บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 240 ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 240 ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง

บทที่ 240 ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง

ภายในโลกที่ก่อตัวขึ้นจากเต๋ารู้แจ้ง เฉินซีได้เห็นเต๋ารู้แจ้งต่าง ๆ ที่เขาได้หยั่งรู้ และในทำนองเดียวกัน เขาก็ได้พบกับเต๋ารู้แจ้งที่ซ่อนอยู่ของเขา ซึ่งมันก็คือมหาเต๋ายันต์อักขระ!

โอม!

ทว่า เมื่อเขาคิดว่าทุกอย่างได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ก็สาดส่องออกมาอีกครั้ง

ลำแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าและงดงาม สูงส่งและทรงพลัง สาดส่องไปทั่วสวรรค์และโลก และเติบโตขึ้นในใจของสรรพสัตว์ ทำให้สิ่งมีชีวิตในโลกเกิดสติปัญญา สามารถรู้ดำรู้ขาว รู้แจ้งเห็นเท็จ รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่ยอมแพ้ สูงส่งและมีเกียรติ

เมื่อเฉินซีเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ เขาเองก็ตกตะลึงด้วยความประทับใจ

ในบรรดาเต๋ารู้แจ้งทั้งหมด ความเข้าใจของเขาที่มีต่อเต๋ารู้แจ้งเที่ยงธรรมนั้นตื้นเขินที่สุด เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันชอบธรรมจากเต๋ากระบี่เที่ยงธรรมของเฉินฮ่าวเพียงผิวเผินเท่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำความเข้าใจมันอย่างไร เนื่องจากมหาเต๋านี้มีอยู่ในนิกายของนักพรตและลัทธิขงจื๊อ ทำให้วิธีการทำความเข้าใจแตกต่างไปจากเต๋ารู้แจ้งประเภทอื่นอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ วิธีการถ่ายทอดของมันก็แตกต่างจากวิธีส่งต่อเต๋ารู้แจ้งที่โลกแห่งการบ่มเพาะในปัจจุบันใช้อย่างสิ้นเชิง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือเต๋าแห่งปรัชญาขงจื๊อและนักพรตมีความคล้ายคลึงกับเต๋าของนิกายพุทธและนิกายอสูร พวกเขาแสวงหาเต๋าแห่งสวรรค์ด้วยเหตุผลเดียวกัน แต่ความเข้าใจและวิธีการบ่มเพาะเต๋าแห่งสวรรค์ของพวกเขานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และแต่ละสิ่งก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าใจพวกมัน เพียงเพราะพวกเขาต้องการได้

เท่าที่เฉินซีทราบมา เฉินฮ่าวถูกเนรเทศไปที่ยอดเขามังกรอเวจีโดยนักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยน เพื่อบ่มเพาะเต๋ารู้แจ้งเที่ยงธรรม เฉินฮ่าวถูกอดอาหารและทำให้อยู่ในสภาวะที่กดดันขณะที่บ่มเพาะเจตจำนงของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ยังศึกษาคัมภีร์ลัทธิขงจื๊อและบันทึกจำนวนมากอย่างละเอียด รวมถึงตำราของนักพรต ทำให้เขาพัฒนารัศมีแห่งความชอบธรรมที่วนเวียนอยู่ในทรวงอกของเขา ก่อนที่จะทำความเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเต๋ากระบี่เที่ยงธรรม ดังนั้นกระบวนการเหล่านี้จึงแสนยากลำบากและเจ็บปวดเกินกว่าที่จะจินตนาการได้

‘เต๋ารู้แจ้งเที่ยงธรรม ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นเต๋ารู้แจ้งอย่างที่สองที่ซ่อนอยู่ของข้า… หรือว่าทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับกระบี่เหล็กเล่มนั้น?’ จู่ ๆ เฉินซีก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนที่เขาจะเข้าไปในขุมสมบัติเฉียนหยวน เขาได้รับกระบี่เหล็กที่เต็มไปด้วยความเที่ยงธรรมจากใต้แผ่นหินในสุสานอสูรร้าย กลิ่นอายของดาบเหล็กนั้นมีความทรงจำเกี่ยวกับการเฟื่องฟู การล่มสลาย และการแทนที่ของราชวงศ์ ความรู้สึกของสรรพสิ่งในโลกมนุษย์ และประวัติศาสตร์อันยาวนาน ยิ่งไปกว่านั้น วิญญาณอันยิ่งใหญ่ที่แฝงอยู่ในกระบี่นั้นก็น่าอัศจรรย์มาก ถึงขั้นทำให้วิญญาณของเขารู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับการเกิดใหม่นับร้อยครั้ง และสังเกตการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในโลก

โอม!

ก่อนเฉินซีจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น ลำแสงศักดิ์สิทธิ์อีกสายก็สาดส่องลงมา ทำให้ท้องฟ้าและผืนดินถูกปกคลุมไปด้วยแสงสนธยาที่จะเกิดในช่วงเวลาสิ้นวันและก่อนราตรีกาลคืบคลานเข้ามา มันให้ความรู้สึกที่เศร้าหมอง การปรากฏของมันทำให้ทุกสิ่งในโลกตกอยู่ในความเงียบงัน สิ้นสุดทุกสิ่ง และรอสะสมพลังเพื่อรุ่งอรุณของวันพรุ่งนี้

แสงศักดิ์สิทธิ์นี้แท้จริงแล้วคือมหาเต๋าแห่งจุดจบ!

ทันใดนั้นหัวใจของเฉินซีก็สั่นไหวโดยไม่รู้ตัว เขายังจำได้อย่างชัดเจนว่า ผู้ยิ่งใหญ่ลึกลับในระเบียนแดนมรณะเคยกล่าวว่า มหาเต๋าแห่งจุดจบถูกทวยเทพและปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดในโลกนี้อิจฉา เมื่อมันปรากฏขึ้นในโลก มันจะต้องประสบกับการทำลายล้างอย่างแน่นอน แม้จะด้วยพลังของผู้ยิ่งใหญ่ลึกลับ เขาก็ยังคงต้องตายด้วยความเกลียดชังในหัวใจของเขาในที่สุด และจากสิ่งนี้ก็เห็นได้ชัดว่า มหาเต๋าแห่งจุดจบเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่อาจยอมรับได้ในหัวใจของเหล่าทวยเทพและปีศาจ

‘โชคดีที่มันเป็นเพียงเต๋ารู้แจ้งที่ซ่อนอยู่ ตราบใดที่ข้าละเว้นจากการทำความเข้าใจ คนอื่นก็ไม่ควรสังเกตเห็นถึงมัน…’ เฉินซีปลอบใจตัวเอง ตอนนี้เขามีฐานการบ่มเพาะแค่ขอบเขตเคหาทองคำเท่านั้น เมื่อเทียบกับทวยเทพและปีศาจที่อยู่เหนือกว่าเขา เขาก็ไม่ต่างกับมดด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจะกล้าทำความเข้าใจเกี่ยวกับมหาเต๋าแห่งจุดจบได้อย่างไร

หลังจากมหาเต๋าแห่งจุดจบปรากฏขึ้น สวรรค์และโลกดูเหมือนจะตกอยู่ในความเงียบชั่วคราว และดูเหมือนว่าจะไม่มีแสงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นอีกต่อไปแล้ว แต่ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ทำให้เฉินซีพึงพอใจอย่างยิ่ง เมื่อรวมกับเต๋ารู้แจ้งยันต์อักขระ เต๋ารู้แจ้งเที่ยงธรรม และเต๋ารู้แจ้งจุดจบ ตอนนี้เขามีเต๋ารู้แจ้งอยู่สิบหกประเภท และการได้รับโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าจากบททดสอบเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม สวรรค์ดูเหมือนจะอยากเล่นตลกกับเฉินซี เมื่อเขาคิดว่าการทดสอบครั้งนี้ใกล้จะสิ้นสุดลง ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ขอบเขตก็พุ่งเข้ามาจากทั่วสารทิศ และพวกมันก่อตัวเป็นมวลหนาแน่นเหมือนกลุ่มหิ่งห้อยที่ส่องสว่างไปทั่วโลก!

โอม! โอม! โอม!

ทันใดนั้น เฉินซีก็สัมผัสได้ว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่ลอยอยู่ในห้วงจิตสำนึกของเขากำลังส่งเสียงแปลก ๆ และผันผวนไปมา และการผันผวนที่แปลกประหลาดนี้ก็พวยพุ่งออกมาจนทำให้โลกทั้งใบเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อันมากมาย หลั่งไหลออกมาให้พบเห็น

‘เป็นไปได้อย่างไรกัน? ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนั้นสงบเงียบและปราศจากการเคลื่อนไหวตลอดเวลาที่มันอยู่ภายในจิตสำนึกของข้า เหตุใดจู่ ๆ พวกมันถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงและทำให้เกิดฉากที่น่าตกใจเช่นนี้? หรือว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากมีส่วนเกี่ยวข้องกับศิลาทดสอบเต๋าของจักรพรรดิสิ่งประดิษฐ์?’ คลื่นพายุโหมกระหน่ำในใจของเฉินซี เนื่องจากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติเช่นนี้

“ฮ่า!” ในขณะนี้ เสียงที่สงบและไม่แยแสซึ่งดูเหมือนจะมาจากเหนือสวรรค์ทั้งเก้า ได้แผดเผาท้องฟ้าราวกับเสียงฟ้าร้อง มันดังกึกก้องและระเบิดออกภายในห้วงสำนึกของเขา ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น รูปปั้นเทพเจ้าฝูซีซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้วงจิตสำนึกของเขาก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้แสงสีทองระเบิดออกมา ราวกับโซ่ของเทพเจ้าที่ทะลุผ่านอากาศที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทันใดนั้น มันได้ทำให้ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่สั่นสะเทือนและผันผวนอยู่หยุดนิ่งในทันที

จากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ ในขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนที่พวยพุ่งออกมาไม่ได้มีโอกาสที่จะควบแน่นเป็นรูปร่างในโลกก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ซึ่งเฉินซีไม่มีโอกาสที่จะตอบสนองเลยแม้แต่น้อย และความรู้สึกนี้ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยอมรับได้ยากสำหรับเขา

เพราะการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้อยู่เหนือการควบคุมของเขา และเขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย

‘ในสักวันหนึ่ง ข้าจะต้องควบคุมความลับของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากให้ได้อย่างหมดจด และข้าจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีให้ได้อย่างถ่องแท้ เพื่อทำให้มันเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ มิฉะนั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นอีก ข้าคงไม่มีแม้แต่ที่ว่างให้ดิ้นรน…’ เฉินซีคิดในใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้ใจรูปปั้นเทพเจ้าฝูซี แต่ความรู้สึกที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา ทำให้เขาต่อต้านมันออกจากก้นบึ้งของหัวใจ

“เต๋ารู้แจ้งทั้งสิบสี่ประเภท เขาได้ทิ้งห่างหลินโม่เซวียนและคนอื่น ๆ ไว้เบื้องหลังแล้ว อีกทั้งยังกำลังไล่ตามหลิวเฟิ่งฉือ หม่านหง อันเชี่ยนอวี้ และหวังเต้าซวี่…” เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจระเบิดออกมาในห้องโถง ขณะที่ทุกคนจ้องไปที่ศิลาทดสอบเต๋า เพราะลำแสงศักดิ์สิทธิ์ของเต๋ารู้แจ้งที่พุ่งออกมานั้นมีถึงสิบสี่ประเภทแล้ว!

เจ้าเด็กขอบเขตเคหาทองคำที่ไม่มีผู้ใดสนใจกลับครอบครองเต๋ารู้แจ้งถึงสิบสี่ประเภท ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนมหาเต๋าที่หยั่งรู้ก็มีถึงเจ็ดประเภท จะมีผู้บ่มเพาะคนใดในปัจจุบันที่สามารถบรรลุการรู้แจ้งถึงเต๋าในระดับที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้บ้าง?

ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของพวกเขาดูเหมือนจะเดือดพล่าน ความรู้สึกนี้เต็มไปด้วยความคาดหวังและความตกใจราวกับว่าพวกเขากำลังเป็นพยานในการกำเนิดของตำนานบทใหม่

สีหน้าของหลินโม่เซวียน เซียวหลิงเอ๋อร์ เผยจง และคนอื่น ๆ ได้เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าดูเมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ ‘ข้าถูกเจ้าเด็กนั่นแซงหน้าจริง ๆ หรือ?’

“ฮึ่ม! ใครจะสนใจว่ามันเป็นมหาเต๋าหรือเต๋ารองกัน? ในท้ายที่สุด มันก็ยังด้อยกว่าข้าอยู่ดี และอันดับของมันก็ต้องต่ำกว่าข้า ดังนั้นมันไม่มีค่าควรแก่การให้กล่าวถึง!” เยว่ฉีคำรามอย่างเย็นชาอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นเฉินซีกลายเป็นจุดสนใจโดยไม่มีใครสนใจเขาอีกแล้ว สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดในใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงใช้ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาครอบครองเต๋ารู้แจ้งถึงสิบห้าประเภท เพื่อแสดงความโดดเด่นของเขา

“แสงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง! เต๋ารู้แจ้งสิบห้าประเภทแล้ว!”

แทบจะในทันทีที่คำดูถูกของเยว่ฉีกล่าวจบ บริเวณโดยรอบก็ระเบิดเสียงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง และแสงศักดิ์สิทธิ์อีกดวงก็ปรากฏขึ้นบนศิลาทดสอบเต๋า

“บัดซบ! ไอ้สารเลว! ข้าจะฆ่าเด็กคนนี้!” เมื่อเย่วฉีเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นบนศิลาทดสอบเต๋าอีกครั้ง หลังจากที่เขาสบประมาทเฉินซีว่าไม่สามารถเอาชนะตัวเองได้ ใบหน้าของเยว่ฉีก็กลายเป็นสีแดง ราวกับว่าเขาเพิ่งถูกตบหน้าอย่างรุนแรงและไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการหาถังน้ำมาคลุมหัวด้วยความอับอาย

แต่กลับไม่มีใครให้ความสนใจกับรูปลักษณ์ที่น่าอายของเขาในขณะนี้ เนื่องจากจิตใจและความคิดของทุกคนกำลังจดจ่ออยู่กับศิลาทดสอบเต๋า ในขณะนี้สถานการณ์ชัดเจนขึ้นมากแล้ว เฉินซีคือผู้ครอบครองเต๋ารู้แจ้งสิบห้าประเภท เขาจึงทิ้งห่างหลิวเฟิ่งฉือ และคนอื่น ๆ ไว้เบื้องหลัง นอกจากนี้ยังอยู่ในระดับเดียวกับหวงฝู่ฉงหมิงและเยว่ฉีแล้ว และเป็นรองแค่เจิ้นหลิวชิงที่ได้อันดับแรก!

ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มที่ไม่มีใครรู้จักกลับครอบครองเต๋ารู้แจ้งได้มากมายขนาดนี้!

คนที่อยู่ในอันดับต้น ๆ เหล่านั้นต่างก็เป็นผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียงจากเขตต่าง ๆ ในแผ่นดินซ่งและพวกเขาก็เป็นยอดอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา ถึงกระนั้น ตอนนี้พวกเขากลับถูกชายหนุ่มที่อยู่เพียงขอบเขตเคหาทองคำเหยียบข้ามหัวไปทีละก้าว…

พวกเขาสามารถจินตนาการได้ว่าเหตุการณ์นี้จะก่อให้เกิดความปั่นป่วนในโลกการบ่มเพาะทั้งหมดเมื่อเหตุการณ์นี้แพร่กระจายไปยังโลกภายนอก

สายตาของทุกคนในขณะนี้เต็มไปด้วยความร้อนแรง ขณะที่พวกเขาจดจ้องไปที่ศิลาทดสอบเต๋าโดยไม่กะพริบตา เนื่องจากพวกเขารู้ดีว่าตราบเท่าที่มีแสงศักดิ์สิทธิ์ดวงใหม่ปรากฏขึ้น เฉินซีจะเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นและอยู่ในอันดับที่หนึ่งเท่ากับเจิ้นหลิวชิง!

เขาสามารถบรรลุอะไรได้บ้าง?

ในขณะนี้ แม้แต่คนที่หยิ่งยโสและอวดดีอย่างหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ ก็ยังขมวดคิ้วและค่อย ๆ กำมือแน่น เนื่องจากพวกเขาต่างก็รู้ดีว่า หากพวกเขาสามารถต่อสู้ที่นี่ได้ พวกเขาจะลงมือฆ่าเฉินซีทันทีที่มีโอกาส เพราะพวกเขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยพรสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวของเฉินซี หากปล่อยให้เติบโตยิ่งขึ้นกว่านี้ มันจะกลายเป็นหายนะใหญ่สำหรับพวกเขาทั้งหมดอย่างแน่นอน!

โอม!

ภายใต้การจ้องมองของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ แสงศักดิ์สิทธิ์อีกดวงก็ปรากฏขึ้นบนศิลาทดสอบเต๋าจนได้ และหัวใจของทุกคนก็แทบจะกระดอนออกจากอกทันที พวกเขาทั้งตกใจและขมขื่นขณะที่หนังศีรษะด้านชา

พวกเขาต่างก็รู้ว่าการปรากฏของแสงศักดิ์สิทธิ์ดวงใหม่นี้ หมายความว่าเฉินซีได้ครอบครองเต๋ารู้แจ้งถึงสิบหกประเภทและขึ้นไปเทียบเท่าเจิ้นหลิวชิงซึ่งอยู่ในอันดับสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์!

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าเด็กที่มีฐานการบ่มเพาะเพียงขอบเขตเคหาทองคำอย่างมันจะเหนือกว่าข้าและมีอันดับนำหน้าข้าได้อย่างไร!?” เยว่ฉีตะโกนออกมา ขณะที่เขาพุ่งเข้าหาเฉินซีด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวและดวงตาที่เปล่งประกายอำมหิต เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการคว้าโอกาสนี้เพื่อกำจัดเฉินซี

ไม่เคยมีใครคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มผู้เคยทำตัวธรรมดาเรียบเฉยก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับมีอารมณ์ร้อนแรง วิตกกังวล และไร้เหตุผลถึงเพียงนี้

แต่ก็ไม่มีใครคิดจะหยุดเขา ว่ากันตามจริงแล้ว พวกเขาล้วนอิจฉาพรสวรรค์ในการรู้แจ้งเต๋าของเฉินซี และพวกเขาก็ยินดีที่จะเห็นอีกฝ่ายถูกกำจัด

“ฮึ! โง่เขลายิ่งนัก” หวงฝู่ฉงหมิงคำรามด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ส่วนเหตุผลนั้นก็เป็นเพราะ ถ้าเขาสามารถฆ่าเฉินซีได้ เขาคงทำไปตั้งนานแล้ว แล้วเยว่ฉีจะมีโอกาสได้อย่างไร?

แน่นอนว่ามันย่อมไม่เกินความคาดหมายของหวงฝู่ฉงหมิง ก่อนที่เยว่ฉีจะได้ทำร้ายเฉินซี ทันใดนั้นเขาเหมือนจะถูกทุบด้วยค้อนขนาดใหญ่ที่ไร้รูปร่าง ทำให้เขาลอยกลับไปยังที่ที่เขาจากมา และแทบจะล้มลงกับพื้น เขาตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชอย่างไม่สามารถบรรยายได้ และสีหน้าของเขาก็แดงยิ่งกว่าเดิมจนดูเหมือนว่ากำลังจะกระอักเลือดออกมา

โอม!

ในขณะเดียวกัน พื้นผิวของศิลาทดสอบเต๋าก็เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์จำนวนมหาศาลออกมาอย่างฉับพลัน ซึ่งทำให้ผู้คนที่จับจ้องอยู่ต่างตกตะลึงจนกรามของพวกเขาแทบหลุดออกจากคาง

“แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์เยอะแยะขนาดนี้เชียว?”

“นั่นย่อมเป็นตัวแทนของเต๋ารู้แจ้งไม่ใช่หรือ?”

แต่แสงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้กลับหายไปในพริบตาราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นเลย และบนพื้นผิวของศิลาทดสอบเต๋า เต๋ารู้แจ้งที่เฉินซีที่เผยออกมายังคงอยู่ที่สิบหกประเภท

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าเฉินซีครอบครองเต๋ารู้แจ้งจำนวนมหาศาลขนาดนั้นจริง ๆ มันคงเป็นเรื่องที่ท้าทายสวรรค์มากจนเกินไป…

เฉินซีลืมตาขึ้นก่อนจะยืนขึ้นอย่างเงียบ ๆ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นถึงการจ้องมองที่ผิดปกติของทุกคน ในขณะที่เขาเดินกลับไปยังมุมที่เขาเคยอยู่

แต่เมื่อเขาเดินผ่านเยว่ฉี สายตาของเฉินซีก็เหลือบไปมองคนผู้นี้โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาตื่นขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว และเห็นการเคลื่อนไหวของเยว่ฉีที่ตั้งใจจะสังหารเขา รู้เช่นนี้เฉินซีจึงลอบหมายหัวอีกฝ่ายไว้ในใจแล้ว

“บททดสอบที่สอง การหยั่งรู้ถึงชะตาเต๋าได้สิ้นสุดลงแล้ว รายชื่อของผู้ที่ติดเก้าอันดับแรกจะปรากฏบนพื้นผิวของศิลาทดสอบเต๋า คนทั้งเก้านี้จะได้รับโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าเป็นรางวัล” ทันใดนั้น เสียงสูงวัยก็ดังกึกก้องภายในห้องโถงและก้องกังวานไม่รู้จบ

ขวับ!

เสียงยังไม่ทันได้เงียบลง แต่สายตาของทุกคนก็บรรจบอยู่ที่พื้นผิวของศิลาทดสอบเต๋าโดยพร้อมเพรียงกัน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท