บทที่ 367 อำนาจเทวะ
บทที่ 367 อำนาจเทวะ
เมื่อฮ่วนปั๋วกับฮ่วนอวี่หลันเห็นฮ่วนซิงไป๋ในยามนี้ หัวใจของพวกเขาก็บังเกิดความยินดี!
ฮ่วนปั๋วตื่นเต้นขณะมือที่จับไม้เท้าสั่นไปมา “หยิบยืมอำนาจเทวะ! นี่คือการหยิบยืมอำนาจเทวะ! ในที่สุดก็มีใครบางคนในตระกูลฮ่วนฟื้นคืนสายเลือดจนมาถึงจุดนี้ได้! ฮ่า ๆ! การกลับสู่แดนเซียนของตระกูลพวกเราอยู่ใกล้แค่เอื้อม!”
ฮ่วนอวี่หลันยกยิ้มเช่นกัน
ฮ่วนซิงไป๋สัมผัสได้ถึงพลังไร้ที่สิ้นสุดในร่างกาย โดยมีความร้อนแผดเผาประหนึ่งลูกไฟกำลังพลุ่งพล่านบริเวณหน้าอก!
เขาเงยหน้ามองทาสอารักขาด้วยสายตาดุร้าย!
แม้ระดับการบ่มเพาะของทาสอารักขาจะสยบอีกฝ่ายได้ แต่เขากลับอยากหลบหนีเมื่อตกอยู่ภายใต้สายตาคู่นั้น!
ผ่านไปสักพัก ทาสอารักขาก็ตกตะลึง หัวใจของเขาเกิดความผันผวน ก่อนจะรีบสงบสติในทันที!
เป็นทวยเทพที่ถูกเนรเทศแล้วอย่างไร?!
พวกเราก็ยังใช้ชีวิตอยู่บนแผ่นดินเดียวกันไม่ใช่หรือ?!
หากตระกูลฮ่วนทรงพลังขนาดนั้นจริง เหตุใดถึงยังเก็บตัวอยู่ตอนที่เกิดความปั่นป่วนบนโลกใบนี้เป็นเวลาหลายปี?!
ยิ่งกว่านั้น ฮ่วนซิงไป๋ก็มีแค่ตัวคนเดียว!
ต่อให้พลังอันแก่กล้าตื่นขึ้นมาจริง แล้วมันจะทรงพลังได้อย่างไร?!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทาสอารักขาก็รู้สึกวางใจขณะจับจ้องฮ่วนซิงไป๋ผู้อยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าหนู ข้ายอมรับว่าพลังเมื่อครู่ยอดเยี่ยมไม่เบา แต่ด้วยร่างกายในตอนนี้ เจ้าจะต้านพลังแก่กล้าขนาดนั้นได้นานแค่ไหน?!”
ทาสอารักขาสะบัดมือ เห็นเพียงอักขระที่โคจรอย่างต่อเนื่อง สองผนึกที่แตกต่างพลันปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา
อากาศรอบข้างรวมตัวกันขณะที่แรงกดดันเคลื่อนลงมา มันแสดงให้เห็นถึงพลังของสองผนึกนี้!
“เจ้าหนู ข้าไม่มีเวลามาเสียกับเจ้า ดังนั้นรีบมาสู้กัน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของทาสอารักขาก็หายไป ขณะทะลวงผ่านอากาศ ตรงเข้ามาหาฮ่วนซิงไป๋!
หลังจากนั้น อากาศเบื้องหน้าฮ่วนซิงไป๋ก็พังทลาย โดยมีร่างของทาสอารักขาพุ่งเข้ามา
ทาสอารักขาประสานมือเข้าด้วยกัน แล้วผนึกทั้งสองชนิดซึ่งแตกต่างกันก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน
ชิ้ง!
แสงสีขาววูบไหวเหนือศีรษะของฮ่วนซิงไป๋พร้อมผนึกที่กระจายไปทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะปกคลุมทั่วร่างของเขาเอาไว้
ปราณวิญญาณของทาสอารักขาถูกปราบลง ขณะผนึกเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว!
หลุมดำขนาดใหญ่ที่เกิดจากการพังทลายของอากาศต่างถูกผนึกนี้สยบไว้ มันยังคงหดตัวจนเกือบจะถูกบดขยี้!
ฮ่วนซิงไป๋ยังคงยืนอยู่กับที่พร้อมเผยรอยยิ้มเจื่อน เขาเงยหน้าขึ้นมองผนึกบนท้องนภา
“สะกดคำว่าตายไม่เป็นหรือ!”
เมื่อเห็นฮ่วนซิงไป๋ยังคงมีสีหน้าเฉยชา ทาสอารักขายิ้มหยันอยู่ในใจ
คิดหรือว่าแค่สืบทอดสายเลือดนั้นมาแล้วจะไร้เทียมทาน?
อวดดี!
ผนึกกดทับลงมา กำลังจะสัมผัสศีรษะของฮ่วนซิงไป๋!
ฮ่วนซิงไป๋ยกมือขวาขึ้น ประสานนิ้วเข้าหากันราวกับจะรับผนึกไว้ด้วยมือเปล่า!
นอกจากผู้อาวุโสสองคนแห่งตระกูลฮ่วน ทุกคนในแดนมัชฌิมผู้สนใจกับการต่อสู้นี้ต่างก็ตกตะลึง!
ฮ่วนซิงไป๋เสียสติไปแล้วหรือ?!
ค่ายกลที่กดทับลงมาทรงพลังไม่ใช่หรือ?
แล้วเขาจะรับมันด้วยมือเปล่าได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสในตระกูลทั้งหลาย ซึ่งมีการบ่มเพาะสูง คลายรูทวารทั้งเจ็ด พร้อมทั้งออกความเห็นแล้วชมการต่อสู้ในอากาศ
“จุ๊ ๆ ทั้งที่ฮ่วนซิงไป๋ปลุกสายเลือดหลักของตระกูลฮ่วนได้ แต่กลับทำตัวอวดดี เกรงว่าวันนี้เขาคงเจอดีไม่ใช่น้อย!”
ไม่ทราบได้ว่าผู้อาวุโสคนไหนเป็นผู้เริ่มออกความเห็นก่อน
คนที่เหลือพยักหน้าเช่นกัน “ถูกต้อง สองคนนั้นที่มาจากตระกูลฮ่วนก็โง่เขลาไม่แพ้กัน ถึงขนาดนี้แล้วพวกเขายังไม่ลงมืออีกหรือ?”
“ไม่หรอก ๆ เท่าที่ข้าดู สองคนนี้น่าจะคิดว่าไม่สามารถยื่นมือเข้าช่วยได้แล้ว! ต่อให้เข้าไปสู้กับผู้ชายสวมหน้าแปลกประหลาดในชุดสีดำ มันก็ยังยากจะต้านอยู่ดี! ตอนนี้ยังมีผนึกนั่นอยู่อีก ผู้อาวุโสสองคนนั้นจะรับมือไหวได้อย่างไร?”
“นั่นสิ หากฮ่วนซิงไป๋ไม่ตายในครั้งนี้ ตระกูลฮ่วนก็จะกลับมาผงาด แต่ถ้าตาย ไม่ทราบได้ว่าพวกเขาต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะให้กำเนิดผู้ที่มีสายเลือดเช่นนั้นขึ้นมาได้!”
บทสนทนาปกติของคนเหล่านี้ย่อมลอยถึงหูของฮ่วนปั๋วกับฮ่วนอวี่หลัน แต่พวกเขาไม่ลงมือแล้วเลือกที่จะเฝ้าดูการกระทำต่อไปของฮ่วนซิงไป๋ด้วยท่าทีสงบยิ่ง
พวกเขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะไปได้ไกลแค่ไหน หากใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดพร้อมกับหยิบยืมอำนาจเทวะ!
เมื่อผนึกนั้นเคลื่อนลงมา ฮวนซิงไป๋ก็ชูสองนิ้วที่แนบชิดกันเพื่อเตรียมรับมือ เมื่อกำลังจะปะทะ นิ้วของเขาพลันสั่นไหว
วิ้ง!
ยามนี้คลื่นอากาศที่มองไม่เห็นกระจายตัวออกมา เพียงชั่วพริบตา มันก็แผ่ขยายไปทั่วเมืองสามสิบกว่าแห่งในแดนมัชฌิม!
สรรพสิ่งแน่นิ่งเมื่อมันเคลื่อนผ่าน!
ไม่ว่าจะทาสอารักขา คนในตระกูลหรือแม้กระทั่งหมู่เมฆที่เคลื่อนตัวไปมา ยามนี้ทุกสิ่งอย่างพลันหยุดนิ่ง!
รอยยิ้มของฮ่วนซิงไป๋เลือนหาย ขณะอักขระบนร่างเคลื่อนไปบริเวณหน้าผาก แล้วเส้นแนวตั้งแปลกประหลาดก็ก่อตัวขึ้นมา
ชุดคลุมของเขาโบกสะบัดไปมาแม้ไม่มีสายลม ขณะที่อักขระบนหน้าอกเริ่มสั่นไหว ซึ่งยามนี้เส้นแนวตั้งบนหน้าผากเริ่มส่องแสงเจิดจ้า สะท้อนให้เห็นถึงความองอาจทั่วร่างประหนึ่งบุตรแห่งทวยเทพ!
“การหยิบยืมอำนาจเทวะไม่ได้หมายความว่าเป็นการหยิบยืมพลังของทวยเทพมา แต่คือการที่ข้ากลายเป็นทวยเทพผู้หยิบยืมที่นี่ต่างหาก!”
“พลังของข้าก็คืออำนาจเทวะ!”
ฮ่วนซิงไป๋ชูนิ้วก่อนจะสะบัดออกไป
ฟ้าว!
เสียงแจ่มชัดดังขึ้นก่อนผนึกทรงพลังทั้งหมดจะหายไปทันที
ฮ่วนซิงไป๋เดินผ่านอากาศ ขณะทะยานจนมาอยู่ระดับเดียวกับทาสอารักขา มือขวาของเขากำแน่นพลางเล็งไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความสงบยิ่ง
“เจ้าพูดถูกแล้ว ต่อให้ข้าสืบทอดสายเลือดก็ไม่สามารถรักษามันไว้ได้นาน แต่ว่าเวลาเพียงเท่านี้ก็มากพอจะอัดเจ้าจนตายได้!”
หมัดขวาของฮ่วนซิงไป๋ตรงเข้าที่ใบหน้าของทาสอารักขาอย่างรุนแรง!
วิ้ง!
ยามนี้ฟ้าดินได้หลุดพ้นจากการจำกัดเวลา ทำให้สรรพสิ่งกลับมาเป็นปกติ
ทาสอารักขากลับมาตอบสนองก่อนจะก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
แต่หมัดของฮ่วนซิงไป๋รวดเร็วมาก!
เขามีเวลาถอยน้อยเกินไป ดังนั้นจึงทำได้เพียงมองหมัดที่ใกล้เข้ามาจนกระทั่งกระแทกเข้าที่ดั้งจมูกของทาสอารักขา!
ตู้ม!
เสียงทึบ ๆ ดังขึ้นผสานเข้ากับเสียงกระดูกหัก ทำให้ร่างของทาสอารักขากระเด็นออกไปราวกับลูกธนูที่ออกจากสาย จนกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
ควันธุลีฟุ้งตลบทั่วทุกหนแห่งขณะปกคลุมร่างของทาสอารักขา
ฮ่วนซิงไป๋ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ เขากำมือขวาอีกครั้งพร้อมกับแสงสีทองปกคลุมรอบหมัด แล้วปราณวิญญาณนับไม่ถ้วนซึ่งอยู่รอบข้าง ก็ถูกดึงเข้าสู่แสงดังกล่าวก่อนจะห่อหุ้มทับอีกชั้น
ผ่านไปหลายอึดใจ หมัดของเขาก็เริ่มสั่นราวกับควบคุมพลังนั้นไม่ได้
ในที่สุด ปราณวิญญาณก็มาถึงจุดที่ไม่อาจเข้าสู่กำปั้นของฮ่วนซิงไป๋ได้อีกต่อไป
สายตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ข้า! จะฆ่าเจ้า! ที่นี่!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ฮ่วนซิงไป๋ก็ก้าวมาข้างหน้าแล้วทะยานไปที่พื้น!
ทาสอารักขาอีกสองคนก็สัมผัสได้ถึงพลังหมัดนี้เช่นกัน จึงต้องการจะปลีกตัวออกไปช่วย
แต่หอกยาวกับกระบี่ยักษ์พลันพุ่งผ่านอากาศมาขวางทางพวกเขาเอาไว้
ฮ่วนซิงไป๋พุ่งเข้าสู่จุดที่ทาสอารักขากระแทกพื้นประหนึ่งประกายไฟ!