บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 536 ด้วยพละกำลังทั้งหมด

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 536 ด้วยพละกำลังทั้งหมด

บทที่ 536 ด้วยพละกำลังทั้งหมด

อะไรนะ?!

เฉินซีพูดว่าเมืองบรรพกาลถูกสร้างขึ้นจากร่างกายของเขา สมรภูมิบรรพกาลเองก็ถูกสร้างขึ้นโดยเขา และแม้แต่กฎแห่งสวรรค์และโลกในสถานที่แห่งนี้ก็มีเขาเป็นผู้กำหนด!

ทุกคนที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ต่างสั่นสะท้าน จนร่างกายแข็งทื่อ เพราะเรื่องนี้มันน่าตกใจและเหลือเชื่อเกินไป

แต่หลีหวง ลั่วชวน หมิงจื่อ และหลูกังกลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากแทน ช่างเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้! เขาเป็นผู้สร้างสมรภูมิขึ้นมานี้ด้วยมือของเขาเอง และยังรอดชีวิตอยู่จนถึงบัดนี้? มันไม่จริง นี่มัน…เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ทว่าเมื่อนึกถึงพลังการต่อสู้อันน่ากลัวที่เฉินซีแสดงให้ได้เห็นก่อนหน้านี้ พวกเขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก คงมีเพียงตัวตนที่น่าเกรงขามเช่นเขาเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้ จริงหรือไม่?

ผู้เยี่ยมยุทธ์ของราชวงศ์ต่าง ๆ ในเมืองบรรพกาลที่อยู่ด้านล่างเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ผู้สร้างสมรภูมิบรรพกาล? ไม่ใช่ว่านี่หมายความว่าสหายผู้นี้ตัวตนที่น่ากลัวยิ่งกว่าเทพเจ้าหรอกหรือ?

“ศิษย์พี่ สังหารพวกมันทั้งหมดและแก้แค้นให้พวกเราด้วย!”

“ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพบัดซบพวกนี้สมควรถูกกวาดล้าง!”

หลายคนอดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนออกมา

ก่อนหน้านี้เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพนั้นราวกับตัวตนที่ทรงพลังเกินไป จนทำให้พวกเขาสิ้นหวังและคิดว่าคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้ว แต่การปรากฏตัวของเฉินซีทำให้พวกเขาเห็นความหวังอันไร้ขอบเขตในทันใด ความตื่นเต้นในใจของพวกเขาตอนนี้ไม่ใช่เรื่องยากเกินจินตนาการเลย

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ชิงซิ่วอี้ เจิ้นหลิวชิง และศิษย์คนอื่น ๆ ของราชวงศ์ซ่งต่างก็ตกใจเช่นกัน พวกเขารู้มานานแล้วว่าเฉินซีคนนี้ไม่ใช่เฉินซีที่พวกเขารู้จักอีกต่อไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น… พวกเขาก็ยังคงรู้สึกไม่ค่อยเชื่ออยู่ดี!

สมรภูมิบรรพกาลนั้นกว้างใหญ่มาก มันเป็นกำแพงธรรมชาติที่ขวางกั้นระหว่างโลกใบเล็กกับโลกใบใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่ต้องห้ามและอาณาจักรลับนับไม่ถ้วน มันมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเพราะเทพเจ้าลงมาต่อสู้กันที่นี่

สถานที่อัศจรรย์ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยคนคนเดียว และแม้แต่กฎของสวรรค์และโลกก็ถูกอนุมานและเปลี่ยนแปลงโดยเขาเพียงผู้เดียว ความสามารถในการเปลี่ยนความว่างเปล่าให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อันน่าสะพรึงกลัวนี้ เกรงว่าแม้แต่เทพเจ้าเองก็ยังรังสรรค์ไม่ได้!!

“นี่มัน… น่ากลัวเกินไปแล้ว…” เฟิงเจี้ยนไป๋บ่นพึมพำ เมื่อเขานึกถึงเรื่องที่ตนเคยตั้งตัวเป็นศัตรูกับเฉินซี และพยายามจะเอาชีวิตของอีกฝ่ายมาก่อน ความเย็นยะเยือกก็ลามขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจและทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้าน

“นี่มันเหนือความคาดหมายจริง ๆ!” ซูชิงเยียน เซวียหรานเฉิน และคนอื่น ๆ ต่างตกใจเช่นกัน แม้ว่าจะเดาได้คร่าว ๆ ว่า เฉินซีในเวลานี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาเคยรู้จักแล้ว แต่มันก็ยังทำให้พวกเขาประหลาดใจอยู่ดี

“เขากำลังมีปัญหา” อวิ๋นหลานเซิงมองไปที่ปิงซื่อเทียนที่อยู่สูงขึ้นไปและรู้สึกเป็นกังวลยิ่ง

“ช่างเป็นคน…! ช่างเป็นผู้ชายที่ยอดอะไรอย่างนี้!” วิปลาสหลิ่วจับจ้องเฉินซี ราวกับว่าเขาได้ค้นพบหยกชิ้นงามที่หายากที่สุดในโลก ก่อนจะยกยิ้มกริ่มขณะดื่มสุราไปอึกใหญ่ด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน

ในขณะนี้ หลังจากที่พวกเขาทราบเกี่ยวกับตัวตนของเฉินซี คนทั้งสี่ก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม สีหน้าของพวกหลีหวงจึงจริงจังขึ้น และเริ่มวางแผนที่จะหลบหนี

หลีหวงเป็นคนที่ไม่พอใจมากที่สุดในที่นี้ เขาวางแผนและเตรียมการหลบหนีมานับไม่ถ้วน จากนั้นก็เฝ้ารอโอกาสที่จะเกิดความสับสนอลหม่านในสามภพ เดิมทีคิดว่าตนสามารถทำลายเมืองบรรพกาลทิ้งได้อย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือจากผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพคนอื่น ๆ แต่การปรากฏตัวของชายหนุ่มคนนี้กลับทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นมาทันที

มันถึงขนาด…ที่ความพยายามทั้งหมดของเขาอาจสูญเปล่า!

เขาควรจะทำอย่างไรดี? เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะหนีออกจากกรงขังนี้ไม่ได้ตลอดชีวิต?

ตัวเลือกในใจของหลีหวงต่อสู้กันอย่างรุนแรง ทั้งลังเลและไม่แน่ใจ เขาไม่รู้ว่าตนควรต่อสู้ต่อไปหรือไม่

“เดี๋ยวก่อน! ดู! รัศมีของเขากำลังอ่อนลงอย่างรวดเร็ว…” ทันใดนั้น เสียงของหมิงจื่อก็ดังขึ้นข้างหู ทำให้หลีหวงกลับมาได้สติอีกครั้ง

เขาเงยหน้าขึ้น และพบว่ารัศมีของเฉินซีแย่ลงกว่าก่อนอย่างเห็นได้ชัด และมันยังแสดงสัญญาณของการพังทลายขึ้นอย่างแผ่วเบา

“รึว่า… นี่จะเป็นความกรุณาของสวรรค์!?” หลีหวงรู้สึกประหลาดใจ เขาตัดสินใจทันทีว่า แม้จะต้องหยุดพักแผนเอาไว้ก่อน เขาก็ต้องการดูว่าพลังของเฉินซีจะสลายไปในที่สุดตามที่คาดเดาหรือไม่!!

น่าเสียดายที่เขาประเมินความมุ่งมั่นที่จะฆ่าพวกตนของเฉินซีต่ำเกินไป

ฟุ่บ!

ขณะที่หลีหวงกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ เฉินซีก็ลงมือเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มก้าวออกไปหนึ่งก้าว ฉีกความว่างเปล่าข้างหน้าออกจากกัน แล้วปรากฏตัวขึ้นอยู่ตรงหน้าลั่วชวนผู้อยู่ใกล้ที่สุดทันที จากนั้นหม้อหยกในมือของเขาก็ครอบลงมาจากด้านบน

ความเร็วในการโจมตีของเฉินซีในครั้งนี้ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ อีกทั้งมันยังเป็นการโจมตีอย่างฉับพลัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีหรือต่อต้านกลับเลย

ในชั่วพริบตา โลกก็ตกสู่ความโกลาหล การโจมตีของเฉินซีเหมือนกับการระเบิดที่ผ่าแยกโลกออก เพื่อสร้างจักรวาลขึ้นใหม่ แบ่งหยินและหยางออกจากกัน!

ปัง!

ภายใต้การโจมตีครั้งนี้ ร่างกายของลั่วชวนระเบิดเป็นก้อนเนื้อในทันที เลือดและเนื้อกระจายเปื้อนไปทั่วสวรรค์ทั้งเก้า และเขาก็ตายสนิท

ก่อนหน้านี้ผู้เยี่ยมยุทธ์จากพิภพปักขีคนนี้ ได้เคยไล่ตามติดปิงซื่อเทียนจนอีกฝ่ายเกือบตาย แต่ตอนนี้คนผู้นี้กลับถูกบดขยี้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเฉินซี ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตกตะลึง

แต่หัวใจของจักรพรรดิภูตผีหลีหวง หมิงจื่อ และหลูกังกลับต้องกระตุกอย่างรุนแรง ดวงตาของพวกเขาแทบถลนออกมา

เพื่อนร่วมทางของพวกเขา… กลับตกตายได้ง่าย ๆ เพียงนั้นเลยหรือ!?

“หนี!”

หมิงจื่อในยามนี้ตกใจจนแทบหมดสติ ไม่ว่าพลังของเฉินซีจะหมดลงอย่างรวดเร็วหรือไม่ เขาก็เลือกที่จะหันกลับ ฉีกช่องว่างออกด้วยความตั้งใจที่จะหลบหนีแล้ว

ทันทีที่หมิงจื่อเคลื่อนไหว หลีหวงกับหลูกังก็ไม่กล้าลังเลอีกต่อไป และเริ่มหนีตามเขาไปทันที

ชายผู้นี้น่ากลัวเกินไป แม้ว่าทวยเทพจะถูกชุบชีวิตขึ้นมา พวกเขาก็คงไม่มีพละกำลังที่น่ากลัวและท้าทายสวรรค์เช่นนี้! ดังนั้นหากไม่ล่าถอยในตอนนี้ พวกเขาอาจจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่!!

“ในเมื่อเจ้ารู้ตัวตนของข้าแล้ว เช่นนั้นก็จงทิ้งชีวิตทั้งหมดไว้เบื้องหลังเสียเถอะ!”

ตึก! ตึก! ตึก!

ท่ามกลางเสียงพูดที่สงบนิ่ง เสียงฝีเท้าของเฉินซีก็ดังขึ้นราวกับเสียงกลอง ทุกย่างก้าวดุจการก้าวข้ามขอบเขตของอวกาศที่ไม่มีที่สิ้นสุด กลิ่นอายที่น่าเกรงขามราวกับว่าโลกทั้งใบอยู่ต่ำกว่าเท้าของเขาแผ่กระจายออกมา

เมื่อเขายกฝ่ามือขึ้น หม้อหยกก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและหมุนไปรอบ ๆ จากนั้นมันก็เปล่งคำที่อาบไปด้วยกลิ่นอายแห่งสวรรค์ออกมาเป็นรูปตัวอักษร ‘禁’! *[1]

ตัวอักษร ‘禁’ นี้มีความเก่าแก่และทรงพลังยิ่ง กลิ่นอายครอบงำที่ไม่อาจปฏิเสธได้ควบคุมโลกโดยไม่เปิดโอกาสให้ถาม ราวกับเป็นร่างอวตารของกฎแห่งจักรวาล ผนึกพื้นที่ทั้งหมดโดยรอบสวรรค์และปฐพีนี้เอาไว้

ปัง! ปัง! ปัง!

เวลาต่อมา ร่างที่หลบหนีทั้งสามคนก็ถูกลำแสงศักดิ์สิทธิ์ขวางกั้นเอาไว้ พวกเขาตกใจและโกรธมาก ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือออกไปเพื่อฉีกความว่างเปล่าและเคลื่อนย้ายผ่านมิติอีกครั้ง ทว่าไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร พวกเขาก็ไม่สามารถหลบหนีไปจากที่แห่งนี้ได้เลย ประหนึ่งมดสามตัวที่อยู่ในหม้อที่มีฝาปิดก็ไม่ปาน!

“บัดซบ! ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!” หมิงจื่อที่โกรธจัดพุ่งตรงไปทางเฉินซีดุจหอกที่ทะลุทะลวงท้องฟ้า ดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของเขาฉายชัดถึงความปรารถนาที่จะต่อสู้ ความแข็งแกร่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนถูกรวบรวมเอาไว้บนเขาที่หว่างคิ้ว ก่อนการโจมตีที่เหมือนกับลำแสงสีขาวของดวงอาทิตย์จะพุ่งตรงไปที่ศีรษะของเฉินซี!!!

ตู้ม!

มิติถูกฉีกออกด้วยแรงระเบิดครั้งใหญ่ ก่อนจะกวาดออกไปทั่ว พร้อมกับเสียงดังสนั่น เขาพลันเรืองแสงสีน้ำเงินเปล่งประกายวาววับ แผ่ไอดุร้ายและเฉียบคมออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นรู้สึกเหมือนเลือดปั่นป่วน และแก้วหูสั่นสะเทือนจนแทบจะระเบิด

บางคนที่มีพละกำลังอ่อนแอถูกระเบิดจนปลิวกระเด็นออกไปไกล ก่อนจะกระอักเลือดและหมดสติไป นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการโจมตีด้วยความสิ้นหวังของหมิงจื่อนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด

“เมื่อสุริยันและจันทราหมุนเวียนตามหลัก โลกาย่อมเจริญรุ่งเรือง นำมาซึ่งความสงบสุขชั่วนิรันดร์!” อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับการโจมตีที่แทบจะเอาชนะไม่ได้นี้ สีหน้าของเฉินซีกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย หม้อหยกในมือของเขาหลอมรวมเข้ากับร่างกายอย่างเงียบ ๆ เขายืนตัวตรงในจุดนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

แกร๊ง!

เขาที่อยู่ระหว่างคิ้วของหมิงจื่อไม่อาจเจาะทะลุผ่านตัวอีกฝ่ายได้เลย การโจมตีอันเฉียบคมซึ่งมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว… ไม่ได้เจาะผ่านแม้แต่เส้นผมเส้นเดียวได้เลย นับประสาอะไรกับการเจาะศีรษะของเฉินซี!

แคร็ก!

เสียงแตกร้าวดังขึ้นอย่างชัดเจน เฉินซียกมือขึ้นและคว้าเขาตรงระหว่างคิ้วของหมิงจื่อเอาไว้ ก่อนจะหักมันทิ้งโดยตรง!

“อ๊า!” หมิงจื่อส่งเสียงร้องโหยหวนที่น่าสังเวชออกมา เขาที่อยู่ระหว่างคิ้วของเขาคือจุดที่แก่นชีวิตเขาตั้งอยู่ และมันก็เป็นอาวุธที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เมื่อถูกหักอย่างแรง มันจึงทำให้เขาดูเหมือนลูกบอลที่ถูกปล่อยลมทันที ตัวคนดูแก่ชราลงอย่างมาก ผิวหนังเหี่ยวย่น ก่อนที่จะตายลงและกลายเป็นเศษหนังมนุษย์ที่เน่าเปื่อย

ในตอนนี้ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพอีกคนได้เสียชีวิตแล้ว!

ทุกคนที่เห็นฉากนี้รู้สึกตกใจอย่างมากกับความสามารถที่ทรงพลังและน่าเกรงขามเกือบทั้งหมดของเฉินซี

แม้แต่รูม่านตาของปิงซื่อเทียนก็หดลงด้วยความตกใจ หัวใจของเขาสั่นระรัวไม่หยุด ในฐานะเซียนสวรรค์ เขาเคยต่อสู้กับหมิงจื่อมาก่อน และเข้าใจอย่างดียิ่งว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพผู้มาจากพิภพทะเลหมอกผู้นี้นั้นน่าเกรงขามเพียงใด ทว่าตอนนี้ ไม่เพียงแค่การโจมตีที่สิ้นหวังของคนคนนี้จะไม่สามารถทำร้ายเฉินซีได้เลยแม้แต่น้อย อีกฝ่ายยังกลับเป็นฝ่ายถูกจัดการแทน!

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้แม้แต่เขาซึ่งเป็นเซียนสวรรค์ยังรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว

“สามกระบวนท่าแห่งการทำลาย ค้อนวิญญาณพระพิสุทธิ์ ทำลายล้างโลกาและทวยเทพ!” ขณะที่เฉินซีจัดการหมิงจื่อไป ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากช่องว่างด้านหลัง และหวดค้อนขนาดใหญ่ในมือใส่ศีรษะของเฉินซี!!

คนผู้นี้คือหลูกังจากพิภพวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ก่อนหน้านี้เขาเคยซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่าด้วยความสามารถลึกลับ แต่ตอนนี้เขากลับรีบพุ่งออกมา และใช้จังหวะนี้โจมตีอย่างฉับพลัน!

ยิ่งกว่านั้น เมื่อลงมือ หลูกังก็เลือกที่จะใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี เพราะเขารู้แล้วว่าเฉินซีนั้นน่ากลัวเพียงใด หากยังยั้งมือต่ออีกแม้แต่น้อยนิด มันคงนับเป็นการไร้ความรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเองอย่างแน่นอน!!!

ทว่าในขณะที่ทักษะค้อนดุจสายฟ้าที่ฟาดมาจากสวรรค์ทั้งเก้าของหลูกังกำลังจะฟาดลงบนศีรษะของชายหนุ่ม จู่ ๆ ดอกไม้สีทองจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ดอกไม้สีทองที่ดูราวกับหม้อน้ำ กลีบของดอกไม้ปล่อยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีขาวน้ำนม ห่อหุ้มพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในทักษะค้อนนั้นเอาไว้

“มหาเต๋าโซ่ศักดิ์สิทธิ์ บงกชสัจธรรม เปลวไฟลุกโชน ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นนิรันดร์!” เฉินซีท่องบทสวดลึกลับออกมา กำจัดการโจมตีของหลูกังได้อย่างไร้ร่องรอย โดยที่ร่างกายทั้งหมดของเขาไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ความสามารถที่น่าอัศจรรย์นี้ไม่สามารถอธิบายออกมาด้วยคำพูดได้เลย

“ความสง่างามของวิญญาณพิสุทธิ์ ทำลายสิ้นวิชาทั้งปวง!” ท่าทีของหลูกังเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ค้อนขนาดใหญ่ในมือของเขาสั่นสะท้าน มันเริ่มปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถทำลายล้างโลกได้ออกมา ขณะที่ค้อนในมือก็เป็นราวกับน้ำตกที่พุ่งลงมาจากสวรรค์ทั้งเก้า กดทับลงมาอีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้รุนแรงมากจนทำลายขอบเขตของระดับเคล็ดวิชาไปแล้ว

ตู้ม!

เฉินซีหันกลับมาเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ และชกกำปั้นของเขาสวนกลับไป ซึ่งหมัดที่ธรรมดาของชายหนุ่มดูจะสามารถสกัดกั้นกฎของสวรรค์และปฐพีเอาไว้ได้ รวมถึงรวมพวกมันเข้ามาในหมัดที่ส่งเข้าทำลายค้อนขนาดใหญ่อย่างรุนแรง!

ปัง!

ในเวลาเดียวกัน หลูกังพลันส่งเสียงร้องโหยหวน และเพราะหมัดนี้ ตัวคนจึงถูกส่งกระเด็นไปไกลหลายพันลี้ ก่อนที่ร่างกายของเขาจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ชิ้นส่วนของร่างกายขาดออก เลือดสาดกระจายไปทั่วท้องฟ้า การตายของเขานั้นช่างน่าสลดใจอย่างยิ่ง

ตายไปอีกคนแล้ว…

ทุกคนต่างเฝ้ามองดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ด้วยสีหน้ามึนงงและว่างเปล่า จิตใจของพวกเขาทั้งตกตะลึงและสับสนไปกับความสามารถอันหลากหลายที่เฉินซีใช้สังหารตัวตนทั้งสาม!

[1] 禁 แปลว่า ต้องห้าม ผนึก จองจำ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท