ตอนที่ 150 ทีมรบหลัก (1)
หลังจากผ่านพ้นคริสต์มาสไป เวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่เดือนล่าเยวี่ย[1]อย่างเป็นทางการ
เหลือระยะห่างจากวันฉูซี[2]เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ช่วงเวลานี้ การแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศถือเป็นงานที่น่าจับตามองที่สุด!
มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันถูกเผยแพร่ออกมามากมาย
ตอนนี้รายชื่อของผู้เข้าร่วมแข่งขันแต่ละมหาวิทยาลัยยังไม่มีการเปิดเผยออกมา
แต่ในอินเทอร์เน็ตมีการเผยแพร่รายชื่อบางส่วนออกมาแล้ว
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง หานซวี่ นักเรียนที่สอบศิลปะการต่อสู้ได้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ปี 2008
ผลการตรวจสอบจากเกาเข่า เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ปราณสองร้อยสามสิบแคล วิชาวัฒนธรรมเจ็ดร้อยยี่สิบคะแนน วิชาเฉพาะและภาคปฏิบัติคะแนนเต็ม!
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง หลี่หราน สอบศิลปะการต่อสู้ได้เป็นอันดับสองของปักกิ่ง ปี 2008 อันดับหนึ่งของปักกิ่งเป็นของหานซวี่ ปราณอยู่ที่สองร้อยยี่สิบหกแคล
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ จ้าวเหล่ย สอบศิลปะการต่อสู้ได้เป็นอันดับหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ ปี 2008 ผลการตรวจสอบจากเกาเข่า ปราณสองร้อยยี่สิบห้าแคล วิชาวัฒนธรรมเจ็ดร้อยสิบห้าคะแนน รายการอื่นๆ คะแนนเต็ม
พันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หวากั๋ว เว่ยปิน สอบศิลปะการต่อสู้ได้เป็นอันดับหนึ่งของเป่ยเจียง ปราณสองร้อยยี่สิบแคล…
พันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป…ตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปได้
พันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปมีมหาวิทยาลัยเยอะเกินไป บางมหาวิทยาลัยยังเสนอเงื่อนไขบางอย่าง
ให้รั้งอันดับหนึ่งในพื้นที่ไว้ในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง แต่ตอนนี้ทุกคนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนพวกนี้สถานการณ์เป็นยังไง ก้าวหน้าระดับไหนแล้ว?
ส่วนฟางผิงแทบจะไร้ชื่อเสียงเรียงนาม
ผลตรวจสอบจากเกาเข่า ปราณหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าคะแนน ถือว่าไม่ได้โดดเด่น ก่อนหน้านี้มีก็ผู้ฝึกยุทธ์กว่าหนึ่งร้อยคนแล้ว
เขาเป็นแค่คนธรรมดา นอกจากชื่อเสียงเล็กๆ ในเมืองระดับจังหวัดอย่างรุ่ยหยางแล้ว คนที่จับตามองนั้นมีน้อยมาก
—
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้
เดือนธันวาคมล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว
ห้องฝึกซ้อม
ถังเฟิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “วันนี้จะยืนยันรายชื่อผู้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะแบ่งห้าคนเป็นสมาชิกทีมหลักและอีกห้าคนเป็นสมาชิกทีมสำรอง! หากทีมหลักมีคนได้รับบาดเจ็บ ปราณถูกใช้จนเกลี้ยง จะให้สมาชิกทีมสำรองขึ้นเวทีแทน! สมาชิกทีมหลัก ฟางผิง!”
“จ้าวเหล่ย!”
“ฟู่ชางติ่ง!”
“หยางเสี่ยวม่าน!”
“…”
เหลือคนสุดท้าย ถังเฟิงมองไปทางเฉินอวิ๋นซี ก่อนจู่ๆ จะเบนสายตาไปหาถังซงถิง “ถังซงถิง!”
เฉินอวิ๋นซีหน้าซีดขึ้นมาทันตา ดูมืดมนไปอยู่บ้าง
หยางเสี่ยวม่านอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าจ้าวเสวี่ยเหมยกลับเอ่ยออกมาตรงๆ “อาจารย์คะ ฉันอยากท้าประลองถังซงถิง”
ถังซงถิงขมวดคิ้ว ไม่คิดหวาดกลัวเช่นกัน เอ่ยว่า “ฉันรับคำท้า!”
“พวกเธอรอกันก่อน ให้ฉันประกาศรายชื่อทีมสำรองก่อน!”
“เฉินอวิ๋นซี จ้าวเสวี่ยเหมย สวีอี้ข่าย หลี่จ้าวซวี่ จินเหล่ย ทั้งห้าคนเป็นสมาชิกทีมสำรอง”
ประกาศรายชื่อเสร็จแล้ว ถังเฟิงค่อยมองไปยังทั้งสองคน “จ้าวเสวี่ยเหมย เธอแน่ใจว่าจะท้าประลอง?”
“แน่ใจค่ะ!”
“ดี นักศึกษาคนอื่นๆ สามารถท้าประลองได้เช่นกัน ทุกคนมีโอกาสจำกัดเพียงหนึ่งครั้ง”
ว่าแล้ว ถังเฟิงก็หลีกทางเปิดช่องว่างตรงกลาง
จ้าวเสวี่ยเหมยถือกระบองเดินขึ้นมาข้างหน้า ถังซงถิงหยิบดาบเล่มใหญ่ของตัวเองออกมาเช่นกัน
“เริ่มได้!”
สิ้นเสียงของถังเฟิง จ้าวเสวี่ยเหมยขยับกายว่องไวราวกับเสือชีตาห์ ชั่วพริบตาก็พุ่งเข้าหาถังซงถิง ฟาดกระบองยาวแหวกกลางอากาศ!
ถังซงถิงเผยสีหน้าตกใจอย่างมาก
เห็นแค่ขมับของเขาเต้นเป็นจังหวะ ก่อนที่จะขมับจะจมลงไป ทั่วทั้งร่างคล้ายกับซูบผอมลงไปหมด มีเพียงแขนที่ขยายใหญ่ขึ้นมากะทันหัน!
เปิดฉากถังซงถิงก็ใช้เคล็ดวิชาลับของตัวเองทันที
รอยบุ๋มที่ขมับเป็นการแสดงว่าปราณถูกดึงออกไปใช้
“กระบองสะท้านลมกับดาบหลอมเพลิง!”
ฟู่ชางติ่งพึมพำเสียงเบา
เขาพูดไม่ทันขาดคำ จ้าวเสวี่ยเหมยพลันเคลื่อนไหวกระบองอย่างบ้าคลั่ง ฟาดออกมาไปติดต่อกันกว่าเจ็ดแปดครั้ง!
ถังซงถิงใช้ดาบ ก่อนหน้านี้ก็วางท่าห้าวหาญมาตลอด ไม่เผยท่าทียอมจำนนให้เห็นสักนิด ยกดาบมาต้านจ้าวเสวี่ยเหมยทันที
เคล็ดวิชากระบองของจ้าวเสวี่ยเหมยไม่ได้เป็นอุปสรรคกับการเคลื่อนไหวของเขา ถังซงถงหลอมกระดูกส่วนบน แรงระเบิดปราณจากแขนจึงมีมากกว่าจ้าวเสวี่ยเหมย
แม้จ้าวเสวี่ยเหมยจะเหวี่ยงกระบองอย่างบ้าคลั่ง แต่ถังซงถิงฟันดาบติดต่อกันออกมา ก็ปัดกระบองของเธอหลุดไปได้
กระบองยาวถูกปัดออกไป จ้าวเสวี่ยเหมยคำรามเสียงดัง ก่อนจะพุ่งตัวไปเก็บกระบอง ปักยึดกับพื้นเหวี่ยงตัวง้างเท้าเตะสลับต่อเนื่องกัน
“ผู้หญิงนี่ ชอบระเบิดพลังจริงๆ!”
ฟู่ชางติ่งถอนหายใจอีกครั้ง การต่อสู้ของจ้าวเสวี่ยเหมยบ้าดีเดือดอย่างมาก นึกไม่ถึงว่าถังซงถิงจะถูกกดดันไปด้วย
“เหอะ นั่นเพราะผู้ชายอย่างพวกนายไร้ประโยชน์ต่างหาก!”
หยางเสี่ยวม่านที่อยู่ด้านข้างตะโกนเสียงดัง “เตะเขาให้ตายไปเลย!”
ฟู่ชางติ่งเบะปาก ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงอีก
ฟางผิงตั้งใจดูเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าจ้าวเสวี่ยเหมยเปลี่ยนเป็นสวมรองเท้าโลหะผสมแล้ว
ดูแหลมคมกว่ารองเท้าคู่นั้นของฟางผิงเสียอีก ปลายเท้าเตะเข้าหาดาบของถังซงถิงอย่างไม่หยุดยั้ง เกิดเสียงครูดโลหะอย่างบาดหู
ตอนนี้กระบองโลหะผสมถูกจ้าวเสวี่ยเหมยใช้เป็นตัวอาศัยแรง เธอปักหลักร่างกายราวกับเสาธง สองมือยึดกระบองไว้ สองเท้าเตะออกไปกลางอากาศ
ถังซงถิงไม่คิดถอย ตอนนี้หากเขาถอยไปหนึ่งก้าว จ้าวเสวี่ยเหมยไม่มีของช่วยทุ่นแรง อาจจะทำอะไรเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ถังซงถิงเลือกที่จะไม่ถอย กลับเคลื่อนดาบอย่างว่องไว ฟันลงไปหาขาสองข้างของจ้าวเสวี่ยเหมย
คนอื่นๆ พากันอกสั่นขวัญแขวน จ้าวเสวี่ยเหมยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย แม้จะมีโอกาสถูกฟันขาขาดก็ตาม!
และในระหว่างที่ทั้งสองคนต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน จู่ๆ จ้าวเสวี่ยเหมยก็ชักเท้า
กระบองในมือหมุนรอบร่างกาย ก่อนจะฟาดออกไปอย่างรุนแรง โจมตีตรงๆ ไปยังถังซงถิง
ถังซงถิงถูกกดดันครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้โทสะสุมหัวเช่นกัน จับดาบทั้งสองมือ ขยายแขนขึ้นอีกครั้ง เหวี่ยงดาบไปหากระบองยาว
ดาบและกระบองปะทะจนเกิดประกายไฟ ถังซงถิงเปลี่ยนจากฟาดเป็นครูดกระบองขึ้นมาแทน
ปลายดาบครูดตามกระบอง เกิดประกายไฟเป็นเส้นยาว ครูดไปจนถึงมือขวาของจ้าวเสวี่ยเหมย
พลังแขนของจ้าวเสวี่ยเหมยสู้เขาไม่ได้ ตอนนี้คิดจะเปลี่ยนท่า กลับถูกกดไว้อย่างราบคาบ ไม่สามารถขยับได้
ในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าเธอจะทิ้งกระบองลง จู่ๆ จ้าวเสวี่ยเหมยกลับเผยแววตาดุดัน
มือขวายังคงกำแน่น มือซ้ายกลับปล่อยจากกระบอง คว้าไปที่สันดาบของถังซงถิง!
“แม่เจ้า!”
ฟู่ชางติ่งสะดุ้งโหยง แบบนี้จะเสี่ยงเกินไปแล้ว หากเธอคว้าไม่อยู่ มือซ้ายคงจะถูกฟันจริงๆ แล้ว
ถังซงถิงเหมือนจะลังเลไปเล็กน้อย ดาบในมือผ่อนแรงลง เวลานี้จ้าวเสวี่ยเหมยคว้าสันดาบได้แล้ว
นิ้วมือทั้งห้าถูกบาดจนเลือดไหล ย้อมดาบเป็นสีแดงในชั่วพริบตา แต่กลับสามารถหยุดการโจมตีของดาบได้
วิถีดาบถูกหยุดไว้ ถังซงถิงคล้ายจะลังเลอีกครั้ง ยังไม่ทันได้เปลี่ยนกระบวนท่า
ในเวลานี้จ้าวเสวี่ยเหมยเหยียดเท้าตรงดิ่ง วาดเท้าเตะสูง โจมตีไปยังกลางดาบ
“เคร้ง!”
เกิดประกายไฟอีกครั้ง แขนของถังซงถิงอ่อนแรง มือขวาของจ้าวเสวี่ยเหมยที่กำกระบอง ถือโอกาสวาดไปที่เอวของถังซงถิง
ตอนนี้จ้าวเสวี่ยเหมยใช้มือซ้ายจับดาบของเขา มือขวาวาดกระบอง หากถังซงถิงไม่ทิ้งดาบถอยไป ก็ต้องลองชักดาบมาปัดป้องแทน
ถังซงถิงไม่มีความคิดจะถอย รีบชักดาบกลับมาปัดป้อง
แต่มือซ้ายของจ้าวเสวี่ยเหมยยังคงกำไม่ปล่อย แม้ว่าทุกคนต่างเห็นทั่วกันว่า ปลายนิ้วของเธอมีเลือดพรั่งพรูออกมา เธอก็ไม่คิดจะปล่อยมืออยู่ดี
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ แววตาของถังซงถิงปรากฏความกระดากอายขึ้นมา จำต้องทิ้งดาบในมือ รีบถอยไปหลายก้าว
พอเขาทิ้งดาบ พลังต่อสู้จึงหดหายไปสามส่วนทันที
ต่อจากนั้นจ้าวเสวี่ยเหมยก็แสดงความบ้าคลั่งออกมาอีกครั้ง ไล่ตามไปโจมตีถังซงถิง ราวกับว่าหากเขาไม่ตายจะไม่เลิกรา
—
หลังจากนั้นหนึ่งนาที ถังซงถิงร้องอย่างเจ็บปวด ถอยไปอยู่อีกฝั่งด้วยหน้าผากที่โชกไปด้วยเหงื่อ
“หยุด!”
ถังเฟิงตะโกน ไม่ให้ทั้งสองคนต่อสู้กันอีก
ตอนนี้มือซ้ายของจ้าวเสวี่ยเหมยเต็มไปด้วยเลือด แววตากลับจับจ้องไปยังถังซงถิงอย่างฮึกเหิม คล้ายว่ายังอยากจะสู้ต่อ
ถังซงถิงลอบก่นด่า แขนสั่นสะท้านไปหมด เอ่ยอย่างจนใจว่า “ฉันแพ้แล้ว!”
ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วจริงๆ!
———————-
[1]ล่าเยวี่ย คือเดือนสิบสองตามปฎิทินจันทรคติจีน
[2]วันฉูซี คือวันสุดท้ายของปีตามปฏิทินจันทรคติของจีน