ตอนที่ 186 ไม่แข็งแกร่งก็ต้องทำเป็นแข็งแกร่ง (2)
อีกด้านหนึ่ง
จางติ้งหนานกลับเผยรอยยิ้ม “น่าสนใจ ใช้วิชาดาบคลั่งโลหิตห้าครั้งติดกัน ระเบิดปราณประมาณสามสิบแคล สะสมพลังออกห้าครั้งต่อเนื่อง แข็งแกร่งกว่าการระเบิดปราณหนึ่งร้อยห้าสิบแคลในครั้งเดียวไม่น้อย”
หวงจิ่งพยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน “นับได้ว่าเป็นกระบวนท่าไม้ตายของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง ทั้งจวงกงแตะระดับสูงสุด วิชาฝีเท้าสำเร็จขั้นสูง หลานไฉ่เย่ด้อยกว่านิดหน่อยจึงถูกควบคุมทุกทาง ฟางผิงบอกว่าใช้มือแค่ข้างเดียว กลับพูดเกินไปหน่อย…”
อันที่จริงฟางผิงจะใช้มือเดียวหรือสองมือล้วนได้ทั้งนั้น แค่เขาไม่ได้ใช้ดาบยาวระดับ D ของตัวเอง ก็ถือว่าออมมือแล้ว
ระหว่างที่พวกเขาทั้งสองคนคุยกัน อธิการบดีหนานเจียงที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจว่า “เขาใช้นักศึกษาของฉันสำหรับการซ้อมมือสินะ”
เอาชนะหลานไฉ่เย่อย่างสบายๆ อย่างมากคงเสียปราณปราณสองร้อยแคล
สำหรับฟางผิง นี่เป็นการทดลองเช่นกัน
ก่อนหน้านี้แต่ละดาบของเขาระเบิดปราณร้อยแคล อานุภาพร้ายแรง แต่สิ้นเปลืองจนน่าตกใจเช่นกัน รับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง สูญปราณเป็นอย่างมาก
ครั้งนี้โจมตีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุดคนหนึ่ง ฟางผิงกลับรักษาปราณไว้ได้ครึ่งใหญ่
นี่หมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้ยา ฟางผิงก็ยังประคองพลังในการต่อสู้ไว้ได้
—
ไม่นาน ผู้ฝึกยุทธ์จากหนานเจียงคนที่สามก็ขึ้นเวที
ครั้งนี้เป็นผู้ชาย แววตาที่มองฟางผิงแทบจะแฝงด้วยจิตสังหาร
ฟางผิงกลับไม่สนใจ ยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผู้หญิงนั้นต้องเกรงใจหน่อย แต่ผู้ชายคงไม่จำเป็นแล้ว”
“ฉัน…”
“ไม่จำเป็นต้องบอกชื่อ คนอ่อนแอฉันจำไม่ได้หรอก”
“…”
“ไอ้เวร ซัดเขาไปเลย! ต้องฆ่าเขาให้ตาย!”
“อวดดีเกินไปแล้ว หรือหนานเจียงไม่อยู่ในสายตาเลย? กระทั่งธรรมเนียมของผู้ฝึกยุทธ์ยังไม่สนใจ!”
“…”
ตอนนี้นักศึกษาของหนานเจียงโมโหอย่างถึงที่สุด!
นึกไม่ถึงว่าฟางผิงจะไม่ให้คนเอ่ยนามตัวเอง นี่เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ของผู้ฝึกยุทธ์ เป็นการดูหมิ่นดูแคลน มองข้ามหัวอย่างยิ่ง
หวังจินหยางเอ่ยอย่างตกใจเช่นกัน “ผลลัพธ์นี้…”
เกินจะบรรยายแล้ว!
ผลลัพธ์นี้มีประสิทธิภาพกว่าที่เขาคิดเป็นสิบเท่า
วันนี้หากฟางผิงเดินออกไปจากหนานเจียงโดยไร้รอยขีดข่วน กลัวว่านักศึกษาพวกนี้ของหนานเจียงคงจะตั้งเป้าให้ฟางผิงเป็นศัตรูไปชั่วชีวิต!
การหยามหน้าเช่นนี้ ร้ายแรงกว่าตอนแรกที่เขาไปเหยียบย่ำผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ซะอีก
คู่ต่อมาฟางผิงก็แสดงฝีมือให้เห็นถึงเหตุผลที่เขามองข้ามผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองของหนานเจียง!
ครั้งนี้ฟางผิงไม่ใช้มือเปล่าต่อสู้อีกแล้ว เจ็บเกินไป แสร้งเป็นคนโง่ก็มีค่าตอบแทนของมันเหมือนกัน
ดาบเฟิ่งจุ่ยวาดกลางอากาศ ระเบิดเสียงจนได้ยินไปทั่ว
“ปัง!”
เสียงดังสนั่น ดาบเดียวอีกฝ่ายก็ลอยออกไปแล้ว
ฟางผิงหัวเราะด้วยใบหน้าซีดเล็กน้อย เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “โง่หรือเปล่า คิดว่าเล่นซ่อนหากันหรือไง? ดาบเดียวยังรับไม่ได้ ช่างน่าผิดหวังจริงๆ”
“…”
ตอนนี้ด้านล่างเวทีเงียบเป็นเป่าสาก
คนที่สามจากหนานเจียงแพ้เร็วเกินไปแล้ว
“เขา…แข็งแกร่งจริงๆ…”
มีคนพึมพำเบาๆ ใบหน้านั้นซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
—
พวกฟู่ชางติ่งไร้คำจะพูดอยู่บ้างเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์ของหนานเจียงฝีมืออ่อนด้อยเกินไปแล้ว
ไป๋รั่วซีกลับเอ่ยเสียงเบา “เขาตั้งใจ รอบก่อนจงใจยั่วโมโหหลานไฉ่เย่ ไม่ได้แสดงฝีมือขั้นสูงฟันหลายดาบติดต่อกัน รอบนี้เขาขึ้นเวทีก็กระตุ้นอีกฝ่าย ล่อลวงให้อีกฝ่ายรับดาบของเขาตรงๆ ดาบที่เพิ่งฟันออกมาเมื่อกี้อานุภาพนั้นเกินกว่าสองร้อยแคล!”
“ไหนเขาบอกว่าตัวเองยังไม่สำเร็จกระบวนท่าชั้นยอดของขั้นสอง?”
พวกเขาเผยสีหน้าไม่พอใจ แม่งเหอะ หลอกกันอีกแล้ว!
ไป๋รั่วซีเหลือบมองทุกคนไปแวบหนึ่ง พวกเธอเชื่อคำโกหกของฟางผิงเอง จะโทษใครได้?
จ้าวเหล่ยสีหน้าดำคล้ำ บอกว่าฉันปิดบัง นายก็เหมือนกันนั่นแหละ!
วางแผนจะตบตาใครกัน?
—
พวกปรมาจารย์มองออกอยู่แล้วว่าฟางผิงจงใจ ทั้งรู้ว่านักศึกษาของตัวเองไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิดขนาดนั้น
อย่างมากผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝืนรับดาบเดียวของฟางผิงคงกระเด็นตกพื้น อวัยวะภายในกระทบกระเทือนเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นบาดเจ็บหนักอะไร
แต่ในสายตาผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำกว่าขั้นสามคนอื่นๆ หนานเจียงนั้นขายหน้าจริงๆ
ประลองสามรอบแพ้ทั้งสามรอบ!
เฉินเผิงเฟยแพ้ให้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตอนต้น สองคนที่เหลือก็ขายหน้าอย่างยิ่ง ถูกฟางผิงเอาชนะอย่างง่ายดาย
ฟางผิงฉวยโอกาสช่วงที่คนไม่ทันได้สนใจ ยัดยาบำรุงเข้าไปในปากตัวเองหนึ่งเม็ด
ฉวยโอกาสที่คนอื่นไม่ได้สนใจหมายถึงพวกนักศึกษา ไม่ใช่กับพวกปรมาจารย์
ฟางผิงที่ใบหน้าซีดขาว ไม่นานใบหน้าก็ฟื้นฟูความเปล่งปลั่ง
จางติ้งหนานมองอยู่พักใหญ่ เอ่ยชมว่า “ความสามารถนี้…น่าอิจฉาจริงๆ”
หวงจิ่งกลับไม่สนใจเรื่องนี้ เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ทำแบบนี้จะให้ผลดีหรือไง? หนานเจียงไม่ได้ด้อยไปกว่าเซี่ยงไฮ้ แพ้ง่ายดายเกินไป กลับจะทำให้คนผิดหวังมากกว่า…”
ความกดดันที่เหมาะสมจะทำให้คนเติบโต แต่เมื่ออีกฝ่ายมองว่าแข็งแกร่งจนไร้คู่ต่อสู้
นั่นไม่ใช่ความกดดันแล้ว ทุกคนกลับจะคิดว่าไม่ใช่พวกเขาอ่อนแอเกินไป แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป การประลองแบบนี้ไม่มายังจะดีกว่า
“ไม่เป็นไร คุณคิดว่าเด็กคนนี้จะเอาชนะอย่างสบายๆ ขนาดนั้นจริงๆ หรือไง?”
“อ่อ ดูท่ายังจะมีไพ่ตาย งั้นรอดูไปก่อนละกัน”
หวงจิ่งเหลือบมองสองคนที่เหลือด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะไม่สนใจอีก ในสายตาพวกเขาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองไม่มีค่าให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม
—
ในขณะที่ทุกคนเผยสีหน้าซับซ้อน คนที่สี่จากหนานเจียงก็เดินขึ้นเวที
ไม่ประกาศชื่อเสียงเรียงนามออกมาอีก ชายหนุ่มขึ้นเวทีด้วยมือเปล่า เผยผิวหนังสีน้ำตาลแก่ หัวเราะเบาๆ ว่า “อัจฉริยะของเซี่ยงไฮ้แตกต่างจากคนทั่วไปจริงๆ แต่ดูแคลนนักศึกษาหนานเจียงของฉันแบบนี้ จะเกินไปหน่อยแล้ว”
“งั้นเหรอ? ฝีมือนายคงไม่ได้อ่อนด้อย ในหมู่ขั้นสองของหนานเจียงนับว่าไม่เป็นรองใครสินะ”
“จะพูดอย่างนั้นก็ได้”
จู่ๆ ฟางผิงก็ทิ้งดาบยาวลงบนเวที เผยสีหน้าหนักแน่นขึ้นมา
“พูดตามตรง สองคนก่อนหน้า ขึ้นเวทีมาฉันก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่คู่มือของฉัน สู้ไปไม่มีประโยชน์ แต่นายน่าสนใจ มีแรงกดดันนิดหน่อย ฉันไม่ได้มีความหมายดูถูกใคร แต่หนานเจียงไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองที่ทำให้ฉันตกตะลึงจริงๆ! ใช้ดาบ ในความความคิดของฉัน ยังเป็นเรื่องที่จำเป็น ดาบนี้ฉันใช้คะแนนจากความพยายามแลกมา แต่ฉันรู้ว่านักศึกษาของหนานเจียงไม่อาจพอใจ เพื่อให้พวกเขารู้สึกยุติธรรม พวกเรามาตาต่อตาฟันต่อฟันหน่อยละกัน”
“ไม่จำเป็น…”
ชายหนุ่มส่ายหัวเล็กน้อย กลับไม่พูดอะไรอีก สาวเท้ามาข้างหน้าหนึ่งก้าว!
ก้าวนี้ทำให้บรรยายรอบตัวของอีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงไปทันที!
หลายคนด้านล่างเวที ในความเป็นจริงกลับไม่อาจสัมผัสได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ช่วงเวลานั้นก็เงียบลงในชั่วพริบตา ราวกับรับรู้ถึงบรรยากาศอันหนักอึ้ง
ฟางผิงมีสีหน้าจริงจังเช่นกัน จ้องอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่
‘เคยลงสนามรบมาแล้ว?’
ฟางผิงไม่ได้ถาม เขาไม่เคยเห็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ผ่านการลงถ้ำใต้ดินมาก่อนเช่นกัน ไม่สิ อาจารย์ของเซี่ยงไฮ้เคยไป แต่ปกติทุกคนไม่ได้แผ่บรรยากาศเกรงขามอะไรออกมา
เมื่อครู่ที่อีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงบรรยากาศการประลอง ทำให้ฟางผิงอดนึกถึงช่วงการแข่งขันแลกเปลี่ยนไม่ได้ ตอนที่ปรมาจารย์เฒ่าของทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยระเบิดความเกรงขามออกมา
“ท่วงท่าของนักรบที่อยู่ในสงคราม…”
บางทีอาจจะเป็นความรู้สึกนี้
เสี้ยวนาทีต่อมาทั้งสองคนก็ขยับตัวพร้อมกัน!
ฟางผิงยืดกระดูกสันหลัง ก่อนจะค้อมลงมาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันหมัดของเขาก็โจมตีออกไปแล้ว
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามทำแบบเดียวกัน แขนสีน้ำตาลแก่ถูกแสงจากโคมไฟส่องกระทบจนกลายเป็นสีเลือด
แขนไม่ได้ขยายใหญ่ขึ้น แต่หมัดของอีกฝ่ายสะท้อนสีเลือดออกมาเช่นกัน
ทั้งสองคนขยับฝีเท้าในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายคนมองไม่ชัดเจน หมัดก็โจมตีต่อเนื่องกันห้าหกครั้ง!
“ติ๋งๆ…”
ทั้งสองคนถอยหลังอย่างรวดเร็ว มือขวาของฟางผิงสั่นเล็กน้อย ตอนนี้เลือดชุ่มเป็นวงกว้าง ไหลหยดลงมาไม่หยุดหย่อน
แม้จะบอกว่าดาบคลั่งโลหิตเป็นวิชาดาบ แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นหมัดมวยก็ใช้เหมือนกัน
เมื่อครู่ฟางผิงออกหมัดหกครั้งติดต่อกัน ระเบิดอานุภาพรุนแรงมากยิ่งกว่าตอนเอาชนะพวกหลานไฉ่เย่ ผลปรากฏว่ากลับทำให้อีกฝ่ายเจ็บหนักทั้งคู่
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้าม แขนสั่นเทาเหมือนกัน ฝ่ามือมีเลือดออกอย่างชัดเจน
เขาไม่สนใจว่าบาดแผลจะเป็นยังไง ครู่ต่อมาทั้งสองคนก็ขยับอีกครั้ง
ฟางผิงเหยียดปลายเท้าตรงดิ่ง ขาขวาแทงไปยังขมับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
แววตาของอีกฝ่ายประกายสีเลือดวาบผ่าน จู่ๆ ก็ยื่นสองมือมาจับขาขวาของฟางผิง ใช้แรงเหวี่ยงไปข้างหลัง!
ฟางผิงไม่ได้ดิ้นรน ปล่อยให้ขาลอยไปตามอากาศ ตอนที่ปลายเท้าเสมอกับคิ้วของอีกฝ่าย ครู่ต่อมาฟางผิงก็ฝืนแรงในอากาศ คล้ายดึงขาลงพื้นตามปกติ เท้าทั้งสองเตะสลับที่หัวของอีกฝ่าย
—
“ท่านี้เท่ชิบเป๋ง!”
ฟู่ชางติ่งเผยสีหน้าอิจฉา ตอนนี้ฟางผิงคล้ายดั่งเทพเซียนในร่างคน เดินเหินบนอากาศ เตะอีกฝ่ายถอยหลังไม่หยุด
“ฉันยังคิดว่าเขาฟันคนเป็นอย่างเดียวซะอีก” หยางเสี่ยวม่านพูดเสริม
ไป๋รั่วซีกลับเอ่ยด้วยใบหน้าหนักแน่น “อีกฝ่ายมั่งคงไม่น้อย ประสบการณ์โชกโชน ฟางผิงอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเสมอไป…”
“ไม่จริงน่า?”
พวกเขาต่างเผยสีหน้าตกตะลึง แม้ฟางผิงจะชอบทำให้คนเกลียด แต่ฝีมือของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างน้อยรับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนต้น คงสามารถเอาชนะได้
“เธอคิดว่าฟางผิงจงใจทำเป็นเท่ไม่ใช้ดาบ? จริงๆ เขาใช้ดาบแสดงฝีมือไม่ได้ อีกฝ่ายไม่อาจโง่รับตรงๆ ฟางผิงมีไหวพริบทีเดียว…”
ไป๋รั่วซีเอ่ยชม คนอื่นๆ กลับสบสายตากัน
“พวกเรายังคิดว่าเขาทำเป็นเท่จริงๆ…”
พวกเขาลอบบ่นในใจ ใครจะไปรู้ว่าฟางผิงคิดว่าไม่อาจใช้ประโยชน์จากดาบได้
หมอนั่นวางท่าองอาจไม่ใช้ดาบรังแกคน กระทั่งนักศึกษาของหนานเจียงยังรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง
ไม่น่าล่ะ เมื่อครู่ชายคนนั้นถึงเอ่ยอย่างจนใจว่า ‘ไม่จำเป็น’ ฟางผิง เจ้าหมอนี้น่าไม่อายจริงๆ!
—————–