ตอนที่ 202 สองภารกิจง่ายๆ (2)
จ้าวเสวี่ยเหมยทำใจไม่ได้อยู่บ้าง ผ่านไปสักพักค่อยพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”
เวลานี้หลู่เฟิ่งโหรวเพิ่งจะฟื้นฟูท่าทีเป็นปกติ มองไปทางฟางผิง ขมวดคิ้วว่า “เธอเป็นอะไร?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “อาจารย์ ผมไม่ได้เป็นอะไร”
ระหว่างที่พูดคล้ายจะนึกขึ้นได้ “คุณหมายถึงเรื่องของอาจารย์หลี่? ผมไม่ได้หาเรื่องอะไรเขาเลย จู่ๆ ตาเฒ่านั่นก็โยนผมออกมา อาจารย์ต้องช่วยผมเอาคืนนะครับ?”
“อะไร?”
เห็นได้ชัดว่าหลู่เฟิ่งโหรวไม่รู้เรื่องราวภายใน ทั้งไม่อยากจะเข้าใจด้วย ขมวดคิ้วว่า “ฉันหมายถึงเธอทะลวงขั้นสามมายี่สิบกว่าวันแล้ว ทำไมยังหลอมกระดูกได้แค่หกชิ้น?”
ก่อนหน้านี้ฟางผิงก้าวหน้ารวดเร็วเป็นอย่างมาก
กระดูกหนึ่งร้อยยี่สิบหกชิ้น ใช้เวลาไม่เกินเจ็ดเดือน หรือจะพูดอีกอย่างว่าไม่ถึงสองวันหลอมได้หนึ่งชิ้นแล้ว
ตอนนี้ล่ะ?
ยี่สิบกว่าวันกลับหลอมกระดูกได้แค่หกชิ้น
แม้หลอมกระดูกแกนกลางจะยากกว่ากระดูกแขนขา แต่ที่ยากที่สุดยังคงเป็นกระดูกสันหลัง ตอนนี้ฟางผิงหลอมกระดูกซี่โครงยังช้าขนาดนี้แล้วกระดูกสันหลังล่ะ?
ฟางผิงหัวแล่นอย่างว่องไว ถอนหายใจว่า “อาจารย์ก็รู้ ก่อนหน้านี้ที่ผมก้าวหน้าเร็วเป็นเพราะมีทรัพยากรจำนวนมาก ตอนนี้ไม่มีรายได้แล้ว ครอบครัวผมก็ไม่มีบริษัทให้ขาย เงินหมดจะก้าวหน้าช้าถือเป็นเรื่องธรรมดา ตอนนี้ผมอาศัยการสั่งสมจากปราณอย่างเดียวเท่านั้น ไม่เคยกินยาเสริมสร้างกระดูกสักเม็ด ยาบำรุงเลือดและปราณประหยัดได้ก็ประหยัด…”
“ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ผมต้องซื้อยาบำรุงขั้นสามพวกนั้นอีก!”
ฟางผิงร้องทุกข์ไม่หยุด “ขั้นสามแพงเกินไปแล้ว! แพงจนผมขยาด ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาใช้แค่สามคะแนน ขั้นหนึ่งสิบคะแนน ขั้นสองยี่สิบคะแนน นึกไม่ถึงขั้นสามจะใช้ตั้งสี่สิบคะแนน!”
ฟางผิงทำสีหน้าราวกับรับไม่ได้ “สี่สิบคะแนน ราคานี้ผมรับไม่ไหวจริงๆ!”
“อ่อ”
หลู่เฟิ่งโหรวขานรับ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เธออย่ามาขายความน่าสงสารกับฉันเลย ไม่มีประโยชน์ บริษัทนั้นของเธอ ลงทุนไปหลายสิบล้าน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ แต่เธอบ่นว่าฉันไม่ยุติธรรม? ไม่ให้ผลประโยชน์เธองั้นสินะ? ได้ ตอนนี้จะแลกเปลี่ยนกับเธอสักหน่อย ถ้าเธอรับปาก ทรัพยากรฝึกวิชาหลังจากนี้ ฉันจะจัดสรรให้เธอเอง”
“อาจารย์ว่ามาเลยครับ!” ฟางผิงโพล่งออกมาทันที
หลู่เฟิ่งโหรวยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ง่ายๆ แค่สองเรื่อง เรื่องแรกช่วยฉันส่งจดหมายฉบับหนึ่ง ถ่ายทอดคำพูดไม่กี่ประโยค”
“ไม่มีปัญหาครับ!”
ฟางผิงรับปากทันที ในใจเบิกบานยิ่งกว่าอะไร แกล้งว่าจนยังคงมีประโยชน์ ในที่สุดอาจารย์ก็ให้ผลประโยชน์เขาแล้ว
ส่งจดหมายฉบับหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะอยู่ในเงื่อนไขด้วย นอกจากจะเข้าไปส่งในถ้ำใต้ดิน ไม่งั้นคงไม่มีอันตรายอะไร
“อย่างที่สองช่วยฉันฆ่าคน!”
ฟางผิงขมวดคิ้วทันที เอ่ยอย่างลำบากใจ “อาจารย์ คุณใกล้จะเป็นปรมาจารย์แล้ว…”
นี่ไม่ใช่แกล้งผมหรือไง?
“ทำไม? ไม่อยากทำ? ให้ผลประโยชน์เธอล่วงหน้า แน่นอนว่าต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน ไม่ได้ให้เธอฆ่าตอนนี้ มีฝีมือแล้วค่อยฆ่าเขา!”
แววตาของหลู่เฟิ่งโหรวประกายความเยียบเย็นขึ้นมา ฟางผิงเอ่ยอึกอักว่า “ตระกูลฟางตงหูคนนั้น?”
“ไสหัวไป!”
หลู่เฟิ่งโหรวด่าออกมา แค่นเสียงว่า “ฆ่าเขาฉันจะใช้เธอทำไม!”
ฟางผิงสั่นสะท้านในใจ หรือจะเป็นปรมาจารย์ขั้นเจ็ดจริงๆ!
คุณล้อผมเล่นแล้ว!
“จะทำไม่ทำ? ถ้ารับปาก ฉันจะให้เธอหนึ่งพันคะแนนตอนนี้เลย เธอตายกลางคัน ฉันก็ไม่ตามไปคิดบัญชีกับเธอหรอก!”
“เอ่อ…”
ฟางผิงยิ้มเจื่อน “อาจารย์ คุณไม่ได้กำลังสร้างความลำบากให้ผมหรือไง อีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์เหมือนกันใช่หรือเปล่า?”
“ไม่ใช่”
“ไม่ใช่?”
ฟางผิงกลัดกลุ้มอยู่บ้าง ไม่ใช่ปรมาจารย์ แต่ให้ฉันเป็นคนลงมือ?
หรือจะให้ฉันฝึกประสบการณ์?
คิดอยู่ค่อนวัน ฟางผิงกัดฟันว่า “งั้นขั้นหกสูงสุดเหรอครับ?”
“ไม่ใช่เหมือนกัน”
“หรือจะเป็น…ปรมาจารย์ใหญ่?”
“ไม่ใช่ จะพูดเยิ่นเย้ออะไรนักหนา” หลู่เฟิ่งโหรวไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ พวกถ้ำใต้ดินมีปรมาจารย์ใหญ่ที่ไหนกัน ไม่ใช่มนุษย์เสียหน่อย พวกถ้ำเรียกแค่ขั้นเจ็ดแปดเก้าเท่านั้น เธอจะเข้าใจอะไร!
ฟางผิงโล่งใจ หัวเราะว่า “อาจารย์ งั้นไม่มีปัญหา ผมเชื่อว่าคุณคงไม่ให้ผมฆ่าพวกคนดีๆ อยู่แล้ว…”
“เหลวไหล”
หลู่เฟิ่งโหรวถลึงตาใส่ ก่อนจะโยนม้วนภาพหนึ่งให้เขา “คนๆ นี้แหละ เจอก็ฆ่าเขาซะ มีฝีมือแล้วค่อยไป”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
ฟางผิงรับปากอย่างว่องไว สองภารกิจไม่นับว่าเป็นเรื่องยาก นึกไม่ถึงว่าเหล่าหลู่จะให้ตัวเองตั้งหนึ่งพันคะแนน ไม่รู้ว่ากินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า
หลู่เฟิ่งโหรวโยนจดหมายให้เขาอีกฉบับ “ไปรอที่ปากทางเข้าถ้ำเขตทางใต้ วันนี้หรือพรุ่งนี้จะมีตาแก่ผมขาวออกมาจากถ้ำใต้ดิน เอาจดหมายให้เขา บอกไปว่าลูกสาวคิดถึงเขา ให้เขารีบไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
“อ่อ”
ฟางผิงพยักหน้า รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง พ่อของอาจารย์?
งั้นต้องเรียกว่าอะไร?
ซือกง[1]?
แม้จะแปลกใจ แต่เขาแทบไม่ต้องออกไปจากมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ฟางผิงยังคงยินดีช่วยเหลือหลู่เฟิ่งโหรวอย่างยิ่ง
หนึ่งพันคะแนน อาจารย์ตัวเองใจป้ำจริงๆ
ทั้งยังดีกับตัวเองเป็นพิเศษ ในที่สุดก็ยืดคอได้กับเขาสักที
จ้าวเสวี่ยเหมยที่อยู่ด้านข้างมองอย่างอิจฉาอยู่บ้าง ติดอยู่ที่ความสามารถ ไม่งั้นเธอคงอยากแย่งภารกิจนี้มาเช่นกัน
ในความคิดของทั้งสองคน ผู้ที่หลู่เฟิ่งโหรวให้ฟางผิงฆ่านั้น ต้องเป็นคนชั่วอย่างแน่นอน
สังคมปัจจุบันนี้ แม้ผู้ฝึกยุทธ์จะเป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ แต่หากฆ่าคนบริสุทธิ์ นั่นต้องจ่ายค่าตอบแทนที่มหาศาลเช่นกัน
ส่งเข้าไปเป็นหน่วยกล้าตายในถ้ำใต้ดิน นั่นสถานเบาที่สุด
เหล่าหลู่คงไม่สร้างความลำบากให้ฟางผิงขนาดนั้นหรอก ก่อนที่ฟางผิงจะฆ่าคน ต้องตรวจสอบสักหน่อยเหมือนกัน
ไม่ใช่ปรมาจารย์ ไม่ใช่ขั้นหก งั้นอย่างมากคงมีฝีมือในขั้นสี่ขั้นห้า ฟางผิงแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแล้ว คงไม่คิดอิดออดที่จะช่วยเหลือหรอก
—
ออกมาจากบ้านพัก ฟางผิงก็ยิ้มด้วยใบหน้าเบิกบาน “อาจารย์เยี่ยมที่สุดเลย!”
“หนึ่งพันคะแนน…ใจป้ำจริงๆ”
เบิกคะแนนล่วงหน้าให้ตัวเอง ในสายตาฟางผิง นี่เอาใจใส่เขามากแล้ว
จ้าวเสวี่ยเหมยอิจฉาอยู่บ้าง กลับไม่อยากเห็นเขาอวดเบ่ง เอ่ยถามว่า “อาจารย์เหมือนไม่ค่อยประทับใจอวิ๋นซีเท่าไหร่?”
“เรื่องนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจเพราะไม่เคยคลุกคลีกัน รออยู่ร่วมกันระยะหนึ่งน่าจะดีขึ้นแล้ว”
“อาจารย์ไป๋น่าสงสารจริงๆ” จ้าวเสวี่ยเหมยถอนหายใจ เสียแขนไปหนึ่งข้าง ร่างกายยังเจ็บหนัก ถึงกระทั่งไม่อาจสอนต่อได้
“อาจารย์บอกแล้วไม่ใช่หรือไง? มีชีวิตรอดกลับมาได้ถือว่าโชคดีแล้ว ทั้งสำหรับอาจารย์ไป๋ ได้รับบาดเจ็บหมายความว่าไม่จำเป็นต้องเข้าไปในถ้ำใต้ดินอีก บางทีอาจเป็นเรื่องดีเหมือนกัน…”
เรื่องนี้ฟางผิงทำได้เพียงคิดไปในทางที่ดี ไม่งั้นคงไม่รู้ว่าควรต้องรู้สึกยังไง
ไม่มีเวลาพูดพร่ำเพรื่ออีกแล้ว ฟางผิงเอ่ยว่า “ฉันจะไปเอาคะแนนที่ฝ่ายบริการสักหน่อย ไว้ค่อยคุยกัน”
คะแนนนี้ถือเป็นค่าตอบแทนภารกิจที่หลู่เฟิ่งโหรวมอบให้เขา จึงนับเป็นของเขาเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะไม่รวมในค่าทรัพย์สิน
หนึ่งพันคะแนน หากจัดการได้ดี นั่นทำเงินได้กว่าสามสิบล้าน แม้จะไม่ไปแลกยาบำรุงมาซื้อขาย ก็เพิ่มค่าทรัพย์สินได้เป็นยี่สิบล้านแล้ว
สำหรับฟางผิง คะแนนนี้มาได้ทันเวลาจริงๆ
ว่าแล้วฟางผิงก็วิ่งไปฝ่ายบริการอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ตาเฒ่าหลี่โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ตอนนี้น่าจะหายโกรธแล้วสินะ
—————-
[1] ซือกง เป็นคำที่ลูกศิษย์ใช้เรียกพ่อของอาจารย์