บทที่ 416 ตำแหน่งสูงสุด
บทที่ 416 ตำแหน่งสูงสุด
การต่อสู้ระหว่างเฉินซีและชิงซิ่วอี้ครั้งนี้ สามารถนิยามได้เพียงว่าตื่นเต้นจนหายใจไม่ออกเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของชิงซิ่วอี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก แต่การแสดงของเฉินซีกลับเกินความคาดหมายของพวกเขายิ่งกว่า
ตั้งแต่อึดใจแรกที่เฉินซีปรากฏตัวเข้ามาอยู่ในขอบเขตสายตาของพวกเขา สิ่งที่ไม่น่าเชื่อหลายอย่างก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แบกฟ่านอวิ๋นหลานไว้นหลัง ทนรับแรงกดดันสองเท่าเพียงลำพัง และไต่ขึ้นไปยอดเขาทะยานสวรรค์ ต้านทานการโจมตีชิวเซี่ยวเฟิงที่จู่โจมเข้ามา ขับไล่อีกฝ่ายออกไป และชิงป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้ไปถึงสองอัน
เพื่อช่วยฟ่านอวิ๋นหลาน เขาถึงกับเมินเฉยต่อบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้ และสังหารสิ้นทั้งหวงฝู่ฉงหมิงและยอดฝีมืออีกหกคนด้วยความโกรธเกรี้ยว
เขาได้รับพลังอิทธิฤทธิ์ชั้นยอด เนตรเทวะแห่งความจริง จากแท่นบูชาเต๋าแห่งการต่อสู้ สร้างความตกใจอันล้นหลามให้ทุกคน
เขากลายเป็นผู้โดดเด่นของการต่อสู้รอบแล้วรอบเล่า ผ่านบททดสอบดั่งม้ามืดที่ไม่มีใครต้านทานได้ และติดอันดับหนึ่งในสามอันดับแรก
ในตอนนี้ เขาใช้การโจมตีที่สร้างแรงสะเทือนปฐพี ตัดผ่าสังเวียนปีศาจสังหารเอาชนะชิงซิ่วอี้ และคว้าอันดับหนึ่งของการชุมนุมดาวรุ่งไปครอง การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นยอดฝีมือที่ที่ได้รับการยอมรับในหมู่คนรุ่นใหม่ของราชวงศ์ซ่ง!
หากจะกล่าวว่าการชุมนุมดาวรุ่งในปีนี้เต็มไปด้วยเมฆลมพายุ ผู้เยี่ยมยุทธ์มากมายมารวมตัวกันดุจต้นไม้ในป่า เฉินซีก็นับได้ว่าอยู่เหนือยิ่งกว่าผู้ใด เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา ผู้ถือครองตำแหน่งสูงสุด!
…
“เขาชนะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เขาชนะแล้ว เขาชนะแล้ว!”
“เฉินซีได้ครองอันดับหนึ่งในการชุมนุมดาวรุ่ง!”
ผ่านไปครู่ใหญ่ หลังจากได้เห็นการถือกำเนิดของอันดับหนึ่งในการชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้ เสียงโห่ร้องที่ตื่นเต้นอย่างมากก็ระเบิดขึ้นทั่วนครหลวงธารสายไหม ทุกคนที่มาร่วมงานต่างรู้สึกพึงพอใจอย่างมากและอุทานด้วยความชื่นชมไม่รู้จบ
นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปอีกร้อยปี และมีการชุมนุมรอบใหม่เกิดขึ้น คงไม่มีครั้งใดสามารถเอาชนะความยิ่งใหญ่ของวันนี้ไปได้ เนื่องจากผู้ที่ถูกเรียกว่าเซียนสวรรค์กลับชาติมาเกิดในราชวงศ์ซ่งนี้มีเพียงชิงซิ่วอี้ และคงมีเพียงเฉินซีคนเดียวที่ฝีมือกระบี่จนสามารถทำให้ทุกคนสั่นคลอนกับการฟาดกระบี่เพียงครั้งเดียวได้
“อันดับหนึ่ง พี่ใหญ่เฉินซีได้อันดับที่หนึ่ง!” มู่เหวินเฟย ตื่นเต้นจนหน้าแดง และเขาลุกเต้นอย่างมีความสุขราวกับคนบ้า
ย่าชิงและหญิงสาว ๆ คนอื่นเองก็เผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข ดวงตาของพวกนางทอประกายสดใส
นักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยนถึงกับถอนหายใจด้วยอารมณ์ “ยามที่ข้าได้พบกับเฉินซีครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน เขายังอยู่ที่ขอบเขตตำหนักอินทนิลเพียงเท่านั้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเพียงไม่กี่ปีต่อมา เขาจะสามารถคว้าที่หนึ่งในการชุมนุมดาวรุ่งเช่นนี้ มันช่างน่าทึ่งจริง ๆ”
“อันดับหนึ่ง!” หางตาของเจิ้นหลิวชิงเปียกชื้น ถ้าเป็นไปได้ นางไม่ต้องการเห็นเฉินซีไปเสี่ยงชีวิตเช่นนั้น เพราะในขณะที่ทุกคนเห็นเพียงความรุ่งโรจน์ในยามนี้ของเขา นางก็จำได้เพียงร่างที่ไม่ยอมแพ้บนเวทีที่โชกเลือดและยอมตายดีกว่าทิ้งความเสียใจไว้เบื้องหลัง
“ผู้ชายแบบนี้ จะผู้หญิงคนไหนยังเกลียดชังลงได้อีกกัน?” ฟ่านอวิ๋นหลานยืนอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าหลงใหล ภายในจิตใจของนางล้วนเต็มไปด้วยร่างของเฉินซี
“ท่านลุงน่าทึ่งมาก อันดับหนึ่ง อันดับหนึ่ง!” เฉินอวี่ตัวน้อยรู้สึกตื่นเต้นจนใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาแดงก่ำ เขาก็ไม่ได้สังเกตเลยว่า ตอนนี้เฟยเหลิ่งชุ่ยแม่ของเขากำลังร้องไห้ด้วยความดีใจเช่นกัน
“พี่ฮ่าว ดูสิ พี่ชายของท่านได้รับอันดับหนึ่งของการชุมนุมครั้งนี้และกลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ในบรรดารุ่นเยาว์ของทั่วทั้งราชวงศ์ซ่งแล้ว… ” น้ำตาของเฟยเหลิ่งชุ่ยไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ จู่ ๆ นางก็คิดถึงสามีของตนมาก นางปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าเฉินฮ่าวจะอยู่ที่นี่ เพื่อแบ่งปันเกียรติยศและความภาคภูมิใจที่เป็นของทั้งตระกูลเฉินนี้ด้วยกันกับนาง
…
พระราชวังธารสายไหม
จักรพรรดิซ่งผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์กลางที่ตกแต่งไว้ด้วยมังกรเก้าตัว กำลังมองลงมาที่เบื้องล่าง
เฉินซี ชิงซิ่วอี้ และจ้าวชิงเหอยืนเคียงข้างกันอยู่ที่นั้น หลังจากการแข่งขันรอบสุดท้าย อาการบาดเจ็บของเฉินซีกับชิงซิ่วอี้ได้รับการรักษาด้วยมือองค์จักรพรรดิเอง แต่หากการจะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างเต็มที่นั้น ก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกสองสามเดือน
ท้ายที่สุดการต่อสู้รอบสุดท้ายระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้น ก็เรียกได้ว่ารุนแรงถึงขั้นเป็นตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิงซิ่วอี้อาการบาดเจ็บของนางนั้นหนักเกินไป และถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาด้วยความสามารถอันทรงพลังของจักรพรรดิซ่ง แต่เขาก็สามารถได้เพียงช่วยนางจากการบาดเจ็บถาวร เหลือการบาดเจ็บเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ส่วนหวงฝู่ฉางเทียน เจิ้นหลิวชิง หลิงอวี๋ อวี๋เซวียนเฉินและคนอื่น ๆ นั้นอยู่ถัดไปทางด้านหลังของทั้งสาม ณ จุดนี้สิบอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งได้รวมตัวกันครบแล้ว
“ท่านแม่ทัพใหญ่” จักรพรรดิซ่งกล่าวอย่างสงบ “พาพวกเขาทั้งสามไปที่คลังเก็บสมบัติราชวงศ์ เพื่อเลือกกระบวนยุทธ์หรือพลังอิทธิฤทธิ์อย่างใดอย่างหนึ่ง”
“ขอรับ” แม่ทัพใหญ่ขานตอบรับ
“ไปเสีย เมื่อพวกเจ้ากลับมา ข้าจะเปิดสระมังกรแปลงให้ 10 อันดับแรกได้ชำระล้างรากฐานแห่งเต๋า!” จักรพรรดิซ่งกล่าวพลางสะบัดมือขึ้น
ยามนี้เฉินซีไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเลือกกระบวนยุทธ์หรือพลังอิทธิฤทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น หากเป็นเวลาปกติ เขาจะต้องดีใจและตื่นเต้นมากเป็นแน่ แต่เนื่องจากการเดิมพันกับชิงซิ่วอี้ จิตใจของเขาจึงเต็มไปด้วยภาพของลูกชายของเขาเฉินอัน และมีเพียงความคิดเดียวที่อยู่ในใจของเขาตอนนี้
‘อันเอ๋อร์รู้หรือไม่ว่าข้า ผู้เป็นบิดาของเขามีตัวตนอยู่? หากเขาเจอข้า… เขาจะยินดีมากใช่หรือไม่?’
ในขณะที่ความคิดของเฉินซีล่องลอยไปเช่นนี้ เขากับชิงซิ่วอี้และจ้าวชิงเหอก็ได้เดินตามแม่ทัพใหญ่ ออกจากพระราชวังธารสายไหมและมุ่งหน้าไปยังคลังเก็บสมบัติราชวงศ์
เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีของโลก ทุกคนในห้องโถงต่างก็มองดูทั้งสามจากไปด้วยความอิจฉา
คลังสมบัติราชวงศ์ เป็นห้องเก็บสมบัติชั้นหนึ่งในราชวงศ์ซ่งที่รวบรวมสมบัติหายากและตำรามากมายนับไม่ถ้วนเอาไว้ภายในที่กว้างขวาง ราวกับมหาสมุทรดวงดาวที่หนาแน่น แม้กระทั่งกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่หาได้ยากอย่างมากในโลกภายนอก ยังมีอยู่ที่นี่ถึงหลายร้อยเล่ม นับเป็นจำนวนที่น่าอัศจรรย์
ต้องทราบก่อนว่าแม้แต่ในนิกายที่ยิ่งใหญ่และโบราณเหล่านั้น ก็ครอบครองกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าขั้นสมบูรณ์กับพลังอิทธิฤทธิ์อยู่เพียงหยิบมือเท่านั้น และคุณภาพของพวกมันก็เทียบไม่ได้กับของในคลังสมบัติราชวงศ์เลย
ว่ากันว่ากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าขั้นสมบูรณ์และบรรดาพลังอิทธิฤทธิ์ในคลังสมบัติราชวงศ์แห่งนี้นั้น ยอดเยี่ยมมากพอให้กลายเป็นมรดกตกทอดระดับสูงที่ใช้เพื่อส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่นของตระกูลหรือนิกายใหญ่ได้เลยทีเดียว!
แล้วจะไม่ให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีของโลกเหล่านี้ไม่อิจฉาได้อย่างไร?
“ท่านพ่อ การโจมตีที่เฉินซีใช้เอาชนะชิงซิ่วอี้ก่อนหน้านี้คือสิ่งใดหรือเจ้าคะ?” หวงฝู่ฉิงอิงถามขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง ด้วยเสียงที่สดใสและไพเราะของนาง ย่อมมีเพียงนางที่เป็นลูกสาวคนเล็กขององค์จักรพรรดิซ่ง เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่กล้าตั้งคำถามกับฝ่าบาทเช่นนี้
เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ ความสนใจของทุกคนในห้องโถงถูกดึงดูดไปโดยทันที ใช่แล้ว การโจมตีด้วยกระบี่ครั้งสุดท้ายของเฉินซีนั้นได้ฉีกแนวป้องกันของสังเวียนปีศาจสังหาร และทำให้ชิงซิ่วอี้ต้องพ่ายแพ้นั้น มันทั้งทรงพลังและน่ากลัวอย่างยิ่ง
จักรพรรดิซ่งยกยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เหลือบมองที่มหาเสนาบดีแล้วพูดขึ้น “ท่านมหาเสนาบดี ตอบนางทีสิ”
มหาเสนาบดีรู้ว่าพระองค์กำลังทดสอบความสามารถในการวิเคราะห์ของเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นหลังจากไตร่ตรองดูอย่างถี่ถ้วน “จากที่กระหม่อมสังเกตเห็น กระบี่สุดท้ายของเฉินซีนั้น ได้รวมเจตจำนงของเต๋าทั้งหมดสิบสี่ประเภท และองค์ประกอบของธาตุทั้งห้า สายฟ้า สายลม ดารา นภา จิตสังหาร หยินแล้วก็หยาง ส่วนเจตจำนงเต๋าอีกสองประเภทนั้น ข้าสามารถยืนยันได้ว่าเป็นเจตจำนงมหาเต๋า ทว่าข้าไม่ทราบว่ามันเป็นเต๋าประเภทไหน”
“ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่าเฉินซีจะรวมเจตจำนง ร่างกาย และจิตวิญญาณของเขา เข้าไว้กับในการโจมตีครั้งนี้ ทำให้มันดูราวกับคนและกระบี่เป็นหนึ่งเดียวกัน ซี่งก้าวข้ามเกินขอบเขตของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบไปแล้ว ดังนั้นด้วยเหตุเหล่านี้ มันก็เหมาะสมแล้วที่มันจะทรงพลังเช่นนี้”
เสียงของมหาเสนาบดีดังก้องกังวานไปทั้งห้องโถง ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทุกคน หวงฝู่ฉิงอิงและศิษย์ทั้งหกตกตะลึง
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น แค่เพียงเจตจำนงเต๋าทั้งสิบสี่ที่อยู่ในการโจมตีก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจมากแล้ว แต่นี้มันไม่ใช่เพียงแค่เต๋ารอง แต่เป็นมหาเต๋าสิบสี่อัน!
การถือครองเจตจำนงของมหาเต๋าถึงสิบสี่อย่าง ด้วยวัยและการบ่มเพาะเพียงแค่ขอบเขตแกนทองคำ เรื่องนี้ย่อมทำให้คนนับไม่ถ้วนต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน
แม้แต่ในบรรดาคนผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีผู้บ่มเพาะมาสองสามพันปีที่อยู่ที่นี่ในยามนี้ ก็ยังมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าใจมหาเต๋าถึงสิบสี่อย่างหรือมากกว่านั้น
มันจึงไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าทุกคนจะตกใจมากเพียงใด เมื่อได้ยินมหาเสนาบดีชี้ให้เห็นถึงจำนวนเต๋าที่เฉินซีครอบครองอยู่
“เขาครอบครองมหาเต๋ามากมายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? เขาใช้วิธีใดฝึกฝนเต๋ากัน?” หวงฝู่ฉิงอิงอดไม่ได้ที่จะถาม ความปรารถนาที่จะเอาชนะของนางนั้นแข็งแกร่งมาก แม้ว่าเฉินซีจะได้รับที่หนึ่งในการชุมนุมดาวรุ่ง นางก็ไม่เต็มใจที่จะเห็นอีกฝ่ายเหนือกว่าตนในทุก ๆ ด้านเช่นนี้
“เจตจำนงเต๋าของเด็กผู้นี้บรรลุถึงระดับหกขอบเขตเริ่มต้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเจตจำนงเต๋าส่วนใหญ่ของเขาก็กำลังจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตขั้นสูง”
คนที่ตอบคำถามของนางไม่ใช่มหาเสนาบดี แต่เป็นองค์จักรพรรดิซ่งเอง ในขณะที่เขาลืมตาขึ้น ดวงตาทั้งคู่ของพระองค์ปรากฏร่องรอยของความชื่นชมและประหลาดใจอยู่เล็กน้อย ขณะที่เขาพูดต่ออย่างช้า ๆ “จนถึงวันนี้ เด็กคนนี้เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์รอบด้านที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะพอเทียบเขาได้ เขามีพรสวรรค์มากพอที่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะอันดับต้น ๆ ท่ามกลางมหาอำนาจต่าง ๆ ของแดนภวังค์ทมิฬทีเดียว”
พรสวรรค์รอบด้าน?
ทุกคนตกตะลึงและหลังจากที่ได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าเฉินซีนับเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์รอบด้านอย่างแท้จริง
ในด้านการบ่มเพาะพลังปราณ กระบี่เต๋าของเขานั้นไม่มีใครเทียบได้ ถึงระดับที่เอาชนะชิงซิ่วอี้และได้รับอันดับหนึ่งจาการชุมนุม
ในด้านขัดเกลาร่างกาย เขาเชี่ยวชาญพลังอิทธิฤทธิ์ระดับสูงมากมาย จ้าวชิงเหอผู้เคยแข็งแกร่งที่สุดในแง่นี้ได้ถูกเขาโค่นล้มมาแล้ว
ในด้านการบ่มเพาะจิตวิญญาณ เขาถึงกับสามารถทำลายจิตวิญญาณของซูเฉินแตกเป็นเสี่ยง ๆ จนอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสและเป็นลมไปในทันทีได้เลยด้วยซ้ำ
แม้แต่ในด้านของการฝึกฝนเจตจำนงเต๋า ท่ามกลางศิษย์นับหมื่นคนที่เข้าร่วมในการชุมนุมดาวรุ่งนี้ ไม่มีใครที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้เลย
การจะเรียกสหายผู้ที่มีพรสวรรค์รอบด้านคนนี้ว่า สัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครเทียบได้ก็ไม่ได้กล่าวเกินไปเลยสักนิด!
บรรยากาศในพระราชวังธารสายไหมเงียบสนิท เนื่องจากคนส่วนใหญ่กำลังตกใจจนพูดไม่ออก กับทุกสิ่งที่เฉินซีมีอยู่ในครอบครอง
มีเพียงหวงฝู่จิ่งเทียน นักพรตเต๋าหลงเหอ โม่หลานไห่ ประมุขหลิวเสี่ยว ชงซวี่ผู้ไร้ขอบเขตและจ้าวจื๋อเหม่ยเท่านั้น ที่ตกอยู่ในภวังค์และดูราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไป
พวกเขาทั้งหมดเข้าใจดียิ่งว่า หากเด็กน้อยเฉินซีผู้นี้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่แล้ว อีกฝ่ายอาจจะนำปัญหาใหญ่หลวงมาสู่และอำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาได้ แต่แม้กระทั่งสถานการณ์ปัจจุบันพวกเขายังไม่กล้าที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง แล้วนับประสาอะไรกับความตั้งใจที่จะแก้แค้นเฉินซีอีกครั้ง
เหตุผลนั้นง่ายมาก เฉินซีในยามนี้กับเฉินซีในกาลก่อนนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ และจักรพรรดิซ่งย่อมไม่ยอมให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นเป็นแน่แท้
“สิ่งที่ท่านมหาเสนาบดีกล่าวมานั้นล้วนแล้วไม่ผิด ทั้งหมดที่ข้าอยากจะบอกพวกเจ้าทุกคนคือ ระดับการฝึกฝนเต๋าแห่งกระบี่ของเด็กคนนี้ ได้ไปถึงแนวทางใจหลอมรวมกระบี่แล้ว ตราบใดที่เขายังคงฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง ในภายภาคหน้าเขาย่อมจะกลายเป็นมือกระบี่ที่ไม่มีใครเทียบได้! การมีอัจฉริยะเช่นนี้ถือเป็นโชคดีของราชวงศ์ซ่งของข้าจริง ๆ”
จักรพรรดิซ่งกวาดไปทั่วฝูงชน สายฟ้าทอประกายขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หมุนเวียนอยู่ในดวงตาของเขา พร้อมกับรัศมีที่ไม่อนุญาตให้ใครต่อต้านได้ ขณะที่พระองค์กล่าวต่อด้วยเสียงกดต่ำ “ดังนั้น ข้าไม่อนุญาตให้เกิดเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้นกับเขา ภายในดินแดนของข้าทั้งนั้น”
เมื่อพวกเขาได้ยินความตั้งใจที่จะปกป้องเฉินซีของจักรพรรดิซ่งด้วยสองหูของพวกเขาเอง การแสดงออกของหวงฝู่จิ่งเทียนและคนอื่น ๆ ก็หน้าซีดและละอายใจขึ้นมาในทันที วามรู้สึกสำนึกผิดที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็พรั่งพรูขึ้นในใจของพวกเขา
ถ้าเป็นไปได้ พวกเขาคงไม่เลือกเป็นศัตรูกับเฉินซีแต่แรก ดีกว่าเผชิญหน้ากับสถานการณ์น่าวิตกที่พวกเขาเป็นอยู่ตอนนี้ น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันสายและช้าเกินไปที่จะเสียใจแล้ว
ในขณะเดียวกัน เฉินซี ชิงซิ่วอี้และจ้าวชิงเหอที่ได้เดินตามหลังของแม่ทัพใหญ่ออกมา ก็ได้ผ่านชั้นแล้วชั้นเล่าของค่ายกลขนาดใหญ่ที่ปล่อยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา และเข้าไปในคลังสมบัติราชวงศ์ได้อย่างปลอดภัยแล้ว