ตอนที่ 278 หาเงินยากจริงๆ (2)
ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย “ผมรู้ อาจารย์เคยบอกมาครั้งหนึ่งแล้ว สะพานลำเลียงที่เชื่อมต่อข้างนอกและใน ถ่ายทอดปราณจากข้างนอกสู่ข้างในให้หลอมอวัยวะภายในต่อ หลอมอวัยวะภายในกลายเป็นกึ่งร่างทอง เข้าสู่ขั้นหกสูงสุด จากนั้นเริ่มบ่มเพาะพลังจิตใจ จิงชี่เฉินรวมเป็นหนึ่ง ก้าวสู่ขั้นปรมาจารย์อย่างเป็นทางการ…”
ตาเฒ่าหลี่กลอกตา ฉันยังต้องสอนนายอีกหรือไง เล่นสอดเข้ามาแบบนี้!
ไม่สนใจฟางผิง ตาเฒ่าหลี่เอ่ยต่อว่า “หากอยากจะเข้าสู่ขั้นสี่ อันดับแรกต้องฝึกเคล็ดวิชาหลอมพลัง…บทอวัยวะภายใน…”
“ผมรู้ๆ เคล็ดวิชาหลอมพลังแบ่งเป็นภายในและภายนอก แต่ผมยังไม่เรียนถึงบทอวัยวะภายใน…”
“หุบปาก!”
ตาเฒ่าหลี่มีโทสะขึ้นมา ตำหนิว่า “ถ้าจะสอดปากอีกก็ออกไปตั้งแต่ตอนนี้!”
ฟางผิงยิ้มเจื่อน ผมรู้จริงๆ นี่นา แค่มาถามว่าขั้นสี่ทะลวงยังไง เรื่องพื้นฐานพวกนี้คุณไม่มีความจำเป็นต้องพูดซ้ำแล้ว
ตาเฒ่าหลี่แค่นเสียงก่อนจะเอ่ยว่า “การฝึกบทอวัยวะภายในก็คือขั้นตอนบุกเบิกสะพานลำเลียง อวัยวะตันทั้งห้าและอวัยวะกลวงทั้งหกเป็นแค่การเรียกโดยรวม คำนิยามที่แท้จริงของอวัยวะตันทั้งห้าคือหัวใจ ตับ ม้าม ปอดและไต ส่วนอวัยวะกลวงทั้งหกกลับให้คำนิยามไม่เหมือนกัน มักจะบอกว่าอวัยวะกลวงทั้งหกคือถุงน้ำดี กระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะและซานเจียว[1] แต่พูดถึงซานเจียว สำหรับผู้ที่ต่ำกว่าขั้นหกเป็นแค่ความเชื่ออย่างหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นตอนที่บุกเบิกสะพานลำเลียง พวกเราต้องสร้างสะพานแค่ห้าสายเพื่อเชื่อมต่ออวัยวะตันทั้งห้าเท่านั้น”
“ตอนที่เธอสร้างสะพานแรกที่เชื่อมนอกและในสำเร็จ เธอก็เรียกได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่แล้ว รอเธอสร้างสะพานห้าสายสำเร็จทั้งหมดแล้ว พวกเราจะเรียกว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนกลาง ตอนที่เธอเริ่มหลอมอวัยวะตันทั้งห้า พวกเราจะหลอมหัวใจเป็นอันดับแรก เพราะหัวใจเป็นอวัยวะภายในร่างกายที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ขอแค่หัวใจแข็งแรง ก็จะสามารถแบกรับภาระของผู้ฝึกยุทธ์ได้สูง หลอมหัวใจเสร็จสิ้นแล้ว เวลานี้จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลาย ขั้นสี่สูงสุดกลับต้องหลอมอวัยวะตันทั้งห้าให้สำเร็จก่อน หลอมเสร็จแล้วถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุดได้”
ฟางผิงพยักหน้าระรัว ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ขั้นห้าต้องหลอมอวัยวะกลวงทั้งหก หรือพูดอย่างนั้นอาจจะไม่ถูก เป็นการหลอมอวัยวะอื่นๆ ทั้งหมดยกเว้นอวัยวะตันทั้งห้า นี่คือสิ่งที่ขั้นห้าต้องทำ”
ฟางผิงผงกหัวต่อ สิ่งที่ตาเฒ่าหลี่พูดมา อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เข้าใจเรื่องพวกนี้มากมาย
การฝึกวิชาระดับกลางไม่ได้มีในเนื้อหาการสอนพื้นฐาน จะเป็นการที่อาจารย์ชี้แนะตามลำพังเท่านั้น
เพราะนักศึกษาระดับกลางมีจำนวนน้อย ไม่มีความจำเป็นที่มหาวิทยาลัยต้องเปิดสอนในห้องเรียนใหญ่ ส่วนมากแทบไม่ได้ใช้เลย
แน่นอนว่ารอคุณเรียนจบ ก้าวสู่ระดับกลางแล้ว สามารถกลับมาขอคำชี้แนะที่มหาวิทยาลัยได้
“ถึงขั้นห้าสูงสุด เวลานี้พูดได้ว่านอกจากกะโหลกแล้ว ร่างกายล้วนหลอมเสร็จสิ้น งั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกควรทำอะไรล่ะ?”
ตาเฒ่าหลี่ถามเองตอบเอง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกพูดให้เห็นภาพหน่อยคือ ไม่ได้อยู่ที่หลอมร่างกายอีกแล้ว แต่เป็นการรวบรวมพลัง ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือไง? เรื่องของซานเจียวค่อนข้างเลื่อนลอย เป็นแค่ความเชื่ออย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ความเชื่อเสียทีเดียวเช่นกัน สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกต้องทำก็คือปิดผนึกซานเจียว ทำให้กลายเป็นระบบหมุนเวียนภายในอย่างแท้จริง ผู้ฝึกยุทธ์มีปราณกระจัดกระจาย คล้อยหลังอายุที่เพิ่มขึ้น ปราณก็จะลดลง แต่หากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกปิดผนึกซานเจียวได้ นอกและในหมุนเวียนด้วยตัวเอง ก็จะไม่เกิดสภาวะลดลงอีกแล้ว”
ฟางผิงเข้าใจแค่ครึ่งๆ กลางๆ ครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “ความหมายของคุณคือความจริงแล้วผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกนั้นฝึกอวัยวะที่เลื่อนลอยอย่างหนึ่ง ในสายตาของหลายคนซานเจียวก็เหมือนพลังจิตใจ ไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริง หมายถึงช่องว่างอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากอวัยวะที่มีรูปร่าง…”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงก็ไม่ใช่ความว่างเปล่า รอเธอฝึกถึงขั้นห้าสูงสุด เธอจะค้นพบเอง หลังจากหลอมอวัยวะร่างกายเสร็จแล้ว กำลังภายในนั้นมีที่อยู่ของมันจริงๆ แต่ไม่ถึงขั้นห้าสูงสุด เธอไม่อาจสัมผัสได้ เวลานั้นซานเจียวจะเหมือนประตูสามบาน สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกต้องทำก็คือปิดผนึกประตูสามบานนี้ ช่างเถอะ ตอนนี้เธอสัมผัสไม่ได้หรอก พูดไปไม่มีประโยชน์ พวกเรากลับมาที่การฝึกขั้นสี่ดีกว่า”
ฟางผิงกลอกตา ผมก็ถามการฝึกของขั้นสี่อยู่แล้ว คุณพูดมากเอง จะต้องพูดถึงขั้นห้าให้ได้
“ขั้นสามสูงสุดทะลวงขั้นสี่ จะพูดว่ายากก็ไม่ยาก จะพูดว่าง่ายก็ไม่ง่าย สำหรับเธอน่าจะค่อนข้างง่าย สะพานลำเลียงที่ต้องบุกเบิกอย่างแรกคือหัวใจ อันตรายต้องมีบ้างอยู่แล้ว ต้องบุกเบิกทางเชื่อมออกมาจากช่องว่างในร่างกาย แต่ว่าความจริงหัวใจและร่างกายภายนอกมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด มีร่องรอยให้ตามได้ ตามร่องรอยนี้บุกเบิกทางเดินพลังงานหรือจะพูดว่าทางเดินของปราณออกมา นั่นก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่แล้ว แต่ว่า…ขั้นตอนนี้สิ้นเปลืองปราณอย่างมาก โดยปกติแล้วไปสระปราณจะง่ายขึ้นกว่า แต่เธอคงไม่จำเป็นแล้ว…”
ฟางผิงอยากตะโกนอย่างมากว่า ผมต้องการ!
ตอนนี้หากปราณเขาหมด คงไม่สามารถเติมได้
“ซื้อยาป้องกันอวัยวะภายในสักสองสามเม็ด ดูแลและป้องกันอย่าให้อวัยวะได้รับบาดเจ็บ รักษาสภาวะร่างกายจนถึงจุดสูงสุด บุกเบิกทางเดิน เชื่อมต่อเส้นเดินปราณ ยังไงก็เป็นเรื่องแค่นี้ พื้นฐานร่างกายเธอแข็งแกร่งอยู่แล้ว ฉันคิดว่าคงไม่มีปัญหามาก แน่นอนว่าหากเธอกลัวตายจริงๆ หลู่เฟิ่งโหรวยังไม่กลับมา ให้ฉันไปคุ้มครองเธอได้…”
ฟางผิงใบหน้าดำคล้ำ ฉันกลัวตาย?
ใครกลัวตายกัน?
ฉันไม่ได้บอกว่าอยากได้คนคุ้มครองสักหน่อย แต่ตาเฒ่าหลี่บอกว่าจะคุ้มครองเอง งั้นก็ช่วยไม่ได้ จะปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นเขาได้ยังไง
“ผมเข้าใจแล้ว อาจารย์ ผมไม่มีเคล็ดหลอมพลัง…บทอวัยวะภายใน คุณมีหรือเปล่า?”
“มีอยู่แล้ว ไอ้หนูเธอมันทะลวงเร็วเกินไป ช่วงนี้หลู่เฟิ่งโหรวไม่อยู่พอดี ฉันเอาให้เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ”
ตาเฒ่าหลี่โยนหนังสือเล่มหนึ่งให้ฟางผิง ไม่รอให้เขาเปิดอ่านก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฟางผิง อันที่จริงการฝึกวิชาเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่สิ่งที่อัจฉริยะคววรทำ ปราณเธอสูงมากไม่ใช่หรือไง? สามารถลองสร้างสะพานลำเลียงห้าสายในหนึ่งครั้ง เข้าสู่ขั้นสี่ตอนกลางไปเลย!”
“แบบนี้ก็ได้เหรอครับ?”
“ได้อยู่แล้ว หากเธอมีความอดทน หลอมอวัยวะตันทั้งห้ารวดเดียวได้ ฉันจะถือว่าเธอเก่งพอ เข้าสู่ขั้นสี่สูงสุดได้เลย”
ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยด้วยใบหน้าขื่นขม “ไม่ได้”
ผมไม่มีเงิน!
ขาดแคลนค่าทรัพย์สิน ฉันจะไปหาค่าทรัพย์สินที่ไหนมาเพิ่มปราณกัน
แค่ฟังก็รู้แล้วว่าสร้างสะพานห้าสายเชื่อมกันต้องสิ้นเปลืองเยอะแน่ๆ ไม่งั้นจะจงใจแบ่งออกเป็นขั้นสี่ตอนต้น ตอนกลางและตอนปลายได้ยังไง หากเดาไม่ผิดไม่มีปราณหนึ่งหมื่นแคลขึ้นไป อย่าหวังจะเชื่อมสะพานเสร็จในครั้งเดียวเลย
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนอื่น สร้างสะพานลำเลียงสายหนึ่งยังต้องไปสระปราณเพื่อให้ช่วยสนับสนุน นั่นหมายความว่าปราณของตัวเองคงไม่เพียงพอ ปราณหนึ่งหมื่นแคลจะเพิ่มตอนนี้ต้องใช้ค่าทรัพย์สินเป็นล้าน
นี่เป็นแค่การคาดเดาของฟางผิง ไม่มีเงินมากกว่าสองสามล้าน เขาคงไม่ลองเชื่อมสะพานในครั้งเดียว
ตาเฒ่าหลี่มองเขาอย่างแปลกๆ อยู่บ้าง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ไม่ถือว่าอันตรายมาก ไอ้หนูเธอจำเป็นต้องกลัวขนาดนี้เลยหรือไง?”
ฟางผิงกลอกตาอีกครั้ง ฉันกลัว?
หากเขาสามารถเข้าสู่ขั้นสี่ตอนกลางได้เลย ฉันต้องกลัวอะไรอีก ประเด็นอยู่ที่ไม่มีความสามารถพอ คุณคิดว่าปราณได้มาอย่างฟรีๆ หรือไง
ไม่สนใจว่าตาเฒ่าหลี่จะคิดยังไง ฟางผิงหยิบเคล็ดวิชาหลอมพลัง…บทอวัยวะภายในก่อนจะหยัดตัวขึ้น “งั้นผมจะกลับไปอ่านทำความเข้าใจสักหน่อย หาเวลาทะลวงได้แล้วจะมาบอกคุณอีกที”
“ตอนนี้เงื่อนไขของเธอครบแล้ว ความจริงเตรียมพร้อมสักวันสองวันก็เพียงพอ…”
“ผมจะเตรียมตัวหลายวันหน่อย”
ฟางผิงรู้ตัวเองดี ฉันก็อยากทะลวงตอนนี้เหมือนกัน ประเด็นยังคงวนกลับมาที่เรื่องเดิม
“ยังต้องหาเงิน!”
ฟางผิงเดินออกมาจากสำนักงาน ในใจคิดอยู่เรื่องเดียว เห็นได้ชัดว่าขั้นสี่อยู่ตรงหน้า กลับต้องมากลัดกลุ้มเรื่องเงิน
ความจริงมีเงินไปสระปราณก็ได้แล้ว แต่ตาเฒ่าหลี่บอกว่าเชื่อมสะพานห้าสายให้สำเร็จคราวเดียว ฟางผิงยังคงใจคล้อยตามอยู่บ้าง
เชื่อมครั้งแรก ระหว่างสะพานไม่มีอุปสรรคอะไรมาก ค่อนข้างง่าย
หากเชื่อมสะพานแรกให้เสร็จก่อนแล้วค่อยทยอยเชื่อมไปจะเกิดการรบกวนจากพลังงานบางส่วน นี่ถือเป็นข้อดีของการเชื่อมสะพานให้เสร็จรวดเดียว
“หาเงิน…ยากจริงๆ!”
ฟางผิงถอนหายใจออกไปด้วยเสียงที่แทบไม่ได้ยิน
ในห้องทำงาน ตาเฒ่าหลี่เผยสีหน้าสับสน ไอ้หนูนี่เห็นแต่เรื่องเงินเรื่องทองอีกแล้ว!
——————
[1]ซานเจียว เป็นทางผ่านของเส้นลมปราณ แบ่งเป็นสามส่วน ซั่งเจียว (ช่วงตั้งแต่โคนลิ้นถึงกระบังลม) จงเจียว (ช่วงกระบังลมลงไปถึงสะดือ)และเซี่ยเจียว (ตั้งแต่กระเพาะส่วนล่างถึงช่องทวาร)