บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 231 ค่ายกลแปดวิถีผนึกทองคำ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 231 ค่ายกลแปดวิถีผนึกทองคำ

บทที่ 231 ค่ายกลแปดวิถีผนึกทองคำ

หลังจากที่เข้าสู่ภายในขุมสมบัติของเฉียนหยวนสิ่งแรกที่สะดุดตาก็คือโถงใหญ่อันโอ่อ่า

โถงนี้ราวกับถูกสร้างให้ลอยอยู่ในอากาศ ข้างบนเป็นท้องฟ้าอันประกอบด้วยหมู่ดาวระยิบระยับ ส่วนที่พื้นทางเดินด้านล่างปูด้วยหินประกายฟ้าอันหายาก มีหมอกเคลื่อนเป็นวงซึ่งดูใสเหมือนพื้นผิวกระจก รอบด้านมีประตูแน่นหนาดั่งป่าทึบ จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถนับได้ว่ามีประตูอยู่ทั้งหมดกี่บาน

ประตูเหล่านี้หาได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ แต่พวกมันเหมือนกับดวงดาวที่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา ยิ่งกว่านั้นบรรดาประตูเหล่านี้บางบานจะเปล่งกลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่า ประตูบางบานกลับเปี่ยมด้วยกลิ่นอายแห่งทรัพย์สมบัติและความรุ่งเรือง ขณะเดียวกันมีบางบานที่เปล่งเสียงแห่งสงคราม และดูเหมือนหลังประตูแต่ละบานจะซุกซ่อนด้วยสมบัติล้ำค่า

แน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้ไม่อาจขจัดโอกาสที่จะเกิดความหายนะและความตายได้

“เฉินซี…ดูนั่น ประตูพวกนั้นดูหม่นมัวและยุ่งยากอย่างบอกไม่ถูก พวกมันมีการจับกลุ่ม ๆ ละแปด แปดกลุ่มรวมเป็นหนึ่งร่าง แปดร่างรวมเป็นหนึ่งชีวิตและวนเวียนไปเช่นนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับการเคลื่อนตัวตั้งค่ายกลอย่างนั้นล่ะ” หลิงไป๋ที่ยืนอยู่บนหัวไหล่ของเฉินซี กวาดสายตามองดูรอบ ๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาจึงกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เวลานั้นเอง เฉินซีก็ได้สังเกตถึงความลึกซึ้งของสิ่งที่เห็นอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะพยักหน้าพร้อมกล่าวตอบ “ประตูที่เห็นเป็นค่ายกลอย่างหนึ่ง ถ้าข้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นค่ายกลแปดวิถีผนึกทองคำ ด้วยมีการแบ่งเส้นทางออกเป็นแปดสายได้แก่ ความมั่งคั่ง ชีวิต การเจ็บป่วย การหลีกเลี่ยง ความงดงาม ความตาย หวาดกลัวและเริ่มต้น ซึ่งล้วนเป็นเส้นทางในหยินและหยาง มีมงคลและอัปมงคล ถ้าใครเข้าสู่เส้นทางที่เป็นอัปมงคล คนเหล่านั้นก็จะไม่อาจหวนคืนและต้องตายในที่สุด แต่หากเข้าสู่เส้นทางมงคล จึงจะมั่นใจได้ว่าชีวิตจะราบรื่นปลอดภัยและอาจได้ครอบครองสมบัติพัสถานภายในขุมสมบัติด้วย”

“เป็นเช่นนี้เอง บางทีเจ้าของขุมสมบัติที่นี่อาจสร้างไว้เพื่อทดสอบก็ได้” หลิงไป๋พอจะเข้าใจมากขึ้น “เส้นทางไหนเล่าที่เป็นเส้นทางมงคลน่ะ เราจะได้เลือกไปทางนั้น”

“ถ้าตามลักษณะของการตั้งค่ายกล การเข้าสู่เส้นทางชีวิต ความงดงามและการเริ่มต้นเป็นเส้นทางแห่งมงคล ส่วนเส้นทางอัปมงคลนั้นประกอบด้วยการเจ็บป่วย ความหวาดกลัวและการมั่งคั่งซึ่งอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และการเข้าสู่เส้นทางหลีกเลี่ยงและความตายจะนำไปสู่ความตาย” เฉินซีกล่าวพึมพำพลางขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดหนัก

“ถ้าเช่นนั้นจะรีรอไปไย พวกเราควรรีบเข้าสู่เส้นทางชีวิต ความงดงามหรือไม่ก็การเริ่มต้นหรอกหรือ” หลิงไป๋ออกปากถามอย่างงุนงงเมื่อเห็นว่าเฉินซีไม่ยอมขยับไปทางไหน

“มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลน่ะซี! ข้ารู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ เดี๋ยวขอเวลาคิดสักนิด” เฉินซีตอบทั้งที่หัวคิ้วขมวดแน่น ในหัวพยายามประมวลความรู้เกี่ยวกับเต๋ายันต์อักขระที่ได้เรียนรู้มาจากการบ่มเพาะพลังจนถึงบัดนี้อย่างเร็วจี๋ และได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็วว่าค่ายกลแปดวิถีผนึกทองคำที่ปรากฏรอบตัวเขานี้ก่อตัวขึ้นจากประตูต่าง ๆ มากมายนั่นเอง

ขณะเดียวกันหลิงไป๋ก็ไม่ได้รบกวนและพิจารณาบริเวณโดยรอบเงียบ ๆ

ต่อมาไม่นาน เฉินซีพลันเบิกตากว้างขณะถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก จากนั้นชายหนุ่มก็เอ่ยทั้งรอยยิ้ม “เกือบไปแล้วไหมล่ะ พวกเราเกือบตกหลุมพลางของเจ้าของขุมสมบัตินี้แล้ว ค่ายกลแปดวิถีผนึกทองคำนี้ผิดปกติจริงเสียด้วย ดูสิ ประตูแปดทางและหยินหยางต่างกลับหัวกลับหางไปหมด ดังนั้นน่าจะเรียกว่าค่ายกลแปดวิถีผนึกทองคำกลับด้านมากกว่าและในจำนวนประตูทั้งแปดบาน มีเพียงสองบานเท่านั้นที่เป็นเส้นทางมงคล ส่วนประตูที่เหลือเป็นเส้นทางอัปมงคลทั้งสิ้น!”

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราควรเข้าไปทางไหน” หลิงไป๋ถามต่อ

ประหนึ่งมีภยันตรายไร้ขีดจำกัดซ่อนอยู่ภายใน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินซีได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของค่ายกลชนิดนี้มาก่อน เขาต้องคิดว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังประตูนี้คงมีแต่ความตายเท่านั้น ทว่าเวลานี้ต่างออกไปและนี่ก็คือเส้นทางมงคลที่แท้จริง

ในทางกลับกันประตูที่เปี่ยมไปด้วยรัศมีของทรัพย์สมบัติและความเป็นสิริมงคลกลับกลายเป็นเส้นทางอัปมงคลอย่างแท้จริง!

ครืนนนน!

ฉับพลันได้บังเกิดเสียงดังกึกก้องบริเวณด้านนอกขุมสมบัติ ต่อมาช่องทางที่ถูกปิดตายอย่างแน่นหนาจู่ ๆ ก็ถูกแง้มเปิดทันที อีกทั้งยังปรากฏสะพานสายรุ้งเชื่อมขุมสมบัติกับฟ้าดิน

‘เส้นทางขุมสมบัติเปิดออกแล้ว พวกเราต้องเร่งเข้าไปไม่เช่นนั้นอาจจะช้าเกินไป’ ในใจของเฉินซีเกิดความกังวลจึงพุ่งตัวเข้าสู่เส้นทางแห่งความตายพร้อมด้วยหลิงไป๋ ก่อนที่ร่างจะกลืนหายเข้าไป

“ประตูมากมายเหลือเกิน!”

“หรือว่าหลังบานประตูเหล่านี้อาจมีสมบัติล้ำค่าซุกซ่อนไว้”

“สวรรค์! ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของสมบัติล้ำค่าได้จากประตูพวกนี้!”

ท่ามกลางเสียงครืนครั่นปานฟ้าจะถล่มทลาย พวกหวงฝู่ฉงหมิง หลิวเฟิ่งฉือ หม่านหงและคนอื่นได้ปรากฏตัวขึ้นในหอโถง และทันทีที่ทุกคนมองเห็นประตูที่ล้อมรอบประดุจรังผึ้งแน่นหนาเหล่านี้ หลายคนก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ

“พอเฉียนหยวนเคลื่อนขุมสมบัติลงมายังโลกในครั้งนี้ได้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายอย่างมาก ผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศต่างมุ่งหน้ามาที่นี่ เนื้อมีก้อนเดียวแต่มีหมาป่าตั้งฝูงแม้ว่าจะมีประตูมากมาย แต่ใช่ว่าพวกเราทุกคนจะได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าในนั้นทั้งหมด” หลินโม่เซวียนถอนใจเล็กน้อย

“ไม่ต้องกังวลใจ พวกเรามีคนมากและพลังอำนาจก็มาก อีกอย่างเรายังมีแผนที่ขุมสมบัติอีกด้วย ฉะนั้นนอกจากพวกเราแล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่สมควรได้สมบัติล้ำค่าไป” หวงฝู่ฉงหมิงเหยียดยิ้มที่มุมปากและกล่าวว่า “เวลานี้ถ้าดูจากแผนที่ พวกเรากำลังยืนอยู่ในโถงขุมสมบัติของเฉียนหยวน แล้วจะเข้าไปอย่างไร”

“แผนที่ของข้าบอกว่าขุมสมบัติของเฉียนหยวนมีทั้งสิ้น 4,096 ประตู และประตูทุกบานล้วนมีความล้ำลึกที่ไม่อาจหยั่งรู้ ใครก็ตามที่ก้าวข้ามประตูจะเหมือนกับได้เข้าไปสู่อีกมิติ ดังนั้นทุกคนระวังตัวด้วย” ถันไถหงกล่าวเตือน

“ถูกต้อง ประตูเหล่านี้เป็นค่ายกลแปดวิถีผนึกทองคำ แต่แผนที่ของข้ามีการระบุด้วยว่าค่ายกลพวกนี้แปลกประหลาดมากไม่เหมือนค่ายกลแปดวิถีผนึกทองคำทั่วไป ว่าแต่ส่วนไหนที่ว่าแตกต่างกันแน่” หัวคิ้วของหลิวเฟิ่งฉือขมวดมุ่นขณะเจ้าตัวกำลังพึมพำอย่างครุ่นคิด

“แผนที่ของข้าก็เหมือนกัน ในนี้บอกว่าขุมสมบัติที่แท้จริงซ่อนอยู่ในเส้นทางมงคล พวกเราต้องค้นหาเส้นทางมงคลในจำนวนประตูเหล่านี้ให้พบเสียก่อน จึงจะสามารถเข้าไปในขุมสมบัติและโกยสมบัติล้ำค่าออกมาอย่างปลอดภัย” คราวนี้เป็นหม่านหงที่พูดขึ้นมา และพยักหน้าเห็นด้วย

“ถ้าอย่างนั้นก็เร่งค้นหาเส้นทางมงคลเร็วเข้า อย่าให้ใครมาฉวยโอกาสได้” หวงฝู่ฉงหมิงสั่งการเฉียบขาด “สหายนักพรตเต๋าเผยจงและเซวี่ยเฉิน ข้าได้ยินว่านิกายกระเรียนพิสุทธิ์ของเจ้าเชี่ยวชาญในการสร้างเต๋าแห่งยันต์อักขระ ข้าขอมอบหน้าที่นี้ให้พวกเจ้าทั้งสองจัดการก็แล้วกัน”

เผยจงและเซวี่ยเฉินสบตากัน จากนั้นจึงหันมาพยักหน้าอย่างยอมรับ เมื่อปราศจากชิงซิ่วอี้ พวกเขาทั้งสองจึงกลายเป็นคนที่อ่อนด้อยที่สุดในบรรดาคนพวกนี้ และหากพวกเขายังต้องการส่วนแบ่งในขุมสมบัติของเฉียนหยวน จึงจำเป็นที่จะต้องให้ความร่วมมือกับทุกคนด้วย

ทั้งศิษย์พี่และศิษย์น้องคู่นี้นำสมบัติวิเศษรูปเข็มทิศออกมา จากนั้นก็มองไปยังประตูมากมายที่กำลังหมุนวนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทั้งสองเริ่มตั้งใจพิจารณาค่ายกลทันที

เมื่อพวกเขากำลังพิจารณาหาข้อสรุปเกี่ยวกับค่ายกลอยู่นั้นเอง ผู้บ่มเพาะคนอื่นต่างทยอยตามเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ในจำนวนนั้นมีผู้บ่มเพาะที่มีความรู้ที่สังเกตเห็นว่าประตูเหล่านี้มีความนัยล้ำลึกซ่อนอยู่หลังบานประตู ต่อมาทุกคนเริ่มหันมาพิจารณาข้อสรุปของบานประตูประหลาดทันที

ณ ขณะนั้นไม่มีใครได้เห็นขุมสมบัติที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่มีการแก่งแย่งกันในหมู่พวกเขา อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลว่าจะขัดแย้งผลประโยชน์กับใคร และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแสดงความขัดแย้งกันในเวลาเช่นนี้ ซึ่งถือว่าโฉดเขลาอย่างยิ่ง เพราะไม่เช่นนั้น พวกเขาก็คงไม่ต่างกับนกกับหอยตีกัน คนตกปลาได้ประโยชน์*[1] หรอกหรือ

ทุกคนจึงขบคิดค้นหาความนัยแห่งประตูอย่างขะมักเขม้น พวกเขาต่างใช้เวลาอย่างคุ้มค่าเพราะเกรงว่าคนอื่นจะฉวยโอกาส เป็นเหตุให้ภายในโถงเวลานี้เงียบสนิท

เฉินซีเพิ่งเข้าสู่ประตูและเห็นได้ว่ามีค่ายกลใหญ่นับสิบค่ายกลเป็นอย่างน้อยถูกจัดตั้งอยู่ การจัดเรียงของแต่ละค่ายกลเชื่อมโยงสอดประสานกัน จนเกิดเป็นมหาค่ายกลที่แฝงไว้ด้วยเจตจำนงสังหารทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ความรุนแรงของมันมากพอที่จะทำให้ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ติดกับได้อย่างง่ายดาย

เคราะห์ยังดีที่ค่ายกลสังหารใหญ่ยักษ์และซับซ้อนซ่อนเงื่อนนี้ไม่ได้เปิดใช้งานและยังนิ่งเงียบ หลังจากที่เฉินซีเดินลึกเข้าไปในค่ายกลดังกล่าว จึงไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด

“มีโอสถมากมายก่ายกองเลย!”

ชายหนุ่มเพิ่งผ่านพ้นค่ายกลสังหารมาไม่นาน สายตาพลันเหลือบไปเห็นทางที่มีกลุ่มควันและหมอกหนา ซึ่งด้านในมีโอสถที่เต็มไปด้วยปราณวิญญาณล่องลอยอยู่ทุกหนแห่ง โอสถแต่ละชิ้นเหมือนจะมีความคิดจิตใจเป็นของตัวเอง ด้วยพวกมันเหินไปมาราวกับมีมนต์ขลังกระนั้น

[1] นกกับหอยตีกัน คนตกปลาได้ประโยชน์ เป็นสำนวนของจีน หมายถึง คนสองฝ่ายทะเลาะกันเอง แต่บุคคลที่สามกลับเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท