ตอนที่ 136 เติบโตและคุ้นชิน (1)
ไม่นานพวกฟางผิงก็เจอตัวโจวสือผิง
หรือต้องพูดว่าโจวสือผิงเป็นฝ่ายมาหาเอง
เห็นสภาพสะบักสะบอมของทุกคน โจวสือผิงส่ายหัวว่า “สิบคน สามคนมีอาวุธโลหะผสม ฟางผิงปราณไม่ด้อยกว่าสือเฟิง สุดท้ายกลับยังได้รับบาดเจ็บ ถือว่าฝีมือธรรมดามาก สือเฟิงแทบไม่ได้แข็งแกร่งอะไร ความจริงแค่ฟางผิงรวมกับจ้าวเสวี่ยเหมยหรือถังซงถิงคนใดคนหนึ่งควรจะเอาชนะได้แล้ว”
“อาจารย์ ผมจำได้ ในภารกิจบอกว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดนี่ครับ!” ฟางผิงกัดฟัน
“เป็นเรื่องปกติ ผู้ฝึกยุทธ์บางคนทะลวงขั้นอย่างกะทันหันได้เช่นกัน เรื่องนี้ไม่มีใครยืนยันได้เต็มปากทั้งนั้น อาศัยข้อมูลได้ แต่อย่าเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ ความจริงจากรางวัลสิบห้าคะแนนนั้น ก็ควรมองบางอย่างออกแล้ว นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้ไม่ใช่คนปัญญาอ่อน หรือแค่จุดนี้จะมองไม่ออกเชียว?”
โจวสือผิงพูดจบ ยังคงติเตียนต่อ “ครั้งนี้จ้าวเสวี่ยเหมยทำผิดพลาดร้ายแรง เสียอาวุธให้ศัตรูระหว่างทำภารกิจ นี่อันตรายถึงชีวิต! ในเมื่อรักษาอาวุธไม่ได้ ไม่ต้องใช้จะปลอดภัยเสียกว่า ถังซงถิงก็เหมือนกัน ขาดไหวพริบในการต่อสู้ สือเฟิงแกล้งโจมตีฟางผิง เธอกลับประมาทซะได้ ทำให้บาดเจ็บที่แขนซ้าย ส่วนฟางผิง…เธอกังวลเรื่องเจ็บตัวเกินไป! แค่สือเฟิงคิดจะโจมตี เธอก็หลบหลีกแล้ว แม้ว่าจะปะทะตัวต่อตัว สือเฟิงอาจจะทำอะไรเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าเธอสามารถควบคุมสือเฟิงได้ คนอื่นคงไม่ได้รับบาดเจ็บแบบนี้หรอก จ้าวชิงทำได้ดี แต่ขาดไหวพริบไปหน่อย เวลานั้นสือเฟิงเข้าตาจน นึกไม่ถึงว่าเธอจะไปปะทะกับเขา หากสือเฟิงคิดจะฆ่าใครสักคนเพื่อชิงความได้เปรียบ เธอคงตายไปแล้ว! คนอื่นๆ ฝีมือด้อยไปบ้าง แน่นอนว่า ไม่ได้หนีอุตลุดสร้างอุปสรรคให้พวกฟางผิง นับว่าทำได้ดีแล้ว…”
ตำหนิมาชุดใหญ่แล้ว ตอนนี้โจวสือผิงค่อยเอ่ยว่า “ครั้งนี้ฟางผิงได้ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ถังซงถิงและจ้าวชิงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ จ้าวเสวี่ยเหมยสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ส่วนคนอื่นๆ ยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
จ้าวเสวี่ยเหมยออกแรงไปไม่น้อย แต่เพราะเสียกระบองโลหะผสมให้ศัตรูจนเกือบจะสร้างความเสียหายถึงชีวิต ทำให้ถูกแบ่งส่วนน้อยกว่าพวกถังซงถิง
ฟางผิงกลับไม่สนใจเรื่องนี้ เอ่ยอย่างสงสัยว่า “อาจารย์ ตอนที่สือเฟิงกำลังหนี มีคนระเบิดปราณ คืออาจารย์ใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้ว”
“นี่เป็นเรื่องไม่สมควรรึเปล่าครับ? ภารกิจนั่นเป็นเรื่องของพวกเรา ต่อให้คุณไม่ช่วยก็ไม่ควรสร้างความยากให้กับพวกเรา อีกอย่าง สือเฟิงไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่เพิ่งทะลวงขั้นสอง แต่ภารกิจกลับระบุว่าเขาอยู่ขั้นหนึ่งสูงสุด ข้อมูลภารกิจที่พวกเขามอบให้เป็นข้อมูลเท็จ…”
โจวสือผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “งั้นเธอวางแผนจะทำยังไงต่อล่ะ?”
“รางวัลภารกิจให้อีกเท่าตัว เดิมคือสิบห้าคะแนน มหาวิทยาลัยให้เพิ่มเป็นสามสิบคะแนน ตอนนี้ให้รางวัลพวกเราหกสิบคะแนนคงเพียงพอแล้ว!”
“กล้าคิดจริงๆ หกสิบคะแนนแทบจะเท่าภารกิจผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม…”
“อาจารย์ มหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้ให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์ คุณเป็นอาจารย์นำทีม เป็นฝึกยุทธ์ขั้นหก พวกเราคงไม่กล้าทำอะไรคุณอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้คุณแหกกฎ แทบจะสร้างหายนะให้กับทีมเรา หรือมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่สนใจเรื่องกฎเกณฑ์แม้แต่น้อย?”
โจวสือผิงหัวเราะ ผ่านไปสักพัก ค่อยพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ งั้นจะให้หกสิบคะแนน แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ฟางผิง ขอเตือนเธออีกสักประโยค ตอนที่ประมือกันจริงๆ อย่าได้คิดมาก กลัวแต่จะได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาอาจกลายเป็นว่าตายเร็วกว่าเดิมก็ได้”
“ผมทราบแล้วครับ”
ฟางผิงไม่มากความ ครั้งนี้เขาลังเลอยู่บ้างจริงๆ ลังเลอยู่ตลอดว่าควรจะล่าถอยดีหรือไม่
พอถึงกลางคันแล้ว ยังกลัวว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองจะพยายามเข่นฆ่าเอาชีวิตตัวเอง
ครั้งก่อนที่มหาวิทยาลัย เขาไม่ได้ลังเลอย่างนี้
ครั้งนั้นเขาคิดแต่ว่าจะฆ่าอีกฝ่ายเพื่อจบเรื่องราว
แต่ครั้งนี้กลับลังเล เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง ฟางผิงคิดว่า หากตัวเองไม่ไหวจริงๆ จะวิ่งหนี พอมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา จึงไม่กล้าสู้สุดตัว
“ใจฉันยังหวาดกลัว…” ฟางผิงพึมพำเบาๆ อันที่จริงหลังจากครั้งก่อน เห็นความตายของนักศึกษาทั้งสองคน เขาก็หวาดกลัวอยู่บ้าง
นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้ ตายได้เหมือนกัน
ขี้ขลาดงั้นเหรอ?
อาจจะมีบ้าง
กลัวความตายถือเป็นเรื่องปกติ แต่หวาดกลัวความตายระหว่างต่อสู้เป็นเรื่องที่ไม่สมควร
“ต้องปรับเปลี่ยนจิตใจสักหน่อย…”
ฟางผิงถอนหายใจ ไม่พูดอะไรอีก
รางวัลหกสิบคะแนน เขาได้ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ เท่ากับสิบห้าคะแนน รวมกับคะแนนครั้งก่อนเกือบหนึ่งคะแนน สองวันทำได้ประมาณสิบหกคะแนนแล้ว
นอกจากนี้ ฟางผิงยังได้ยาหลอมกระดูกขั้นหนึ่งและยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาอย่างละหนึ่งเม็ดจากการแบ่งทรัพย์สินของสือเฟิง รวมกับยาบำรุงที่มหาวิทยาลัยให้ก่อนดำเนินภารกิจและยาบำรุงที่ได้จากเดือนที่แล้ว ตอนนี้ฟางผิงมียาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาถึงสามสิบเอ็ดเม็ด ยาหลอมกระดูกขั้นหนึ่งหนึ่งเม็ด ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งขั้นสอง อย่างละหนึ่งเม็ด
ทางมหาวิทยาลัย เพราะเป็นหัวหน้าชั้นมาหนึ่งเดือน รวมกับรางวัลที่เข้าเรียนครั้งก่อนสิบคะแนน ก่อนหน้านี้มีสามสิบเอ็ดคะแนน ตอนนี้รางวัลภารกิจสิบหกคะแนน รวมทั้งหมดเป็นสี่สิบเจ็ดคะแนน
เงินสดก็ทะลุถึงหกล้านเช่นกัน ภายในนี้มีห้าล้านที่ได้จากสนามมวยใต้ดิน
เพราะยังไม่ได้คะแนน ดังนั้นค่าทรัพย์สินจึงไม่มีการเพิ่มขึ้น
แต่ตอนแรกที่ได้รับยาบำรุง รวมกับการจัดสรรทรัพยากรครั้งนี้ ค่าทรัพย์สินของฟางผิงมีการเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดจนถึงสิบเอ็ดล้านแล้ว!
—
จิตใจสามารถปรับเปลี่ยนได้ หลังจากผ่านภารกิจมาสองครั้ง ฟางผิงสุขุมกว่าเดิมอยู่เล็กน้อย ทั้งค่อยๆ คุ้นชินเรื่องพวกนี้
เพราะได้รับบาดเจ็บ ถังซงถิงจึงไม่ได้เย่อหยิ่งเหมือนเมื่อก่อน สองวันต่อมา ทุกคนไม่คิดจะรับภารกิจ แต่กลับไปพักรักษาตัวที่มหาวิทยาลัยแทน
ระหว่างที่พวกเขาพักรักษาตัว สี่ทีมอื่นๆ ยังคงดำเนินภารกิจ
วันที่ห้า มีข้อมูลส่งกลับมาแล้ว!
เกิดเรื่องกับทีมของจ้าวเหล่ย
ตั้งแต่แรกทีมของจ้าวเหล่ยก็รับภารกิจขั้นสอง
แม้ว่าจ้าวเหล่ยจะวางแผนหลายวันก่อนทำภารกิจ แต่คนพวกนี้มีใครบ้างเคยสู้เอาเป็นเอาตายกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองจริงๆ?
ระหว่างดำเนินภารกิจ เพราะความผิดพลาดของสมาชิกในทีมจึงทำให้เกิดคนตายหนึ่งบาดเจ็บสาม!
ในที่สุดก็มีคนตาย!
ความจริงฟางผิงคาดการณ์ไว้นานแล้ว มีโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
แม้จะมีพวกอาจารย์นำทีม แต่หากพวกเขาไม่ถูกกวาดล้างทั้งทีม ยังคงยากที่อาจารย์จะลงมือ
คนที่นำทีมของจ้าวเหล่ยคือหลัวอี้ชวน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ!
หากผู้ฝึกยุทธ์เช่นนี้ลงมือ อย่าว่าแต่ขั้นสองเลย ถึงจะเป็นขั้นห้า ก็ยากจะสร้างความบาดเจ็บล้มตายให้นักศึกษาอยู่ดี
แต่ครั้งนี้กลับมีคนตายแล้ว
—
ห้องฝึกซ้อม
คนที่รู้ข่าวไม่ได้มีแค่ทีมของฟางผิง ทีมของเฉินอวิ๋นซีกลับมาแล้วเหมือนกัน
ทั้งสองทีมมองสลับกันไปมา บรรยากาศนั้นเงียบสงบแปลกๆ
เนิ่นนาน ก่อนจะมีคนเอ่ยว่า “พวกอาจารย์จะไม่ลงมือ เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะตายทั้งหมด! ครั้งนี้ลู่คุนเฉียงตาย ครั้งหน้าอาจจะเป็นพวกเรา พวกเราไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง ตายก็ตายเปล่า!”
“ทุกคนระวังตัวกันหน่อยเถอะ อย่าคิดเพ้อฝันเกินตัว อย่าได้เห็นใจใคร ไม่ฆ่าคนอื่น คนที่ตายอาจเป็นพวกเราเอง”
“ความสามารถ ความสามารถถึงจะสำคัญที่สุด! จ้าวเหล่ยเป็นหัวหน้าทีม แต่คนที่ตายกลับไม่ใช่จ้าวเหล่ย!”
“ฟางผิง ได้ยินว่าพวกนายเจอผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเหมือนกัน ไม่มีคนตายถือว่าโชคดีจริงๆ ฉันว่ามหาวิทยาลัยคงอยากจะให้มีใครสักคนตายจนตัวสั่น”
“จำเป็นต้องโหดเหี้ยมขนาดนี้หรือไง? พวกเรายังเป็นนักศึกษาใหม่…”
“นักศึกษาใหม่อะไรกัน! ไม่ได้ยินที่คณบดีพูดหรือไง? นักศึกษาใหม่ตายไม่จำเป็นต้องเสียดาย เพราะลงทุนทรัพยากรไปไม่เยอะ”
“น่าเกลียดจริงๆ!”
“อย่าเอาแต่บ่นเลย เข้ามาในคลาสฝึกพิเศษ ครั้งก่อนเซ็นสัญญายินยอม พวกเราควรเข้าใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว อาจารย์ถังเฟิงก็บอกแล้วเหมือนกัน รางวัลที่ให้มาตอนแรกนั้น อันที่จริงเพื่อใช้ซื้อชีวิต…”
ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา เฉินอวิ๋นซีที่เป็นคนขี้กลัวมาโดยตลอด ตอนนี้ขบริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
มีคนเอ่ยเบาๆ ว่า “มหาวิทยาลัยไม่ได้สั่งให้พวกเราทำภารกิจตลอดเวลาสักหน่อย หรือว่า…หรือว่าพวกเราจะพักต่ออีกสักหน่อยดี…”
ตอนนี้เป็นทีมของฟางผิงพูดขึ้นมา คนไม่น้อยล้วนมองไปที่เขา
ตามแผนการเดิมแล้ว พรุ่งนี้พวกเขาต้องปฏิบัติภารกิจต่อ
—————–