ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 110-2 ความเร็วของการหลอมกระดูก (2)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 110 ความเร็วของการหลอมกระดูก (2)

ฟางผิงลอบแปลกใจอยู่บ้าง หวังจินหยางทะลวงขั้นเร็วเกินไปแล้ว

ถึงมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะเป็นที่รวมตัวของอัจฉริยะ แต่คนที่ขึ้นปีสองกลับสามารถทะลวงขั้นสี่ได้ ฟางผิงแทบไม่เคยได้ยินมาก่อน

แม้จะเป็นเซี่ยเหล่ยที่หลอมกระดูกสามครั้งคนนั้น ตอนนี้ก็เพิ่งอยู่ขั้นสองตอนปลายเท่านั้น กว่าจะถึงขั้นสามยังต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่ง

พวกคนที่เคยปะมือกับหวังจินหยาง ยังอยู่ขั้นหนึ่งกันไม่น้อย ระยะห่างนี้ไม่ใช่เล่นๆ เลย

“ไม่ใช่ว่าหมอนั้นก็โกงเหมือนกันหรอกนะ?”

ฟางผิงลอบพึมพำ คนที่หลอมกระดูกอย่างแท้จริงถึงจะเข้าใจความยากนี้ได้

กระดูกถูกหลอม ปราณของผู้ฝึกยุทธ์มีขีดกำจัด ทุกครั้งจึงมีการพัฒนาอย่างช้าๆ เท่านั้น

กระดูกส่วนแขนขายังพอว่า นอกจากกระดูกขาและกระดูกแขน ส่วนอื่นก็ขนาดไม่ใหญ่แล้ว ใช้เวลาหลอมแค่ไม่นาน

แต่กระดูกแกนกลาง รวมทั้งกระดูกสันหลัง นั่นเป็นส่วนที่หลอมยากจริงๆ

นักศึกษาหลายคนหยุดอยู่ที่ขั้นสามตอนต้น เพราะการหลอมกระดูกแกนกลางนั้นเป็นเรื่องยาก มีความเสี่ยงกว่าการหลอมกระดูกแขนขาเช่นกัน

กระดูกแกนกลางมีทั้งหมดห้าสิบเอ็ดชิ้น แม้จะไม่ขาดแคลนเรื่องทรัพยากร โดยปกติใช้เวลาสิบวันหลอมกระดูกหนึ่งชิ้นก็ถือว่าไวแล้ว

เมื่อลองคำนวณต้องใช้ถึงห้าร้อยสิบวัน กินเวลาเกือบหนึ่งปีครึ่ง!

แต่เหล่าหวังใช้เวลาไปเท่าไหร่กัน?

กลางเดือนเมษายนทะลวงขั้น อาจจะหลอมกระดูกเสร็จสิ้นตอนเดือนสิงหาคม

ผ่านไปแค่สี่เดือน เฉลี่ยแล้วหลอมกระดูกหนึ่งชิ้นใช้เวลาประมาณสองวันครึ่ง

ความเร็วเช่นนี้ ถ้าอยู่ในขั้นหนึ่งอาจเป็นไปได้ แต่ขั้นสาม กระทั่งคนในมหาวิทยาลัยของเขายังพูดยากเลย

พวกจ้าวเหล่ยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้งเหมือนกัน

ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ก็หลอมกระดูกขาไปแล้วสามสิบเอ็ดชิ้น

ตอนนี้เปิดเทอมมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ทั้งอยู่ในความดูแลของอาจารย์ขั้นหกตอนปลาย

ช่วงนี้ฟางผิงได้ยินฟู่ชางติ่งเล่าว่า จ้าวเหล่ยหลอมกระดูกเสร็จไปแล้วสามสิบห้าชิ้น

ครึ่งเดือนหลอมกระดูกสี่ชิ้น ตกชิ้นละสี่วัน

คาดการณ์จากความเร็วนี้ จ้าวเหล่ยคงจะหลอมกระดูกขาเสร็จอีกประมาณสามถึงสี่เดือน

คงจะอยู่ขั้นหนึ่งตอนปลายอีกพักใหญ่ ถ้าหากราบรื่น ปลายปีหรือเทอมหน้าก็มีโอกาสจะทะลวงขั้นสอง

แน่นอนว่าแค่มีโอกาสเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะราบรื่นเสมอไป

พวกฟู่ชางติ่งไม่ต่างกันเท่าไหร่ ไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพยากร อยู่ขั้นหนึ่งใช้เวลาสี่ห้าวันหลอมกระดูกหนึ่งชิ้นถือว่าไวแล้ว

คนเหล่านี้ล้วนเป็นนักศึกษาที่โดดเด่นในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ หรือจะพูดว่าเป็นนักศึกษาแนวหน้าของประเทศ!

แต่ฟางผิงที่มีระบบโกงช่วยเหลือ ทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์วันที่สี่ จนถึงวันนี้นับเป็นสิบวันพอดี

เวลาสิบวัน ไม่นับค่าทรัพย์สินที่สิ้นเปลืองเพื่อรักษาปราณให้เต็มเปี่ยมอยู่ตลอด

หลอมแค่กระดูกชิ้นเล็กๆ อย่างนิ้วเท้า เวลาสิบวันหลอมกระดูกนิ้วเท้าได้สิบชิ้นพอดี

ใช้เวลาชิ้นละวัน ความเร็วที่น่าตกใจนี้ แน่นอนว่าค่าทรัพย์สินก็สิ้นเปลืองจนน่าตกใจเช่นกัน

พอถึงช่วงหลัง ความเร็วจะค่อยลดลง ฟางผิงคิดว่า ตอนที่เขาอยู่ขั้นสามอาจจะไม่สามารถหลอมกระดูกแกนกลางเสร็จสิ้นภายในสี่เดือนด้วยซ้ำ

“ไม่สนแล้ว หลอมกระดูกเท้าแล้วค่อยว่ากันอีกที กระดูกเท้ายี่สิบหกชิ้น ตอนนี้หลอมไปแล้วสิบชิ้น เหลืออีกสิบหกชิ้น ต้องพยายามทำให้สำเร็จก่อนปลายเดือน”

กระดูกเท้าถือเป็นอวัยวะที่สำคัญ ถ้าหลอมส่วนนี้สำเร็จ พลังสังหารก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

รวมกับรองเท้าราคาสูงลิ่วของเขา ฟางผิงคิดว่า คงจะสามารถระเบิดพลังต่อสู้ได้อีกเป็นเท่าตัว

นึกถึงรองเท้า ฟางผิงค่อยคิดขึ้นมาได้ วันนี้น่าจะเสร็จแล้ว

ฝ่ายบริการ

ในที่สุดฟางผิงก็ได้รองเท้าราคาสูงลิ่วมาอยู่ในมือ เขาอดใจไม่ไหวอยากจะเปลี่ยนรองเท้ากีฬาเป็นรองเท้าคู่ใหม่นี้แล้ว

รองเท้าใหม่ไม่ใช่บูทยาวข้อสูง แต่เป็นบูททหารที่ข้อไม่สั้นไม่ยาวมาก

ทั่วทั้งรองเท้าเป็นสีดำ ฟางผิงเคาะพื้นรองเท้า รับรู้ได้ถึงเนื้อโลหะ

แต่พอเหยียบบนพื้น กลับไม่มีเสียงกระทบของโลหะ ถือว่าจัดการได้ดีทีเดียว

ปลายรองเท้าแหลมขึ้นมาอยู่บ้าง แต่ไม่ได้โผล่ออกมาจนเกินพอดี เป็นสีดำเช่นกัน มองดูแล้ว ไม่เหมือนทำมาจากโลหะแม้แต่น้อย

ฟางผิงใช้มือลูบสัมผัส ปลายรองเท้าไม่ได้เกลี้ยงเกลา ออกจะขรุขระไม่ลื่นมือเท่าไหร่

ผู้ฝึกยุทธ์ประจำจุดแลกเปลี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ลองทดสอบพลังได้ จะสวมใส่วันปกติก็ไม่สะดุดตา ระบายอากาศได้ดี ผู้ฝึกยุทธ์ออกกำลังกายค่อนข้างหนักหน่วง เหงื่อออกเท้าง่าย รองเท้าคู่นี้ดูดซับเหงื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดีเช่นกัน นอกจากนี้ ของที่ทำจากมหาวิทยาลัยยังมีการรับประกัน ภายในเวลาสามปี ถ้ามีปัญหาสามารถติดต่อพวกเราได้ ช่วยซ่อมให้คุณฟรี หรือเปลี่ยนใหม่ได้เช่นกัน!”

ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่พูดอะไรอีก เปลี่ยนรองเท้าใหม่ ก่อนจะมองไปรอบๆ

“มาทดสอบประสิทธิภาพที่นี่ได้”

ผู้ฝึกยุทธ์ประจำจุดแลกเปลี่ยนพาฟางผิงเข้ามาหลังเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ แบ่งส่วนเป็นห้องเล็กๆ

อีกฝ่ายเปิดประตูห้องหนึ่งในนั้น ด้านในยุ่งเหยิงอยู่บ้าง มีข้าวของกองปะปนกันกระจัดกระจาย

ส่วนมากเป็นมีดและดาบที่หักชำรุด ทั้งยังมีแผ่นเหล็กที่ยุบเป็นหลุมอยู่เช่นกัน…

“นี่เป็นสถานที่ที่ทุกคนมักจะมาทดสอบอาวุธ ดาบและวัสดุเหล็กของที่นี่ อยู่ในระดับ F แข็งทนทานกว่ามีดที่ใช้ในบ้านอยู่มาก อาวุธระดับ E สามารถทิ้งรอยไว้บนนี้ได้ง่าย คุณลองทดสอบดู”

ฟางผิงไม่ชักช้าอีก อาศัยการแทงเท้าเตะออกไปที่แผ่นเหล็กอันหนึ่ง

‘เคร้ง’

ก่อนเสียงกระทบของโลหะจะดังเสียดหูขึ้นมา สะท้อนรอบทิศ

เท้าของฟางผิงไม่ได้สัมผัสถึงความเจ็บหรือไม่สบายอะไร เขาหยิบแผ่นเหล็กมาดู

แววตาของฟางผิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่วนของแผ่นเหล็กที่ถูกปลายรองเท้านั้นทะลุเป็นหลุมหนึ่ง!

เขาค้อมตัวลง ลูบหัวรองเท้า ความรู้สึกที่เขาสัมผัสเมื่อครู่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

ฟางผิงถอนหายใจเบาๆ “ถ้าเตะถูกคน กระดูกของผู้ฝึกยุทธ์ที่ผ่านการหลอมแล้วก็หักได้ใช่ไหมครับ?”

ผู้ฝึกยุทธ์ประจำจุดแลกเปลี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน แต่ไม่ใช่ทุกคนเหมือนกัน อย่างเช่นเจอผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง เอ็นและกระดูกอีกฝ่ายมีความทนทาน ปราณมหาศาล คงไม่ปล่อยให้กระดูกรับตรงๆ อยู่แล้ว แม้อีกฝ่ายจะให้คุณเตะโดน แรงจะถูกถ่ายโอนไปกว่าครึ่ง ต่อมาปราณจะสะท้อนกลับ ความเสียหายจะเกิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

“อาวุธจะทรงอานุภาพหรือไม่ ต้องดูที่คนใช้ คุณไม่มีความสามารถ ให้อาวุธโลหะผสมระดับ A ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่การแทงเท้าของคุณไม่แย่เลย รวมกับรองเท้าคู่นี้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งหรือสองที่ถูกคนเตะโดน ถ้าไม่ตายก็คงจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ยังคงเป็นประโยคนั้น อาวุธอยู่ที่คนใช้ คุณเตะไม่โดนอีกฝ่าย อาวุธจะแข็งแกร่งขนาดไหนคงไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าคุณมีฝีมือ ไม่ต้องใช้อาวุธ หมัดเดียวอาจทำให้คนตายได้แล้ว”

ฟางผิงพยักหน้า ถือว่าเห็นด้วยกับคำพูดนี้

ตอนนี้ให้อาวุธโลหะผสมระดับ A กับเขา เขาจะกล้าเสี่ยงชีวิตไปสู้กับปรมาจารย์หรือไง?

ตลกแล้ว แค่อีกฝ่ายระเบิดปราณ เขาก็ถูกกดดันจนต้องคุกเข่าลงกับพื้นแล้ว ไม่มีโอกาสเฉียดกายเข้าใกล้ด้วยซ้ำ

ลองรองเท้าแล้ว ฟางผิงไม่คิดรั้งตัวอยู่นาน เขาใส่รองเท้าใหม่ออกมาจากฝ่ายบริการ

พอเขาออกมา ผู้ฝึกยุทธ์ที่ประจำจุดแลกเปลี่ยนก็ยกแผ่นเหล็กที่เขาเตะมาดู

ลูบอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พลังทะลวงไม่ใช่เล่นเลย น่าจะเพิ่งเรียนแทงเท้าได้ไม่นาน มีพลังเต็มเปี่ยมแล้ว ถ้าหลอมกระดูกเท้าเสร็จสิ้น ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งพวกนั้นคงต้องระวังตัวแล้ว”

ยังหลอมกระดูกไม่เสร็จ ฟางผิงเตะถูกอีกฝ่าย ตัวเองก็จะได้รับแรงสะเทือนกลับเช่นกัน กระดูกเท้าอาจจะแตกด้วยซ้ำ แต่ถ้าหลอมกระดูกเสร็จสิ้น คงให้ผลลัพธ์แตกต่างแล้ว

“นักศึกษาใหม่แข็งแกร่งขึ้นปีแล้วปีเล่า คนที่แก่แล้ว ก็ใช้ชีวิตตอนแก่อย่างสงบตรงนี้ละกัน…”

แม้คนผู้นี้จะผมดำขลับทั้งหัว แต่อายุกลับไม่ใช่น้อย ปาเข้าไปเกือบหกสิบแล้ว

——————

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท