ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 133 ฝึกฝน (1)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 133 ฝึกฝน (1)

เช้าตรู่วันต่อมา

หน้าประตูมหาวิทยาลัย

ฟางผิงแบกเป้ รออยู่หน้าประตู

ไม่นานก็มีคนมา

โจวสือผิงมาเร็วอย่างยิ่ง ขับรถยนต์ทั่วไปที่ผลิตในประเทศ ยื่นหน้าออกมาทักทาย “นักศึกษาฟางผิง!”

“สัวสดีครับอาจารย์!”

“อืม เธอ…ไม่ได้ขับรถมา?”

คำถามของโจวผิงสือทำให้ฟางผิงไม่รู้จะตอบยังไงอยู่บ้าง

ไม่นานฟางผิงค่อยเข้าใจถึงความหมายนั้น

จ้าวเสวี่ยเหมยมาพร้อมรถยนต์

ถังซงถิงขับรถเปิดประทุนโฉบเฉียวคันหนึ่งเข้ามาเช่นกัน

ส่วนเพื่อนนักศึกษาอีกเจ็ดคน มีสามคนขับรถมา อีกสี่คนเดินเท้า

ทั้งหมดสิบเอ็ดคน ขับรถมาหกคนแล้ว!

ฟางผิงอยากกระอักเลือดออกมาอยู่บ้าง จำเป็นด้วยเหรอ?

อาจเป็นเพราะโจวสือผิงอยู่ข้างนอก จึงพูดเยอะกว่าปกติ ทั้งยังเป็นมิตรมากขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “การทำภารกิจ ขับรถจะเหมาะสมกว่า บางภารกิจที่ตามจับคนร้าย ถ้าคนร้ายขับรถก็จะเป็นปัญหาขึ้นมาแล้ว…”

ฟางผิงกำลังจะพูดว่า เขาไม่เห็นหวังจินหยางและฉินเฟิ่งชิงขับรถเลย

แต่คิดไปคิดมา ตัวเองเพิ่งสนิทกับพวกเขาไม่นาน ใครจะรู้ว่าพวกเขามีรถหรือไม่มี

อีกอย่างสองคนนี้น่าจะไปถ้ำใต้ดินค่อนข้างบ่อย ไม่จำเป็นต้องใช้รถเช่นกัน

แต่จะซื้อรถสักคัน ฟางผิงคิดว่ายังจำเป็นจริงๆ

ฟางผิงพึมพำในใจ ใบหน้ากลับไม่ปรากฏอะไร เอ่ยว่า “ทุกคนหารถขึ้นเถอะ ฉันจะนั่งกับจ้าวเสวี่ยเหมย ไปที่หน่วยสืบสวนเขตเป่ยติ้ง อย่าเพิ่งแยกย้ายกันล่ะ”

“ได้!”

ทุกคนตอบรับ ก่อนจะพากันขึ้นรถ

เขตเป่ยติ้งอยู่ทางเหนือของเซี่ยงไฮ้ เมืองมหาวิทยาลัยนั้นอยู่ทางใต้ อยู่ติดกับเขตหนานเฟิ่ง”

จากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไปถึงเขตเป่ยติ้ง ระยะทางไม่ใช่น้อยๆ เลย

บนรถ

จ้าวเสวี่ยเหมยเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ในที่สุดก็รับภารกิจได้สักที ฉันรู้เรื่องรับภารกิจ ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว”

“จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย?”

“แน่นอนสิ นายจะเข้าใจอะไร ภารกิจของมหาวิทยาลัยเป็นการบังคับใช้กฎหมายที่เที่ยงตรงโปร่งใส ทั้งยังได้เงินอีกด้วย นี่ไม่เหมือนกับที่นายแข่งขันเอาชนะครั้งก่อน การฆ่าคนตายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เหมือนกับครั้งนี้ หากหลินจวินอยู่ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ เสนอการแลกเปลี่ยนความรู้ทั่วไป พลั้งมือฆ่าคนก็จะไม่อาจถูกจับหรอก หรืออย่างพวกเรารับภารกิจของอีกฝ่ายแล้ว พลั้งมือฆ่าอีกฝ่าย ยังมีรางวัลให้เช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์มีปราณสูง บางครั้งเกิดอารมณ์พลุ่งพล่าน ความพลุ่งพล่านนี้ต้องระบายออกมา ไม่งั้นจะคับข้องอยู่ภายในใจ”

ฟางผิงไม่มีคำพูดจะแย้ง เงียบไปสักพัก ค่อยเอ่ยว่า “อย่าจริงจังเกินไป ตายไปก็ไม่เหลืออะไรทั้งนั้น”

“รู้แล้วน่า แค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนกลางเท่านั้น…”

ฟางผิงไม่ได้พูดอะไร ทำอย่างกับว่าเธอไม่ใช่อย่างนั้นแหละ

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งแยกค่อนข้างง่าย หลอมกระดูกข้างหนึ่งคือตอนกลาง ส่วนตอนปลายและสูงสุดบางครั้งก็ไม่ได้แบ่งแยกละเอียดอะไรขนาดนั้น

หลอมกระดูกสองข้างแล้ว นั่นคือสูงสุด ส่วนตอนปลาย หลอมกระดูกห้าสิบชิ้นขึ้นไปเรียกว่าตอนปลายได้แล้ว

แต่เพราะการหลอมกระดูกช่วงบนและล่างมีความแตกต่าง จึงไม่ได้แบ่งอย่างเข้มงวดนัก

ทั้งไม่มีใครคิดจะแบ่งจริงจัง ต่างนับว่าเป็นคนอ่อนแอเหมือนกัน จะแบ่งให้ชัดเจนไปทำไม

ห้าสิบนาทีต่อมา

หน่วยสืบสวนเขตเป่ยติ้ง

เป่ยติ้งเป็นเขตหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ เซี่ยงไฮ้นั้นมีทั้งหมดหกเขต ประชากรและเศรษฐกิจของทุกเขตค่อนข้างรุ่งเรืองกว่าเมืองระดับจังหวัดเสียอีก

หน่วยสืบสวนของเขตเป่ยติ้งตั้งอยู่สูงตระหง่าน!

เป็นตึกใหญ่ที่เชื่อมต่อกัน ตึกใหญ่นั้นมียี่สิบกว่าชั้น

พวกฟางผิงทยอยกันลงรถ ยามเฝ้าประตูบันทึกข้อมูลบนบัตรผู้ฝึกยุทธ์ของพวกเขา หลังจากนั้นห้านาทีก็มีคนออกมาต้อนรับ

“พวกเธอคือนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้?”

คนที่มารับพวกเขาเป็นชายอายุประมาณสาบสิบกว่าปี บุคลิกหน้าตามาดแมน สวมชุดยูนิฟอร์ม

โจวสือผิงไม่ได้ลงจากรถ ฟางผิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้า จึงเป็นฝ่ายรับบทสนทนา “พวกเราเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ รับภารกิจของเขตเป่ยติ้งเลยเข้ามาสอบถามสักหน่อย อยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษหรือเปล่า”

“พวกเธอรับภารกิจเป็นครั้งแรก?”

“ครับ ผมชื่อฟางผิง เป็นหัวหน้าทีมของภารกิจครั้งนี้ พี่ชายชื่ออะไรเหรอครับ?”

“เรียกฉันว่าพี่เจิ้งก็ได้ ตามฉันมาเถอะ!”

ชายคนนั้นไม่พูดมาก นำทางทุกคนเดินไปด้านในหน่วยสืบสวน

ไม่ได้เข้าไปในตึกหลัก ชายคนนั้นพาพวกเขาเข้ามาในสำนักงานที่อยู่ตึกด้านข้าง ห้องค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

“พวกเธอรับภารกิจอะไร? หมายเลขที่เท่าไหร่?”

“200808301217 ชื่อหลินจวิน”

ชายคนนั้นเปิดคอมพิวเตอร์ตรวจสอบข้อมูล ไม่นานก็เอ่ยว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนกลาง ฝีมือไม่ได้กล้าแกร่งมาก สาเหตุที่มอบภารกิจนี้ให้มหาวิทยาลัย เป็นเพราะหมอนี้ทำพวกเราสิ้นเปลืองเวลาไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ได้กล้าแกร่งอะไร แต่เป็นคนเจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อน มีไหวพริบหลบหลีกหน่วยลาดตระเวน ทั้งยังรู้สถานการณ์ของหน่วยสืบสวนอย่างทะลุปรุโปร่ง แค่พวกเราเข้าใกล้ เขาก็รับรู้ได้ทันที เปลี่ยนที่กลบดานใหม่อย่างรวดเร็ว ตอนนี้น่าจะอยู่เป่ยติ้งหรือแถบชานเมือง…”

“คนยังอยู่ในเป่ยติ้ง?”

ชายสกุลเจิ้งพยักหน้าว่า “ยังอยู่ มีคนเคยเจอ ดังนั้นฉันถึงบอกว่าเขาปลิ้นปล้อน ทั้งยังใจกล้าในขณะเดียวกัน ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ทุกคนน่าจะเข้าใจดี เขาไปเผยตัวที่อื่น แล้วก็กลับมาแถวเป่ยติ้งอีกที หากไม่ใช่ว่าถูกคนพบเข้า พวกเรายังจะคิดว่าเขาหนีไปแล้ว”

“แต่เป่ยติ้งและแถบชานเมืองก็ไม่ได้เล็กๆ เลย ประชากรค่อนข้างเยอะ พี่เจิ้งบอกตำแหน่งที่ชัดเจนกว่านี้ได้หรือเปล่า?”

ชายสกุลเจิ้งไม่พูดมาก หยิบแผนที่ใบหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่เขตระหว่างเป่ยติ้งและแถบชานเมือง “มีคนพบหลินจวินที่นี่ แต่ตอนนี้ยังอยู่หรือเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะหนีไปแล้ว หรืออาจจะยังอยู่ แต่หลินจวินมีนิสัยอย่างหนึ่งคือชอบเล่นพนัน! ครั้งก่อนที่เขาฆ่าคน เป็นเพราะเรื่องพนัน ตอนนี้เขาอาจจะห้ามใจไม่อยู่ก็ได้ แถวเป่ยติ้งและชานเมืองมีบ่อนพนันใต้ดินหลายแห่ง…”

“บ่อนพนันใต้ดิน?”

“นั่นเป็นเรื่องของพวกตำรวจ ไม่เกี่ยวกับพวกเรา”

ชายสกุลเจิ้งเข้าใจความหมายของเขาดี จึงเอ่ยออกไป “นายดูเอาเองเถอะว่าจะทำยังไง จะปล้นจะแย่งตามใจนาย แต่สาเหตุที่บ่อนพนันใต้ดินสามารถเปิดได้ คงเป็นเพราะวางแผนเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ไว้แล้ว พวกเธออาจจะไม่มีความสามารถเสมอไป พยายามอย่าก่อปัญหาแล้วกัน หากพวกเขายังไม่ให้ผู้ฝึกยุทธ์ทำลายระเบียบสังคมนี้ พวกเราไม่อาจแตะต้องได้ แต่ถ้าถูกพวกเธอกวาดล้างได้จริงๆ นั่นสมควรแล้ว ให้พวกตำรวจมาเก็บกวาดก็เพียงพอแล้ว อย่าลืมว่า ไม่อนุญาตให้ทำร้ายคนธรรมดา นอกจากอีกฝ่ายจะโจมตีนายก่อน ทั้งยังต้องมีหลักฐาน ส่วนเรื่องอื่นๆ หลังจากนี้พวกเธอจะค่อยๆ เข้าใจเอง…”

อีกฝ่ายอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ แล้ว สุดท้ายจึงทำบัตรให้พวกฟางผิงใหม่คนละหนึ่งใบ…บัตรผู้ช่วยของหน่วยสืบสวน

ตอนที่จะออกมา ชายสกุลเจิ้งยังเอ่ยว่า “ทำภารกิจเสร็จแล้วจะมาสรุปผลที่หน่วยสืบสวนหรือในมหาวิทยาลัยพวกเธอก็ได้ มหาวิทยาลัยจะตรวจสอบภารกิจที่เสร็จสิ้นพร้อมกับพวกเราอีกที เตือนนายเป็นครั้งสุดท้าย อย่าได้ลากคนธรรมดามาเกี่ยวข้อง ทางที่ดีอย่าลงมือในที่สาธารณะหรือที่คนพลุกพล่าน หากจับกุมตอนนั้นจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีตามมา การมีอยู่ของผู้ฝึกยุทธ์ ทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัย ไม่ใช่ทำให้หวาดระแวงหรือทำลายระเบียบของสังคม หากถึงเวลานั้นจริงๆ เจอผลกระทบเลวร้ายที่สุด สถานเบาพวกเธอจะถูกหักคะแนน แต่สถานหนักคือรับโทษตามกฎหมาย! ฉันไม่คาดหวังให้มีวันหนึ่งวันใด พวกเธอกลายเป็นเป้าหมายในภารกิจซะเอง”

ฟางผิงรีบพยักหน้าว่า “ไม่แน่นอน พวกเราจะตระหนักถึงเรื่องนี้ไว้”

“อืม อีกอย่างระวังตัวด้วย!”

ชายสกุลเจิ้งกล่าวเตือน “อย่าได้ดูถูกใครทั้งนั้น แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนธรรมดาก็ตาม! ผู้ฝึกยุทธ์ โดยเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าขั้นสาม ไม่ได้ถือว่าไร้ศัตรู ไม่มีร่างกายที่คงกระพันตีแทงไม่เข้า พวกเธอล้วนเป็นอัจฉริยะของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ตายที่นี่ถือเป็นความสูญเสียของมนุษยชาติ!”

“ขอบคุณครับ!”

ฟางผิงกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมทุกคน

——————

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท