ตอนที่ 276 ผู้ฝึกยุทธ์เป่ยเจียง (1)
ย่านกวนหูหยวน
ด้านนอกฝนยังตกไม่หยุดหย่อน
ฟางผิงเก็บกระเป๋าเดินทาง ฟางหยวนเอ่ยด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์ว่า “จะไปอีกแล้ว?”
ปิดเทอมฤดูร้อน ฟางผิงเพิ่งจะกลับมาไม่กี่วัน ตอนนี้ออกไปอีก ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกทีเมื่อไหร่
“ครั้งนี้ต้องเอาที่หนึ่งมาให้ได้ ไม่มีเหตุผลให้เลิกล้มกลางคัน เป็นอันดับหนึ่งไม่ได้ต่างอะไรกับคนไร้ความสามารถกัน?”
ฟางผิงแสร้งหยอกเล่นออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ฟางหยวนพึมพำว่า “แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งนายยังเกือบสู้ไม่ไหวเลย…”
ฟางผิงถลึงตามองเธอ
ฉันสู้หลิงอีอีไม่ได้?
เธอไม่เห็นตอนที่พี่เธอโกงต่างหาก!
ให้ระบบช่วยโกง สองสามกระบวนท่าก็ตีหลิงอีอีตายได้แล้ว!
แต่วิดีโอที่ถ่ายครั้งก่อน ตอนที่ฟางผิงประมือกับหลิงอีอีไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบจริงๆ จวบจนสุดท้ายที่ทุกคนออกกระบวนท่าชั้นยอดจนปราณหมดเกลี้ยง ฟางผิงอาศัยพื้นฐานของร่างกาย นี่จึงทำให้สู้กับหลิงอีอีจนไร้เรี่ยวแรงโต้ตอบได้
“เธอคิดว่าพี่เอาชนะผู้หญิงคนนั้นอย่างยากเย็นจริงๆ หรือไง?”
ฟางผิงแค่นเสียงว่า “เห็นเธอเป็นผู้หญิงเลยจงใจยอมอ่อนให้เธอเท่านั้น ไม่งั้นอย่างมากสามดาบเธอก็แพ้แล้ว!”
ฟางหยวนทำหน้าสงสัย ไม่เชื่ออยู่บ้าง
“อย่ามองฉันแบบนั้น” ฟางผิงขยี้หัวเธอ ทำทรงผมยุ่งเหยิงไปหมด เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ใกล้จะถึงขีดจำกัดที่หนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคลแล้ว หลายคนติดอยู่ที่ด่านนี้ เธออย่ามาติดที่นี่ล่ะ จะขายหน้าคนอื่นเอา พี่เธอฝึกวิชาตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2008 จนถึงตรวจร่างกายเดือนพฤษภา ปราณหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ จากหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าถึงสองร้อยกว่าแคล หลอมกระดูกสามครั้งก็ใช้เวลาสามสี่เดือนเท่านั้น แม้ว่ากระดูกร่างกายของเธอจะยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ยาบำรุงกินไปไม่น้อย เคล็ดวิชาหลอมกระดูกก็ได้เปรียบเรื่องสภาพแวดล้อม…”
เคล็ดวิชาหลอมกระดูกเป็นเคล็ดวิชาที่ฝึกแบบผสมผสาน ทะลวงเส้นเดินปราณ บุกเบิกเส้นใหม่ หลอมรวมปราณ…
เรื่องสภาพแวดล้อมที่ฟางผิงพูดถึง นั่นเป็นเพราะถ้ำใต้ดินหนานเจียงกำลังจะปรากฏขึ้น พลังงานจึงเพิ่มสูงขึ้น
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำกว่าปรมาจารย์อาจจะสัมผัสถึงอนุภาคพลังงานไม่ได้
แต่ตอนที่ทุกคนฝึกวิชา หากเปรียบเทียบกันจริงๆ จะพบว่าในสถานที่ที่พลังงานเต็มเปี่ยม ปราณจะฟื้นฟูได้รวดเร็วมากกว่า การหลอมรวมปราณในการฝึกเคล็ดหลอมกระดูกจะง่ายขึ้นมาอยู่บ้าง
นี่เป็นหลักการเดียวกับห้องแหล่งพลังงานเช่นกัน
อันที่จริงหนึ่งปีมานี้หนานเจียงมีพลังงานเข้มข้นขึ้นโดยตลอด แม้ว่าจะระดับน้อยมาก แต่ฝึกวิชาเร็วขึ้นก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
ทุกปีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ต่างเพิ่มเกณฑ์สูงขึ้น เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตและพลังงานที่สูงขึ้นเช่นกัน
ได้ยินฟางผิงพูดแบบนี้ ฟางหยวนจึงกลัดกลุ้มอยู่บ้าง พองลมแก้มขึ้นมา
ฟางผิงเห็นจึงคันไม้คันมือ ยื่นมือไปบีบทันที เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พยายามเข้าล่ะ รีบหลอมกระดูกครั้งแรกให้สำเร็จเร็วหน่อย ก่อนเปิดเทอมยังมีเวลาช่วงหนึ่ง ถ้าขยันอาจจะหลอมกระดูกครั้งแรกได้ก่อนเปิดเทอม ส่วนพี่ของเธอ ถึงเวลานั้นน่าจะขั้นสี่แล้ว”
“ฟางผิง นายจะทะลวงขั้นสี่แล้วจริงๆ เหรอ?”
ตอนนี้ฟางหยวนเข้าใจเรื่องของผู้ฝึกยุทธ์แล้วเช่นกัน ยังคงเอ่ยอย่างตกใจอยู่บ้าง “เร็วชะมัด!”
ตอนที่ฟางผิงยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ เธอกำลังฝึกจวงกง
รอฟางผิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ตอนนี้อยู่ขั้นสามสูงสุด ปราณเธอยังไม่ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแคล หลอมกระดูกครั้งแรกไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แต่ฟางผิงจะทะลวงขั้นสี่แล้ว
“น่าจะเร็วๆ นี้แหละ การประลองครั้งนี้สิ้นสุดลง ฉันคงจะเข้าสู่ขั้นสี่แล้ว”
ระหว่างที่ฟางผิงพูดยังเอ่ยว่า “เดือนหน้าอาจจะมีการเปิดเผยการจัดอันดับขั้นสี่ขั้นห้า อาศัยโอกาสนี้พี่ชายเธอจะขึ้นไปรออยู่ในการจัดอันดับขั้นสาม ไม่งั้นคงต้องรออีกหลายเดือนกว่าจะดังอีกครั้ง”
ฟางผิงพูดเหมือนเสียดายที่ใช้เวลานานเกินไป
ฟางหยวนไม่สนใจเท่าไหร่ กลับไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ที่ได้ฟังแทบอยากจะหงุดหงิดตาย
ความหมายของฟางผิงค่อนข้างชัดเจน ตั้งแต่เข้าสู่ขั้นสี่จนมีชื่อเสียงในขั้นสี่ เวลาไม่กี่เดือนก็เพียงพอแล้ว หลังจากนั้นเขาจะไร้ศัตรูในขั้นสี่
สำหรับการจัดอันดับ ฟางหยวนสงสัยเช่นกัน เอ่ยด้วยตาโตว่า “ประเทศจีนของพวกเรามีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่เยอะหรือเปล่า?”
ฟางผิงส่ายหัว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่แน่ใจเหมือนกัน หลักๆ มีเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง น่าจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งแสนคน ขั้นสี่คงจะมีสักแปดเก้าหมื่นล่ะมั้ง”
ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ของประเทศจีนมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ ขอแค่ตายในสงครามน้อยกว่าตอนนี้ จำนวนก็จะเพิ่มขึ้นตลอด
หลังจากการผลักดันของรัฐบาล กลุ่มของผู้ฝึกยุทธ์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างกว่าล้านคนกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเช่นกัน
ระดับกลางอาจจะถึงหนึ่งแสนคน
พูดถึงเรื่องจำนวน ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางของหน่วยทหารมีเยอะที่สุด แต่แทบจะอยู่ในถ้ำใต้ดินทั้งหมด ทำเนียบผู้ว่า ทำเนียบผู้บัญชาการก็มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางอยู่บางส่วน
กองรักษาการณ์ก็มีอยู่จำนวนหนึ่งเช่นกัน
แต่รัฐบาลกลาง อย่ามองว่าไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร แม้ว่าปรมาจารย์ที่อยู่ในการจัดอันดับจะมีไม่เยอะ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางกลับไม่ได้มีน้อยๆ เลย
หน่วยทหารแข็งแกร่งขนาดนี้ยังทำให้ประเทศจีนกลายเป็นประเทศที่ปกครองโดยทหารอย่างแท้จริงไม่ได้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่รัฐบาลมีความแข็งแกร่งเช่นกัน
รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมอีกกลุ่มหนึ่งด้วย ระดับกลางหนึ่งแสนคน นี่เป็นการคาดคะเนของฟางผิง
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่มีไม่น้อย ฟางผิงเข้าสู่ขั้นสี่ แม้จะสู้ในขั้นสามจนไร้คู่ต่อสู้แล้ว เกรงว่าเป็นเรื่องยากที่จะเข้าสู่การจัดอันดับขั้นสี่ในเวลาอันรวดเร็วเช่นกัน
“เยอะขนาดนี้เลย!”
ฟางหยวนเอ่ยด้วยใบหน้าแปลกใจ “งั้นหยางเฉิงของพวกเราทำไมถึงไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง อีกอย่างปรมาจารย์ก็มีน้อย ทั้งหมดแค่หนึ่งร้อยหกคน…”
ฟางผิงหัวเราะ ส่ายหัวว่า “อย่าเชื่อการจัดอันดับพวกนั้น การจัดอันดับปรมาจารย์ตอนนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ปรมาจารย์ในประเทศจีนมีจำนวนกว่าสามร้อยคน อีกอย่างปรมาจารย์ก็แข็งแกร่งกว่าที่พวกเธอจินตนาการไว้มาก ตอนนี้พี่เธอคงแข็งแกร่งพอแล้วใช่หรือเปล่า?”
“อืม!”
ฟางหยวนรีบพยักหน้าระรัว ฟางผิงเก่งมากๆ ไม่มีใครพูดปฏิเสธว่าฟางผิงไม่เก่ง
“แต่เจอกับปรมาจารย์ แค่จ้องตาฉันก็ตายได้แล้ว อันที่จริงตอนนี้ฉันก็พาคนขึ้นไปในอากาศได้เหมือนกัน แต่เป็นเพราะอาศัยพื้นฐานของร่างกาย รวมถึงจวงกงเลยเดินเหินกลางอากาศในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ ไม่นานก็ร่วงลงพื้นแล้ว หากเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์จริงๆ สามารถเหาะทะยานบนฟ้า ทำได้ถึงขั้นลอยกลางอากาศ ขี่เมฆหมอก ปรมาจารย์ถึงเป็นเทพเซียนในร่างมนุษย์อย่างแท้จริงยังไงล่ะ เด็กน้อย อยากจะลอยบนฟ้าต้องพยายามหน่อย กลายเป็นปรมาจารย์ เธอก็ทำได้แล้ว”
ฟางหยวนทำหน้าคิดตาม “นี่ไม่ใช่โลกของเทพเซียนจริงๆ แล้วหรือไง? เหมือนกับในละครทีวี…หากสมาคมหยวนผิงมีปรมาจารย์ถึงสามพันคนได้ พี่ งั้นไม่ใช่ว่าจะสร้างตำนวนสวรรค์บนท้องฟ้าได้แล้วหรือไง? ถึงกระทั่งจัดอันดับเทพเซียนยังได้…”
ฟางผิงสีหน้าแข็งทื่อ!
ปรมาจารย์สามพันคน?
เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นสินะ?
ประเทศจีนบ่มเพาะมาหลายปี มีปรมาจารย์กี่คนกัน?
เด็กไร้เดียงสาอย่างเธอ เอาแต่คิดเพ้อฝันทั้งวัน หากมีปรมาจารย์สามพันคนจริงๆ ฟางผิงแทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้ประเทศจีนจะจู่โจมถ้ำใต้ดินทันที อย่างน้อยก็กำราบทางเข้าถ้ำไปกว่าครึ่ง แม้จะมีการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากก็ไม่คิดเสียดาย
ไม่สนใจเด็กสาวอีก ฟางผิงเก็บข้าวของแล้วก็ถือดาบยาวเดินลงจากตึกไป
“ฉันไปล่ะ ดูแลพ่อแม่ด้วย อีกอย่างอย่าไปเมืองรุ่ยอัน จำไว้ให้ดี! ตอนนี้เมืองรุ่ยอันมีผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตหลายหมื่นคน ฉันไปแล้ว ไม่มีใครช่วยเธอได้!”
ฟางผิงข่มขู่น้องสาวไว้ ฟางหยวนเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา รุ่ยอันมีผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตหลายหมื่นคน?
“พี่…นายจะไปรุ่ยอันเหรอ?”
“เปล่า แค่บอกให้เธอรู้เท่านั้น อย่าเผยแพร่ต่อภายนอก ถ้าเธอมีเพื่อนจะไปก็ไม่ต้องสนใจ ทางนั้นมีคนจับตาดูอยู่ แต่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไป”
“อืม ฉันไม่ไปอยู่แล้ว!”
ฟางหยวนรีบพยักหน้า คนโง่น่ะสิถึงเข้าไป ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตหลายหมื่น น่ากลัวจะตายไป
“ไปล่ะ!”
—
บอกลาฟางหยวนแล้ว ไม่นานฟางผิงก็ขับรถจากไป
เป้าหมายคือมณฑลเป่ยเจียง!
ยอดฝีมือขั้นสามสองคนจากหน่วยทหาร มาจากเขตทหารเป่ยเจียงทั้งหมด
เป่ยเจียงไม่มีมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่มีโรงเรียมเตรียมทหารอยู่ โรงเรียนเตรียมทหารเป่ยเจียง
นอกจากโรงเรียนเตรียมทหารเป่ยเจียง ที่นี่ยังมีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้โดยเฉพาะแห่งหนึ่ง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียง
ฟางผิงไม่ค่อยรู้เรื่องของมหาวิทยลัยเป่ยเจียงเท่าไหร่ แต่เขารู้จักนักศึกษาไม่กี่คนที่มาจากมหาวิทยาลัยเป่ยเจียง ซุนหมิงอวี่ เวลานั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง หัวหน้าทีมของมหาวิทยาลัยพันธมิตร
ผลปรากฏว่าการแข่งขันแลกเปลี่ยนรอบแรกก็ถูกหานซวี่ตัดมือซ้ายขาด
เหลียงเวยเย่ามาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียงเช่นกัน บอกว่าฟางผิงต่อยตีผู้ฝึกยุทธ์หญิงอย่างโหดเหี้ยม งั้นคงลืมเหลียงเวยเย่าไปแล้ว คนๆ นี้แทบจะอัดหน้าอกหลี่หรานยุบลงไปในหมัดเดียว ฝีมือแข็งแกร่งมากเหมือนกัน
———————