ตอนที่ 136 เติบโตและคุ้นชิน (2)
ฟางผิงสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยว่า “ตอนนี้ภารกิจยังไม่ได้ยากจนเกินไป มหาวิทยาลัยให้รางวัลมาเยอะเหมือนกัน เวลานี้ไม่พยายาม ภายหลังอาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้แล้วก็ได้ หากความสามารถถดถอยลง หลังจากนี้ต้องเข้าไปในถ้ำใต้ดินจะทำยังไง? ก่อนหน้านี้ฉันกลัวตายเหมือนกัน ไม่อยากทำภารกิจ แต่ตอนนี้…ตอนนี้ต้องทำเท่านั้น! เวลานี้ภารกิจยังไม่ถือว่ายาก พวกเราต้องรับภารกิจขั้นหนึ่งสูงสุดมาทำก่อน รอพวกเราหลอมกระดูกเยอะแล้ว มีอาวุธโลหะผสมกันครบทุกคน ค่อยไปทำภารกิจขั้นสอง มีแค่ต้องรีบฉวยโอกาสตอนนี้ถึงจะได้รางวัลมากขึ้น เตรียมพร้อมสำหรับใช้ในอนาคต เจตจำนงของมหาวิทยาลัยนั้นชัดเจนแล้ว ผู้แข็งแกร่งมีโอกาสรอด ผู้อ่อนแอต้องถูกคัดออก ทุกคนต่างเป็นอัจฉริยะของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ไม่มีใครอยากให้ตัวเองเดินล้าหลัง เดินล้าหลังหนึ่งก้าว ก็จะล้าหลังลงไปเรื่อยๆ มีคนอยากถอนตัวรึเปล่าล่ะ?”
ทุกคนต่างเงียบกริบ ถังซงถิงถอนหายใจว่า “ในเมื่อมาเซี่ยงไฮ้แล้ว ยังจำเป็นต้องพูดเรื่องถอนตัวอะไรอีก!”
ตอนนี้ฟางผิงรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาเล็กน้อย หมอนี้อาจจะเป็นพวกใจร้อน แต่ไม่ใช่คนที่มีความคิดเลวทรามต่ำช้า
ครั้งก่อนที่สู้กับสือเฟิง ฟางผิงให้เขาส่งดาบให้ตัวเอง
เวลานั้นอีกฝ่ายแทบไม่ชักช้า โยนให้เขาทันที อย่างน้อยทุกคนยังคงมีความเชื่อใจให้กัน
นึกมาถึงตรงนี้ ฟางผิงเอ่ยทั้งพยักหน้า “วันนี้ควรเตรียมพร้อมกันสักหน่อย อาวุธที่ควรเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน ยาบำรุงที่ควรซื้อก็ต้องซื้อ พรุ่งนี้มาลุยกันต่อ! อีกอย่าง บาดแผลพวกนายเป็นไงบ้าง?”
“ฉันไม่ร้ายแรงอะไร” จ้าวเสวี่ยเหมยตอบ
“ฉันเหมือนกัน ไม่เป็นอะไรมาก”
“ฉัน…ฉันกลัวว่าต้องรักษาอีกหลายวัน…” จ้าวชิงกระดูกมือหัก ไม่ได้หายเร็วขนาดนั้น
“ไม่เป็นไร ทุกคนรักษาตัวไปด้วยทำภารกิจไปด้วย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งไม่ได้ต่อกรยากอะไร”
“ขอบคุณ…”
จ้าวชิงไม่อยากถอนตัวเหมือนกัน หากเวลานี้ไม่ลุย คงไม่ได้คะแนนกลับมาแน่
—
วันที่ 6 พฤศจิกายน ฟางผิงนำทีมออกไปข้างนอก
ครั้งนี้ทุกคนไม่เหลาะแหละเหมือนครั้งก่อน พวกเขาไม่ได้ขับรถกันมาเอง แต่ยืมรถเจ็ดที่นั่งของมหาลัยมาสองคันแทน
ส่วนฟางผิง ครั้งนี้กลับมหาวิทยาลัยได้สิบหกคะแนนจากภารกิจ จึงใช้สี่สิบคะแนนแลกดาบสี่กิโลมาเล่มหนึ่ง บางครั้งการทำลายล้างของดาบนั้นแข็งแกร่งกว่ารองเท้าบูทอยู่มาก จุดนี้ฟางผิงมีประสบการณ์ด้วยตัวเองอย่างลึกซึ้ง
—
ใกล้กับเซี่ยงไฮ้
เมืองชางฝาน
โรงงานร้างแห่งหนึ่ง
ฟางผิงตัดมีดสั้นอีกฝ่ายด้วยดาบเดียว ก่อนจะเตะไปยังอกของอีกฝ่าย เสียงกระดูกแตกดังลั่นไปทั่ว
“หักมือหักเท้าแล้วเอาตัวไป!”
ถังซงถิงเดินเข้ามาทุบมือและเท้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ยกตัวคนผู้นี้พลางเอ่ยว่า “ฝีมือของพวกเราพัฒนาขึ้นแล้ว คิดเรื่องรับภารกิจขั้นสองหรือยัง?”
“ไม่รีบ”
ฟางผิงเดินไปพลางเอ่ยไปพลาง “ตอนนี้เพิ่งวันที่สิบ ฉันมีความคิดจะเสนอ นายและจ้าวเสวี่ยเหมยแบ่งคนไปจำนวนหนึ่ง ฉันแบ่งไปอีกทีม แยกกันเป็นสองทีมทำภารกิจขั้นหนึ่ง รอวันที่ยี่สิบพวกเรามารวมตัวอีกครั้งทำภารกิจขั้นสอง นายคิดว่าไง? ตอนนี้พวกเราเคลื่อนไหวพร้อมกันสิบคน แบ่งรางวัลได้น้อยเกินไป”
ถังซงถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “อาจารย์มีแค่คนเดียว…”
“นายคิดว่าเขาจะช่วยพวกเรางั้นเหรอ? มีก็เหมือนไม่มี”
ฟางผิงพูดประชด ก่อนหน้านี้โจวสือผิงยังโผล่หน้าออกมา ตอนนี้แทบไม่เห็นแม้แต่เงา
“เอางั้นก็ได้!”
ถังซงถิงกัดฟัน พนักหน้าว่า “ถึงวันที่ยี่สิบ บางทีฉันอาจหลอมกระดูกสี่สิบห้าชิ้นแล้ว ช่วงนี้พัฒนาค่อนข้างเร็ว”
“ฉันเหมือนกัน”
จ้าวเสวี่ยเหมยเอ่ยต่อ มองไปยังฟางผิง “ความจริงนายน่าจะรับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดด้วยตัวคนเดียวได้ด้วยซ้ำ”
ฟางผิงโบกไม้โบกมือ “ไม่ใช่รับภารกิจแล้วจะหาคนเจอได้ทันที ยังต้องค้นหา สอบถามข้อมูล วางแผนจัดการ ทำคนเดียวช้าเกินไป”
คำพูดนี้ถูกเสียทีเดียว จ้าวเสวี่ยเหมยไม่พูดอะไรอีก
ทุกคนแยกไปทำภารกิจสองทีม จ้าวเสวี่ยเหมยและถงซงถิงแบ่งไปสี่คน ฟางผิงนำทีมไปอีกสามคน
ฟางผิงไม่รู้เหมือนกันว่าโจวสือผิงตามทีมไหน หากอาจารย์ขั้นหกพวกนี้ไม่คิดจะเปิดเผยร่องรอย พวกฟางผิงคงไม่อาจเจอเบาะแสอะไรได้
ส่วนเรื่องประเมินภารกิจ ฟางผิงไม่สนเช่นกันว่าโจวสือผิงจะจัดการยังไง
รอจนแบ่งทีมทำภารกิจครั้งแรกแล้ว ฟางผิงค่อยรู้ว่าโจวสือผิงไม่ได้ตามตัวเอง
แต่มหาลัยยังคงส่งอาจารย์ขั้นห้าที่ไม่ค่อยคุ้นหน้ามาให้คนหนึ่ง เพื่อให้สามารถแบ่งคะแนนแก่ทุกคนได้
—
วันที่ 15 พฤศจิกายน นับตั้งแต่พวกฟางผิงแบ่งทีมกันได้ผ่านภารกิจมาสองครั้งแล้ว
ออกมาจากมหาวิทยาลัยครบสิบวันพอดี
ต้นเดือนฟางผิงหลอมกระดูกสี่สิบชิ้น ตอนนี้อัตราการหลอมกระดูกของฟางผิงอยู่ที่สองวันต่อหนึ่งชิ้น
เมื่อถึงวันที่สิบห้า ฟางผิงจึงหลอมกระดูกได้สี่สิบเจ็ดชิ้น
ทรัพย์สิน : 8,800,000
ปราณ : 297 แคล (297 แคล)
จิตใจ : 259 เฮิรตซ์ (259 เฮิรตซ์)
การหลอมกระดูก : 47 ชิ้น (90%) , 1 ชิ้น (58%) , 158 ชิ้น (30%)
ตอนนี้ทุกครั้งที่ฟางผิงหลอมกระดูกชิ้นหนึ่งจะสามารถเพิ่มปราณได้ประมาณหนึ่งแคล ช้ากว่าช่วงแรกอยู่บ้าง
แต่แม้จะเป็นแบบนี้ รอจนเขาหลอมกระดูกห้าสิบชิ้นแล้ว ปราณอาจจะแตะถึงสามร้อยแคลได้อยู่ดี!
ตอนที่ทะลวงขั้นหนึ่งสูงสุด ปราณอาจทะลุถึงสามร้อยยี่สิบแคล
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เพิ่งทะลวงขั้นสองส่วนมากปราณจะอยู่ระหว่างสองร้อยแปดสิบถึงสามร้อยแคล
ตอนนี้ปราณของฟางผิงกลับสูงกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองทั่วไปเสียอีก
ปราณนั้นหมายถึงการระเบิดพลังที่รุนแรงและความอึดที่มากขึ้น
โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ฟางผิงมองตัวเลขเบื้องหน้า ครุ่นคิดพลางกัดฟันว่า “หลอมให้ถึงห้าสิบชิ้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน เวลานี้พัฒนาเร็วหน่อย คงไม่มีใครสังเกตเห็น!”
โจวสือผิงไม่อยู่ อาจารย์ขั้นห้าคนนั้นก็ทำตัวค่อนข้างลึกลับ ฟางผิงตัดสินใจว่าจะใช้ระบบในการหลอมกระดูก
แม้จะสิ้นเปลืองทรัพย์สินไปเยอะหน่อย แต่มีความสามารถถึงจะเพิ่มค่าทรัพย์สินได้
ตอนนี้ระยะห่างจากหลอมกระดูกห้าสิบชิ้น ยังเหลืออีกหนึ่งร้อยห้าสิบสองเปอร์เซ็นต์ หมายความว่าต้องใช้ทรัพย์สินหนึ่งล้านห้าแสนสองหมื่นหยวน
ฟางผิงตัดสินใจแล้ว จึงไม่คิดลังเล เริ่มอัปเกรดการหลอมกระดูกในใจ
ไม่นานฟางผิงก็รับรู้ถึงปราณที่ถาโถมเข้าหากระดูกอย่างไม่หยุดหย่อน
ระบบใช้ปราณในการหลอมกระดูกเช่นกัน แต่หลอมกระดูกโดยตรงเท่านั้น ไม่ได้เสริมความแข็งแกร่งของผิวหนังไปด้วย
ชั่วขณะนั้นฟางผิงรับรู้ได้ทันทีว่ามีข้อกำจัดอยู่จริงๆ
แม้ปกติปราณถือเป็นส่วนหลักในการหลอมกระดูก แต่ในขณะเดียวกันจะหลอมเส้นเลือดและผิวหนังไปด้วย
ตอนนี้หลอมกระดูกได้อย่างเดียว หมายความว่าหากถึงขีดจำกัดของร่างกาย คงไม่สามารถหลอมกระดูกโดยตรงได้
“รู้อยู่แล้วคงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!”
ฟางผิงไม่แปลกใจ รอจนผ่านไปครึ่งชั่วโมง มองค่าทรัพย์สินที่ลดลงเรื่อยๆ จนรู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่กระดูกสิ้นสุดแล้ว ฟางผิงค่อยมองตัวเลขข้างหน้าอีกที
ทรัพย์สิน : 7,280,000
ปราณ : 297 แคล (299 แคล)
จิตใจ : 257 เฮิรตซ์ (259 เฮิรตซ์)
การหลอมกระดูก : 50 ชิ้น (90%) , 156 ชิ้น (30%)
ฟางผิงขยับแข้งขาเล็กน้อย ขาซ้ายมีเสียงดังกร๊อบแกรบดังขึ้น
“ห้าสิบชิ้น ยังเหลืออีกสิบสองชิ้น จะแตะถึงขั้นหนึ่งสูงสุด ตอนนี้นับว่าถึงขั้นหนึ่งตอนปลายแล้ว”
“กลางเดือนหน้า น่าจะถึงขั้นหนึ่งสูงสุด!”
ฟางผิงแววตาเป็นประกาย ตัวเองพัฒนาได้เร็วกว่าเหล่าหวังอยู่เล็กน้อย
เหล่าหวังนั้นถึงขั้นหนึ่งสูงสุดตอนจบเทอม เมื่อต้นปียังใช้ฐานะขั้นหนึ่งสูงสุดท้าประลองกับผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
“ปราณของเขาคงไม่ได้สูงเหมือนฉัน ทั้งยังแตะถึงขั้นหนึ่งสูงสุดช้ากว่าฉัน พลังจิตใจคงน้อยกว่าฉันเช่นกัน…”
“แบบนี้แล้ว ความหวังในการไล่ตามหมอนั่นยังมีอยู่สินะ!”
ฟางผิงคำนวณยกใหญ่ ก่อนจะมองดูค่าทรัพย์สินนับสิบล้านที่เหลืออยู่กว่าเจ็ดล้านในพริบตาเดียว รู้สึกปวดแปลบในใจอยู่บ้าง
ค่าทรัพย์สินจะลดเร็วเกินไปแล้ว!
หลายวันนี้ไม่ได้กลับมหาวิทยาลัย จึงไม่ได้ไปรับคะแนนจากภารกิจ
ตอนนี้เลยทำได้แค่ชิงผลประโยชน์มาจากผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในภารกิจ
แต่ฟางผิงพบว่า ส่วนมากคนพวกนี้จะไม่มีเงินกัน
มียาบำรุงเพียงเล็กน้อย อีกไม่นานก็จะใช้หมดแล้ว ของดีจริงๆ นั้นมีค่อนข้างน้อย
“ทำภารกิจขั้นหนึ่งอีกสักสองภารกิจ รอไปรวมตัวทำภารกิจขั้นสองกับพวกจ้าวเสวี่ยเหมยแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองคงจะมีเงินมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งพวกนี้ ตอนนี้ฝีมือของฉันก็แข็งแกร่งกว่าตอนแรกขึ้นมาก ต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง คงไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้นแล้ว”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองในสังคมทั่วไป แทบไม่ได้หลอมกระดูกสองครั้งเลย
ฟางผิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้ง เวลานี้ปราณสูงกว่าพวกเขาเสียอีก หากประมือกัน ใครจะกำราบใครยังเป็นเรื่องที่พูดยาก
———————–