บทที่ 460 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
บทที่ 460 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
ลู่หยวนเหลือบมองสัตว์ร้ายขนาดเล็กในมือของกู้ชิงหรัน มันกระอักโลหิตออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวดยิ่ง โดยใช้อุ้งเท้าหน้าทั้งสองที่เหลือเรี่ยวแรงเพียงน้อยนิดเพื่อยึดเกาะแขนของอีกฝ่ายไว้ จากนั้นจึงออกแรงดึงราวกับต้องการหลบหนีไปจากที่นี่
แต่แขนของกู้ชิงหรันรัดไว้แน่นจนสัตว์ร้ายไม่สามารถหลบหนีได้!
ดวงตาของลู่หยวนสั่นไหวขณะเอ่ยถามในใจ “ระบบ ข้าไม่ได้มองผิดใช่หรือไม่ว่าสัตว์ร้ายขนาดเล็กนี้คือเฝยเฝย!”
[ถูกต้อง! นี่คือราชาแห่งเผ่าเฝยเฝย!]
เฝยเฝยเป็นสัตว์ร้ายประหลาดที่ไม่ได้ปรากฏบ่อยนักในบันทึกตลอดทุกยุคทุกสมัย!
แต่มันถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์นำไปใช้จัดอันดับร่วมกับสัตว์เทวะในตำนานจำนวนมาก!
เฝยเฝยไม่ได้มีความก้าวร้าวที่รุนแรง ซึ่งความแข็งแกร่งโดยรวมของมันเพียงทัดเทียมกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
แต่เผ่านี้มีพรสวรรค์ที่สัตว์เทวะหรือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจเทียบเคียงได้!
นั่นก็คือมันมีโชคชะตาจำนวนมหาศาล!
ในช่วงเผ่าพันธุ์นับร้อยอยู่ร่วมกัน พวกเขาต่างเต็มใจที่จะผูกมิตรกับเผ่าเฝยเฝยเพียงเพื่อหวังโชคชะตาบางส่วน!
มีข่าวลือว่าทุกครั้งที่ปรมาจารย์เผ่าพันธุ์มนุษย์จะบุกเข้าทะลวง พวกเขาจะดื่มและสนทนากับเฝยเฝยผู้เป็นสหายคนสนิท จากนั้นจึงเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอสนี! โดยไม่ต้องสวมชุดป้องกัน!
อสนีสวรรค์แยกออกเป็นสามถึงสี่ทางราวกับดวงตามืดบอด พวกมันไม่อาจฟาดโดนยอดฝีมือผู้แก่กล้าเหล่านั้นได้
หลังจากกระบวนการนี้ดำเนินซ้ำไปมา ยอดฝีมือเหล่านั้นก็ไม่ตอบสนองต่อภัยพิบัติอสนี แต่ก้าวเข้าสู่ขั้นเทพยุทธ์!
ผู้คนทั้งหลายต่างอิจฉา!
แต่ภายหลัง เผ่าพันธุ์ทั้งหลายไม่พอใจเรื่องมิตรภาพของเผ่าเฝยเฝย เพราะหากสานสัมพันธ์มากเกินไป โชคชะตาที่ได้รับก็จะลดลง!
คงจะดีไม่น้อยหากเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นของตนเพื่อทำให้โชคชะตาของเฝยเฝยถูกใช้จนเกิดประโยชน์สูงสุด!
เฝยเฝยไม่แข็งแกร่งพอ จึงไม่สามารถขัดขืนการจับตัวของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้!
คลื่นแห่งความมืดสร้างความปั่นป่วนบนแผ่นดินใหญ่ราวสามถึงสี่ปีก่อนเฝยเฝยจะถูกจับจนเกือบสิ้น
ด้วยเหตุนี้ พวกมันจึงไม่ปรากฏตัวบนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลาเกือบหลายแสนปี ทำให้ผู้คนลืมเลือนไปจนสิ้น
หากไม่ใช่เพราะลู่หยวนเคยเห็นภาพในตำราโบราณมาก่อน เกรงว่าเขาก็อาจจะจำมันไม่ได้!
เมื่อระบบยืนยันว่าสัตว์ร้ายขนาดเล็กนี้คือเฝยเฝย มุมปากของลู่หยวนก็กระตุก
ชะตาของเฝยเฝยแข็งแกร่งมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนรอบข้างสามารถหยิบยืมโชคชะตาได้!
สัตว์ร้ายประหลาดนั้นต่างจากผู้อื่นตรงที่สามารถแบกรับมหาโชคชะตาได้!
ทว่าเฝยเฝยตัวนี้นอนอยู่ข้างกู้ชิงหรันในสภาพที่เหมือนจะตายได้ทุกเมื่อ!
นั่นเป็นเพราะมันพ่ายแพ้ให้กับมหาชะตาของกู้ชิงหรัน!
ลู่หยวนพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะเอ่ยถาม “คนในตระกูลของเจ้าอยู่ไหน?”
หากสามารถหมั้นหมายกับลู่หยวนได้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงภูมิหลังตระกูล
กู้ชิงหรันยังคงมีท่าทีเย็นชาโดยไม่แม้แต่จะขยับเปลือกตา “ตายหมดแล้ว”
ลู่หยวนทราบอยู่แล้วว่าคนเหล่านี้อาจถูกกู้ชิงหรันฆ่าตายหมดแล้ว!
นี่ไม่เรียกว่าโชคร้าย!
แต่เรียกว่าบรรยากาศชวนขนหัวลุก!
“ระบบ ข้าจะถูกนางย่างจนตายหรือเปล่า?”
[ไม่! ด้วยชะตาที่ท่านมีในตอนนี้เพียงพอที่จะรับมือกับแรงกดดันด้านลบจากมหาโชคชะตาของกู้ชิงหรันได้!]
[คำแนะนำ: หากท่านชิงโชคชะตาของกู้ชิงหรันได้ก็จะเป็นการช่วงชิงมหาชะตาบางส่วนของนางด้วย!]
[หากค่าโชคชะตาของท่านสะสมจนถึงระดับหนึ่งโดยมีกู้ชิงหรันอยู่ข้างกายก็จะทำให้ทั้งท่านและสหายมีชะตาเพิ่มขึ้น! แต่ถ้าค่าชะตาของท่านลดลงถึงจำนวนหนึ่ง กู่ชิงหรันก็จะตอบโต้คืนได้!]
ลู่หยวนมองกู้ชิงหรันก่อนจะลอบถอนหายใจ
การให้สาวน้อยผู้นี้อยู่ข้างกายไม่ต่างจากดาบสองคม ถ้าดีก็แล้วไป แต่ถ้าร้ายก็ถึงตาย!
กู้ชิงหรันเงยหน้าขึ้นเห็นสายตาเคลือบแคลงของลู่หยวนนางจึงคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ “เจ้าไม่ต้องมากความ อยากถอนหมั้นใช่หรือไม่?”
“ถอนหมั้นหรือ?”
ลู่หยวนส่ายหน้า เขาจะไม่มีวันปล่อยคนที่สามารถกอบโกยผลประโยชน์ได้เป็นอันขาด!
“ตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เหตุใดเจ้าไม่มาอยู่ข้างกายข้าแทนเล่า เมื่อจบเรื่องเมื่อไหร่ก็สามารถกลับไปพร้อมกันได้”
กู้ชิงหรันย่อมตอบตกลง
ลู่หยวนชี้ไปที่กระบี่หักซึ่งอยู่ข้างกายกู้ชิงหรันก่อนจะเอ่ยถาม “นั่นกระบี่เจ้าหรือ?”
กู้ชิงหรันพยักหน้า
ลู่หยวนยื่นมือออกไปสัมผัส เมื่อสัมผัสฝักก็พลันรับรู้ถึงปราณกระบี่ที่ทะยานเข้าสู่ฝ่ามือของตนเอง!
เขาไม่หลบเลี่ยงแล้วปล่อยลมปราณอันหนักหน่วงออกไปทำลายปราณกระบี่ทั้งหมด
“เจ้าคือเมล็ดพันธุ์มาร”
กู้ชิงหรันพลันเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของนางสงบนิ่งราวกับกำลังพูดถึงแสงจันทราในค่ำคืนนี้
ลู่หยวนหันไปมองด้านข้าง ชั่วพริบตา ทั่วทั้งดินแดนจิ้งจอกสวรรค์ก็ถูกปกคลุมด้วยค่ายกลที่เขาติดตั้งเอาไว้!
คลื่นจิตสังหารทั้งหลายกำลังบดขยี้ไปทางกู้ชิงหรัน!
กู้ชิงหรันไม่ได้ระดมความสามารถแต่อย่างใด นางเพียงมองลู่หยวนอย่างสงบ “ข้าไม่บอกคนอื่นหรอก”
“ถ้าพูดว่าไม่บอกก็คือไม่บอกหรืออย่างไร?”
ลู่หยวนระเบิดลมหายใจออกมาขณะง้าวแหวกอากาศ ก่อนจะทะลวงไปที่ใบหน้าของกู้ชิงหรัน
กู้ชิงหรันยกมือรับง้าวของลู่หยวนเอาไว้ได้อย่างมั่นคง!
พลังทั้งหลายซึ่งติดอยู่กับง้าวถูกทำลายในพริบตา!
เสียงอันหยาบกระด้างดังออกมาจากง้าว “นายท่าน ข้ามาแล้ว!”
สิ้นคำ วิญญาณหอกเถี่ยนิวทะยานออกจากง้าว โดยเจตจำนงหอกนับไม่ถ้วนยังคงรวมตัวอยู่ในมือก่อนจะระเบิดคลื่นสังหารอันคลุ้มคลั่งออกมาในหนึ่งอึดใจ!
กู้ชิงหรันไม่แม้แต่เหลือบมองวิญญาณหอกขณะปล่อยให้อีกฝ่ายลงมือ!
เมื่อเห็นว่ากู้ชิงหรันไม่ตั้งใจรับกระบวนท่า วิญญาณหอกจึงคิดว่ากำลังโดนนางดูถูก ทำให้ตะโกนออกไปอย่างเดือดดาล “สาวน้อย เจ้าช่างอวดดีนัก! ขอดูหน่อยว่าข้าจะทุบตีจนทำให้เจ้ายอมร้องขอความเมตตาได้หรือไม่!”
แต่ทันทีที่วิญญาณหอกเข้าใกล้กู้ชิงหรัน พลังทั้งหมดก็สลายหายไปจนไม่เหลือซาก!
วิญญาณหอกตกตะลึงชั่วขณะราวกับสัมผัสบางสิ่งได้ มันจึงมองไปทางกู้ชิงหรันด้วยอาการสั่นสะท้าน
กู้ชิงหรันหันมามองเขาสักพัก จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มสดใสเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย
“โปรดเมตตาด้วย ข้า… ข้าถอยแล้ว”
วิญญาณหอกถอยกลับมาซ่อนอยู่ด้านหลังลู่หยวน มันควบคุมเสียงอันหยาบกระด้างให้กลายเป็นเสียงที่อ่อนหวานและเยาว์วัย “นายท่าน นางน่ากลัวมาก โชคชะตาที่นางถือครองแข็งแกร่งกว่าท่านยิ่งนัก ข้าเอาชนะนางไม่ได้”
ลู่หยวนปล่อยให้วิญญาณหอกกลับเข้าไปในง้าว
“ขืนยังมากระซิก ๆ อีกข้าจะต่อยให้หน้าหงายเลย!”
กู้ชิงหรันจับจ้องลู่หยวน “อย่าว่าแต่ฆ่าข้าเลย เจ้ายังเข้าใกล้ข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ”
สิ้นคำ นางก็ปล่อยง้าวออกก่อนจะสร้างผนึกในมือข้างหนึ่ง แล้วค่ายกลที่ปิดกั้นทั่วทั้งดินแดนจิ้งจอกสวรรค์ก็พังทลายในพริบตา!
กู้ชิงหรันทราบว่าลู่หยวนจะต้องลงมือทันทีที่สิ้นคำอย่างแน่นอน
“ข้าไม่มีเหตุผลที่ต้องพูดอยู่แล้ว”
กู้ชิงหรันเอ่ย “ความปรารถนาของข้ามีเพียงทำธุระที่เหลือของครอบครัวให้เรียบร้อย ซึ่งมีหลายเรื่องที่ข้าทำคนเดียวเสร็จไปแล้ว เหลือเพียงเรื่องหมั้นหมายระหว่างเจ้ากับข้าที่ยังไม่เรียบร้อย”
“เจ้าคือสามีในอนาคตของข้า หากบอกไปเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไรหรือไม่?”