอาแค่ฐานะผู้ฝึกยุทธ์ของถานเจิ้นผิง รวมทั้งตำแหน่งรองผู้อำนวยการกองการศึกษาของหยางเฉิง

หากฟางผิงทำได้จริงๆ คงรับปากไปนานแล้ว

แต่ยังไงเขาก็ไม่ใช่คนจ่ายเงินเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ถานเจิ้นผิงตกใจเพราะท่าทีร้อนใจของผู้อำนวยการจินมาเหมือนกัน

เวลานี้ค่อยสงบใจลง เผยรอยยิ้มออกมา “เจ้าเด็กนี้ ฉันเข้าใจความคิดของนาย นายเป็นเพื่อนอาเฮ่าและอาเทา ลุงถานต้องเข้าข้างนายมากกว่าอยู่แล้ว แต่แม้นายจะมีหวังจินหยางหนุนหลัง ก็อย่าได้ทำเกินไป ผู้อำนวยการจินนับว่ามีหน้ามีตาในรุ่ยหยางไม่น้อย ครั้งนี้นายช่วยเหลือเขา คนต้องจดจำน้ำใจไว้แน่นอน แต่หากเงื่อนไขนั้นเกินงาม อย่าพูดถึงเรื่องน้ำใจเลย อาจจะกลับกลายเป็นเรื่องบาดหมาง แม้นายจะไม่สนใจ แต่เพื่อนพ้องน้องพี่ที่อยู่ภายในรุ่ยหยาง…”

“ลุงถาน ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี” ฟางผิงตัดบทสนทนา “ผมและผู้อำนวยการจินไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทั้งไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้ คุณเป็นพ่อของถานเฮ่าและถานเทา ผมคิดว่าคุณคงจะไม่ทำร้ายผมเช่นกัน แต่เรื่องนี้เสี่ยงอยู่บ้างจริงๆ หากเป็นเรื่องอันตราย ก็ต้องมีราคาของมัน ผมนั้นยังต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เพื่อผลประโยชน์เล็กน้อยแลกกับเสี่ยงเรื่องแบบนี้ ไม่คุ้มค่า…”

“คำพูดนี้กล่าวได้ดี…” ถานเจิ้นผิงยอมรับว่าฟางผิงพูดมีเหตุผล แม้เขาจะคิดว่าความเสี่ยงไม่มาก แต่ยังคงอันตรายอยู่ดี ให้ฟางผิงที่มีโอกาสจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในวันข้างหน้าเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้ ควรมีราคาที่จ่ายตอบแทนเช่นกัน

เงียบไปพักใหญ่ ก่อนถานเจิ้นผิงจะเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ผู้อำนวยการจินให้พวกเราหานักเรียนที่มีปราณประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบแคลมาสามสิบคน จะให้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นธรรมดาเป็นอย่างต่ำ ทั้งอาจจะให้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งด้วยเช่นกัน ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งในตลาดขายอยู่ที่สามแสน แน่นอนว่าผู้อำนวยการจินต้องมีแหล่งซื้อขายยา อาจจะได้มาด้วยราคาถูกกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ให้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งทั้งหมด ราคาอาจสูงถึงหกล้านหยวน! แต่หากโลภเกินไปคงไม่ดี หนี้น้ำใจจะหายไปเช่นเดียวกัน ฉันคิดว่า ขอเป็นยาบำรุงหรือเงินครึ่งหนึ่งจากที่ว่ามานี้ ผู้อำนวยการจินคงจะไม่ปฏิเสธ!”

ไม่ใช่เงินของเขาอยู่แล้ว ถานเจิ้นผิงไม่รู้สึกปวดใจอะไร จึงเปิดเผยให้ฟางผิงรู้

แม้จะไม่หวังให้ฟางผิงช่วยเหลือเขาในอนาคต แต่ถ้าได้ผูกมิตรกัน ก็ไม่เสียหายอะไร

เพราะก่อนหน้านี้ใจร้อน เผลอพูดคำที่ไม่ควรพูดออกไป เด็กหนุ่มอาจจะขุ่นเคืองในใจ ตอนนี้นับว่าได้มอบน้ำใจให้เช่นกัน

ฟางผิงตาเป็นประกาย!

มีเรื่องดีแบบนี้ด้วย?

นี่ถือว่ามีเรื่องดีมาเคาะประตูถึงบ้าน!

เขาจำเป็นต้องตรวจปราณอยู่แล้ว ใช้โอกาสนี้ทำเงินไปด้วย ฟางผิงคงไม่คิดปฏิเสธ

รอจนถานเจิ้นผิงพูดจบ ฟางผิงจึงเอ่ยออกมาทันที “ลุงถาน ผมห่างจากขีดจำกัดนิดเดียวเท่านั้น! ขอเพียงแค่ใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่ง ก็จะมีโอกาสแตะขีดจำกัด! แน่นอนว่าเม็ดเดียวอาจไม่พอ คงต้องลองเสี่ยงสักสองเม็ด ขอแค่มอบยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งให้ผมสองเม็ด เงินสดอีกสองล้าน ผมจะลองเอาชีวิตไปเสี่ยงสักครั้ง! ยังไงหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ครอบครัวผมขาดเสาหลัก ร่างกายพ่อแม่ยิ่งไม่ค่อยดี…”

ได้ฟังฟางผิงเล่นบทโศก ถานเจิ้นผิงมุมปากกระตุกยิบ

นายจะเอาชีวิตไปเสี่ยงสักครั้ง?

ทำไมฉันรู้สึกว่า เจ้าเด็กนี่อาจจะแตะถึงขีดจำกัดอยู่แล้วล่ะ!

แต่เงื่อนไขของฟางผิงไม่ได้สูงมาก ยาบำรุงเลือดและปราณสองเม็ด รวมกับเงินสดสองล้าน ประหยัดกว่าวิธีของจินเค่อหมิงก่อนหน้านี้อีก

ยิ่งไปกว่านั้นดูจากท่าทีของจินเค่อหมิงที่ร้อนใจจนแทบจะกระโดดตึกแล้ว เวลานี้ไม่ว่าฟางผิงเสนอเงื่อนไขสูงกว่านี้ คาดว่าจินเค่อหมิงคงจะไม่ปฏิเสธอยู่ดี

นึกมาถึงตรงนี้ ถานเจิ้นผิงจึงพยักหน้า “ขอแค่นายรับประกันว่า ตอนตรวจร่างกาย ปราณของนายพุ่งถึงหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล ฉันก็รับปากเรื่องนี้แทนผู้อำนวยการจิน!”

“งั้นต้องรบกวนลุงถานแล้ว ใช่สิ…” ฟางผิงหัวเราะ

“ลุงถานพูดว่าผมขอยาบำรุงสามเม็ดก็ได้ พอถึงเวลานั้นลุงถานให้ผมแค่สองเม็ดพอ”

ถานเจิ้นผิงตกใจอีกครั้ง นายเป็นนักเรียนมอปลายจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย?

ถึงตอนนี้แล้วยังมีใจครุ่นคิดผลประโยชน์ให้เขา ถือเป็นค่าวิ่งเต้นให้อย่างนั้นเหรอ?

ฟางผิงยังคงเอ่ยด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “ลุงถานพยายามพูดให้เห็นว่า ผมต้องเสี่ยงขนาดไหน รวมทั้งผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไปแล้ว เงินล้านพวกนี้คงไม่มากมายอีกต่อไป ผมคิดว่าผู้อำนวยการคนนั้นคงจะเข้าใจ ถึงกระทั่งซาบซึ้งใจที่ผมยอมเสี่ยงชีวิตครั้งนี้…เรื่องนี้ ผมจะไม่พูดกับพี่หวัง เขาจะได้ไม่กังวลว่าจะเกิดอะไรผิดพลาด”

ถานเจิ้นผิงใบหน้าแข็งทื่อ นายไตร่ตรองรอบคอบไม่น้อย

พูดให้ดูน่าสงสาร ทั้งยังเอาหวังจินหยางมากดดัน งัดออกมาสารพัดวิธี

อย่าพูดถึงจินเค่อหมิงที่รีบหาฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเลย ถึงจะผูกบัญชีแค้นจริงๆ พอได้ฟังคำพูดนี้ของฟางผิง เกรงว่าเขาคงจะไม่มีความคิดนี้อีกแล้ว

ตอนนี้ถานเจิ้นผิงเกิดระลอกคลื่นในใจ เด็กคนนี้เป็นเหมือนที่เขาคิด ไม่ใช่คนไร้เดียงสาอะไร

อย่าพูดว่าฟางผิงเตรียมจะเอายาบำรุงหนึ่งเม็ดปิดปากเขาเลย แม้จะไม่เอ่ยถึง เขาก็รู้ว่าควรทำอย่างไร

“ได้ การตรวจปราณจะเริ่มแล้ว ฉันจะไปพูดกับผู้อำนวยการจินเดี๋ยวนี้ อีกเดี๋ยวนายไปรอที่หน้าประตูศูนย์ตรวจร่างกาย ฉันจะเอายาไปให้นายที่นั่น ส่วนเรื่องเงินรอสอบเสร็จแล้วจะโอนให้นายอีกที นอกจากนี้…”

ถานเจิ้งผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ต้องทำให้ค่าปราณถึงขีดจำกัดให้ได้ด้วย ไม่อย่างนั้น แม้จะมีหวังจินหยางอยู่ นายอาจเกิดปัญหายุ่งยากตามมาเช่นกัน!”

“ผมเข้าใจแล้ว ลุงถานวางใจเถอะ!”

“…”

ด้านนอกศูนย์ตรวจร่างกาย

จินเค่อหมิงร้อนใจจนเหงื่อเต็มหน้าผาก หากไม่ใช่ว่าต้องวางมาดต่อหน้าผู้คน เขาคงบุกเข้าไปข้างในเองนานแล้ว!

ขึ้นชื่อว่าผู้อำนวยการกองการศึกษา เขาสามารถเดินตรวจตราทุกสถานที่ แต่ยกเว้นเขตตรวจปราณทางนั้นไว้แห่งหนึ่ง

ถานเจิ้นผิงยังไม่ออกมา การตรวจปราณจะเริ่มแล้ว จินเค่อหมิงลอบด่าในใจไม่หยุด รู้อย่างนี้เขาเรียกรวมกลุ่มนักเรียนดีกว่า

ขอเพียงแค่ล่อใจด้วยผลประโยชน์ ข่มขู่เล็กน้อย ถึงนักเรียนพวกนี้จะรู้ว่าเสี่ยง คงจะไม่ปฏิเสธอยู่ดี

ส่วนฟางผิงคนนั้น แม้คนของอันผิงและซิ่งซีจะบอกว่าใกล้ทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าแตะถึงขีดจำกัดจริงๆ หรือไม่

ในตอนที่กำลังครุ่นคิดว่าควรจะเข้าไปหรือไม่ ถานเจิ้นผิงกลับผลุนผลันออกมาจากประตูก่อน

จินเค่อหมิงเอ่ยอย่างร้อนใจ “เป็นยังไงบ้าง?”

“ผู้อำนวยการ…”

ถานเจิ้นผิงเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้ฟังคร่าวๆ แม้จะไม่ได้พูดตามที่ฟางผิงบอกทุกคำ แต่ก็เน้นย้ำเรื่องฟางผิงยังอนาคตไกล ทั้งยังมีหวังจินหยางสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

เงินสองล้านรวมกับยาบำรุงเลือดและปราณสามเม็ดเป็นข้อเสนอของฟางผิง

จินเค่อหมิงไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีอิทธิพลห้าอันดับแรกของรุ่ยหยาง ถึงเขาจะไม่รับใต้โต๊ะ แต่เงินในกระเป๋าตัวเองยังคงมีอย่างเหลือเฟือ

ก่อนหน้านี้เขาถึงกระทั่งเตรียมยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งสามสิบเม็ด ยิ่งไปกว่านั้นฟางผิงยังเสนอเงื่อนไขน้อยกว่าที่เขาคาดไว้

รอถานเจิ้นผิงพูดจบแล้ว จินเค่อหมิงรีบเอ่ยต่อทันที “ขอแค่เขาแตะขีดจำกัดได้ ฉันรับประกันว่าจะทำตามเงื่อนไขทั้งหมด!”

ส่วนหากทำไม่ได้ นึกถึงชายที่อยู่ห้องควบคุมบนตึกผู้นั้น เขาก็กลัวจนพูดส่วนที่เหลือไม่ออกแล้ว

“คนที่หวังจินหยางถูกใจ ฉันคิดว่าเขาคงไม่ทำให้ฉันผิดหวัง…”

จินเค่อหมิงปลอบใจตัวเอง หวังจินหยางยังอายุน้อย กลับอยู่ระดับเดียวกับเขาแล้ว

บุคคลเช่นนี้ คนที่เขาถูกใจคงจะไม่ใช่ไก่กา ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าเสนอเงื่อนไข นั่นหมายความว่าคงมั่นใจไม่น้อย

จินเค่อหมิงไม่ลังเลอีก รับขวดยาบำรุงมาจากเลขา ส่งให้ถานเจิ้นผิง “นายเอาไปให้เขา ฉันคงไม่ออกหน้าแล้ว”

“ได้!”

ถานเจิ้นผิงมองฟางผิงที่กำลังรออยู่ไม่ไกล ชูขวดในมือให้ดู ก่อนจะเดินไปหาเขา

ไม่นานฟางผิงก็ได้ยาบำรุงเลือดและปราณสามเม็ดมาอยู่ในมือ

เขาไม่แบ่งให้ถานเจิ้นผิงในทันที ตอนนี้จินเค่อหมิงยังอยู่ด้านนอก หากจะแบ่งคงต้องรอให้เรื่องราวสิ้นสุดก่อน

ยาบำรุงมาอยู่ในมือ ฟางผิงพลันสีหน้าชื่นมื่นขึ้นมา!

ลาภลอยมันเป็นอย่างนี้นี่เอง!

ตอนที่ฟางผิงได้ยามาอยู่ในมือ การตรวจปราณได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเช่นกัน

นักเรียนที่ผ่านการตรวจร่างกายก่อนหน้านี้ ต่างไปรวมตัวกันที่เขตตรวจปราณ

ด้านจินเค่อหมิง ใช้ข้ออ้างว่ามาลาดตระเวนตามจุดตรวจร่างกาย พาพวกถานเจิ้นผิง รวมทั้งคนของหน่วยสืบสวน ฝ่ายตรวจการศึกษาและหน่วยควบคุมการสอบเข้าไปในเขตตรวจปราณด้วยกัน

ลั่วทิงที่อยู่ห้องควบคุมบนตึกทราบถึงจุดประสงค์ของเขาเช่นกัน

ตามกฎแล้ว ผู้มีอำนาจของพื้นที่รุ่ยหยางไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขตตรวจปราณ เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต

แต่มีหน่วยสืบสวน ฝ่ายตรวจการศึกษาและหน่วยควบคุมการสอบไปด้วย คงไม่มีคนคิดว่าจินเค่อหมิงทุจริตอีกแล้ว

จินเค่อหมิงนั้นร้อนใจอยากจะรู้ผลลัพธ์เป็นคนแรก ลั่วทิงจึงปล่อยให้เขาสมใจปรารถนาสักหน่อย

เขตตรวจปราณ

ตอนนี้มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังกระวนกระวาย ฟางผิงที่ยังรออยู่ด้านหลังกลับทำตัวสบายใจเฉิบ ใบหน้าผ่อนคลายไม่น้อย

ทรัพย์สิน : 2,896,000

ปราณ : 149 แคล

จิตใจ : 172 เฮิรตซ์

ยาบำรุงเลือดและปราณสามเม็ด เพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขาอีกหกแสนสามหมื่นหยวน!

พอทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมา ฟางผิงค่อยคิดว่า บางทีเขาต้องทำเข้าใจกับระบบให้ลึกซึ้งขึ้นอีกขั้น

อย่างเช่นว่า หากหลังจากนี้เขาเอายาบำรุงเลือดและปราณให้ถานเจิ้นผิงหนึ่งเม็ด ค่าทรัพย์สินจะถูกหักหรือไม่?

ฟางผิงเคยเอาค่าขนมให้ฟางหยวนมาก่อน ตอนนั้นไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่หากเป็นวัตถุสิ่งของ คงพูดยากแล้ว

แทนที่ฟางผิงจะใส่ใจเรื่องตรวจปราณ กลับครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ในใจเสียอย่างนั้น

——————

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท