ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 276-2 ผู้ฝึกยุทธ์เป่ยเจียง (2)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 276 ผู้ฝึกยุทธ์เป่ยเจียง (2)

ฟางผิงคิดว่าชื่อเสียงของเขาฉาวโฉ่เป็นเพราะตัวเองแข็งแกร่งเกินไป คนอื่นเลยอิจฉาเขา ทำไมไม่เห็นมีใครพูดว่าเหลียงเวยเย่าโหดร้ายบ้าง?

ทั้งสองคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์จากมหาวิทยาลัยเป่ยเจียง วิธีการต่อสู้เหี้ยมโหด โหดสำหรับศัตรู ทั้งโหดกับตัวเองเช่นกัน

ผู้ฝึกยุทธ์เป่ยเจียงฝีมืออาจจะไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ปรมาจารย์ก็มีไม่เยอะ แต่ผู้ฝึกยุทธ์เป่ยเจียงมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากพวกเขามักจะลงไปถ้ำใต้ดินบ่อยๆ

ปากทางเข้าถ้ำใต้ดินของเป่ยเจียงแทบจะเป็นคนของเป่ยเจียงที่รับผิดชอบดูแลกันเอง

เหลียงเวยเย่าขั้นหนึ่ง ซุนหมิงอวี่ขั้นสอง อันที่จริงต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่เคยลงถ้ำมาก่อน

หากเป็นที่อื่น เดิมทีแทบไม่อาจให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองพวกนี้ลงไปตายในถ้ำฟรีๆ แต่เป่ยเจียงยิ่งมีพรสวรรค์ ก็จะยิ่งให้ลงถ้ำเร็วขึ้นเท่านั้น แทบไม่ปล่อยโอกาสให้คุณเอื่อยเฉื่อยได้

หน่วยทหารเป่ยเจียงให้กำเนิดยอดฝีมือแนวหน้าในขั้นสามออกมาสองคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมด้วยเช่นกัน

ระยะห่างจากเป่ยเจียงและหนานเจียงค่อนข้างไกล ฟางผิงขับรถแบบไม่พักหนึ่งวันหนึ่งคืน เกือบหนึ่งพันห้าร้อยกิโลเมตรจึงมาถึงมณฑลเป่ยเจียง

วันที่ 7 สิงหาคม ฟางผิงเดินทางมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียง

เขาเพิ่งจะลงรถ จู่ๆ หน้าประตูก็มีคนตะโกนว่า “ฟางผิงมาแล้ว แจ้งข่าวให้นักศึกษาขั้นสามสูงสุดออกมาต่อสู้!”

“สู้!”

“นักศึกษาขั้นสามสูงสุดเตรียมพร้อม!”

“ฟางผิงอยู่ไหน?”

“ฉันจะประลองกับเขาก่อน อย่ามาแย่งฉัน!”

“…”

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียงแทบจะโกลาหลวุ่นวายขึ้นมาในชั่วพริบตา นักศึกษากลุ่มใหญ่ถืออาวุธพุ่งมาทางหน้าประตูอย่างว่องไว อาจารย์บางส่วนแตะเท้าขึ้นกลางอากาศ ตะโกนเสียงดังว่า “ทุ่มสุดกำลัง เป่ยเจียงไม่มีคนขี้ขลาดตาขาว!”

“เอาชนะฟางผิงได้มีรางวัลใหญ่ให้!”

“…”

ฟางผิงอ้าปากค้าง!

ฉัน…ไม่ได้บอกว่าจะมาประลองสักหน่อย!

ฉันแค่มาสำรวจดู ถือโอกาสถามทางไปหน่วยทหารเป่ยเจียงเท่านั้น

ผลปรากฏว่าเขายังไม่ทันอ้าปาก ในมหาวิทยาลัยเป่ยเจียงก็มีคนกรูออกมากว่าพันคนแล้ว!

นี่จะทำอะไรกัน?

ตอนนี้หน้าประตูมีนักศึกษาจำนวนมากเผยท่าทีอยากลองของอยู่บ้าง

ฟางผิงหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ฉันแค่มาถามทางเท่านั้น อยากจะถือโอกาสถามไถ่อาการบาดเจ็บของซุนหมิงอวี่ด้วย ใครจะสู้กับพวกนายกัน!

ตอนนี้ค่าทรัพย์สินของเขาไม่พอ ใครจะว่างมาผลาญปราณต่อสู้กับพวกนายกัน

เห็นว่าคนมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์ของเป่ยเจียงยังกระตุ้นให้คนอื่นๆ ออกมาชมการประลอง ฟางผิงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร หมุนตัววิ่งหนีขึ้นรถไปทันที

ไม่ถึงสามสิบวินาที เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ก่อนฟางผิงจะขับรถหายไป

เขาจากไป ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยก็ตกสู่ความสงบในชั่วพริบตา

หน้าประตูนักศึกษากลุ่มหนึ่งสบสายตากัน มีคนเอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า “ต้องเป็นหลิวหลินแน่เลยที่ทำเขาตกใจจนหนีไป เธอจะยืดหน้าอกขึ้นมาทำไม ใหญ่จนคนเขาไม่กล้าตีน่ะสิ!”

“ไอ้สารเลว!”

ผู้ฝึกยุทธ์หญิงที่ยั่วยุฟางผิงก่อนหน้านี้ลอบด่าออกมา เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “เจ้าหมอนี้อะไรกัน? มาแล้วก็วิ่งหนี ไม่มีความเป็นผู้ชายสักนิด! ฉันคิดว่าเขากล้าลงมือกับผู้หญิง น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อคนหนึ่งซะอีก นึกไม่ถึงว่าจะดีแค่เปลือกนอก!”

“ใช่แล้ว วิ่งอะไรกัน พวกเรากินเขาได้หรือไง? จริงๆ เลย น่าเบื่อชะมัด”

“เป็นความผิดของหลิวหลินนั่นแหละ ทำคนอื่นตกใจ น่าจะไม่เคยเจอใหญ่ขนาดนี้มาก่อน กลัวว่าจะทำใจตีจนระเบิดไม่ได้น่ะสิ…”

“…”

ทุกคนซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กัน ฟางผิงกลับวิ่งหนีไปไม่เห็นเงานานแล้ว

“ผู้ฝึกยุทธ์เป่ยเจียงเป็นบ้ากันไปหมดแล้วสินะ!”

บนรถฟางผิงก่นด่าออกมา เขาแค่ผ่านทางมาเท่านั้น ยังไม่ทันพูดสักคำ คนกว่าหนึ่งพันกลับบุกออกมาแล้ว นี่จะทำอะไรกัน?

ระหว่างที่ด่าฟางผิงก็โทรหาพวกฟู่ชางติ่งไปด้วย ถามพวกเขาสองสามคนถึงค่อยได้เบอร์โทรของซุนหมิงอวี่มา

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ร้านอาหารแห่งหนึ่งนอกมหาวิทยาลัยเป่ยเจียง

ซุนหมิงอวี่และเหลียงเวยเย่าสาวเท้าเข้ามา พอเห็นฟางผิง ซุนหมิงอวี่ก็หัวเราะทันที “ฟางผิง ไม่ได้เจอกันซะนาน!”

อันที่จริงทั้งสองคนไม่คุ้นเคยกันสักนิด แต่ซุนหมิงอวี่กลับเป็นมิตรอย่างยิ่ง เจอหน้าก็เข้าไปกอด ตบไหล่ฟางผิงไปหนักๆ

เหลียงเวยเย่าเป็นคนร่างกายสูงใหญ่ ซุนหมิงอวี่ทักทายอย่างเป็นมิตรแล้ว เหลียงเวยเย่าก็เข้าไปกอดเขาอย่าง ‘เป็นมิตร’ เช่นกัน

ฟางผิงถูกทั้งสองคนกอดจนแทบจะหายใจไม่ออก เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ทั้งสองคนเป็นมิตรจริงๆ”

“คนเป่ยเจียงอย่างพวกเราเป็นมิตรอยู่แล้ว!”

ซุนหมิงอวี่หัวเราะออกมา เอ่ยต่อว่า “เมื่อกี้ได้ยินว่านายไปถึงมหาวิทยาลัยพวกเรา ทำไมจู่ๆ ออกมาซะล่ะ?”

“เป็นมิตรเกินไป รับไม่ไหว”

ฟางผิงยิ้มอย่างขมขื่น เชิญให้ทั้งสองคนนั่งลง ก่อนจะมองมือซ้ายของซุนหมิงอวี่ไปแวบหนึ่ง ถามว่า “มือเป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่เป็นไร แค่ต้องสิ้นเปลืองยาหลอมกระดูกมากหน่อย เชื่อมติดกันแล้ว”

ซุนหมิงอวี่ไม่ได้ใส่ใจ เหลียงเวยเย่ากลับถอนหายใจว่า “เดิมทีเขาอยู่ขั้นสองแล้ว ตอนนี้น่าจะทะลวงขั้นสามได้ด้วยซ้ำ ปรากฏว่าเพราะเรื่องมือทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย ตอนนี้เพิ่งจะขั้นสองตอนปลายเท่านั้น”

เหลียงเวยเย่าทะลวงขั้นสองสูงสุดไปแล้ว ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนในวันนั้นต่างเป็นอัจฉริยะทั้งหมด

คนที่หลอมกระดูกครั้งเดียวเหมือนจ้าวเสวี่ยเหมย ตอนนี้แทบจะเข้าสู่ขั้นสองสูงสุดหมดแล้ว

หานซวี่ใกล้จะเข้าสู่ขั้นสามตอนปลาย

คนอื่นๆ อย่างฟู่ชางติ่ง หลายวันนี้แทบไม่มีข่าวคราว หากเป็นไปตามที่คาด ก่อนเปิดเทอมอาจจะเข้าสู่ขั้นสามแล้ว

ตอนแรกซุนหมิงอวี่อยู่ขั้นสองตอนต้น ตอนนี้เพิ่งจะขั้นสองตอนปลาย เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่มือขาด ไม่ได้แก้ไขง่ายๆ เหมือนที่เขาพูดขนาดนั้น คงจะสิ้นเปลืองเวลาไม่ใช่น้อย

แต่กระดูกมือเชื่อมติดกันก็เป็นความโชคดีในความโชคร้ายเช่นกัน

ทั้งสองคนต่างเป็นมิตรอย่างยิ่ง ซุนหมิงอวี่แทบไม่ขุ่นเคืองเรื่องที่มือขาดเลย การแข่งขันแลกเปลี่ยน ทุกคนต่างพยายามสุดกำลังเพื่อครอบครัวเล็กๆ ของตัวเอง แพ้ก็แพ้ไป ตายก็ถือว่าคุ้มค่า

ไม่พูดคุยเรื่องนี้ต่อ ไม่นานซุนหมิงอวี่ก็สลับจากแขกเป็นเจ้าบ้าน เป็นฝ่ายสั่งอาหารเครื่องดื่มก่อน…มีเหล้าเป็นหลัก

เห็นฟางผิงปรับตัวไม่ทันอยู่บ้าง ซุนหมิงอวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร แม้ว่าดื่มเหล้าเยอะจะทำให้ประสาทสัมผัสช้าลง แต่ดื่มนิดหน่อยกลับให้ผลดีอยู่บ้าง”

ฟางผิงหัวเราะไม่ได้ปฏิเสธอะไร ซุนหมิงอวี่เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้น “ครั้งนี้มาเป่ยเจียงเพราะเฉินชิวเฟิงกับกัวซวน?”

“อืม แต่เรื่องของหน่วยทหารฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ดังนั้นผ่านมามหาวิทยาลัยเลยอยากเข้ามาถามว่าจะหาพวกเขาได้ยังไง?”

ซุนหมิงอวี่ฟังจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ง่ายๆ ฉันรู้จักพวกเขา ก่อนหน้านี้พวกเราเคยฝึกที่หน่วยทหารเป่ยเจียงอยู่ช่วงหนึ่งเช่นกัน จะว่าไปแล้ว พวกเขาสองคนถือว่าเป็นครูฝึกของพวกเราด้วย แต่ฟางผิง ฉันเคยดูคลิปการประลองของนายและหลิงอีอีมาก่อน ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาจริงๆ เคล็ดวิชาต่อสู้ของหน่วยทหารไม่ซับซ้อน แต่โหดเหี้ยมอย่างมาก หากสู้กันจริงๆ คงจะทุ่มสุดกำลัง มองนายประหนึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ…”

ฟางผิงพยักหน้าว่า “เคยได้ยินมาแล้ว ดังนั้นเลยอยากแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ฝึกยุทธ์หน่วยทหารสักหน่อย”

“ในเมื่อนายยืนกราน คงไม่อาจพูดอะไรได้ เดี๋ยวพวกเราจะพานายเข้าไป ถือโอกาสชมการประลองของยอดฝีมือขั้นสามสูงสุดด้วยละกัน”

ซุนหมิงอวี่ไม่เกลี้ยกล่อมให้มากความอีก เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้ำใต้ดินของหนานเจียงจะเปิดออกแล้ว รู้หรือเปล่า?”

“อืม ก่อนหน้านี้สัมผัสได้เหมือนกัน”

“ฟางผิง หากถ้ำใต้ดินหนานเจียงปรากฏขึ้น คนอื่นไม่พูดถึง แต่พวกเราต้องเข้าไปแน่” ซุนหมิงอวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้ำใต้ดินเปิดใหม่ สำหรับพวกเราเป็นภัยพิบัติทั้งเป็นโอกาสเช่นกัน ทุกครั้งที่ทางเข้าถ้ำปรากฏขึ้นใหม่ จะก่อให้เกิดยอดฝีมือออกมาจำนวนมาก ถึงเวลานั้นคนที่เคยเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนน่าจะมีโอกาสมารวมตัวกัน ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้คนอื่นเป็นยังไงบ้าง”

ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “เฉินเจียเซิงน่าจะใกล้ทะลวงขั้นสาม หรือาจทะลวงแล้ว ไป๋อิ่นเหมือนจะอยู่ขั้นสองสูงสุด พวกที่อยู่ปักกิ่งเข้าสู่ขั้นสองสูงสุดเกือบหมดแล้ว หานซวี่อยู่ขั้นสาม คนอื่นๆ ไม่แน่ใจเท่าไหร่”

“นายไปมาหลายแห่งกว่าพวกเราจริงๆ พวกเรายังไม่ถึงขั้นสาม ตอนนี้อยู่ในเป่ยเจียงตลอด อึดอัดจะตายอยู่แล้ว…”

ทั้งสามคนพูดคุยกัน กินข้าวเสร็จ ซุนหมิงอวี่ก็ไม่ชักช้า พาฟางผิงมุ่งหน้าไปหน่วยทหารเป่ยเจียงทันที

สำหรับการแข่งขันเป็นอันดับหนึ่งของขั้นสาม พวกเขาล้วนให้ความสนใจอย่างยิ่ง

ตอนนี้ฟางผิงไม่ได้เป็นแค่ตัวแทนของเซี่ยงไฮ้ แต่ยังเป็นตัวแทนอันดับหนึ่งในขั้นสามของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ด้วย

ยอดฝีมือที่ระดับต่ำกว่าขั้นปรมาจารย์ มาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เยอะกว่า

ฟางผิงจะสามารถคว้าอันดับหนึ่งของขั้นสามได้หรือไม่ ความจริงสำหรับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แล้วถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน ข่าวที่ฟางผิงมุ่งหน้าขึ้นเป่ยเจียงแทบจะแพร่กระจายในแวดวงผู้ฝึกยุทธ์อย่างรวดเร็ว

———————

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท