บทที่ 419 ภาพแก่นวิญญาณ!
บทที่ 419 ภาพแก่นวิญญาณ!
ขอบเขตจุติเป็นขอบเขตที่เหมือนกับการเกิดใหม่ตามชื่อของมัน
เหตุผลที่เหล่ายอดฝีมือขอบเขตจุตินั้นทรงพลังก็เพราะพวกเขามีกงล้อสังสารวัฏ ตราบเท่าที่กงล้อสังสารวัฏของพวกเขายังคงสภาพเดิม แก่นวิญญาณของพวกเขาก็จะคงสภาพเดิมเช่นกัน และมันก็ไม่ต่างอะไรกับการได้เกิดใหม่
แม้ว่ากงล้อสังสารวัฏจะทรงพลัง แต่การควบแน่นมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด มันไม่เพียงแต่ต้องรวบรวมพลังหยินและหยางของฟ้าดินให้เพียงพอเท่านั้น แต่คุณภาพของพลังดาราจักรก็มีผลต่อการควบแน่นกงล้อสังสารวัฏให้สำเร็จเช่นกัน
ในโลกแห่งการบ่มเพาะ พลังดาราจักรของหยินและหยางได้ถูกแบ่งออกเป็นระดับมนุษย์ ระดับปฐพี และระดับสวรรค์
ซึ่งทุก ๆ ระดับจะถูกแบ่งออกเป็นขั้นต่ำ ขั้นกลาง และขั้นสูง ทำให้พวกมันถูกเรียกว่า พลังดาราจักรทั้งสามระดับและเก้าขั้น
ตัวอย่างเช่น พลังดาราจักรวิญญาณหลอมละลาย และพลังดาราจักรวิญญาณเยือกแข็งซึ่งอยู่ในระดับมนุษย์ขั้นต่ำที่สุด
พลังดาราจักรที่สามารถบรรลุระดับปฐพีนั้นถือได้ว่าล้ำค่าและหาได้ยาก ตัวอย่างเช่น เกือบทั้งหมดของยอดฝีมือขอบเขตจุติในโลกแห่งการบ่มเพาะล้วนควบแน่นกงล้อสังสารวัฏของพวกเขาด้วยพลังดาราจักรระดับปฐพี
ส่วนพลังดาราจักรที่สามารถบรรลุระดับสวรรค์นั้นถือได้ว่าล้ำค่าอย่างไม่ธรรมดา พลังดาราจักรเช่นนี้สามารถพบเห็นได้ในสถานที่ที่สุดแสนจะอันตรายบางแห่งเท่านั้น และการจะพานพบกับมันได้ก็ขึ้นอยู่กับโชคเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ผู้ที่สามารถควบแน่นกงล้อสังสารวัฏด้วยพลังดาราจักรระดับสวรรค์จะมีเพียงหนึ่งในล้าน และหาได้ยากพอ ๆ กับขนวิหคอมตะและเขากิเลน
อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรนั้นแข็งแกร่งอย่างสุดขั้ว เพราะมันกักเก็บพลังดาราจักรของหยินและหยางจำนวนมหาศาลอยู่ภายใน ตราบใดที่มันดูดซับแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรและถูกขัดเกลาไปมากเท่าไหร่ คุณภาพของกงล้อสังสารวัฏก็จะยิ่งยอดเยี่ยมมากขึ้นเท่านั้น หากสามารถควบแน่นและครอบครองมันได้ก็จะส่งผลประโยชน์ต่อการบ่มเพาะในภายภาคหน้า สิ่งที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในคุณสมบัติพิเศษมากมายของแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกร
ด้วยเหตุนี้นักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยนจึงรู้สึกหวั่นไหว แม้ว่าตอนนี้เขาจะบ่มเพาะจนบรรลุขอบเขตสถิตกายาแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้งที่เขาได้บรรลุไปสู่ขอบเขตจุติเมื่อหลายปีก่อน เขาได้ดูดซับพลังดาราจักรระดับปฐพี และคุณสมบัติของมันก็ยังห่างชั้นที่จะเทียบกับแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกร
…
ภายใต้ท้องฟ้าเหนือสระมังกรแปลง
จักรพรรดิซ่งยืนเอามือไพล่หลัง ในขณะที่เสื้อผ้าของเขาปลิวไสวไปตามสายลม และดูเหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิดในขณะมองไปที่เฉินซีและคนอื่น ๆ ซึ่งกำลังนั่งไขว่ห้างและบ่มเพาะอยู่ในสระมังกรแปลง จากนั้นเขาจึงกล่าวว่า “เสวียนซวิ่น ในบรรดาผู้บ่มเพาะเหล่านี้ เจ้าคิดว่าผู้ใดจะยืนหยัดได้นานที่สุด?”
ชู่ว!
จู่ ๆ ร่างของวิญญาณสมบัติเสวียนซวิ่นก็หดตัวลง กลายเป็นชายชราที่สวมมงกุฎสูงและเสื้อผ้าโบราณ จากนั้นเขาก็ลอยมาอยู่ด้านข้างจักรพรรดิซ่งและกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “จำเป็นต้องคาดเดาด้วยหรือ? เพียงแค่ยึดตามอันดับทั้งสิบของพวกเขาในการชุมนุมดาวรุ่งก็พอแล้ว”
และมันก็เป็นไปตามนั้น เนื่องจากการต่อสู้ของยอดฝีมือสิบอันดับแรกในการชุมนุมดาวรุ่งได้แสดงความแข็งแกร่งของเฉินซี ชิงซิ่วอี้ จ้าวชิงเหอ และคนอื่น ๆ ออกมาอย่างเต็มที่ ดังนั้นการตัดสินความสามารถของพวกเขาโดยยึดจากสิบอันดับแรกจึงถือได้ว่าสมเหตุสมผลและตรงตามตรรกะได้อย่างสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิซ่งกลับส่ายศีรษะและกล่าวว่า “อัจฉริยะบางคนอาจระเบิดศักยภาพ หลังจากที่ได้สะสมประสบการณ์มาอย่างเข้มข้น ทำให้ไม่อาจตัดสินโดยยึดความแข็งแกร่งในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น เจ้าอ้วนน้อยหลิงอวี๋มีพรสวรรค์ที่ธรรมดามากเมื่ออาจารย์ของเขารับเขาเป็นศิษย์ แต่ในเวลาต่อมา เขากลับแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นดั่งอัจฉริยะจำพวกที่ยิ่งบ่มเพาะก็จะยิ่งแสดงผลลัพธ์อันน่าตื่นตาออกมา ถ้าหากให้เวลาเขาบ่มเพาะอีกสักหลายสิบปี ผู้ที่จะแพ้ในการชุมนุมดาวรุ่งก็คงจะเป็นจ้าวชิงเหอ”
“แล้วฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไร?” เสวียนซวิ่นถาม
จักรพรรดิซ่งยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่สิ่งที่ข้าแน่ใจได้ นั่นคือในหมู่เฉินซี ชิงซิ่วอี้ เจิ้นหลิวชิง และจ้าวชิงเหอ หนึ่งในนั้นจะสามารถทำลายสถิติในอดีต และสร้างปาฏิหาริย์ครั้งใหม่ได้อย่างแน่นอน”
เสวียนซวิ่นตกตะลึง จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “เมื่อหกพันห้าร้อยสามสิบสองปีที่แล้ว ข้าจำได้ว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อหว่านเจิ้นอี้ เขาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นซึ่งสามารถยืนหยัดอยู่ในสระมังกรแปลงได้ถึงห้าวัน และไม่เคยมีใครสามารถทำลายสถิตินี้ได้”
“ใช่แล้ว หว่านเจิ้นอี้เป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจอย่างแท้จริง เป็นอัจฉริยะที่มีบุคลิกแข็งกร้าว สูงส่งและไม่ธรรมดา เมื่อห้าพันปีที่แล้ว เขาได้กลายเป็นบรรพบุรุษขอบเขตเซียนปฐพีของนิกายที่ยิ่งใหญ่ในแดนภวังค์ทมิฬ ตอนนี้เขาอาจขึ้นไปสู่มิติเซียนและกลายเป็นเซียนสวรรค์ไปแล้ว” จักรพรรดิซ่งถอนหายใจ
“แล้วฝ่าบาทคิดว่าจะมีใครที่สามารถทำลายสถิติที่เขาสร้างไว้ได้หรือ?” เสวียนซวิ่นถามกลับ
“ผู้มีความสามารถโดดเด่นจะปรากฏอยู่ทุกยุคสมัย สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็ยังคงเกิดขึ้นในที่สุด” จักรพรรดิซ่งดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ เขาจึงนิ่งเงียบไปนาน ก่อนจะกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ไม่ต้องพูดถึงการทำลายสถิติ ภพทั้งสามนั้นสงบสุขมานานเกินไปแล้ว…”
…
ปัง!
ทันทีที่เฉินซีนั่งไขว่ห้างอยู่ในสระมังกรแปลง เขาก็รู้สึกว่าร่างของตนทรุดลงทันที ในขณะที่แรงกดดันมหาศาลได้พวยพุ่งออกมาราวกับภูเขาขนาดมหึมาที่กดทับทั่วทั้งร่างกายของเขาอย่างรุนแรง
ช่างเป็นแรงกดดันที่น่าสะพรึงยิ่งนัก!
หัวใจของเฉินซีเย็นเฉียบ สีหน้าของเขากลายเป็นจริงจังมากขึ้น ชายหนุ่มสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรทุกหยดมีน้ำหนักไม่น้อยกว่าสองพันห้าร้อยจิน อีกทั้งยังปล่อยกลิ่นอายมังกรโบราณอันหนาทึบออกมา เมื่อเขานั่งไขว่ห้างเพื่อบ่มเพาะพลังอยู่ภายในนั้น แม้เขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งและทรงพลัง ทว่าเขาก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดและอึดอัดเป็นอย่างมาก
เขารีบโคจรเคล็ดวิชาบ่มเพาะของตน ทำให้ปราณแท้ในร่างกายหลั่งไหลออกมา สร้างเป็นเปลือกที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ภายใน ทำให้แรงกดดันลดลงไปได้มาก
“แก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรนี้เป็นสมบัติที่ไม่ธรรมดาของสวรรค์และโลก ซึ่งมันพบเจอได้ด้วยโชคชะตาเท่านั้น เมื่อข้าบรรลุไปสู่ขอบเขตจุติในภายภาคหน้า ข้าไม่ต้องกังวลถึงการตามหาพลังดาราจักรของหยินและหยางอีกต่อไป…” เฉินซีถอนหายใจสั้น ๆ จากนั้นเขาก็ไม่ลังเลที่จะโคจรเคล็ดวิชามิติทมิฬเลยสักนิด ทำให้เกิดแรงดึงดูดออกมาจากร่างกายของเขา
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ทันทีที่เขาโคจรเคล็ดวิชาบ่มเพาะ แก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรที่อยู่รอบตัวเขาซึ่งอาบย้อมไปด้วยแสงสีทองก็เริ่มเดือดอย่างฉับพลัน จากนั้นจึงพุ่งเข้าหาร่างของเฉินซีอย่างบ้าคลั่ง ภาพที่ปรากฏนั้นเป็นดั่งฝูงฉลามที่ได้กลิ่นเลือด เฉินซีไม่ต้องการจะเสียพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์ ทำให้แก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรที่รุนแรงและพลุ่งพล่านได้พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ฟ่อ!
ทันทีที่แก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา ใบหน้าของเฉินซีก็พลันกระตุกอย่างรุนแรง จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นสายน้ำเชี่ยวสีทองจำนวนมากที่ร้อนอย่างสุดขั้ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังแฝงไปด้วยพลังอันแหลมคมและรุนแรง ทุกที่ที่พวกมันผ่านไปไม่ว่าจะเป็นเส้นลมปราณ จุดชีพจร อวัยวะภายใน แม้แต่เลือดเนื้อและกระดูกในร่างกายของเขาก็กลายเป็นสีแดงจาง ๆ ราวกับว่าชายหนุ่มอยู่ในเตาอบที่เต็มไปด้วยหินหลอมเหลว
“ช่างเป็นพลังที่รุนแรงยิ่งนัก แต่การพึ่งพาพลังเหล่านี้ไม่อาจส่งผลดีเลิศให้ข้าได้…” เฉินซีกัดฟันแน่น จิตใจของเขาว่างเปล่า สติของเขาในเวลานี้ราวกับกระบี่ที่ตัดขาดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดออกไป หลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หลับตาลง
ทันใดนั้น สีหน้าของชายหนุ่มก็สงบลงอีกครั้ง เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดในร่างกายอีกต่อไป
วิธีการบ่มเพาะนี้เหมือนกับการตัดด้ายแห่งความรักด้วยดาบแห่งปัญญา และเป็นเคล็ดวิชาที่จะละทิ้งประสาทสัมผัสทั้งหก ซึ่งตรงกับคำกล่าวที่ว่า ‘แม้ลมแห่งอารมณ์ทั้งแปดจะโหมกระหน่ำใส่ตัวข้าจากรอบทิศ แต่จิตใจของข้าจะไม่หวั่นไหว’ เมื่อจิตวิญญาณแข็งแกร่งเพียงพอ ก็จะสามารถทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้อย่างง่ายดาย
เมื่อความเจ็บปวดของเขาหายไป เฉินซีก็สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาได้อย่างสงบ แก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะสามารถขัดเกลาและเพิ่มคุณภาพของปราณแท้ แต่ยังสามารถแทรกซึมเข้าไปในเลือดเนื้อของเขา เพื่อหลอมรวมเข้ากับปราณจ้าววิญญาณในร่าง ทำให้คุณภาพของปราณจ้าววิญญาณได้รับการขัดเกลาเช่นกัน
แม้กระทั่งอวัยวะภายใน เส้นลมปราณ และจุดชีพจรทั่วร่างกายของเขาก็ยังได้รับการหล่อเลี้ยงและเสริมความแข็งแกร่งด้วยแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรเช่นกัน! ความรู้สึกเช่นนี้ราวกับว่าทั้งร่างกายได้ถูกหลอมรวมอยู่ภายในแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกร และการใช้มันเพื่อบ่มเพาะก็เป็นดั่งวิหคอมตะที่เกิดใหม่ในเปลวเพลิง มันเป็นการเปลี่ยนแปลงคล้ายกับการเกิดใหม่อย่างแท้จริง!
เมื่อชายหนุ่มสัมผัสถึงผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ที่แทบจะเหมือนกับการได้เกิดใหม่ มันก็มีเพียงความคิดเดียวที่ยังคงอยู่ในใจของเฉินซี นั่นคือ ‘ทุ่มออกไปให้เต็มที่ ใช้มันให้คุ้มค่า และอย่าให้เสียแม้แต่หยดเดียว!’
ท้ายที่สุด การพานพบกับโชคที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เป็นสิ่งที่จะปรากฏในหลายพันปีเท่านั้น และมันกำลังเกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้ หากสามารถเก็บเกี่ยวได้ไม่มาก เขาคงถูกคนอื่นเย้ยหยันจนวันตาย
เมื่อเวลาผ่านไป เฉินซียังคงหมกมุ่นอยู่กับการบ่มเพาะของตน จิตใจของเขาปราศจากความคิดฟุ้งซ่าน ทำให้ตัวคนดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ล่วงเลยไปสามวัน
ภายในสามวันนี้ เฉินซีและคนอื่น ๆ ได้นั่งบ่มเพาะอย่างสงบอยู่ในสระมังกรแปลง แต่ที่ด้านนอกของสระมังกรแปลงกลับคึกคักมากขึ้น อีกทั้งยังไม่ดูจืดชืดและน่าเบื่อแต่อย่างใด
“ผ่านมาสามวันแล้ว แต่พวกเขาทั้งสิบคนยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ ช่างเป็นปาฏิหาริย์ยิ่งนัก”
“ปาฏิหาริย์หรือ? ข้าคิดว่าสิบอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่มีศักยภาพมหาศาล และพวกเขาก็ทรงพลังยิ่งกว่าเหล่ายอดฝีมือจากการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งก่อน ดังนั้นการที่พวกเขาสามารถยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้จึงสมเหตุสมผล”
“หากยังคงดำเนินไปตามนี้ บางทีใครบางคนในหมู่พวกเขาอาจจะสามารถทำลายสถิติและสร้างสถิติใหม่ที่ไม่ธรรมดาได้จริง ๆ!”
ภายในนครหลวงธารสายไหม ผู้บ่มเพาะทั้งหมดได้มารวมตัวกันอยู่บริเวณรอบ ๆ สระมังกรแปลง จากนั้นพวกเขาก็จ้องมองไปยังสระมังกรแปลงอย่างตาไม่กะพริบ แม้ว่าพวกเขาจะเฝ้าดูอย่างขมขื่นมาสามวันแล้ว แต่สีหน้าของพวกเขาไม่ได้แสดงถึงความเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้พวกเขายังดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมและกำลังตั้งหน้าตั้งตารอผลลัพธ์ด้วยใจที่จดจ่อ
ปัง!
ในขณะที่ผู้คนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็ดังมาจากภายในสระมังกรแปลง จากนั้นภาพขนาดมหึมาก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและเปล่งแสงสีทองจาง ๆ ออกมา
“ภาพแก่นวิญญาณ! ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังจะทะลวงไปสู่ขอบเขตจุติแล้ว!” เมื่อพวกเขาเห็นปรากฏการณ์นี้ เสียงโห่ร้องก็ดังไปทั่วนครหลวงธารสายไหมทันที