บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 606 ขาดเพียงแค่คนเดียว

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 606 ขาดเพียงแค่คนเดียว

บทที่ 606 ขาดเพียงแค่คนเดียว

ท้องฟ้าสดใสและอากาศปลอดโปร่ง นกกระเรียนวิญญาณฝูงแล้วฝูงเล่าต่างเหินทะยานอยู่บนอากาศพร้อมกับส่งเสียงร้องที่ชัดเจนและก้องกังวาน

ในวันนี้คือวันที่การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองจะเริ่มต้นขึ้น ศิษย์ชั้นสูงทั้งหมดจากยอดเขาจรัสตะวันออก ยอดเขาจรัสตะวันตก ยอดเขาจรัสใต้ และยอดเขาจรัสเหนือจะแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งทั้งห้าเพื่อเป็นศิษย์ชั้นยอด

นอกจากนี้ การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสในครั้งนี้จะเป็นการคัดเลือกสมาชิกใหม่ของยอดศิษย์ชั้นสูงทั้งห้าคน

บนแท่นขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางของยอดเขาสัประยุทธ์ในตอนนี้นั้นพลุกพล่านอย่างมาก ผู้คนมากมายต่างจับกลุ่มและทยอยเข้ามาราวกับกระแสน้ำ ส่วนหัวข้อสนทนาที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ย่อมไม่พ้นเรื่องการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสที่กำลังจะมาถึง

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สายในจากยอดเขาจรัสสวรรค์ หรือศิษย์สายนอกจากยอดเขาจรัสปฐพี และบรรดาศิษย์ชั้นสูงทั้งหมด พวกเขาต่างรีบไปที่ยอดเขาสัประยุทธ์ทันทีที่แสงแรกของรุ่งอรุณได้มาถึง และเพื่อให้ได้สถานที่ชั้นเยี่ยมสำหรับรับชมการต่อสู้

มีอัจฉริยะหนุ่มสาวนับไม่ถ้วนอยู่ในบรรดาผู้คนเหล่านี้ อีกทั้งยังมีศิษย์หญิงที่มีรูปลักษณ์งดงามและสง่างามอยู่มากมาย พวกนางเคลื่อนไหวไปมาอยู่ท่ามกลางฝูงชน จนเกิดเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม

อย่างไรก็ตาม ยังมีศิษย์ส่วนใหญ่ที่ไม่มีสิทธิ์เข้าสู่สนามประลองของยอดเขาสัประยุทธ์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้จากไป เพียงแค่ยืนอยู่ห่าง ๆ และรอโดยแหงนหน้าขึ้น เพราะพวกเขาต้องการที่จะเห็นท่าทางอันสง่าผ่าเผยของศิษย์ชั้นสูงเช่นกัน

ตัวอย่างเช่น ศิษย์ชั้นสูงที่มีชื่อเสียงที่สุดห้าคน อันได้แก่ อันเวย เหลิ่งชิว เซี่ยอี้ ผางโจวและตู้เซวียน ส่วนเฉินซีผู้เป็นบุคคลในตำนานจากยอดเขาจรัสตะวันตก คนเหล่านี้ก็ปรารถนาที่จะเห็นเขามากยิ่งขึ้น

เพราะอย่างไร ความวุ่นวายที่เฉินซีได้ก่อขึ้นเมื่อนานมาแล้วนั้นยิ่งใหญ่มาก เพียงวันแรกของการเข้าร่วมนิกาย เขาก็ได้ทุบตีน้องชายของตู้เซวียนและกลายเป็นคนแรกในรอบหลายพันปีที่ขึ้นไปบนแท่นดอกบัวได้ จากนั้นชายหนุ่มก็เผชิญหน้ากับผู้อาวุโสเยว่ฉือโดยตรง บังคับตู้เซวียนต้องคุกเข่าลง อีกทั้งยังมีส่วนในการสืบทอดมรดกศาสตร์เต๋าทั้งสี่สิบเก้าเคล็ดและอื่น ๆ อีกมากมาย

ทุกสิ่งที่เขาทำนั้นน่าอัศจรรย์อย่างมาก และทำให้ทุกคนในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองจดจำชื่อของเขาได้ในชั่วข้ามคืน

“ดูนั่นสิ! คนผู้นี้ก็เข้าร่วมนิกายในวันเดียวกับเฉินซี ดูเหมือนว่าจะชื่อหมิงเหยียน ว่ากันว่าเขาได้รับศาสตร์เต๋าภายในแท่นดอกบัวเช่นกัน และเขามีพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์มาก”

“ที่ไหนหรือ? ให้ข้าดูบ้างสิ” ที่มุมหนึ่ง ศิษย์สายนอกและศิษย์สายในกำลังชี้ไปทางหมิงเหยียน ในขณะที่สนทนาด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก

“ดูนั่นสิ! เหลิ่งชิว ผางโจว และตู้เซวียนแห่งยอดเขาจรัสตะวันออกก็มาถึงแล้วเช่นกัน!”

“โอ้ ข้าไม่เคยนึกเลยว่าศิษย์พี่เหลิ่งชิวจะหล่อเหลาขนาดนี้ หากข้าสามารถเป็นคู่บำเพ็ญกับเขาและบ่มเพาะร่วมกันกับเขาได้ ชีวิตนี้ข้าคงตายโดยไม่เสียใจ”

ในขอบฟ้าอันห่างไกล เหลิ่งชิว ผางโจว และตู้เซวียนต่างก็มาถึงพร้อมกัน รูปร่างของพวกเขาสง่างามและมีท่าทางที่แตกต่างกันไป พวกเขาทำให้เกิดความปั่นป่วนทันที และทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่พวกเขา

ศิษย์หญิงบางคนถึงกับกรีดร้องเรียกชื่อพวกเขาด้วยความหลงใหล ทำเอาศิษย์ชายที่อยู่ใกล้เคียงต่างรู้สึกอิจฉาริษยาและครุ่นคิดอยู่ในใจ ว่าเมื่อใดพวกเขาจะประสบความสำเร็จเหมือนศิษย์พี่เหลิ่งชิวและคนอื่น ๆ บ้าง?

เมื่อเวลาผ่านไป บรรยากาศก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ศิษย์ชั้นสูงที่มีชื่อเสียงจำนวนมากต่างทยอยลงมาบนสนามประลองของยอดเขาสัประยุทธ์ ซึ่งสามารถเรียกเสียงอุทานด้วยความชื่นชมและสายตาอิจฉา ทุกคนต่างตั้งตารอการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสในครั้งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

แต่ภายในกระแสที่พลุกพล่านของผู้คน กลับมีกลุ่มคนที่มืดมนและหดหู่อยู่ ซึ่งพวกเขาก็คือหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ

เมื่อคืนพวกเขาแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เพราะต่างก็เฝ้ารอการกลับมาของเฉินซีอย่างขมขื่น แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นร่องรอยของอีกฝ่ายจนถึงตอนนี้ เมื่อเวลาผ่านไปและการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสใกล้เข้ามา พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายในใจ

“ไม่ต้องห่วง เฉินซีจะมาอย่างแน่นอน” หลิงไป๋ที่อยู่ใกล้ ๆ กำลังนั่งอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่บนไหล่ของชิงอวี่ ซึ่งในมือของเขากำลังถือลูกท้อหวานฉ่ำที่มีขนาดใหญ่กว่าตัว จากนั้นก็กัดมันคำใหญ่และเผยให้เห็นท่าทางสบาย ๆ ที่ไร้ความกังวล

ไป๋คุยก็นั่งบนไหล่อีกข้างของชิงอวี่เช่นกัน และมันกำลังแทะลูกท้ออยู่ เห็นได้ชัดว่ามันสนใจลูกท้อวิญญาณมากกว่าการทดสอบแห่งยอดเขาจรัส

เมื่อเห็นท่าทางที่ไร้กังวลของสหายตัวน้อยทั้งสอง หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ต่างก็พูดไม่ออกและรู้สึกกระวนกระวายใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ฟึ้บ!

เกิดความโกลาหลขึ้นในฝูงชนอีกครั้ง เซี่ยอี้ผู้เป็นศิษย์ชั้นสูงของยอดเขาจรัสใต้และเป็นอันดับหนึ่งของการขัดเกลากายาเทพอสูรได้มาถึงแล้ว เขายังคงสวมชุดผ้าป่านเนื้อหยาบ ถึงแม้จะตกเป็นเป้าความสนใจของผู้คน แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงหนักแน่นและสุขุม คล้ายกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น และให้ความรู้สึกมั่นคงเหมือนหินผา

“เอ๊ะ ชายคนนี้แข็งแกร่งเลยทีเดียว เขาบรรลุการขัดเกลากายาจนถึงเขตสถิตกายา อีกทั้งยังสร้างร่างจำแลงเซียนสวรรค์แล้ว” หลิงไป๋โยนลูกท้อที่เขาแทะจนหมดเกลี้ยงทิ้งไป และเหลือบมองเซี่ยอี้ที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะประหลาดใจ

หลังจากผู้บ่มเพาะปราณแท้บรรลุขอบเขตสถิตกายาแล้ว ตราบเท่าที่เต๋ารู้แจ้งที่พวกเขาหยั่งถึงได้บรรลุถึงขอบเขตสมบูรณ์แบบ พวกเขาก็จะสามารถใช้ศาสตร์เต๋าที่แสดงอานุภาพได้อย่างทวีคูณ

ในทางกลับกัน เมื่อผู้ขัดเกลากายาบรรลุถึงขอบเขตสถิตกายา ร่างกายของพวกเขาจะเข้าสู่สภาวะที่ไม่อาจจินตนาการได้ โดยสามารถใช้แก่นโลหิตกับแก่นวิญญาณเพื่อสร้างร่างจำแลงเซียนสวรรค์ที่มีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับร่างแท้ ทำให้มันน่ากลัวมากเมื่อใช้ในการต่อสู้

โดยรวมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ขัดเกลากายาหรือผู้บ่มเพาะปราณแท้ เมื่อบรรลุขอบเขตสถิตกายา ทั้งการบ่มเพาะและแก่นแท้พลังชีวิตของพวกเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างสิ้นเชิง และจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของผู้บ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่

ทันใดนั้น เสียงโห่ร้องก็เงียบลงจนไม่มีเสียงใด ๆ จากนั้นทุกคนต่างจ้องมองยังไปทิศทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง

ทิศทางที่พวกเขาจ้องมองไป มีกลุ่มผู้บ่มเพาะหญิงที่มีรูปโฉมงดงามกำลังล่องลอยอยู่เหนือเมฆ เสื้อผ้าของพวกนางพลิ้วไปตามสายลม ในขณะที่ร่างกายของพวกนางส่ายไปมา และก่อนที่พวกนางจะมาถึง กลิ่นหอมสดชื่นได้ฟุ้งกระจายไปในอากาศ ทำให้ผู้คนรู้สึกมึนเมา

พวกนางเป็นศิษย์หญิงของยอดเขาจรัสเหนือ ซึ่งล้วนสง่าและงดงาม อีกทั้งยังมากด้วยเสน่ห์ แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือหญิงสาวที่เป็นผู้นำ

นางมีรูปลักษณ์งดงามตามแบบฉบับดั้งเดิม ดวงตาเปล่งประกายราวกับหยก และริมฝีปากสีแดงที่สวยงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ ผิวของนางขาว อ่อนนุ่ม และใสราวผลึกแก้ว ผมของนางสลวยดั่งน้ำตก นางมีหน้าผากกว้างและขาวราวกับหยก ดูงดงามอย่างไร้ตัวตนจนดูเหมือนอยู่กันคนละโลก ดั่งเทพธิดาบนท้องฟ้าที่ร่อนลงมาจากดวงจันทร์

รูปร่างของนางช่างเย้ายวนใจอย่างน่าอัศจรรย์ ขาที่เรียวยาวคู่หนึ่ง เอวบางที่แขนเพียงข้างเดียวก็โอบรัดได้ หน้าอกสองข้างที่อวบอิ่ม คอที่ยาวและขาวราวกับคอของห่านขาว และรูปร่างที่โค้งมนของนางก็เผยให้เห็นเสน่ห์ที่น่าดึงดูดอย่างยิ่ง

นางคือคำนิยามของความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ งดงามจนแทบหยุดหายใจ ทำให้ผู้ชายที่ได้พบเห็นต่างก็แสดงสีหน้าหลงใหล หรือแม้แต่หญิงสาวบางคนที่โอ้อวดความงามของตนเอง หากเผชิญหน้ากับนางก็ยังถูกบดบังและรู้สึกละอายใจ

นางคืออันเวย ศิษย์หญิงอันดับหนึ่งของยอดเขาจรัสเหนือ ผู้นำของยอดศิษย์ชั้นสูงทั้งห้า และนางคู่ควรกับตำแหน่งศิษย์ชั้นสูงอันดับหนึ่งของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง!

“ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก ก็แค่ผู้หญิง จะไปตื่นเต้นหาวิมานอะไรกัน” เมื่อหลิงไป๋เห็นทุกคนตกตะลึง เขาก็อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพึมเบา ๆ สิ่งที่เขาชิงชังมากที่สุดก็คือผู้หญิง และตั้งแต่เขาติดตามเฉินซีมา เขาก็รู้สึกไม่ชอบหญิงสาวที่มาข้องแวะกับชายหนุ่มทุกคน

เพราะอาจารย์ของเขาได้ตายด้วยน้ำมือของหญิงงามที่หาตัวจับยาก ทำให้เขามีอคติต่อการดำรงอยู่อันแปลกประหลาดเหล่านี้ที่เรียกว่าผู้หญิงอย่างมาก

ในเวลาไม่นาน ร่างของอันเวยกับศิษย์หญิงทั้งหมดจากยอดเขาจรัสเหนือได้ลงมายังสนามประลองที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสัประยุทธ์ และไม่พบร่องรอยของพวกนางอีกต่อไป

ทว่าท่ามกลางความเงียบงัน บรรยากาศก็ปะทุด้วยความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

“นั่นคือศิษย์พี่หญิงอันเวย!”

“เทพธิดา! นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ศิษย์พี่หญิงอันเวยคือเทพธิดาของข้า! ข้ายินดีสละชีวิตเพื่อนาง…”

“ข้าสงสัยนัก อัจฉริยะที่โดดเด่นคนใดจะสามารถครอบครองดวงใจของนางได้”

เหล่าศิษย์ชายล้วนสรรเสริญเยินยออย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“ฮึ่ม! ไม่ว่าศิษย์พี่หญิงอันเวยจะยิ่งใหญ่เพียงใด นางก็ยังเป็นผู้หญิง ดูพวกเจ้าทั้งหมดสิ ราวกับว่าพวกเจ้าไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมาก่อนอย่างนั้นล่ะ!” เมื่อเห็นว่าความสนใจของศิษย์ชายเหล่านี้มุ่งไปที่อันเวย มันก็ทำให้ศิษย์หญิงที่แต่งกายอย่างพิถีพิถันต่างรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง และอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำด้วยเสียงอันแผ่วเบา

“เอ๊ะ ว่าแต่ทำไมศิษย์พี่เฉินซีถึงยังไม่มาสักที!” ทันใดนั้นก็มีคนกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ และมันก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงได้สติขึ้นมาทันที ทำให้พวกเขาสงสัยมากเช่นกัน

“ใช่แล้ว ตอนนี้ยอดศิษย์ชั้นสูงทั้งห้ามาถึงแล้ว แต่เหตุใด ศิษย์พี่เฉินซีแห่งยอดเขาจรัสตะวันตกถึงยังไม่มา”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า เขาจะไม่เข้าร่วมการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสในครั้งนี้?”

“เป็นไปไม่ได้! จากความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาในวันนั้น เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสในการเป็นศิษย์ชั้นยอดหลุดลอยไปอย่างแน่นอน”

ทุกคนต่างสนทนากันอย่างมีชีวิตชีวาและพวกเขาล้วนรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนส่วนใหญ่หวังว่าจะได้เห็นท่าทางที่สง่าผ่าเผยของชายหนุ่มในการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสในวันนี้

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ได้ยินข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับเฉินซีและสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงอยากรู้อยากเห็นในตัวอีกฝ่ายมากขึ้น

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ในขณะนี้ คลื่นเสียงระฆังพลันดังขึ้นและก้องไปในสวรรค์ทั้งเก้า ยิ่งกว่านั้น เสียงที่ชัดเจนของมันก็ช่วยกลบเสียงอึกทึกครึกโครมทั้งหมดที่นี่

บรรยากาศพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและหนักหน่วงเพราะเสียงระฆังเหล่านี้

สนามประลองใหญ่ทั้งห้าตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสัประยุทธ์ ในขณะนี้ ปรมาจารย์แห่งยอดเขาจรัสตะวันออก ผู้อาวุโสเยว่ฉือกำลังยืนอยู่ที่นั่นอย่างน่าประทับใจ

ข้าง ๆ เขาคือชายชราร่างสูงที่มีผมสีเงินราวกับน้ำแข็ง และสวมเสื้อคลุมนักพรตเต๋าสีแดงเพลิง การจ้องมองของเขาราวกับสายฟ้าแลบ ดูเต็มเปี่ยมด้วยพลังที่ไม่มีใครเทียบได้และมีท่าทางโอ่อ่าสง่าผ่าเผย เขาคือผู้อาวุโสเลี่ยเผิงที่เชี่ยวชาญการบังคับใช้โทษในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง จึงถูกเรียกว่าผู้คุ้มกฎเช่นกัน

เมื่อเห็นผู้อาวุโสระดับสูงปรากฏตัวขึ้น สีหน้าของทุกคนก็ดูเคร่งเครียด พวกเขากลั้นหายใจอย่างใจจดใจจ่อและไม่กล้าส่งเสียงดังออกมา

“การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสในครั้งนี้ จะมีข้ากับผู้อาวุโสเลี่ยเผิงเป็นประธาน และจะเริ่มขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูงเท่าไม้ไผ่สามลำ ในเวลานั้น ศิษย์ชั้นสูงทั้งหมดที่ต้องการชิงตำแหน่งศิษย์ชั้นยอด ต้องขึ้นสู่สนามประลองทั้งห้านี้และรับคำท้าประลองยุทธ์ทั้งหมด”

“กฎของการทดสอบยังคงเป็นเช่นเดิม ศิษย์ชั้นสูงห้าคนที่สามารถยืนหยัดอยู่บนสนามประลองและสามารถเอาชนะคำท้าประลองยุทธ์ทั้งหมด จะได้รับเลือกเป็นศิษย์ชั้นยอด!” เสียงของเยว่ฉือก้องไปทั่วทั้งฟ้าดิน และลอดผ่านหูทุกคนอย่างชัดเจน “แต่ข้าต้องเตือนทุกคนเป็นพิเศษว่า เมื่อถึงเวลาที่การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสเริ่มขึ้น ศิษย์ชั้นสูงที่ยังไม่มาถึงยอดเขาสัประยุทธ์ จะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสในครั้งนี้!”

ครึ่งแรกของสิ่งที่เขากล่าวนั้นเข้าใจได้ แต่ทันทีที่เยว่ฉือกล่าวครึ่งหลังออกมา มันก็ทำให้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงในทันที จนถึงตอนนี้ เฉินซียังคงมาไม่ถึง และหากเป็นไปตามกฎเหล่านี้ ก็หมายความว่าแม้ชายหนุ่มจะมาถึง แต่เขาก็จะไม่สามารถเข้าร่วมการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสได้ใช่หรือไม่? หากเป็นเช่นนั้นก็คงน่าผิดหวังจริง ๆ…

หัวใจของหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ต่างบีบรัดแน่นยิ่งขึ้น พวกเขาต่างก็กังวลเป็นอย่างมาก เพราะเหลือไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ก่อนที่การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่ศิษย์น้องเล็ก…จะกลับมาทันได้หรือไม่?

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท