บทที่ 577 ละเมิดกฎ
บทที่ 577 ละเมิดกฎ
ความว่างเปล่าอันลึกล้ำนั้น มีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเท่านั้นที่จะสามารถเชี่ยวชาญได้
และมีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเท่านั้นที่รู้ว่ามีสิ่งใดอยู่นอกเหนือจากความว่างเปล่า
แต่ตามตำนานสวรรค์และโลกของแดนภวังค์ทมิฬ มันไม่ได้มีเพียงชั้นของพื้นผิวเท่านั้น แต่ยังประกอบไปด้วยชั้นต่าง ๆ มากมายซ้อนทับกัน ซึ่งทุกชั้นก็เป็นพื้นที่กว้างใหญ่และยังเก็บซ่อนความลึกล้ำที่ไร้ขอบเขตเอาไว้
ในขณะนี้ มือขนาดมหึมาอันน่าสะพรึงกลัวได้ยื่นออกมาจากความว่างเปล่าของยอดเขาจรัสตะวันตก และเห็นได้ชัดว่ามันทำลายขอบเขตของความว่างเปล่า ซึ่งความสามารถดังกล่าวเป็นก็สิ่งที่ผู้มีการบ่มเพาะในระดับขอบเขตเซียนปฐพีหรือสูงกว่าเท่านั้นที่สามารถเชี่ยวชาญได้!
ตู้มม!
เมื่อความว่างเปล่าถูกแยกออกจากกัน มวลเมฆก็พังทลาย มือขนาดมหึมานี้ถูกปกคลุมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์และปราณเซียนที่ไร้ขอบเขต ซึ่งดูเหมือนว่าจะสามารถดึงดวงดาวและคว้าดวงจันทร์ที่สว่างไสวได้ อีกทั้งยังมีอานุภาพทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่อลังการ
ในทันทีที่ยืดออก มันก็ห่อหุ้มเฉินซีโดยตรง!
ตู้ม!
ความผันผวนที่รุนแรงของปราณเซียนบนมืออันน่าสะพรึงกลัวนี้ ถึงกับทำลาย ‘แสงแห่งการทำลายล้าง’ อย่างง่ายดายและกระจายไปยังบริเวณโดยรอบ ทำให้ความว่างเปล่าและท้องฟ้าพังทลาย!
ผู้บ่มเพาะทุกคนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ ต่างก็รู้สึกหายใจไม่ออก ในขณะที่วิญญาณของพวกเขาแทบจะหลุดออกจากร่าง และรีบถอยห่างออกไปเพื่อหลีกเลี่ยง
มือขนาดมหึมาที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติหรือขอบเขตสถิตกายาจะเข้าใจได้ แต่มันเป็นสิ่งที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่ได้เห็นความว่างเปล่าอันลึกล้ำเท่านั้นที่จะแสดงพลังเช่นนี้ได้!
กลิ่นอายที่มากไปด้วยความอันตรายได้พุ่งเข้าสู่หัวใจของเฉินซีอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความหวาดกลัวมหาศาลได้เกาะกุมหัวใจของเฉินซีในตอนนี้ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่ามากมายที่อยู่ในมือยักษ์ข้างนี้
เห็นได้ชัดว่ามันต้องการที่จะฆ่าเขาในคราวเดียวและไม่ให้โอกาสได้โต้ตอบหรือดิ้นรนเลยแม้แต่น้อย!
โอม!
ภายใต้แรงกระตุ้นจากความตาย พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้ปรากฏขึ้นภายในเนตรเทวะแห่งความจริงที่หว่างคิ้วของเฉินซี ซึ่งเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายของความลับแห่งสวรรค์ ราวกับสะท้อนให้เห็นสรรพสิ่งในจักรวาลและมากด้วยเส้นแสงแห่งการทำลายล้างที่ทำให้ใครก็ตามที่พบเห็นต่างรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
หากผู้บ่มเพาะธรรมดาได้เผชิญกับการจ้องมองของดวงตาแนวตั้งของชายหนุ่มในขณะนี้ พวกเขาจะต้องรู้สึกหวาดกลัวราวกับว่าได้ตกลงไปในเหวนรก และแม้แต่จิตวิญญาณก็แทบจะจมดิ่งลงไปในนั้น
ในขณะนี้ สภาพแวดล้อม เวลา และความว่างเปล่าทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าของเขา ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวช้าลง และแม้แต่ต้นหญ้าที่ปลิวไสวเนื่องจากถูกสายลมโบกพัดก็ยังเชื่องช้าลงเหมือนหอยทากที่คืบคลาน
เฉินซียังสังเกตเห็นว่า หลังจากเห็นมือที่มีขนาดมหึมาฉีกผ่านความว่างเปล่า สีหน้าหวาดกลัวแต่เดิมของตู้เซวียนกลับจุดประกายด้วยความหวังขึ้นมาอีกครั้ง และแม้แต่รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของอีกฝ่าย
เฉินซียังเห็นอีกว่า เหลิ่งชิวกับผางโจวที่อยู่ไกลออกไปพลันหยุดชะงัก ในขณะที่สีหน้าของพวกเขาก็ผ่อนคลายลง และแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนตั้งใจจะช่วยเหลือตู้เซวียนก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเห็นมือขนาดมหึมาปรากฏขึ้น พวกเขาก็หยุดกายทันที
เฉินซียังสังเกตเห็นว่า ศิษย์หลายคนต่างแสดงความประหลาดใจ ตกใจและงุนงง… หลังจากนั้น สีหน้าที่ซับซ้อนเหล่านี้ก็เปลี่ยนเป็นความสงสารและไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป ดูเหมือนพวกเขาจะเชื่อมั่นอย่างสนิทใจว่า เขาจะต้องตายอย่างอนาถภายใต้อำนาจอิทธิฤทธิ์นี้อย่างแน่นอน
เฉินซียังเห็นสีหน้าที่เศร้าโศกและโกรธเคืองของศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่คนอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นอยู่ในหัวใจ และความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดก็แข็งแกร่งขึ้น
ทว่าหัวใจของเขากลับเย็นชา เพราะเมื่อเผชิญกับมือยักษ์อันน่าสะพรึงกลัวที่ลอยอยู่เบื้องบนนี้ ชายหนุ่มพลันสัมผัสได้ถึงปราณเซียนที่แผ่กระจายออกมา ความรู้สึกที่มิอาจต้านทานได้ถูกกระตุ้นขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของเขา
“ข้าควรทำอย่างไรดี?”
เฉินซีจับหม้อใบจิ๋วไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
หม้อใบจิ๋วนั้นลึกลับมาก เมื่อเขาเผชิญกับการคุกคามของปิงซื่อเทียนที่สมรภูมิบรรพกาลในวันนั้น หม้อใบจิ๋วเคยบอกว่า มันมีโอกาสสามส่วนที่จะทำให้ปิงซื่อเทียนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเมื่อเผชิญหน้ากับมืออันมหึมาในตอนนี้ เฉินซีก็ทำได้เพียงแต่ฝากความหวังของเขาไว้กับหม้อใบนี้และเสี่ยงทุกอย่างเท่าที่มี
เมื่อมือยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัวกำลังจะคว้าลงมา ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่เฉินซีตั้งใจจะใช้หม้อใบจิ๋วนั้น ท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไปก็ระเบิดเสียงดัง จากนั้นมือที่เรียวยาวและขาวขนาดใหญ่ก็พุ่งทะยานเข้ามา และคว้าตรงไปยังมือที่น่าสะพรึงกลัวนั่น!
ตู้ม!
มือยักษ์ทั้งสองข้างที่ฉีกผ่านความว่างเปล่าได้ปะทะกันอยู่บนท้องฟ้าเหนือร่างของเฉินซี ทันทีที่พวกมันปะทะกัน พวกมันก็ระเบิดออกมาพร้อมกับแสงสว่างที่ก่อตัวขึ้นจากปราณเซียน และมันก็เหมือนกับเป็นพระอาทิตย์อันเจิดจ้าที่ระเบิดพลังทำลายอันน่าสยดสยองไปยังทุกทิศทุกทาง
การปะทะกันดังกล่าวน่าสะพรึงอย่างแท้จริง เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ลมกระโชกก็โหมกระหน่ำไปทุกหนทุกแห่ง แสงสว่างพลันก่อตัวเป็นแม่น้ำที่ส่องประกายระยิบระยับ ปราณเซียนผสานเข้าด้วยกันและส่องแสงวูบวาบ ก่อนที่จะสาดส่องไปทั้งท้องฟ้า
ครืนนน!
ณ ที่แห่งนี้คือท้องฟ้าเหนือยอดเขาจรัสตะวันตก ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเก้ายอดเขาของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ยอดเขาจรัสตะวันตกก็ได้วางค่ายกลเอาไว้มากมาย ทว่าเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามในขณะนี้ มันก็ระเบิดพลังออกมาและต้านทานคลื่นแรงกระแทกที่เกิดจากการปะทะในครั้งนี้
ในทางกลับกัน เหล่าผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ก็ได้ถอยห่างออกไปไกลพอสมควรแล้ว แต่พวกเขาก็ยังถูกแรงลมและแสงสว่างโหมเข้าใส่ ทำให้ร่างของพวกเขาสั่นสะท้านจนแทบพังทลาย และเลือดลมก็ปั่นป่วน
“รีบล่าถอยเร็วเข้า!” ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก การปะทะพลังในระดับดังกล่าวเป็นการท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง และทำให้จิตใจของทุกคนสั่นสะท้าน จนพวกเขารู้สึกราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็งอันเย็นยะเยือก
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงพลังอันอ่อนโยนที่ห่อหุ้มตัวเขาไว้ ก่อนที่จะพาตนบินจากไปทันที และร่อนลงสู่พื้นดินที่อยู่ไกลแสนไกล จนสามารถหลีกเลี่ยงจากการปะทะที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินได้
ทันใดนั้น สองมือที่มีขนาดมหึมาและน่าสะพรึงกลัวก็เปลี่ยนเป็นกระแสลมที่พัดกระจายไปโดยรอบ โหมกระหน่ำราวกับพายุสุริยะที่ฉีกรอยแยกอันน่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า …ซึ่งดูเหมือนกับหุบเขานับพันนับหมื่น และมันน่าสะพรึงกลัวอย่างสุดขั้ว!
เมื่อแสงสว่างหายไป มีร่างคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ตรงจุดที่ปะทะกัน แขนเสื้อของพวกเขาพลิ้วไหวตามลม ในขณะที่ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยปราณเซียน ซึ่งน่าตกใจนัก ด้วยแท้จริงแล้วพวกเขาคือเหล่าผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองทั้งหมด ในขณะที่ผู้นำก็คือเวินหัวถิงซึ่งเป็นประมุขนิกาย!
เมื่อเห็นประมุขนิกายและเหล่าผู้อาวุโสปรากฏตัวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน นอกจากความตกใจแล้ว ทุกคนที่อยู่ไกลออกไปก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายด้วยความโล่งอก
ทว่าเฉินซีกลับไม่รู้สึกใด ๆ ต่อการที่เขารอดชีวิต จากนั้นสายตาของเขาก็กวาดมองไปทางประมุขนิกายและคนอื่น ๆ ก่อนจะหยุดที่เยว่ฉือในที่สุด
เพราะมือยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัวก่อนหน้านี้ จะต้องถูกใช้โดยหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงของนิกาย และมีเพียงเยว่ฉือเท่านั้นที่กล้าจะฆ่าเขาอย่างเปิดเผยและไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย!
เหตุผลนั้นง่ายดายมาก คนผู้นี้มีความขัดแย้งกับวิปลาสหลิ่วมาตลอด และเขายังเป็นอาจารย์ของตู้เซวียน ดังนั้นเมื่อเห็นเฉินซีตั้งใจที่จะลงโทษลูกศิษย์ เขาก็ไม่อาจทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้
“ศิษย์พี่เยว่ฉือ การกระทำเช่นนี้หมายถึงใดกัน?!” เวินหัวถิงกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ ในขณะนี้ ใบหน้าที่อบอุ่นและเหมือนหยกของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เช่นเดียวกับดวงตาที่กลายเป็นดั่งสายฟ้าเย็นชาซึ่งทำให้หัวใจของผู้อื่นสั่นสะท้าน
ในขณะนี้ ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่า ผู้อาวุโสเยว่ฉือเป็นคนลงมือกับเฉินซีได้อย่างน่าตื่นตะลึงเมื่อก่อนหน้านี้!
แต่แม้ว่าจะทราบแล้ว ทว่าการกระทำของเยว่ฉือก็ทำให้คนส่วนใหญ่ขมวดคิ้ว
เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่า เยว่ฉือเป็นปรมาจารย์สูงสุดของยอดเขาจรัสตะวันออก แต่ในขณะนี้ เขากลับสอดมือแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างศิษย์ และการโจมตีด้วยฝ่ามือก่อนหน้านี้ก็หมายมั่นที่จะปลิดชีวิตเฉินซีในคราเดียว การกระทำตามอำเภอใจเช่นนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
เพราะหากวันนี้เป็นคราวของเฉินซี แล้วถ้าเป็นพวกเขาในวันพรุ่งนี้ล่ะ?
ทุกคนล้วนเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง แต่เมื่อตู้เซวียนถูกข่มเหง แล้วเหตุใดถึงกลับคิดสังหารเฉินซี? หากเป็นเช่นนี้ แล้วจะมีใครกล้าประลองกับศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกในภายภาคหน้าอีก?
“ท่านประมุข หรือว่าท่านไม่เห็นการลงมือที่โหดเหี้ยมของเจ้าคนนี้ เขาตั้งใจที่สังหารตู้เซวียน! ศิษย์ที่มีเจตนาชั่วร้ายเช่นนี้ สมควรได้รับการลงโทษ มิฉะนั้นเขาอาจก่อให้เกิดหายนะในอนาคต” สีหน้าของเยว่ฉือนิ่งสงบ ในขณะที่เขากล่าวอย่างเป็นกันเอง และไม่ได้แสดงความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย ราวกับทุกสิ่งที่เขาได้กระทำต่อชายหนุ่มก่อนหน้านี้ เป็นเพียงเรื่องธรรมดามาก
ประมุขเวินหัวถิงขมวดคิ้ว และแววตาของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ แต่ในขณะที่เขากำลังจะกล่าว เฉินซีกลับชิงกล่าวตัดหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว
“ศิษย์ขอเรียนถามท่านผู้อาวุโสเยว่ นิกายได้ตั้งกฎเอาไว้ว่า ผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายไม่สามารถแทรกแซงการประลองระหว่างเหล่าศิษย์ใช่หรือไม่?” ภายใต้สายตาที่จดจ้องด้วยความตกตะลึงมากมาย จู่ ๆ เฉินซีก็ก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยถามอย่างเย็นชา รูปร่างของเขาสูงใหญ่ เสื้อผ้าพลิ้วไหวตามสายลม สีหน้าสงบนิ่งและไม่เกรงกลัว
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขาอยู่ในใจ เฉินซีน่าจะเป็นคนแรกที่กล้ากล่าวเช่นนี้กับผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายใช่หรือไม่? และสิ่งที่เขากล่าวนั้นก็คือสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่ในใจ
พวกเขารู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่า เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายมีข้อตกลงร่วมกันว่า พวกเขาจะไม่แทรกแซงการประลองระหว่างศิษย์ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า คำสั่งนี้เพิ่งออกไปเพียงไม่ถึงหนึ่งวัน แต่ผู้อาวุโสเยว่ฉือกลับฝ่าฝืนกฎนี้เสียแล้ว?
“บังอาจ! ในฐานะศิษย์ เจ้ากล้าล่วงเกินผู้อาวุโสของเจ้า เจ้ามันละเมิดกฎ!” ดวงตาของเยว่ฉือหรี่ลง และตะโกนเสียงดังพร้อมกับแผ่พลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
ในฐานะผู้อาวุโสของนิกายและปรมาจารย์สูงสุดของยอดเขาจรัสตะวันออก เขามีสถานะสูงส่งและมีตัวตนที่น่านับถือ ไหนเลยจะเคยถูกศิษย์ย้อนถามอย่างไร้มารยาทเช่นนี้?
นี่เป็นการยั่วยุศักดิ์ศรีของเขาเท่านั้น!
“ผู้ใดเป็นคนละเมิดกฎหรือ? ผู้อาวุโสเยว่ ศิษย์เคารพท่านในฐานะผู้อาวุโส แต่ท่านไม่ควรกล่าวอะไรที่ขาดความรับผิดชอบเช่นนี้!” ในเมื่อเขาเลิกเสแสร้งแล้ว เฉินซีจะสุภาพต่อได้อย่างไร? และเขาย่อมไม่กลัวการถูกข่มขู่ด้วยกลิ่นอายของเยว่ฉือ!
ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าและชี้ไปที่ตู้เซวียน “งั้นข้าขอถามท่าน คนผู้นี้สมรู้ร่วมคิดกับพรรคพวกเพื่อบุกปล้นชิงยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าโดยปราศจากความยับยั้งชั่งใจ และเขายังทำให้ศิษย์พี่เหล่านี้ต้องอับอายซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยวิธีการที่น่ารังเกียจ ทัศนคติที่เย่อหยิ่งและกระทำตามอำเภอใจ เหตุใดท่านถึงดูไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยเล่า?”
“กระทั่งตอนที่ตู้เซวียนต่อสู้กับข้า เขาบังเกิดเจตนาฆ่าอยู่หลายต่อหลายครั้งและตั้งใจที่จะสังหารข้า เหตุใดท่านถึงไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
ในขณะที่กล่าว เสียงของเฉินซีก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ มันชัดเจนและขุ่นเคือง ทั้งยังสั่นสะเทือนไปโดยรอบและเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ยอมใคร “ในฐานะผู้อาวุโสของนิกาย ท่านไม่ได้แยกแยะระหว่างถูกหรือผิด ก่อนที่จะลงมือกับข้า ท่านมีเจตนาชั่วร้ายอะไรเมื่อทำสิ่งนี้?”
คำถามทั้งสามดุจเสียงของฟ้าร้องที่ดังกึกก้องติดต่อกันสามครั้งบนท้องฟ้า และมันสั่นคลอนศีรษะของศิษย์ทุกคนจนพวกเขาถึงกับมึนงงและต่างไม่กล้าเชื่อว่า ชายหนุ่มจะกล้ากล่าวกับผู้อาวุโสของนิกายเช่นนี้!
แม้แต่เวินหัวถิงกับผู้อาวุโสคนอื่นก็ยังตกตะลึงกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่านิสัยของเฉินซีคนนี้จะไม่ยอมแพ้ แน่วแน่ และดื้อรั้นถึงเพียงนี้!!
หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าใจ เพราะเท่าที่พวกเขากังวล เฉินซีเพิ่งรอดพ้นจากความตาย และเขาคงขุ่นเคืองอย่างมาก ทำให้อีกฝ่ายต้องการระบายความขุ่นเคืองที่อัดแน่นอยู่ในท้อง
ทว่าสีหน้าของเยว่ฉือกลับมืดมนจนดูไม่ได้ คำถามต่อเนื่องของเฉินซี เป็นเหมือนการยั่วยุต่อศักดิ์ศรีของเขาต่อหน้าทุกคน และมันก็ไม่ต่างอะไรจากการตบหน้า!
สิ่งนี้ทำให้เขาโกรธแค้นเป็นอย่างมากอยู่ในใจ และเขาก็ไม่ต้องการสิ่งอื่นใด นอกจากทุบตีเจ้าเด็กปากดีคนนี้ให้ตายคามือ
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะทันได้เปิดปากกล่าว เฉินซีก็ตะโกนถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและเสียงดัง “ในฐานะผู้อาวุโสของนิกาย ท่านไม่เคารพตนเอง เหยียบย่ำกฎของนิกาย และปล่อยปละละเลยให้ศิษย์ของท่านนำหายนะมาสู่นิกาย! ตอนนี้ท่านยังไม่ใส่ใจพฤติกรรมของตนเองและยังข่มเหงรังแกผู้น้อยอีก! ผู้อาวุโสเยว่ฉือ… ข้าว่าท่านต่างหากเล่าที่กำลังละเมิดกฎของนิกาย!”