บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 420 ทำลายสถิติ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 420 ทำลายสถิติ

บทที่ 420 ทำลายสถิติ

แก่นวิญญาณเป็นสิ่งสำคัญของยอดฝีมือขอบเขตจุติ

แก่นวิญญาณก่อตัวขึ้นจากพลังแก่นแท้ของวิญญาณ และมันอาศัยอยู่ในร่างกายในขณะที่หลอมรวมกับร่างกายและวิญญาณ แต่มันก็แตกต่างจากวิญญาณ หลังจากที่ผู้บ่มเพาะได้ควบแน่นกงล้อสังสารวัฏแล้ว แก่นวิญญาณจะหลอมรวมเป็นกงล้อสังสารวัฏ และตราบใดที่แก่นวิญญาณยังคงอยู่ แม้ว่าร่างกายจะถูกทำลาย แต่ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้โดยการยึดร่างของคนอื่น

ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับการได้เกิดใหม่

นอกจากนี้ การปรากฏตัวขึ้นของภาพแก่นวิญญาณเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าผู้บ่มเพาะมีคุณสมบัติในการควบแน่นกงล้อสังสารวัฏและก้าวเข้าสู่ขอบเขตจุติ ตราบใดที่ผู้บ่มเพาะเต็มใจ ผู้บ่มเพาะสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตได้ตลอดเวลา!

“นั่นคือนายน้อยคนที่สี่ของตระกูลโจวของนครหลวงธารสายไหม” ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าภาพแก่นวิญญาณที่ลอยขึ้นไปในอากาศนั้นถูกนายน้อยโจวคนที่สี่ปล่อยออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

“การปรากฏตัวของภาพแก่นวิญญาณ แสดงให้เห็นว่าศักยภาพในขอบเขตแกนทองคำหยินหยางได้รับการกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ แต่น่าเสียดาย การบ่มเพาะในสระมังกรแปลงครั้งนี้ เขาเป็นคนแรกในบรรดาคนทั้งสิบที่ไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป ทำให้การบ่มเพาะของเขาหยุดอยู่เพียงแค่นี้ และไม่สามารถดูดซับแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรได้อีก” ใครบางคนกำลังส่ายศีรษะและถอนหายใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ชู่ว!

ภาพแก่นวิญญาณได้อันตรธานหายไปจากกลางอากาศ จากนั้นร่างหนึ่งก็ทะยานออกมาจากภายในสระมังกรแปลง และนั่นคือนายน้อยโจวคนที่สี่อย่างแน่นอน เขาชำเลืองมองไปที่เฉินซีและคนอื่น ๆ ที่ยังคงบ่มเพาะอย่างต่อเนื่อง และรอยยิ้มอันขมขื่นก็ปรากฏอยู่ที่ริมฝีปากของเขา “คนเหล่านี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก”

อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนใจกว้าง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกเศร้าใจเพราะเหตุนี้ หลังจากที่ส่ายศีรษะแล้ว สีหน้าของเขาก็กลับมาสงบนิ่ง หลังจากนั้นเขาก็คำนับจักรพรรดิซ่งซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งก่อนที่จะถอนตัวออกไปอย่างเงียบ ๆ

หากกล่าวด้วยความสัตย์จริงแล้ว การที่สามารถยืนหยัดอยู่ในสระมังกรแปลงได้ถึงสามวันนั้นก็เป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับเขามากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสัมผัสได้ว่าแม้ระยะเวลาในการบ่มเพาะของตนจะไม่นาน แต่มันก็มีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของเขาในอนาคตอย่างมหาศาล และนี่ก็เพียงพอแล้ว

เวลาล่วงเลยไปอีกหนึ่งวัน

ภายใต้การจ้องมองอย่างแน่วแน่ของเหล่าผู้บ่มเพาะทุกคนในนครหลวงธารสายไหม นี่ก็ถือได้ว่าเป็นวันที่สี่เข้าไปแล้วนับตั้งแต่ที่สระมังกรแปลงได้เปิดขึ้น

ในวันนี้ ภาพแก่นวิญญาณจำนวนมากได้ลอยขึ้นจากภายในสระมังกรแปลง

หวงฝู่ฉิงอิง อวี๋เซวียนเฉิน หลิงอวี๋ หวงฝู่ฉางเทียน และคนอื่น ๆ ก็ตื่นขึ้น หลังจากพวกเขาบ่มเพาะสำเร็จ สิ่งนี้ทำให้บรรยากาศในนครหลวงธารสายไหมพลุ่งพล่าน ในขณะที่เสียงอุทานและการพูดคุยยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งวัน ซึ่งมันก็ส่งเสียงอึกทึกคึกโครมเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อจวนจะถึงวันที่ห้า นครหลวงธารสายไหมก็ปั่นป่วนอีกครั้ง

เพราะจนถึงตอนนี้ เฉินซี ชิงซิ่วอี้ จ้าวชิงเหอ และเจิ้นหลิวชิง พวกเขายังคงยืนหยัดและบ่มเพาะอยู่ภายในสระมังกรแปลง!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากพวกเขาสามารถยืนหยัดจนถึงวันที่ห้า พวกเขาจะสามารถเทียบได้กับหว่านเจิ้นอี้ ซึ่งเป็นเจ้าของสถิติสูงสุดเมื่อหลายพันที่แล้ว!

“โอ้สวรรค์ ถ้าพวกเขาทั้งสี่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ถึงวันที่ห้า เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนเทียบเคียงกับสถิติสูงสุดในอดีตไม่ใช่หรือ?”

“การชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้เต็มไปด้วยผู้มีความสามารถล้ำเลิศจริง ๆ แต่สิ่งที่ข้าตั้งตารอมากที่สุดก็คือ ถ้ามันยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ บางทีอาจมีใครสักคนที่สามารถทำลายสถิติในอดีตได้!”

“คนผู้นั้นจะเป็นใครกันแน่?”

ทุกคนจ้องมองไปที่สระมังกรแปลงโดยไม่กะพริบตา เพราะพวกเขาเกรงที่จะพลาดรายละเอียดใด ๆ

เวลาล่วงเลยเข้าวันที่ห้า

รุ่งอรุณได้สาดแสงยามเช้าอันเจิดจ้าปกคลุมไปทั่วนครหลวงธารสายไหม

เฉินซีและอีกสามคนสามารถยืนหยัดจนถึงวันที่ห้า และการบ่มเพาะของพวกเขาได้เทียบเคียงกับหว่านเจิ้นอี้ ผู้เป็นเจ้าของสถิติสูงสุดในอดีต ทำให้ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

“ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งนัก ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั้งสี่คนนี้ล้วนมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ ” เสวียนซวิ่นถอนหายใจด้วยความชื่นชม ในขณะที่เขานึกถึงการคาดการณ์ของจักรพรรดิซ่งจากก่อนหน้านี้

จักรพรรดิซ่งเพียงยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า “ราชวงศ์ซ่งของข้าได้ยืนหยัดอยู่บนแผ่นดินนี้มาเป็นเวลาหลายแสนปี แต่ถ้าพูดถึงการปรากฏตัวของอัจฉริยะที่มากที่สุดในราชวงศ์ซ่งของข้า นั่นก็คือที่นี่ในวันนี้!”

เสวียนซวิ่นยิ้มและกล่าวว่า “คนที่มีความทะเยอทะยานมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาวิกฤต ขณะที่ผู้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นมักเกิดขึ้นในยุคที่เฟื่องฟู เป็นเพราะความช่วยเหลือของฝ่าบาท ทำให้ผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์ของเราประสบความสำเร็จได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดิซ่งก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเขาสั่นสะท้านไปทั้งฟ้าดิน เผยให้รูปลักษณ์กล้าหาญอันไม่มีที่สิ้นสุด ในฐานะผู้ปกครองดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ เห็นได้ชัดว่าเขามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่สามารถครอบครองอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ไม่มีใครเทียบได้อยู่มากมาย

ปัง

เมื่อวันที่ห้าใกล้จะผ่านพ้นไป จ้าวชิงเหอที่บ่มเพาะอยู่ในสระมังกรแปลงพลันลืมตาขึ้น ในขณะที่ภาพแก่นวิญญาณลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว และการที่จะฝืนอยู่นั้นก็แทบเป็นไปไม่ได้

ในขณะนี้ อีกไม่ถึงสองชั่วยามก็จะเข้าสู่วันที่หก

หลังจากที่พวกเขาเห็นฉากนี้ พวกเขาทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี่ล้วนถอนหายใจด้วยความเสียดายและอดไม่ได้ที่จะวิตกกังวล เนื่องจากพวกเขาล้วนคาดหวังว่าจะมีใครบ้างในสามคนที่เหลือที่จะสามารถยืนหยัดไปจนจบและทำลายสถิติสูงสุดในอดีต

ความมืดมิดก่อนรุ่งสางนั้นยาวนานเสมอ ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่เฉินซีและคนอื่น ๆ ซึ่งยังคงบ่มเพาะอยู่ในสระมังกรแปลง ทุกคนรู้สึกถึงความคาดหวัง ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเวลานั้นเดินช้าลง หนึ่งวันนั้นดูยาวนานราวกับหนึ่งปี ทำให้พวกเขากระวนกระวายและทรมานเป็นอย่างยิ่ง

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

คลื่นเสียงเคาะระฆังยามเช้าอันไพเราะดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลก มันประกาศการมาถึงของวันใหม่และได้ทำลายบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล บีบคั้น และเงียบงันในนครหลวงธารสายไหมไปอย่างสิ้นเชิง

“เข้าสู่วันที่หกแล้ว ในที่สุดสถิติก็ถูกทำลาย!”

“อีกทั้งยังเป็นพวกเขาทั้งสาม!”

“ปาฏิหาริย์… ปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่! นี่เป็นปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง! ตลอดชีวิตของข้านั้นคุ้มค่าแล้ว เพราะข้าสามารถเห็นฉากนี้ด้วยสองตาของข้าเอง!”

ทั่วทั้งนครหลวงธารสายไหมได้ระเบิดคลื่นเสียงแห่งความยินดี มันสั่นสะเทือนไปทั้งสวรรค์และโลกา

ขณะนี้ทุกคนต่างโห่ร้องและตื่นเต้นจนไม่สามารถหักห้ามใจได้ แม้แต่จักรพรรดิซ่งผู้ยิ่งใหญ่ก็เผยรอยยิ้มสง่า ดวงตาของเขาส่องประกายไปด้วยความงามที่ไม่ธรรมดา และเขาได้ครุ่นคิดอยู่ในใจว่า ‘ราชวงศ์ซ่งของข้ามีเด็กที่พิเศษเช่นนี้อยู่ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในทั้งสามภพ แต่เปลวไฟของมันก็จะส่งต่อไปตลอดกาล!’

วันที่หก ชิงซิ่วอี้และเจิ้นหลิวชิงได้ตื่นจากการบ่มเพาะ

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องอุทานด้วยความประหลาดใจก็คือ หญิงสาวสองคนดูเหมือนจะเข้าใจกันและกัน อีกทั้งพวกนางยังได้สติจากการบ่มเพาะในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อรวมกับเต๋ารู้แจ้งแห่งแสงสว่างและเต๋ารู้แจ้งแห่งความมืดที่พวกนางได้บ่มเพาะ ทำให้พวกนางเป็นดั่งดาวคู่แฝด ยิ่งไปกว่านั้น โชคชะตาที่แปลกประหลาดและประสงค์ของสวรรค์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอนหายใจออกมา

แต่หลังจากนั้น สายตาของผู้คนก็จับจ้องไปยังร่างสุดท้าย

เฉินซีคือผู้ที่ได้อันดับหนึ่งของการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งนี้ เขาได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาด้วยข้อเท็จจริงที่หนักแน่น

ตอนนี้เขาสามารถยืนหยัดอยู่ในสระมังกรแปลงจนถึงวันที่หก และได้ทำลายสถิติสูงสุดของหญิงสาวทั้งสองคนก่อนหน้านี้ ทำให้เขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาและไม่มีใครเทียบได้!

“เขาจะยืนหยัดไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?”

ครั้นเวลาผ่านพ้นไปทีละนิด หัวใจของทุกคนก็บีบรัดแน่นขึ้นทีละน้อย

อีกเพียงหนึ่งชั่วยามก็จะเข้าสู่วันที่เจ็ด จู่ ๆ เฉินซีก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเขาซีดเซียวและร่างกายก็ถึงกับสั่นเทา ชายหนุ่มเกือบจะตายตกเพราะแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรที่พุ่งพล่าน!

เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขามาถึงจุดวิกฤตแล้วหลังจากที่บ่มเพาะอยู่ในสระมังกรแปลงมาหลายวัน และยังถูกกดดันด้วยพลังที่ไร้ขอบเขต

แต่ดูเหมือนเฉินซีจะไม่ยอมแพ้ เขายังคงยืนหยัด ใบหน้าอันหล่อเหลาและสง่างามถูกปกคลุมด้วยความมุ่งมั่นอันแน่วแน่

เจตจำนงที่ไม่ย่อท้อของเขานั้นราวกับเหล็กกล้าที่ถูกทุบตีนับร้อยครั้ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว

“เขาได้ทำลายสถิติสูงสุดในอดีตไปแล้ว และกลายเป็นคนเดียวที่ยังยืนหยัดจนถึงที่สุด เหตุใดเขาถึงทรมานตัวเองเช่นนี้?”

“ผิดแล้ว เขาไม่ได้ทรมานตัวเอง แต่เขาพยายามเอาชนะขีดจำกัดตัวเองต่างหาก!”

“หากเป็นเช่นนั้น เขาจะไม่ทำอะไรเกินตัวไปหน่อยหรือ?”

“ใช่แล้ว! สำหรับเฉินซีในตอนนี้ การเอาชนะคนรุ่นเดียวกันนั้นไม่ได้มีความท้าทายเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาต้องการทำในตอนนี้คือ การก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองและเปลี่ยนตัวเองใหม่!”

ในขณะที่พวกเขามองไปยังร่างสูงโปร่งที่ยังคงยืนหยัดอย่างแน่วแน่ ความนับถือเล็ก ๆ ก็เกิดขึ้นในใจของทุกคนอย่างช่วยไม่ได้ บางทีมีเพียงคนประเภทนี้ที่โหดเหี้ยมต่อตัวเองมากกว่าศัตรูเท่านั้น จึงจะสามารถบรรลุความรุ่งโรจน์สูงสุดในปัจจุบัน และสร้างตำนานอันเป็นนิรันดร์ของเขาเองได้

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท