ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 86.1 สิทธิพิเศษ (1)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 86 สิทธิพิเศษ (1)

เมื่อแสดง ‘บัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์ชั่วคราว’ กับยามหน้าประตูแล้ว ฟางผิงจึงได้รับอนุญาตเข้าไปในมหาวิทยาลัย

พื้นที่มหาวิทยาลัยกว้างขวางอย่างมาก แม้เวลานี้จะมีนักศึกษาหลายคนไม่กลับบ้าน เดินกันกระจัดกระจายอยู่ภายใน แต่ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะเดินชนใครอยู่ดี

ฟางผิงเห็นว่า เวลามีไม่มากแล้ว เขาเลยไม่คิดเดินเล่นต่อ

ถามตำแหน่งจุดต้อนรับกับยามแล้ว ฟางผิงรีบตรงดิ่งไปที่นั่นทันที

เดินภายในมหาวิทยาลัยเจ็ดแปดนาที ฟางผิงค่อยเจอจุดต้อนรับ

เป็นตึกเก่าสามชั้น เทียบกับสิ่งก่อสร้างรอบๆ แล้ว ดูเก่าไปอยู่บ้าง

คล้ายกับที่สถานีรถไฟ ชั้นหนึ่งถูกจัดเป็นโถงให้บริการ พื้นที่กว้างขวางไม่น้อย

แต่ตอนนี้ภายในเงียบสงัด เพราะยังไม่ถึงเวลารายงายตัวนักศึกษาใหม่ ทั้งปกติจุดต้อนรับนี้มีไว้เพื่อรองรับผู้ปกครองที่มาเยี่ยมเยือนนักศึกษา

นักศึกษาบางคนออกปฏิบัติภารกิจด้านนอก ผู้ปกครองที่มาเยี่ยมพวกนี้จะอยู่ในความดูแลของพวกเขาเช่นกัน

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้กระเป๋าหนาอยู่แล้ว เมื่อผู้ปกครองมาโดยที่นักศึกษาไม่ทันจัดเตรียมอะไร ทางมหาวิทยาลัยก็จะจัดการที่พักและอาหารให้

“ก็อกๆ…”

ฟางผิงเคาะประตูกระจกเบาๆ ภายในโถงโล่งกว้าง เสียงเคาะประตูจึงก้องกังวานอย่างยิ่ง

“เชิญค่ะ!”

คล้อยหลังเสียงเคาะประตูไม่นาน หญิงวัยกลางคนที่นั่งงีบหลับหลังเคาน์เตอร์รีบลุกขึ้นมา

รอจนฟางผิงเข้ามา หญิงวัยกลางคนเห็นเขาลากกระเป๋าสัมภาระ ค่อยเอ่ยอย่างแปลกใจ “นักศึกษาใหม่?”

ถ้าไม่ใช่นักศึกษาใหม่ คงไม่มีความจำเป็นต้องมาที่นี่

“สวัสดีครับคุณป้า ผมเป็นนักศึกษาใหม่ นี่คือหนังสือตอบรับของมหาวิทยาลัย…”

ฟางผิงเกรงใจอย่างยิ่ง รีบควักจดหมายตอบรับของตัวเองออกมา ถือโอกาสยื่น ‘บัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์ชั่วคราว’ ให้ด้วย

หญิงวัยกลางคนกวาดสายตาดูผ่านๆ เอ่ยว่า “ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยยังไม่ทันจัดเตรียมห้องพักเลยค่ะ ปกตินักศึกษาใหม่จะล่วงหน้ามาก่อนแค่สี่ห้าวัน แต่นี่ห่างจากวันเปิดเทอมเป็นเดือน…”

หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้ว ทำสีหน้าลำบากใจ

สาเหตุที่นักศึกษาใหม่มาจุดต้อนรับ ต้องเป็นเพราะอยากให้จัดการเรื่องที่พักให้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ทางหอพักยังไม่ทันตระเตรียมเสร็จดี จะให้เข้าตอนนี้คงไม่สะดวกนัก

แต่ตอนอยู่สถานีรถไฟ เฉินจื่อชวนบอกว่าถ้ามีอะไรติดขัดสามารถติดต่อมหาวิทยาลัยได้ ทั้งฉินเฟิ่งชิงก็พูดให้เขามาที่จุดต้อนรับเหมือนกัน

สิ่งที่พวกเขาพูดต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว

หากเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยทั่วไป นักศึกษามาเร็วขนาดนี้ คงต้องจัดการตัวเอง มหาวิทยาลัยไม่สนใจคุณหรอก

แต่ถึงจะบอกว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป็นมหาวิทยาลัย อันที่จริงกลับเป็นศูนย์รวมกำลังทางเศรษฐกิจของผู้ฝึกยุทธ์แห่งหนึ่งมากกว่า

และนักศึกษาของที่นี่ยังเป็นความภาคภูมิใจจากสวรรค์ เป็นเสาหลักในอนาคต

แม้หญิงวัยกลางคนจะมีท่าทีลำบากใจ แต่ครุ่นคิดเล็กน้อยยังคงเอ่ยว่า “ตอนนี้ทางหอพักยังไม่พร้อมให้บริการ การรายงานตัวก็ยังไม่เริ่ม หากนักศึกษาไม่ติดขัดอะไร ฉันจะจัดการให้คุณพักที่โรงแรมมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ที่อยู่ด้านนอกของมหาวิทยาลัยก่อน รอการรายงานตัวเริ่มแล้ว คุณค่อยเข้ามาอีกที ถึงเวลานั้นฉันจะจัดการให้ใหม่”

ฟางผิงนึกไม่ถึงอยู่บ้างว่าจะทีที่พักให้จริงๆ

โรงแรมมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ แค่ฟังก็รู้แล้วว่าเป็นกิจการของมหาวิทยาลัย

ฟางผิงไม่ทันหาที่พักของตัวเอง ในเมื่อมหาวิทยาลัยสามารถจัดการให้ เขาคงไม่ต้องเสียเวลาหาเองแล้ว

ประหยัดเงินเป็นเรื่องรอง ประเด็นสำคัญคือเขาไม่ค่อยคุ้นชินกับแถวนี้เท่าไหร่

อยู่ที่โรงแรมของมหาวิทยาลัยไปก่อน หากเขารู้สึกไม่คุ้นชิน ค่อยไปหาห้องใหม่อีกที

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา งั้นคงต้องรบกวนคุณป้าแล้ว”

“ไม่ต้องเกรงใจ ฉันจะลงทะเบียนให้ก่อนแล้วกัน”

พนักงานจุดต้อนรับคนนี้แตกต่างจากมหาวิทยาลัยที่อื่น บางมหาวิทยาลัย คนพวกนี้จะกลัวเรื่องวุ่นวายเป็นที่สุด ทั้งยังพูดจากระโชกโฮกฮากระคายหู

หากมีนักศึกษาที่ไม่ทำตามระเบียบมาขอความช่วยเหลือ พวกเขาคงจะเมินเฉยเท่านั้น

แต่ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ สถานการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นน้อยมาก

ไม่มีความจำเป็นต้องทำเรื่องเล็กน้อยเพื่อล่วงเกินนักศึกษาที่อนาคตไกลพวกนี้

หญิงกลางคนเริ่มบันทึกข้อมูลของฟางผิง ตอนนี้ถึงค่อยให้ความสนใจกับบัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์ของฟางผิง

รอจนกวาดสายตามองแล้ว เธอยังจ้องจอคอมอยู่พักใหญ่

ก่อนจะมองไปทางฟางผิงเพื่อยืนยันให้แน่ใจ เวลานี้เธอค่อยเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “นักศึกษาฟางผิง หลังจากตรวจร่างกายก็ทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้วเหรอคะ?”

“เปล่าครับ ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์”

“หมายความว่าหลอมกระดูกครั้งที่สองแล้ว?”

“ใช่ครับ”

ฟางผิงคร่ำครวญในใจ นี่คือความแตกต่างระหว่างเมืองเล็กกับเมืองใหญ่สินะ?

ในหยางเฉิงแทบไม่มีคนรู้เรื่องหลอมกระดูกครั้งที่สอง

แต่พอมาอยู่เซี่ยงไฮ้เหมือนจะรู้กันเกือบทุกคน

แน่นอนว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนที่ฟางผิงพบเจอเช่นกัน พวกเฉินจื่อชวนนั้นรับผิดชอบต้อนรับผู้ฝึกยุทธ์โดยเฉพาะ

ฉินเฟิ่งชิงเป็นนักศึกษาของที่นี่ ทั้งหญิงวัยกลางคนข้างหน้าก็เป็นพนักงานของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้

พวกเขาจะรู้เรื่องหลอมกระดูก ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

นักศึกษาในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงยังมีคนที่หลอมกระดูกครั้งที่สองแล้วไม่น้อย นับประสาอะไรกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้

“เก่งจริงๆ!”

ได้ฟังคำยืนยันจากฟางผิงแล้ว หญิงวัยกลางคนอดชื่นชมไม่ได้

วันที่ 1 พฤษภาคม ปราณหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล

วันที่ 31 กรกฎาคม ปราณสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบแคล!

ระยะเวลาสามเดือน หลังจากถึงขีดจำกัด สามารถทะลวงได้เร็วขนาดนี้ นับว่าไม่ง่ายจริงๆ

แน่นอนว่า แม้เวลาสามเดือนจะเป็นเรื่องยาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีคนทำไม่ได้ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้มีอัจฉริยะมากมาย

ฟางผิงไม่คิดจะอธิบายอะไร ความจริงเขาหลอมกระดูกครั้งที่สองสำเร็จตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนแล้ว

ต้นเดือนกรกฎาคม ปราณของฟางผิงแตะที่หนึ่งแปดสิบเก้าแคล

ตอนนี้ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ฟางผิงคงไม่ย่ำอยู่ที่เดิม

ทรัพย์สิน : 2,800,000

ปราณ : 196 แคล (199 แคล)

จิตใจ : 197 เฮิรตซ์ (199 เฮิรตซ์)

ตอนที่ปราณถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าแคล ทรัพย์สินของฟางผิงอยู่ที่สามล้านสองแสน ต่อมาได้รับเงินหนึ่งแสนจึงเพิ่มเป็นสามล้านสามแสน

ตอนนี้ปราณเพิ่มขึ้นมาสิบแคล ค่าจิตใจเท่าเดิม ฟางผิงเสียทรัพยากรไปกว่าห้าหมื่น

และหลังจากค่าปราณและจิตใจถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้า ฟางผิงก็ติดอยู่ตรงนี้มาสามวันแล้ว เดือนนี้ค่าจิตใจไม่เปลี่ยนแปลงด้วยซ้ำ

ก่อนหน้านี้เดาว่าขีดจำกัดอาจจะอยู่ที่สองร้อยแคล ตอนนี้ถือว่าได้รับการพิสูจน์แล้ว

ถ้าไม่ต่างจากที่คาด ขอแค่ฟางผิงสะสมปราณให้ถึงสองร้อยแคล เขาคงจะสามารถหลอมกระดูกครั้งที่สามได้แล้ว

เมื่อหลอมกระดูกครั้งที่สามสำเร็จ ฟางผิงก็จะเตรียมทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์

“ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน ถึงจะทะลวงจุดนี้ไปได้…”

เขาพึมพำในใจ ดูจากค่าจิตใจที่ไม่ขยับไปไหนของเดือนแล้ว ฟางผิงรู้ได้ทันทีว่า ตัวเลขสองร้อยนั้นเป็นด่านยากสุดๆ

คนธรรมดาที่หลอมกระดูกครั้งที่สามยังมีน้อยมาก ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงไม่มีสักคน แต่ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้เหมือนจะมีคนที่หวังจินหยางรู้จักอยู่คนหนึ่ง

กว่าจะมาถึงจุดนี้ต้องยากลำบากไม่ใช่น้อยอยู่แล้ว

หญิงกลางคนกล่าวชื่นชม ช่วยฟางผิงลงทะเบียนข้อมูล พลางเอ่ยว่า “หากนักศึกษาฟางผิงอยากจะทะลวงด่าน ให้ทางโรงแรมมาแจ้งกับมหาวิทยาลัยได้ แม้จะยังไม่เปิดเทอม แต่นักศึกษาที่ถึงขีดจำกัดและหลอมกระดูกครั้งที่สองแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะจัดเตรียมอาจารย์ไปให้ความดูแล”

เมื่อมีความสามารถ แน่นอนว่าต้องได้รับการปฏิบัติที่แตกต่าง

หากฟางผิงไม่ได้หลอมกระดูกครั้งที่สอง ถึงตอนนี้ปราณเขาจะอยู่ที่หนึ่งร้อยห้าสิบแคล อยากทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ มหาวิทยาลัยอาจจะไม่ให้ความสนใจเขาเสมอไป

ยังไงก็ยังไม่เปิดเทอม เพื่อคนที่แหกกฎคนหนึ่ง ยังต้องรบกวนอาจารย์ คนทั่วไปไม่ได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้หรอก

เรื่องทะลวงด่านต้องใช้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง อาจารย์พวกนี้ไม่ใช่ว่ากวักมือเรียกแล้วจะมาทันทีสักหน่อย

ฟางผิงได้ฟังเรื่องนี้ ยังตกใจอยู่บ้าง “ตอนนี้ก็ได้เหรอครับ?”

————————

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท