บทที่ 390 ขั้นครึ่งก้าวจ้าวยุทธ์
บทที่ 390 ขั้นครึ่งก้าวจ้าวยุทธ์
สิ้นคำของลู่หยวน เจียงเชียนชิวก็เย้ยหยัน “ลู่หยวน เจ้าอย่าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้เชียว! ด้วยเส้นชีพจรจักรพรรดินี้ ข้ายังสามารถใช้พลังที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้อีก!”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น เจียงเชียนชิวตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด แล้วหัวใจของเขาก็กระเพื่อมอย่างรุนแรง จากนั้นเกลียวเส้นสีทองพลันทะยานออกมา และกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
ความแข็งแกร่งของเจียงเชียนชิวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ลมพายุพัดโหม โลกทั้งใบคล้ายถูกกดทับจนทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
เจียงเชียนชิวเงยหน้าขึ้น ดวงตาข้างหนึ่งกลายเป็นสีทอง น้ำเสียงของเขายิ่งแหบแห้งชวนขนลุกยามเอ่ยออกมา “ลู่หยวน มาสู้กัน!”
ง้าวของเขาสั่นสะท้านขณะที่มังกรครามขดวนไปมา ก่อนจะพันรอบแขนของตน อากาศรอบข้างเริ่มบิดเบี้ยวพร้อมถูกมันกลืนกินเข้าไป!
แม้กระทั่งคนจากตระกูลชั้นสูงยังระแวดระวัง เมื่อเห็นท่วงท่าในตอนนี้ของเจียงเชียนชิว
ผู้อาวุโสเหล่านั้นต่างพากันลอบถอนหายใจเช่นกัน
เจียงเชียนชิวใกล้จะคลุ้มคลั่งเต็มที พลังที่เขาสำแดงออกมาตอนนี้ แม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจเทียบได้!
ลู่หยวนจะต้านเอาไว้ได้หรือ?!
คนเหล่านี้ต่างก็ให้ความสนใจต่อลู่หยวน แต่ไม่มีใครทราบว่าความแข็งแกร่งของชายหนุ่มในตอนนี้อยู่ที่ขั้นไหน
ก่อนเกิดภัยพิบัติอัสนี ลู่หยวนมีพลังขั้นครึ่งก้าวเทียมเทพ ถึงแม้จะกระตุ้นภัยพิบัติอัสนีไร้ขอบเขตได้ แต่ความแข็งแกร่งของเขาอาจจะบรรลุไปถึงระดับกลางของขั้นเทียมเทพได้ในอึดใจเดียว
ด้วยพละกำลังระดับนั้นจะเอาชนะเจียงเชียนชิวผู้ทรงพลังตรงหน้าได้อย่างนั้นหรือ?!
ลู่หยวนชี้หอกไปที่เจียงเชียนชิว แล้วเสียงของระบบก็ดังขึ้นในใจ
[แจ้งเตือนจากระบบ: มังกรอัสนีทั้งหมดถูกกลืนกินแล้ว! กำลังยืนยันพลังของท่าน…]
เจียงเชียนชิวพลันเคลื่อนไหว ร่างของเขาวูบไหวไปมาจนอากาศถูกบดขยี้ ทำให้สรรพสิ่งรอบข้างพังทลาย
มังกรครามพันรอบแขนของเขาไว้มั่นขณะแผดเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง แล้วพลังอันมหาศาลก็ระเบิดออกมา!
เพียงชั่วพริบตา ร่างของเจียงเชียนชิวก็มาถึงตรงหน้าลู่หยวน
นอกจากตระกูลทรงพลังบางส่วนแล้วก็แทบไม่มีใครที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างชัดเจน!
ทว่าลู่หยวนใช้เวลานี้ เพื่อถอยร่นขณะกระชับหอก
จิตสังหารของเจียงเชียนชิวปรากฏขึ้น ก่อนจะฟาดง้าวลงมา
พลังประหนึ่งสามารถทำลายฟ้าดินได้ถูกปลดปล่อยออกมาเช่นกัน!
“ลู่หยวน จงตายเพื่อข้า!”
เสียงตะโกนดังลั่นไปทั่วทั้งแดนมัชฌิม!
ลู่หยวนหยุดเคลื่อนไหวขณะเงยหน้าขึ้น สายตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“เจียงเชียนชิว เจ้าช้าเกินไป”
ทันทีที่สิ้นเสียง ง้าวในมือของเจียงเชียนชิวก็แทงมาที่เบื้องหน้าลู่หยวน
มือขวาของลู่หยวนกำไว้มั่น แล้วพลังที่สามารถบดขยี้โลกได้ก็พุ่งออกจากร่างของเขา!
ลู่หยวนพลันกวัดแกว่งหอกในมือด้วยความเร็วที่เหนือกว่า ก่อนฟาดเข้าใส่ง้าวมังกรครามแปดแดนร้างในชั่วพริบตา!
ตู้ม!
อากาศถูกบีบอัดด้วยพลังทั้งสอง พวกมันยังคงปลดปล่อยจากจุดที่อาวุธเข้าปะทะกัน
หลุมดำขนาดใหญ่ในอากาศปรากฏจากด้านข้าง แล้วปราณวิญญาณก็ถูกกวาดออกไปก่อนจะเติมเต็มส่วนที่ว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
ทว่าหลุมดำยิ่งมีขนาดใหญ่จนปกคลุมท้องนภาไปกว่าครึ่ง แล้วหมู่เมฆนับไม่ถ้วนเหนือท้องนภาก็ถูกพัดพาไป
ลู่หยวนแสยะยิ้มเย้ยหยันขณะมองเจียงเชียนชิวด้วยสายตาขี้เล่น “เจียงเชียนชิว รสชาติของเส้นชีพจรจักรพรรดิไม่เลว ข้าอยากได้มันมานานแล้ว!”
เจียงเชียนชิวไม่เข้าใจความหมายของประโยคนี้ แต่พริบตาต่อมา เขากลับสัมผัสได้ว่าพลังในร่างกายก็ถูกพรากไปอย่างต่อเนื่อง!
เขาตกตะลึงจนอยากถอยหนีในทันที แต่ไม่ว่าพยายามดิ้นรนอย่างไร ลู่หยวนก็คล้ายกับมีอะไรบางอย่างตรึงเอาไว้อย่างแน่นหนา!
เขากุมง้าวมังกรครามแปดแดนร้างไว้มั่นด้วยสองมืออย่างหวั่นเกรง ต่อให้อยากหนีเอาตัวรอดก็ทำไม่ได้!
ราวสิบอึดใจ หอคอยอสูรสวรรค์ซึ่งอยู่ในจิตเทวะของลู่หยวนก็เต็มไปด้วยความยินดี
ชายหนุ่มเดาะลิ้นราวกับไม่พอใจ
หอคอยอสูรสวรรค์ในยามนี้ยังคงได้รับความเสียหาย แต่กลับกลืนกินพลังได้มากขนาดนี้ หากมันอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ย่อมสามารถกลืนกินเจียงเชียนชิวทั้งเป็นได้
พลังดูดกลืนในร่างของลู่หยวนลดลง จึงทำให้เจียงเชียนชิวสบโอกาส เขาพลิกมือแล้วสะบัดออก พยายามสลัดพลังทั้งหลายที่ถูกส่งมาจากอีกฝ่ายออกไป
ทว่าลู่หยวนดึงหอกกลับเร็วกว่า เจียงเชียนชิวก็ลอบดีใจและกำลังจะถอยหนีออกมา
แต่ก่อนจะทันได้รวบรวมพลัง เขาก็เห็นไม้เท้ายาวพุ่งตรงเข้ามา
โครม!
เจียงเชียนชิวโดนการโจมตีดังกล่าวเข้าที่ศีรษะจนเกิดอาการงุนงง จิตใจของเขาปั่นป่วนขณะยืนอยู่กับที่ในสภาพสับสน
ลู่หยวนถอยออกมา แล้วไปปรากฏกายที่ด้านหลังของเจียงเชียนชิวในชั่วพริบตา
เขายกมือขึ้นขณะรูปทรงของวิญญาณหอกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลายเป็นค้อนขนาดใหญ่
ลู่หยวนโคจรพลังแล้วโจมตีออกไป ส่วนเจียงเชียนชิวก็ตอบสนองด้วยการเงยหน้ามองค้อนที่ตรงเข้ามาที่ใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
แกร็ก!
เสียงกระแทกดังสนั่นหวั่นไหวผสานกับเสียงกระดูกร้าว
ร่างของเจียงเชียนชิวล้มกระแทกกับพื้นประหนึ่งลูกธนูที่ออกจากสาย
ตู้ม!
ร่างของเจียงเชียนชิวกระแทกกับพื้นในพริบตา ควันและธุลีตลบฟุ้งทั่วทุกหนแห่งจนบดบังหลุม
[ยืนยันเสร็จสิ้น ระดับการบ่มเพาะในตอนนี้ของท่าน: ขั้นครึ่งก้าวจ้าวยุทธ์!]
ลู่หยวนถือค้อนใหญ่ด้วยมือข้างหนึ่งขณะเผยสีหน้าพึงพอใจ “การเปลี่ยนแปลงรูปแบบเช่นนี้นับว่าไม่เลว หลังจากได้รับการฟื้นฟูพลังแล้ว ก็ไม่ต้องพึ่งอาวุธอีกต่อไป ทำแบบนั้นจะได้ใช้งานสะดวกขึ้น”
วิญญาณหอกเงียบ
ในยามนี้ นอกจากคนตระกูลเจียงที่ทำการเข่นฆ่าในสภาพหน้ามืดตามัวแล้ว คนที่เหลือต่างตกตะลึง
ค้อนของลู่หยวนเมื่อครู่ได้เปิดเผยพลังบ่มเพาะทั้งหมดของเขา
“ข้าคิดไปเองหรือเปล่าว่าลู่หยวนมีพลัง… ขั้นครึ่งก้าวจ้าวยุทธ์งั้นหรือ?!”
“เจ้า… ไม่ได้คิดไปเองหรอก ข้าเองก็สัมผัสได้ว่าเขาอยู่ขั้นครึ่งก้าวจ้าวยุทธ์เช่นกัน”
ทั่วโลกตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ผ่านไปหลายอึดใจ เสียงกลืนน้ำลายดังมาจากตระกูลใดไม่ทราบ
“บัดซบ! เขาเป็นมนุษย์แน่หรือ?”
ทุกคนต่างเหงื่อไหลด้วยความเดือดดาล สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ทำลายความเข้าใจของพวกเขาจนหมดสิ้น
พวกเขาเคยเห็นผู้คนทะลวงขั้นได้เล็กน้อยหลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติอัสนี บางคนก็เข้าสู่ระดับกลางจากขั้นเดิมหรืออาจถึงระดับสูง
คนเหล่านี้ต่างเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของสวรรค์!
สิ่งนี้มากพอจะทำให้ผู้บ่มเพาะที่ทำได้เพียงพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างพวกเขาอิจฉาไปตลอดชั่วชีวิตที่เหลือ
แล้วลู่หยวนเล่า?
เขาสามารถทะลวงจากขั้นครึ่งก้าวเทียมเทพไปเป็นขั้นครึ่งก้าวจ้าวยุทธ์ได้อย่างไร?!
แล้วขั้นเทียมเทพ ขั้นเซียนยุทธ์กับขั้นปรมาจารย์ยุทธ์หายไปไหน?!
เจ้ากินมันเข้าไปหรือไร?!
สามขั้นใหญ่… เขาทะลวงขั้นได้ถึงสามขั้นใหญ่!
ทุกคนลอบกรีดร้องขณะมองลู่หยวนทั้งน้ำตา
เหตุใดไม่ใช่พวกเขาที่อยู่จุดนั้น?!
แม้บรรพชนของตระกูลหลิงจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และทำแค่ปกป้องตระกูลในระหว่างที่เกิดภัยพิบัติดังกล่าว
แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็ปรากฏแก่สายตา
ยามมองลู่หยวนผู้อยู่ในอากาศ เขาเป็นเหมือนกับบุตรแห่งเทพ
บรรพชนตระกูลหลิงเอ่ยอย่างเนิบช้า “อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี ก็บรรลุไปถึงขั้นครึ่งก้าวจ้าวยุทธ์แล้ว ด้วยพรสวรรค์ประหนึ่งเซียนเช่นนี้ ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ไม่มีใครเทียบเคียงได้!”
“บางทีคนที่สามารถบดขยี้อากาศแล้วเข้าสู่แดนเซียน ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว!”