บทที่ 113 จิตสังหารของเสิ่นฉง (ต้น)
บทที่ 113 จิตสังหารของเสิ่นฉง (ต้น)
ตอนเสิ่นฉงแผ่เจตจำนงกระบี่ขึ้นเมื่อครู่ หัวใจของทุกคนตกไปอยู่ตาตุ่มจนขาสั่นสะท้าน คิดว่าวันนี้พวกเขาคงไม่รอดแล้ว
แต่เพียงพริบตา เสียงของลู่หยวนก็ดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของบรรพชนเสิ่น ระหว่างที่หัวใจของทุกคนตกไปอยู่ตาตุ่ม ในชั่วพริบตาต่อมา พวกเขากลับได้ยินสามคำที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กล่าว
สุนัข เฒ่า เสิ่น…
สติของพวกเขากลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
เสิ่นฉงเป็นยอดฝีมือผู้พเนจรทั่วแผ่นดินหลายปี ในแดนเหนือไม่มีใครกล้าไม่ให้ความเคารพเขา
แต่วันนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์จากตระกูลลู่ตรงหน้าพวกเขาผู้นี้ที่อยู่เพียงขั้นจักรพรรดิยุทธ์ กลับโพล่งคำว่า ‘สุนัขเฒ่าเสิ่น’ ต่อหน้าทุกคนด้วยท่าทีอหังการ์
บรรพชนเสิ่นย่อมได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เขาหันศีรษะไปมองและพบลู่หยวนกำลังก้าวมาข้างหน้า พร้อมสีหน้าดูเกียจคร้าน
บุตรศักดิ์สิทธิ์ก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่ พลางมองรอบข้าง สายตาจับจ้องศพของเสิ่นหุนก่อนแสร้งทำเป็นประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นที่นี่?! ใครบางคนถึงกับกล้าฆ่าเสิ่นหุนในตระกูลเสิ่นเชียวหรือ ต้องเป็นคนแบบไหนถึงได้ใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้!”
เสิ่นฉงสะกดโทสะเอาไว้ไม่ระบายออกมา ตอนนี้จิตใจเขาปั่นป่วนยิ่ง หากมามัวสนใจคำพูดเหล่านี้มันก็ไม่มีความหมายอะไร
“บุตรศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือ?”
ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลัง “ก็ไม่มีเรื่องอะไรหรอก ข้าได้ยินว่ามีใครบางคนตาย ก็เลยมาดูด้วยความตื่นเต้น”
คนฟังแทบจะเดือดดาลขึ้นมา ใครบางคนในตระกูลเสิ่นตาย แต่ชายหนุ่มกลับบอกว่าตื่นเต้นอย่างนั้นหรือ?!
“หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีเรื่องอะไร ก็เชิญกลับไปพักผ่อนก่อน ใครบางคนตายที่นี่ เดี๋ยวจะโชคร้ายเอาเปล่า ๆ!”
คำพูดที่เสิ่นฉงพ่นออกมาเจือด้วยโทสะ
ลู่หยวนพยักหน้า แสร้งทำเป็นโบกมือเพื่อถ่วงเวลา “โชคร้ายจริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น บรรพชนตระกูลเสิ่นก็อย่าเสียใจไปเลย”
เมื่อคุณชายลู่กำลังจะไป เขาพลันคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปหาเสิ่นฉงด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นมา “ข้ารู้ดีว่าเสิ่นหุนผู้นี้เป็นหลานชายสุดที่รักของเจ้า หากเจ้ารู้สึกเสียใจจริง ๆ ก็ควรพยายามให้มากเพื่อหาคนใหม่มาแทน”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี่หานผู้อยู่ด้านหลังชายหนุ่มพลันมีสีหน้าแข็งทื่อ ทั่วทั้งใบหน้าตื้อชา ด้วยพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หัวเราะออกมา
หาคนใหม่หรือ?
ว่ากันว่าเสิ่นฉงผู้นี้อายุเกือบหนึ่งพันปี แต่ผ่านมาพักใหญ่แล้วก็ยังหาทายาทมาสืบต่อไม่ได้ การที่นายท่านกล่าวเช่นนี้จึงเหมือนกับเป็นการตบหน้าอีกฝ่าย!
ใบหน้าของบรรพชนเสิ่นมืดมนทันที เจตจำนงกระบี่พวยพุ่งไปรอบข้าง สายตาของเขาจับจ้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ราวกับกำลังจะโจมตีเพื่อหมายจะปลิดชีพในชั่วพริบตา
ทว่าลู่หยวนกลับสยายยิ้ม สายตาจับจ้องสมุดคัดลอกที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะหันหลังแล้วจากไป
หลังจากตัวกวนโมโหไม่อยู่แล้ว เสิ่นฉงจึงฝืนสะกดโทสะเอาไว้
หากผู้น้อยคนอื่นกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าเขา ย่อมถูกตบตีจนตายไปนานแล้ว!
แต่นี่คือลู่หยวน ลูกชายสุดที่รักของลู่เทียนเหอกับอู่หมิงเสวี่ย ตราบใดที่ยังไม่ละเมิดข้อห้ามหลักของตระกูลเสิ่น… เขาก็ไม่อาจลงมือฆ่าได้!
หลังจากเสิ่นฉงสงบสติได้แล้ว เขาพลันนึกขึ้นได้ บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มาที่นี่เพียงเพื่อจะเยาะเย้ยหรือ?
ไม่ นี่ไม่ใช่วิสัยปกติของเขา
ทันใดนั้น เสิ่นฉงก็นึกขึ้นได้… ว่าเมื่อครู่ลู่หยวนคล้ายกับชำเลืองมองสมุดคัดลอก
เขายกเท้าเดินไปที่โต๊ะก่อนพบยันต์จำนวนหนึ่งชุ่มไปด้วยโลหิต เลือดข้นเหนียวทำให้ยันต์จำนวนมากประกบเข้าด้วยกัน
พวกมันฉีกขาดหลายใบเพราะปราณกระบี่ ดูท่าคงไม่มีทางใช้งานได้อีก
เสิ่นฉงแยกยันต์จำนวนมาก ในที่สุดก็พบใบที่สมบูรณ์
ยันต์ใบนี้ใช้งานกับตระกูลเสิ่นโดยเฉพาะ สมาชิกที่ไม่ใช่ของตระกูลเสิ่นไม่สามารถใช้งานได้
บรรพชนเสิ่นสูดลมหายใจเข้า พบว่าบนยันต์มีแสงสว่างสีขาววูบไหว กลุ่มตัวอักษรปรากฏขึ้นบนกระดาษ
เขาตรวจสอบอดีตด้วยการกวาดมอง พร้อมสายตาเต็มไปด้วยโทสะ
เมื่ออ่านจนจบแล้ว ดวงตาของเสิ่นฉงพลันแดงก่ำ
ตูม!
เขาสะบัดฝ่ามือลง สมุดคัดลอกทั้งหมดกลายเป็นผุยผงทันที
ทุกคนที่นี้มุดศีรษะอยู่กับพื้น ไม่กล้าขยับไปไหน ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะระบายโทสะใส่พวกเขาแทน
ขณะเสิ่นฉงยืนถือยันต์ไว้มั่น จิตสังหารในดวงตาแทบจะกลืนกินโลกทั้งใบ
“ลู่หยวน”
บรรพชนเสิ่นแทบเค้นสองคำนี้ลอดไรฟันออกมา!
สิ่งที่บันทึกบนยันต์ใบนี้… คือเหตุการณ์ของตระกูลไป๋ที่เสิ่นหุนเคยตรวจสอบเพื่อยืนยันเมื่อไม่กี่วันก่อน ท้ายที่สุด ผู้รักษาการแทนทำเครื่องหมายไว้ด้วยความสงสัยว่าลู่หยวนอาจตั้งใจทำให้ตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลไป๋แห่งที่สอง ด้วยการพยายามควบคุมตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลที่ไร้ความสามารถ เพื่อควบคุมตระกูลเสิ่นอย่างสมบูรณ์
ส่วนเสิ่นโตวอยากเกาะติดบุตรศักดิ์สิทธิ์ อาจอาศัยประโยชน์จากโอกาสนี้กุมอำนาจที่แท้จริงของตระกูลเสิ่นมาอยู่ในมือของเขา!
เสิ่นฉงฝืนระงับโทสะเอาไว้ นึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่ตระกูลกำลังเผชิญ
ตอนนี้ผู้นำตระกูลไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากตนที่เป็นสายเลือดตระกูลหลักของตระกูลเสิ่น
ลูกชายจำนวนมากของเสิ่นฉงตายไปนานแล้ว ในบรรดาลูกหลานของเขาเหลือเพียงเสิ่นโตวกับเสิ่นหุนเท่านั้น อีกทั้งเสิ่นโตวมีลูกสาวเพียงคนเดียว ส่วนเสิ่นหุนมีลูกชายสามคนและลูกสาวหนึ่งคน
แต่ตอนนี้ …เสิ่นหุนตายแล้ว ส่วนเสิ่นโตวไม่รู้ว่าหายไปไหน อีกทั้งลูก ๆ ของเสิ่นหุนก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน
ตอนนี้ผู้ที่สามารถสืบทอดตำแหน่งได้อย่างชอบธรรม …มีเพียงเสิ่นซูเหยียนเท่านั้น!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ท่านบรรพชนแทบจะเต็มไปด้วยจิตสังหาร
เยี่ยม… เยี่ยมจริง ๆ!
ตระกูลเสิ่นของเขาจะไม่มีวันตั้งทายาทจากสายตระกูลสาขาขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดเด็ดขาด นี่คือความจริงที่ไม่มีวันแปรเปลี่ยน!
ถึงอย่างไรสำหรับสายเลือดตระกูลหลักแล้ว สายเลือดตระกูลสาขาถึงกับไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับพวกเขา อีกทั้งหากมีคนในสายเลือดสาขาเป็นผู้นำตระกูล ก็ย่อมไม่ได้มีแนวคิดหรือเจตจำนงเฉกเช่นเดียวกับเขา
และตอนนี้ในสายเลือดตระกูลสาขาของตระกูลเสิ่น ทุกคนล้วนแต่เป็นขยะทั้งสิ้น!
ต่อให้เสิ่นซูเหยียนแผดเผาเส้นชีพจรกระบี่ในตอนนี้ นางก็ยังแข็งแกร่งกว่าขยะจากสายเลือดตระกูลสาขาเหล่านั้น!
ตอนนี้ผู้รักษาการแทนผู้นำตายแล้ว ผู้นำตระกูลหายไปเช่นกัน มีเพียงเสิ่นฉงที่ต้องออกโรงเองเพื่อทำหน้าที่ดูแลตระกูลเสิ่นอีกครั้ง
หลายปีต่อมา… หากเสิ่นซูเหยียนเป็นสายเลือดตรงเพียงคนเดียว ผู้อาวุโสของตระกูลเหล่านั้นจะต้องเริ่มสอบถามเรื่องตำแหน่งนายน้อย
ต่อให้เสิ่นฉงสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ คนในสายเลือดตระกูลสาขาอื่นจะเริ่มเคลื่อนไหว ถึงตอนนั้น สมาชิกบางคนจะเริ่มกัดกินทั้งในและนอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจถึงขั้นร่วมมือกับคนนอก เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอด!
ตระกูลเสิ่นจะตกอยู่ในความโกลาหลอย่างแท้จริง!
ในเวลาเพียงหนึ่งปี เขาจะต้องทำให้เสิ่นซูเหยียนเป็นผู้สืบทอด!
เยี่ยม! นี่คือเรื่องที่จะเกิดขึ้นเหมือนกับตอนลู่หยวนไปปรากฏตัวในตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือ?!
นี่คือวิธีที่เขาใช้เพื่อควบคุมตระกูลไป๋ใช่หรือไม่?!
เสิ่นฉงเดือดดาลขึ้นมาจนแทบกระอักเลือด
ไม่สงสัยเลย…
ว่าทำไมในสถานการณ์สิ้นหวังเช่นนั้น เหิงอีเจี้ยนถึงยังสามารถใช้ยันต์เช่นนั้นเพื่อหลบหนีได้!
ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของลู่หยวน ยันต์ดังกล่าวมีเพียงสำนักอักขระสวรรค์เท่านั้นที่สามารถสร้างขึ้นมาได้!
พอไล่เรียงความคิดมาถึงจุดนี้ ผลประโยชน์จากการที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหิงอีเจี้ยนเอาไว้ สรุปแล้วมีไว้เพื่อการนี้นี่เอง
หากเสิ่นฉงไม่สังเกตเห็นยันต์ใบนี้ หรือถ้ายันต์ใบนี้ถูกทำลาย เช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางคาดเดาได้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีต้นตอมาจากลู่หยวน!