บทที่ 365 นครหลวงธารสายไหม
บทที่ 365 นครหลวงธารสายไหม
สามวันต่อมา
กลุ่มของเฉินซีได้เข้าสู่ดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล
ดินแดนแห่งนี้กว้างใหญ่และมากด้วยภูเขาโบราณที่สูงตระหง่าน และเมื่อพวกเขาเดินทางเข้าไปในที่แห่งนี้ เฉินซีก็ค้นพบด้วยความตกตะลึงว่า ท้องฟ้าและผืนดินอันอุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่นี้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายโบราณ ธาตุต่าง ๆ ก็ตกอยู่ในความโกลาหล และการทำงานของสวรรค์ก็ถูกบดบัง ทำให้มันลึกล้ำยิ่งนัก
ราวกับว่าพวกเขาได้มาถึงยุคบรรพกาลเมื่อหนึ่งล้านปีก่อนในทันที มันอุดมสมบูรณ์และเก่าแก่ ทำให้คนคนหนึ่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่โบราณและห่างไกลอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ดินแดนอันกว้างใหญ่นี้มีมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล ว่ากันว่ามีเส้นชีพจรมังกรนับสามพันสายอยู่ใต้พื้นดินและคอยปกป้องนครหลวงธารสายไหมด้วยการสะกดโชคชะตาของมัน” ย่าชิงพูดอย่างจริงจังและนางก็เต็มไปด้วยความเคารพต่อดินแดนโบราณแห่งนี้
หวังเจิ้นเฟิงพยักหน้าและกล่าวแทรกว่า “มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ โชคชะตาอยู่เหนือความลึกล้ำ แต่ก็มีอยู่จริงและครอบคลุมทั้งการทำงานของสวรรค์และโชคชะตาของทุกสิ่ง เหตุผลที่ราชวงศ์ซ่งสามารถยืนหยัดในโลกแห่งการบ่มเพาะเป็นเวลานับไม่ถ้วนโดยไม่เผชิญกับการทำลายล้างนั้นก็เป็นเพราะโชคชะตาที่ถูกสะกดอยู่ภายในเส้นชีพจรมังกรทั้งสามพันสาย แ ละว่ากันว่าประมุขแห่งหอวารีหมอกของทะเลตะวันออกเคยกล่าวไว้ว่า หากมิเกิดหายนะครั้งใหญ่ที่ทำให้ภพทั้งสามเกิดความโกลาหลขึ้น ก็คงไม่อาจส่งผลกระทบต่อรากฐานของราชวงศ์ซ่งได้”
“โชคชะตาหรือ?”
เฉินซีรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเขานั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมันแผ่ออกไปในดินแดนโบราณอันกว้างใหญ่นี้ ดูเหมือนเขาจะได้ยินเสียงคำรามของกลุ่มมังกรอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งทำให้หัวใจของชายหนุ่มสั่นสะท้าน และแม้แต่วิญญาณของเขาก็ดูเหมือนจะรู้สึกถูกกดดันเป็นอย่างมาก
และเฉินซีก็พบว่าหลังจากที่พวกเขาเข้าสู่ดินแดนโบราณอันกว้างใหญ่นี้ ผู้บ่มเพาะที่พวกเขาพบปะระหว่างทางต่างก็มีสีหน้าเคร่งขรึมและจริงจัง ไม่มีใครสักคนที่ส่งเสียงโหวกเหวก และแม้แต่เสียงพูดคุยเบา ๆ ก็ไม่มีเลยสักนิด
พวกเขาบินไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ เช่นนี้ และในเวลาไม่นาน พวกเขาก็มาถึงพื้นที่ใจกลางของดินแดนโบราณอันกว้างใหญ่
พื้นที่แห่งนี้มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง เทือกเขาที่ทอดยาวต่อเนื่องในทุกทิศทางเป็นดั่งมังกรที่คอยคุ้มกันอยู่ที่นี่ หัวและหางของพวกมันจะเชื่อมเข้าด้วยกันก่อนที่จะมาบรรจบกันที่ใจกลาง
นครโบราณที่กว้างใหญ่ไพศาลตั้งอยู่บนยอดภูเขาเหล่านี้ ซึ่งดูเหมือนฝูงมังกรที่บดบังภูเขามากมายที่อยู่เบื้องล่าง มันอาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พร่างพรายราวกับหมอกควันขณะที่มันเผยให้เห็นความยิ่งใหญ่อันสูงสุด
เมื่อมองจากระยะไกล เมืองนี้เป็นเสมือนเทพเจ้าสูงสุดที่ยืนตระหง่านอยู่บนฟ้าดิน ครอบครองสวรรค์และโลก ขณะที่มองลงมายังภูเขาและแม่น้ำที่งดงาม
นี่คือเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่ง นครหลวงธารสายไหม!
ม่านของการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งนี้จะถูกเปิดออก ณ ที่แห่งนี้!!
เมืองแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์และได้รับการปกป้องด้วยเทือกเขานับพับนับหมื่น มันตั้งตระหง่านอย่างชั่วนิรันดร์อยู่ที่นี่เป็นเวลาเนิ่นนาน และแม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพียังต้องยับยั้งตัวเองและไม่กล้ากระทำการที่ไร้เหตุผลที่นี่
เมื่อพวกเขาอยู่ห่างจากนครหลวงธารสายไหมราว ๆ อีกยี่สิบห้าลี้ เฉินซีเพ่งมองไปยังระยะไกลและเขาก็มองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของอาคารภายในนครหลวงธารสายไหมได้แล้ว นอกจากนี้ที่ใจกลางเมืองยังมีพระราชวังเซียนที่สูงส่งและอลังการตั้งอยู่
พระราชวังนี้มีความสูงเกือบสิบห้าลี้และเชื่อมต่อกับสวรรค์ทั้งเก้าชั้นโดยตรง ทั้งพระราชวังนั้นเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมามากมาย แสงเหล่านี้มีทั้งสีทอง สีแดงเข้ม สีเงิน สีฟ้า สีม่วง…
แสงศักดิ์สิทธิ์สีต่าง ๆ ได้ส่องสว่างไปทั้งท้องฟ้าและผืนดิน อีกทั้งยังปกคลุมไปทั่วนครหลวงธารสายไหม!
ย่าชิงเงยหน้าขึ้นขณะที่ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นในดวงตา และนางก็พึมพำออกมาว่า “นั่นคือที่ประทับของจักรพรรดิฉู่องค์ปัจจุบัน มันคือพระราชวังธารสายไหม ซึ่งมีความสูงสิบห้าลี้ มันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและอิทธิพลทั้งหมดของราชวงศ์ซ่ง และยังเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดในหัวใจของผู้บ่มเพาะในโลกแห่งการบ่มเพาะทั้งหมดด้วย!”
“มันช่างงดงามจริง ๆ” เฉินซีอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความชื่นชมเช่นกัน
“แน่นอนสิ พระราชวังธารสายไหมเป็นสมบัติอมตะที่แท้จริง เพียงแค่วิญญาณสมบัติของมันก็ดำรงอยู่มาอย่างยาวนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกล่าวถึงยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพี แม้แต่เซียนสวรรค์ก็ไม่สามารถฝ่าการป้องกันของพระราชวังธารสายไหมได้” หวังเจิ้นเฟิงตอบอย่างสบาย ๆ
สมบัติอมตะที่แท้จริง!
ทันใดนั้น เฉินซีก็เข้าใจทุกสิ่งและจากนั้นก็นึกถึงเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ของเขา ‘หลังจากที่มันได้รับการซ่อมแซมจนกลับมาสมบูรณ์แล้ว มันจะมีอานุภาพเหมือนพระราชวังธารสายไหมหลังนี้หรือไม่?’
“ไปกันเถอะ ท่านหญิงได้จัดที่พักในนครหลวงธารสายไหมให้แก่เราแล้ว ยังไม่สายที่เราจะไปเที่ยวชมเมืองอย่างละเอียดหลังจากที่ไปถึงที่นั่นก่อน” ย่าชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
กลุ่มของเฉินซีก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและบินออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งสู่นครหลวงธารสายไหม
ผู้คนในนครหลวงธารสายไหมนั้นมากมายมหาศาล!
มีผู้คนอยู่ทุกหนทุกแห่งในระยะสายตาของพวกเขา บ้างก็กำลังขี่สมบัติวิเศษ นั่งรถม้าสมบัติหรือขี่สัตว์อสูรอยู่ และพวกเขาต่างเปล่งแสงหลากสีสันออกมาในระหว่างที่พวกเขาเดินเบียดเสียดไปมาจนไหล่กระทบกัน
แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเงียบสงบเป็นอย่างมาก ไม่มีใครส่งเสียงรบกวนหรือพูดคุยใด ๆ และทุกคนล้วนเข้าแถวอย่างเชื่อฟังเพื่อเข้าไปในประตูเมืองอย่างเป็นระเบียบ
เหตุผลนั้นเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เนื่องจากที่หน้าประตูทางเข้าเมืองที่สูงตระหง่านและมีขนาดมหึมาซึ่งมีความสูงถึงสองลี้จะมียอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีเฝ้าอยู่ แม้ว่าเขานั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ที่ด้านข้างประตูทางเข้าเมือง แต่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่ปล่อยออกมา ก็เหมือนกับมหาสมุทรที่คอยยับยั้งผู้คน ทำให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
“นี่เป็นเพียงประตูทางเข้าเมืองทางทิศใต้เท่านั้น ว่ากันว่านครหลวงธารสายไหมมีประตูทางเข้าอยู่สิบหกทางและหากมียอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีคอยประจำการอยู่ นั่นย่อมหมายความว่าจะมียอดฝีมือเซียนปฐพีอยู่สิบหกคนมิใช่หรือ? ทรัพยากรที่ซ่อนอยู่และทุนสำรองของนครหลวงธารสายไหมนั้นน่ากลัวยิ่งนัก!” เฉินซีอุทานด้วยความชื่นชม ในขณะที่เขามองไปยังยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีที่ดูธรรมดาอย่างมาก และเขาก็ได้เข้าใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของราชวงศ์ซ่งอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในนครหลวงธารสายไหมแล้ว กลิ่นอายของเมืองก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง มันมีชีวิตชีวาและครึกครื้นไปด้วยกระแสรถเกวียนและรถม้าที่คับคั่ง อีกทั้งยังมีเสียงจอกแจกจอแจของผู้คนและร้านค้ามากมายก็เป็นดั่งต้นไม้ในป่าใหญ่ ซึ่งถูกตั้งเรียงรายอยู่ตามท้องถนนที่สะอาดและกว้างขวางเหมือนจัตุรัส ทำให้มันให้ความรู้สึกที่เจริญรุ่งเรืองซึ่งไม่เหมือนที่ใดจะมีได้
“นครหลวงธารสายไหม! ข้ามาแล้ว!”
“ข้าต้องทำให้โลกประหลาดใจด้วยความสามารถที่ยอดเยี่ยมและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าในระหว่างการชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้!”
“ในที่สุด ข้าก็แทบรอคอยการชุมนุมดาวรุ่งที่จัดขึ้นทุก ๆ หนึ่งร้อยปีไม่ได้ ข้าต้องสยบเหล่ายอดฝีมือที่โดดเด่นและให้ทุกคนในโลกรู้จักชื่อของข้า”
หนุ่มสาวเลือดร้อนแรงบางคนที่เพิ่งมาถึงนครหลวงธารสายไหมกำลังเดือดพล่าน และพวกเขาก็ปรารถนาที่จะมีชื่อเสียงในระหว่างการชุมนุมดาวรุ่ง
กลุ่มของเฉินซีได้ยินเสียงพูดคุยทำนองนี้มามากกว่าหนึ่งครั้งบนเส้นทางตลอดสาย และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็หัวเราะเบา ๆ เนื่องจากพวกเขาเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศของการแข่งขันในอากาศโดยรอบ
“มียอดฝีมือรุ่นเยาว์มากมายและการบ่มเพาะของพวกเขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก” อวิ๋นน่าอุทานด้วยความชื่นชม
“ผู้คนจากทั่วสารทิศเร่งรีบมาที่นี่เป็นพิเศษก็เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่ง ลองคิดดูสิ เมื่ออัจฉริยะจำนวนมากมารวมตัวกันในเมืองเดียว พวกเขาย่อมมีจำนวนมหาศาลจนน่าตกตะลึง” เหยียนเยียนอธิบาย “ยิ่งไปกว่านั้น การชุมนุมดาวรุ่งจะจัดขึ้นทุก ๆ หนึ่งร้อยปี และมันทำให้โลกต้องสั่นสะเทือนทุกครั้ง กองกำลังชั้นนำจากพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วราชวงศ์ซ่งจะพาอัจฉริยะของพวกเขามาเข้าร่วมที่นี่ด้วย”
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นครหลวงธารสายไหมมีความคึกคักมากขึ้นและจำนวนผู้บ่มเพาะก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นมันจึงดูเหมือนจะเฟื่องฟูและมั่งคั่งมาก
คนหนุ่มสาวที่เข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่งสามารถพบเห็นได้ในทุก ๆ สิบคน ในบรรดาคนหนุ่มสาวทุก ๆ สิบคนล้วนเป็นอัจฉริยะ และในบรรดาอัจฉริยะทุก ๆ สิบคนต่างก็เป็นสุดยอดอัจฉริยะที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้อื่นได้
หากจะบอกว่าอัจฉริยะมีจำนวนมากมายพอ ๆ กับสุนัข และยอดฝีมือมีอยู่ทุกหนทุกแห่งก็คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเท่าไรนัก
“ไปกันเถอะ โชคดีที่ท่านหญิงจัดที่พักให้แก่พวกเราแล้ว มิฉะนั้น ข้าเกรงว่าเราจะหาโรงเตี๊ยมไม่ได้” ย่าชิงยิ้ม
มีอาคารขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนป่าทรงกลม มีต้นไม้โบราณสูงตระหง่านไปถึงท้องฟ้า ต้นไม้และดอกไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ภูเขาจำลองและลำธารที่ไหลริน อีกทั้งยังมีซุ้มไม้เลื้อยที่ริมทะเลสาบ มันครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอย่างมาก และมีเพียงบุคคลเยี่ยงท่านหญิงสุ่ยฮวาเท่านั้นที่จะสามารถมีที่อยู่อาศัยเช่นนี้ในนครหลวงธารสายไหมได้
แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่กลุ่มของเฉินซีเท่านั้นที่อยู่ที่นี่
ไม่นานหลังจากที่กลุ่มของเฉินซีเข้ามาในอาคารอันกว้างใหญ่นี้ รถม้าสมบัติที่หรูหราก็แล่นออกจากลานบ้านโดยมีประตูบานเดียวอยู่ที่ด้านข้าง และมันถูกลากโดยสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวสองสามตัว มีองค์รักษ์ที่ดูดุร้ายและหนักแน่นมากมายคอยเฝ้าติดตามอยู่ที่ข้างหน้าและข้างหลัง
ผ้าม่านของรถม้าสมบัติทำจากหินหยกที่ร้อยเข้าด้วยกัน และเป็นการยากที่จะปกปิดทิวทัศน์ภายในรถม้า ภายในนั้นมีหญิงสาวนั่งอยู่คนเดียว นางสวมชุดคลุมปักลายสีเหลืองสด ผมสีดำเกล้าสูงเหนือศีรษะ นัยน์ตารูปทรงหยดน้ำ ผิวขาวและแวววาว งดงามตามธรรมชาติ และทั้งร่างของนางก็เปล่งกลิ่นอายอันน่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง
“เอ๊ะ! พี่ใหญ่ย่าชิง” หญิงสาวเหลือบมองไปโดยไม่ได้ตั้งใจและอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นย่าชิง ขณะที่นางกล่าว นางก็เดินลงจากรถม้าสมบัติเพื่อไปหาเฉินซีและคนอื่น ๆ
“องค์หญิง!” ย่าชิงตกตะลึงเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของหญิงสาวอย่างชัดเจน จากนั้นนางก็รีบโค้งคำนับ
“องค์หญิง?”
เฉินซี อวิ๋นน่า เหยียนเยียน และหวังเจิ้นเฟิงต่างก็ตกตะลึงขณะที่พวกเขามองไปที่หญิงสาวซึ่งสวมเสื้อคลุมสีเหลืองสดใส พวกเขาไม่กล้าเชื่อเลยสักนิดว่าพวกเขาเพิ่งเข้ามาในนครหลวงธารสายไหม แต่กลับได้พบกับใครบางคนจากราชวงศ์ และคนคนนั้นก็คือองค์หญิง!
“ข้าพูดไปกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกข้าว่าองค์หญิง เรียกข้าด้วยชื่อของข้าก็พอ” เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวผู้นี้มีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้พบกับย่าชิง ริมฝีปากสีแดงสดของนางโค้งขึ้นเล็กน้อยขณะที่กล่าวด้วยรอยยิ้มซึ่งแฝงไปด้วยความรู้สึกขี้เล่นและน่ารัก
“เอาล่ะ การเรียกเจ้าว่าองค์หญิงก็ทำให้ข้ารู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนกัน” ย่าชิงยิ้มและดูคุ้นเคยกับหญิงสาวคนนี้มาก จากนั้นนางก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่หรือ?”
หญิงสาวยิ้มกว้างและกล่าวออกไปว่า “แน่นอนว่าข้ามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่ง พระราชวังธารสายไหมนั้นน่าเบื่อเกินไป และข้าไม่ชอบที่นั่นเลย ข้าจึงขอร้องให้ท่านอาพาข้ามาที่นี่”
ย่าชิงหัวเราะออกมา “สำหรับข้าแล้ว ดูเหมือนว่าการอยู่ที่นี่จะสะดวกสำหรับเจ้าที่จะออกไปเล่นสนุกนอกบ้าน”
หญิงสาวแลบลิ้นออกมาแล้วหัวเราะเบา ๆ “ข้ารู้ว่าข้าคงไม่สามารถซ่อนมันจากพี่ใหญ่ย่าชิงได้ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้บอกท่าน อ้อ ข้าได้ยินมาว่าชิงซิ่วอี้อยู่ที่นครหลวงธารสายไหมแล้ว และข้าต้องการไปดูว่าผู้หญิงคนนี้น่าเกรงขามแค่ไหน”
“อย่าทำตัวบุ่มบ่าม มิฉะนั้นท่านอาของเจ้าอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกตำหนิจากพระบิดาของเจ้า” ย่าชิงตกตะลึงและรีบแนะนำนางเมื่อเห็นหญิงสาวต้องการไปหาชิงซิ่วอี้จริง ๆ
“ท่านไม่ต้องกังวล การชุมนุมดาวรุ่งกำลังจะเริ่มขึ้น ถ้าข้าสู้กับนางตอนนี้ มันคงไม่น่าพอใจแม้ว่าเราจะทำอย่างนั้นก็ตาม” ขณะที่นางกล่าว หญิงสาวก็กลับไปนั่งในรถม้าสมบัติและโบกมือให้ย่าชิงก่อนจะจากไป ส่วนเฉินซีกับคนอื่น ๆ นางไม่สนใจพวกเขาเลยสักนิด ราวกับพวกเขาเป็นอากาศธาตุมาตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่นานหลังจากที่หญิงสาวจากไป หวังเจิ้นเฟิงดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้และร้องออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “นั่น นั่น… นั่นคงไม่ใช่องค์หญิงคนเล็กที่จักรพรรดิฉู่หวงมากที่สุด หวงฝู่ฉิงอิงใช่หรือไม่?”
เฉินซีคาดเดาถึงเรื่องนี้ได้บ้างเช่นกัน แต่เขายังไม่กล้ายืนยันความคิดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินว่าชิงซิ่วอี้มาถึงนครหลวงธารสายไหมก่อนแล้ว ความรู้สึกที่ซับซ้อนก็ผุดขึ้นมาในใจ แต่เขาก็ระงับมันเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เหยียนเยียนและอวิ๋นน่าต่างก็สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของหญิงสาวคนก่อนหน้านี้อย่างมากเช่นกัน ก่อนที่สายตาของพวกนางจะมองไปที่ย่าชิง
“แม้ว่าจักรพรรดิฉู่องค์ปัจจุบันจะมีลูกหลานมากมาย แต่เขาก็มีบุตรสาวเพียงคนเดียว ดังนั้นนางจะเป็นใครได้อีก ด้วยตัวตนของนางเช่นนี้จึงมีสิทธิ์ที่จะอาศัยอยู่ในพระราชวังธารสายไหม” ย่าชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เป็นนางจริง ๆ!” หวังเจิ้นเฟิงตบต้นขาของเขาและชมเชย “สตรีที่มีฐานะเช่นนางเท่านั้นที่จะทัดเทียมชิงซิ่วอี้และเจิ้นหลิวชิงได้”
เฉินซีนึกถึงสิ่งที่จักรพรรดิฉู่องค์ปัจจุบันเคยกล่าวในทันที
‘ในบรรดาหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์ในโลกนี้ หากพูดถึงสตรีที่ไม่ธรรมดาแล้ว มีสามคนที่ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษเลย คนแรกคือชิงซิ่วอี้จากนิกายกระเรียนพิสุทธิ์ คนที่สองคือหวงฝู่ฉิงอิงลูกสาวของข้า และคนที่สามคือเจิ้นหลิวชิงจากหอวารีหมอก’
เห็นได้ชัดว่าในสายตาของจักรพรรดิฉู่ สตรีทั้งสามนางนี้โดดเด่นที่สุดในบรรดาผู้บ่มเพาะสตรีรุ่นเยาว์ของราชวงศ์ซ่ง!