บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 481 ปราสาทวิญญาณสายฟ้า

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 481 ปราสาทวิญญาณสายฟ้า

บทที่ 481 ปราสาทวิญญาณสายฟ้า

หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้าส่งเสียงดังก้องและมีพายุโหมกระหน่ำ สายฟ้าเจิดจ้าที่หนาแน่นเหมือนกับเลือดได้ส่องประกายไปทั่วทั้งฟ้าดิน ทำให้พื้นที่ในระยะหนึ่งหมื่นลี้สว่างไสวจนกลายเป็นแสงสีแดงเลือด

ครืนน!

เสียงฟ้าร้องได้สั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า รอยแยกมหึมาซึ่งทอดยาวหลายสิบลี้ถูกฉีกออกในท้องฟ้าสีแดงเลือด จากนั้นสายฟ้าสีแดงที่ไร้ขอบเขตก็รวมตัวกันและกลายเป็นปราสาทวิญญาณสายฟ้าที่ส่องแสงเจิดจ้า!

ปราสาทวิญญาณสายฟ้านั้นเหมือนจริงและแทบถูกควบแน่นเป็นวัตถุขึ้นมา มีวิญญาณสายฟ้าที่มีหัวเป็นนกและร่างกายของมนุษย์บินไปมาอยู่ภายในนั้นมากมาย พวกมันมีปีกสายฟ้าคู่หนึ่ง บางตัวก็ถือค้อนสายฟ้า กลองสายฟ้า เคียวสายฟ้า และอาวุธสายฟ้าอื่น ๆ พวกมันต่างโห่ร้องใส่กันและกัน จากนั้นจึงฟาดฟันด้วยสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนส่งพลังน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งให้แพร่กระจายออก ทำให้ทั้งฟ้าดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“สายฟ้าลงทัณฑ์ระลอกที่สาม… ปราสาทวิญญาณสายฟ้า!”

เมื่อผู้คนที่อยู่ในระยะไกลเห็นภาพนี้ หัวใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง และก็ต้องตกตะลึงเนื่องจากร่างกายของพวกเขาเริ่มสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม

ตามตำนานเล่าขาน มีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ไร้เทียมทานและยากจะพบเจอในช่วงหนึ่งหมื่นชั่วอายุคนเท่านั้น จึงจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ของทัณฑ์สวรรค์อย่างปราสาทวิญญาณสายฟ้าได้!

สิ่งนี้มักจะแสดงให้เห็นว่าผู้บ่มเพาะที่สามารถพิชิตทัณฑ์สวรรค์ได้นั้น มีพลังแฝงที่ไร้ขอบเขตและความแข็งแกร่งที่ท้าทายสวรรค์ ในขณะที่ผู้ท้าทายสวรรค์จะต้องทนทุกข์ทรมานจากความอิจฉาของสวรรค์ และนั่นคือสาเหตุที่ทัณฑ์สวรรค์ดังกล่าวจุติลงมาเพื่อทำลายล้างผู้บ่มเพาะคนนั้น!

“ปราสาทวิญญาณสายฟ้าหรือ?” ความรู้สึกกดดันที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนได้ปรากฏขึ้นในใจของเฉินซีอย่างกะทันหัน

ครืน!

เสียงระเบิดเล็ก ๆ ดังขึ้นภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา เนื่องจากพลังชีวิตภายในร่างกายได้สัมผัสถึงแรงกดดันนี้และทำให้ปราณแท้ของเขาเริ่มโคจรอย่างบ้าคลั่งโดยปราศจากการควบคุม

ในเวลาเดียวกัน ปราณวิญญาณของฟ้าดินในระยะพันลี้ก็พุ่งเข้าหาเฉินซีอย่างต่อเนื่อง และเขาเป็นเหมือนหลุมดำที่กลืนกินปราณวิญญาณอย่างต่อเนื่อง จากนั้นจึงหลอมปราณวิญญาณอันน่าเกรงขามให้กลายเป็นปราณแท้ที่เติมเต็มความว่างเปล่าในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา

“ไม่ได้การแล้ว! ความเร็วในการหลอมปราณวิญญาณของข้าช้าเกินไป!”

เมื่อเห็นปราสาทวิญญาณสายฟ้ากำลังจะจุติลงมา เฉินซีจึงรีบหยิบโอสถเหลวหยกนภาหลายพันเม็ดออกมา จากนั้นปราณแท้ของเขาก็เขย่ามัน ทำให้โอสถวิญญาณทั้งหมดแตกเป็นเสี่ยง ๆ โดยถูกเผาไหม้พร้อมกัน ก่อนที่พวกมันจะกลายเป็นปราณวิญญาณที่มีอยู่มากมาย ซึ่งได้รับการขัดเกลาและถูกเขาดูดซับเข้าร่างกายทันที

ทันใดนั้น เฉินซีรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างเหลือล้น เนื่องจากปราณแท้จำนวนมหาศาลได้ถาโถมไปทั่วทั้งร่างกายราวกับคลื่นยักษ์ในมหาสมุทร และนำพาความแข็งแกร่งมาให้ จึงทำให้เขารู้สึกสบายใจมากขึ้น

ครืนนน!

สายฟ้าที่มีความหนาราวกับถังน้ำพุ่งลงมาด้วยความเร็วที่ไม่อาจจินตนาการได้ มันพุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินซีโดยตรงและหนักหน่วงก่อนที่เขาจะหลบมันทัน ผิวหนังบนร่างกายของชายหนุ่มจึงถูกกระแทกจนแหลกละเอียด ก่อนจะกลายเป็นสีดำสนิทและถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชน ทำให้ปรากฏรอยแผลเป็นที่น่าสยดสยองไปทั่วร่างกายของเขามากมาย

ในชั่วพริบตาเดียวกันนั้น วิญญาณแห่งสายฟ้าก็เปล่งประกายออกมาในขณะที่ถืออาวุธเอาไว้ในมือ จากนั้นมันก็ตวัดกระบี่ออกไปในแนวโค้งและฟันไปทางเฉินซี

กระบวนท่ากระบี่นี้ แท้จริงแล้วมีความลึกล้ำอันไร้ขอบเขตราวกับว่ามันถูกใช้โดยผู้บ่มเพาะกระบี่ที่ไร้เทียมทาน มันได้แสดงเจตจำนงที่คุกคามและฆ่าฟันออกมา ซึ่งจะไม่หยุดจนกว่าจะทำลายเฉินซีได้

“กระบี่เจิ้นแห่งสายฟ้าหรือ? ไม่สิ เคล็ดกระบี่นี้มีจิตสังหารที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และมันแสดงความหมายที่แท้จริงของการทำลายล้างได้อย่างสมบูรณ์แบบ!” ดวงตาของเฉินซีหรี่ลงพร้อมกับโคจรร่างเซียนจุติไปด้วย ทุก ๆ ส่วนที่ปราณจ้าววิญญาณของเขาผ่านไป ร่ายกายที่แตกหักและถูกเผาไหม้จะกลับคืนสู่สภาพเดิมทันที อีกทั้งยังส่องประกายแวววาวราวกับเป็นผลึกที่โปร่งแสงออกมา

ในเวลาเดียวกัน ยันต์ศัสตราของเขาก็พุ่งผ่านท้องฟ้าและฟันเข้าใส่สายฟ้าที่ถูกซัดออกมาจากกระบี่หนักในมือของวิญญาณสายฟ้าโดยตรง ทำให้มันกลายเป็นเสี้ยวหนึ่งของเจตจำนงเต๋าแห่งสวรรค์ จากนั้นก็พุ่งเข้าสู่ทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา และถูกขัดเกลาด้วยปราณวิญญาณ ทำให้วิญญาณของเขายิ่งควบแน่นและละเอียดยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งทำให้เฉินซีต้องประหลาดใจก็คือเมื่อเขาดูดซับเจตจำนงเต๋าแห่งสวรรค์ในครั้งนี้ กลับมีร่องรอยของความลึกล้ำที่เป็นแก่นแท้ของสายฟ้า และทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับสายฟ้าของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากในทันที!

“ที่แท้มันก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าปราสาทวิญญาณสายฟ้าจะพบได้ยากและน่าสะพรึงกลัว แต่มันก็มีข้อดีที่คนธรรมดาไม่สามารถได้รับเช่นกัน เช่น ถ้าข้าสามารถดูดซับแก่นแท้ของสายฟ้านี้ได้อย่างต่อเนื่อง มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเข้าใจเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าอย่างฉับพลัน” ดวงตาของเฉินซีส่องประกาย เมื่อสังเกตเห็นคุณค่าที่แท้จริงที่อยู่ภายในระลอกที่สามของสายฟ้าลงทัณฑ์

หลังจากที่เขาเพิ่งฟันวิญญาณสายฟ้าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จู่ ๆ วิญญาณสายฟ้าแถวหนึ่ง ซึ่งถือหอกสายฟ้าอยู่ในมือก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง กลายเป็นเงาภาพหอกที่ทับซ้อนกันและเผยให้เห็นพลังทำลายที่ท่วมท้น

เฉินซีกวาดสายตามองเพียงแวบเดียว ก็รู้ว่าหอกในมือของวิญญาณสายฟ้าแต่ละตัว ล้วนใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังแฝงไปด้วยธาตุทั้งห้าอันลึกล้ำ ได้แก่โลหะ พฤกษา อัคคี วารี และปฐพี การโคจรของธาตุทั้งห้าทำให้เกิดพลังบดขยี้อันน่าสะพรึงกลัวและหมุนวนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ภายในสายฟ้าที่หนาแน่น มันเหมือนกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าที่เขาใช้ผ่านฝ่ามือมหาดารา แต่มีความบริสุทธิ์ยิ่งกว่าและมีพลังทำลายที่เหนือกว่าเป็นอย่างมาก!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

หอกสายฟ้าฉีกผ่านอากาศและแทงเข้าที่ร่างของเฉินซีโดยตรง ทุกครั้งที่มันระเบิด ร่างกายของเขาก็ไหม้เกรียมเป็นสีดำ เลือดเนื้อก็จะสาดกระเซ็นไปทั่ว

ทั้งร่างของเขาถูกแรงระเบิดจนกระแทกลงกับพื้นดินและแตกออกเป็นเหวลึก ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่ในระยะหนึ่งร้อยลี้ไม่สามารถทนต่อแรงระเบิดของสายฟ้าได้ ทำให้มันทรุดลงไปลึกกว่าสองลี้ ในขณะที่ภูเขานับไม่ถ้วนถูกระเบิดจนแยกออกจากกัน และสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนถูกฟ้าผ่าจนกลายเป็นเถ้าถ่าน พลังทำลายของมันก็น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด

“ตายแล้วหรือ?”

“ฮ่า ๆ พลังของปราสาทวิญญาณสายฟ้านี้ ไม่ใช่สิ่งที่มันจะต่อกรได้!”

ผู้คนที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ในระยะไกลต่างรู้สึกว่าจิตวิญญาณของพวกตนสดชื่น พวกเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่การจ้องมอง ราวกับว่ากำลังยืนยันว่าเฉินซีได้ถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและถูกกำจัดหายไปหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้…

ฟิ้ว!

มีร่างหนึ่งทะยานออกมาจากรอยแตกบนพื้นดิน ในขณะที่ยันต์ศัสตราพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับสายรุ้งที่พุ่งผ่านพระอาทิตย์ ซึ่งได้ปล่อยปราณกระบี่อันเจิดจรัสจำนวนมหาศาลที่ไขว้กันไปมา จากนั้นจึงทำลายล้างแถวของวิญญาณสายฟ้าโดยตรง

ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เพิ่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคนพลันแข็งทื่อทันทีเมื่อเห็นฉากนี้ จากนั้นมันก็แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ดูไม่อยากเชื่อราวกับว่าพวกเขาได้พบเห็นภูตผี และพวกเขาก็รู้สึกงุนงงสับสน “ที่แท้มันก็ยังไม่ตาย! นี่มันไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ?”

“อย่าได้กังวล ปราสาทวิญญาณสายฟ้ายังไม่ได้เปิดฉากโจมตีครั้งสุดท้าย และมันคงอยู่ได้ไม่นานอย่างแน่นอน” ทุกคนต่างปลอบใจตัวเองเช่นนี้ แต่สีหน้าของพวกเขากลับไม่น่าดูมากขึ้นเรื่อย ๆ

เนื่องจากในช่วงเวลาต่อมา พวกเขาต่างสังเกตเห็นว่า เฉินซีนั้นกลับกล้าหาญมากขึ้นเมื่อเขาต่อสู้มากขึ้น ด้วยกระบี่ในมือ ทำให้ไม่มีใครหยุดยั้งอีกฝ่ายได้ และชายหนุ่มได้สังหารวิญญาณสายฟ้าทั้งหมดที่บินออกมาจากปราสาทวิญญาณสายฟ้า!

ท่าทางที่กล้าหาญและดุร้ายของเขา ทำให้ใบหน้าของทุกคนโดยรอบเปลี่ยนไปมาอย่างไม่รู้จบ และหัวใจของพวกเขาก็ค่อย ๆ จมลงสู่ก้นบึ้งพร้อมกับสิ่งนี้

“เจ้าเด็กคนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก อีกทั้งยังมีพลังแฝงที่อาจเติบโตเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้ ถ้าพวกเราไม่สามารถฆ่ามันได้ในวันนี้ แล้วใครจะหยุดมันได้ในอนาคต?”

หือ!

หลังจากฟันวิญญาณแห่งสายฟ้าจำนวนมากจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และได้รับแก่นแท้สายฟ้ามาอย่างมากมาย เฉินซีกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่จู่ ๆ ท้องฟ้าก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นดวงตาของเฉินซีก็เต็มไปด้วยสายฟ้าที่พร่างพราว ทำให้เขาไม่สามารถลืมตาได้

‘บัดซบ! ปราสาทวิญญาณสายฟ้ากำลังจะจุติลงมา!’ ทันทีที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของพวกเขา ร่างกายของคนทั้งหลายก็ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้กระดูกและเนื้อหนังในร่างกายถูกระเบิดออกพร้อมกับส่งเสียงแตกร้าวออกมา ร่างกายของพวกเขาถูกทำลายไปเกือบครึ่ง!

ปราสาทวิญญาณสายฟ้าที่สว่างไสวและกว้างใหญ่ที่อยู่ภายในหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้าได้บดขยี้ลงมา ราวกับพระราชวังศักดิ์สิทธิ์ที่จุติมาจากสวรรค์ มันถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้าและปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งได้ และระเบิดใส่เฉินซีโดยตรง

“ร่างเซียนจุติ จงฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จงควบแน่น!” เฉินซีคำรามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะที่ปราณจ้าววิญญาณภายในร่างกายของเขาโคจรเพื่อฟื้นฟูร่างกายของชายหนุ่มอย่างเต็มที่

กระดูกและเส้นลมปราณภายในร่างกายของเขาที่ถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ได้รวมตัวกันอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ซึ่งพวกมันกเติบโตขึ้นและได้รับการฟื้นฟู

ครืนนนน!

ฟ้าดินสั่นสะท้าน ปราสาทวิญญาณสายฟ้ายังคงบดขยี้และทุบลงบนร่างของชายหนุ่มอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ระเบิดร่างของเขาออกจากกัน หากแต่ร่างกายของเฉินซีก็ฟื้นฟูอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน

ทำให้ทุกคนในระยะไกลตกใจกับภาพที่เห็นและเกือบลืมที่จะหายใจ

“คนผู้นี้… น่ากลัวเกินไปแล้ว!” ซวีเหลิ่งเยี่ยและคนอื่น ๆ ตกใจจนขากรรไกรของพวกเขาแทบจะร่วงลงพื้น พวกเขาเฝ้าดูเฉินซีฟื้นฟูร่างกายของตัวเองอย่างรวดเร็วท่ามกลางการระเบิดของปราสาทวิญญาณสายฟ้า

เดิมที ซวีเหลิ่งเยี่ยตั้งใจที่จะบุกเข้าไปในหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ เพื่อชิงพัดนกยูงเพลิงกลับมา และเขาไม่เกรงกลัวที่จะเสี่ยง แต่เฉินซีก็ไม่ได้ให้โอกาสเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากทุกครั้งที่ชายหนุ่มได้รับการโจมตี อีกฝ่ายจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วภายในพริบตา ดังนั้นซวีเหลิ่งเยี่ยจะต้องเผชิญกับความตายอย่างไม่ต้องสงสัยหากเจ้าตัวพุ่งเข้าใส่ในเวลานี้

ไม่ต้องกล่าวถึงซวีเหลิ่งเยี่ย แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์อีกหลายคนก็ไม่กล้าเสี่ยงเมื่อเห็นการกระทำของเฉินซี

“ทุกคน ในที่สุดข้าก็ได้เห็นมันอย่างชัดเจน เฉินซีได้ควบแน่นร่างเซียนจุติแล้วและสามารถฟื้นฟูร่างกายที่เสียหายของเขาได้อย่างรวดเร็ว ทว่าปราสาทวิญญาณสายฟ้าก็ไม่ได้ทำลายง่าย ๆ แม้ว่าคนผู้นี้จะพิชิตทัณฑ์สวรรค์ได้ แต่อีกฝ่ายก็อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ เราจะฉวยจังหวะนั้นเพื่อฆ่ามันในคราวเดียว”

“ใช่แล้ว นี่เป็นโอกาสเดียว และเราต้องคว้ามันไว้ ไม่เพียงแต่การบ่มเพาะปราณแท้ของเจ้าเด็กคนนี้จะบรรลุถึงขอบเขตจุติเท่านั้น แต่การขัดเกลากายาของมันก็กำลังจะบรรลุเช่นเดียวกัน ด้วยความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ หากมันสามารถพิชิตทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จในวันนี้ เราก็คงไม่อาจนอนหลับได้อย่างสงบสุขในอนาคต!”

“ฆ่ามันซะ! เจ้าเด็กบัดซบคนนี้ต้องถูกกำจัด! มิฉะนั้น มันจะเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดในการทดสอบขั้นสุดท้ายของสมรภูมิบรรพกาล!”

ความคิดของผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต่าง ๆ ในขณะนี้ได้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างผิดปกติ และพวกเขาไม่สนใจเรื่องแย่งชิงสมบัติที่เฉินซีครอบครองอยู่ แต่คิดหาวิธีที่จะทำลายล้างชายหนุ่มจนดับสิ้นแทน

เพราะตราบใดที่เขายังคงอยู่ และพวกตนไม่สามารถกำจัดเฉินซีได้ คนทั้งหมดก็จะไม่มีวันอยู่ได้อย่างสงบสุข!

“กำจัด!” ในขณะที่ทุกคนกำลังกล่าวคุยกัน เสียงคำรามของเฉินซีก็ดังออกมาจากภายในทัณฑ์สวรรค์ ชายหนุ่มเหยียดมือขวาออกไป จากนั้นจึงใช้เคล็ดวิชาทลายโกลาหล กำปั้นของเขาพุ่งขึ้นด้วยอานุภาพที่พลิกฟ้าดินได้ มันกระแทกเข้ากับปราสาทวิญญาณสายฟ้าโดยตรง จนทำให้ประกายสายฟ้ากระเด็นกระดอนไปทั่วท้องนภา ซึ่งดูราวกับสายฝนโปรย ดูงดงามและน่าตรึงใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่าประกายสายฟ้านี้จะงดงาม แต่มันก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง คลื่นพลังระลอกแล้วระลอกเล่าได้กระจายออกไปรอบ ๆ ราวกับกระแสน้ำที่ระเบิดได้ จากนั้นก็สั่นสะเทือนฟ้าดินก่อนจะก่อตัวเป็นเมฆรูปเห็ดขนาดมหึมา

“แม้แต่ปราสาทวิญญาณสายฟ้ายังถูกมันทำลาย! มัน… มันทำสำเร็จแล้ว!” รูม่านตาของทุกคนขยายออก ความรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดจะพรรณนาได้เอ่อขึ้นในหัวใจของพวกเขา

“ลงมือเร็วเข้า! มันเพิ่งพิชิตทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ และนั่นคือช่วงเวลาที่มันอ่อนแอที่สุด ทุกคนลงมือฆ่ามันพร้อมกันเถอะ!” มีคนตะโกนออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหายตกใจ พวกเขาตั้งสติก่อนพุ่งใส่เฉินซีที่อยู่ในระยะไกลโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ทว่าพวกเขาพุ่งออกไปได้เพียงครึ่งทาง และดูจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ก่อนที่คนทั้งหมดจะหยุดลงอย่างกะทันหัน แต่ละคนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง เนื่องจากไม่เพียงหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์จะไม่กระจายตัวออกไปเท่านั้น แต่ดูเหมือนกำลังบ่มเพาะทัณฑ์สวรรค์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าเดิมขึ้นมา!

“สวรรค์! หรือว่ายังมีระลอกที่สี่อีก? พรสวรรค์ของเขาท้าทายสวรรค์เกินไปแล้ว!” ทุกคนจ้องมองด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวราวกับว่าได้พบกับภูตผีที่น่าสยดสยอง และพวกเขาไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายความรู้สึกตกใจสุดขีดของพวกตนได้ในขณะนี้

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท