บทที่ 652 มรสุมแห่งการแย่งชิง
บทที่ 652 มรสุมแห่งการแย่งชิง
ทะเลสาบทองคำพลันไหลเชี่ยวกรากพร้อมกับคลื่นที่โหมกระหน่ำราวกับสัตว์ร้ายที่ตื่นจากภวังค์ มันแผ่กลิ่นอายอันดุดันและเฉียบคม นำพาความโกลาหลมาสู่บริเวณโดยรอบ
เมื่อผู้คนเห็นเข้า พวกเขาก็แตกวงกันกระเจิง เพราะกลิ่นอายนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง หากโดนคลื่นดังกล่าว จุดจบอาจไม่สวยนัก
วิ้ง!
ท่ามกลางสายตาที่เผยให้เห็นถึงความหวาดผวาของผู้คน ณ ที่แห่งนี้ ทะเลสาบทองคำกลับควบแน่นและลดขนาดอย่างฉับพลัน ภายในไม่กี่ลมหายใจ มันก็กลายเป็นใบไม้ระยิบระยับที่เปล่งแสงออกมาเสียจนแสบตา
ใบไม้นี้มีขนาดใหญ่เท่าแท่นศิลา เคลือบสีทองทั้งใบ ประทับด้วยเส้นชีพจรและลวดลายล้ำลึก ซับซ้อนและหนาแน่นยิ่ง ลอยดั่งพระอาทิตย์เหนือท้องนภา เปล่งกลิ่นอายของมหาเต๋าแห่งทองออกมาอย่างดุเดือด
ที่น่าตกใจที่สุดคือมหาเต๋าแห่งทองได้โปรยปรายดั่งสายฝน เปลี่ยนเป็นเงาสีทองที่เริงระบำอยู่รอบ ๆ ใบ
‘…ชิ้นส่วนมหาเต๋า!’ …มีหลายคนสะดุ้งอุทาน หายใจแรง ดวงตาแดงก่ำ ราวกับเห็นสตรีงดงามที่ปลดเปลื้องชุดคลุมไหมเผยให้เห็นถึงผิวที่เรียบเนียนไร้ที่ติ ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องน้ำลายไหลตาม ๆ กัน
การปรากฏขึ้นของเหวเงาทมิฬในครานี้ดึงดูดผู้คนมากมายจากทั่วสารทิศ คนส่วนใหญ่ต่างมาเพื่อแสวงหาชิ้นส่วนมหาเต๋าในดินแดนลี้ลับแห่งนี้
ถ้าได้มาสักชิ้น ก็ถือว่าเป็นโชคลาภยิ่ง เพราะมันมากพอที่จะทำให้ผู้ครอบครองสัมผัสถึงพลังที่ก้าวกระโดดในช่วงเวลาอันสั้น เพียงก้าวเดียวผู้ถือครองก็สามารถเหินทะยานไปสู่ท้องนภาได้ ทำให้ผู้คนจากทั่วทั้งโลกถึงกับอ้าปากตาค้างออกมาเพราะพลังที่ยอดเยี่ยมซึ่งเผยออกมา!
บัดนี้ สมบัติล้ำค่าที่ทุกคนล้วนหมายตาได้ปรากฏขึ้นแล้ว ทำให้ผู้คนตะลึงงัน และเกิดประกายไฟแห่งความละโมบในทุกสายตาโดยรอบ!
เฉินซีสะดุ้งโหยง ทักษะความเข้าใจในมหาเต๋าของเขาถือว่าพอใช้ได้ ทว่าความชำนาญในมหาเต๋าแห่งทองของเขาอยู่ในขอบเขตขั้นสูงเท่านั้น หากต้องการพัฒนาเพิ่ม เขาต้องรวบรวมความเข้าใจอยู่อีกนานทีเดียว
อย่างไรแล้ว ความล้ำลึกของมหาเต๋านั้นเหนือชั้นกว่าเต๋ารองอย่างเทียบไม่ได้ การบรรลุสู่ขอบเขตสมบูรณ์ในเร็ววันจึงเป็นเรื่องยากมาก ด้วยเหตุนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์มากมายจึงพากันมายังเหวเงาทมิฬ
ฉะนั้น เฉินซีไม่มีทางจะปล่อยให้โอกาสที่ฟ้าประทานให้เช่นนี้หลุดมือไปได้!!
“บุก!” ในที่สุดก็มีคนหักห้ามใจไม่อยู่ วิ่งเข้าไปที่ชิ้นส่วนมหาเต๋า
ตอนนี้มีเพียงหนึ่งร้อยคนที่มาที่นี่ โอกาสเช่นนี้ไขว่คว้ามาได้ยากนัก เพราะเมื่อมีคนมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น การแข่งขันคงจะน่ากลัวยิ่ง
ทุกคนเข้าใจดี ดังนั้นในเวลาถัดมา แทบจะทุกคนจึงพากันพุ่งทะยานไปกับสายลมพลางใส่สมบัติวิเศษมากมายเพื่อคุ้มกันตัว
เฉินซีตั้งใจจะเคลื่อนไหวเช่นกัน แต่สุดท้ายก็หยุดเพื่อใช้เนตรเทวะแห่งความจริงตรวจสอบ
เพราะเขาสัมผัสได้ว่ารอบ ๆ ชิ้นส่วนมหาเต๋าเต็มไปด้วยกลิ่นอายดุร้าย กระแสโกลาหลก่อตัวจากมหาเต๋าแห่งทอง อันตรายเยี่ยงใจกลางพายุ
และมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้! ผู้บ่มเพาะเหล่านั้นที่พุ่งไปพร้อมกับสมบัติคุ้มกันต่างร้องตกใจเมื่อมาถึงตรงหน้าชิ้นส่วนมหาเต๋า เพราะสมบัติวิเศษของพวกเขาต่างถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆ และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอย
แม้คนกลุ่มนี้จะประสบกับความล้มเหลว แต่บางคนก็ไม่ยอมศิโรราบพลางพุ่งทะยานออกไป ผลลัพธ์ก็คือไม่เพียงแต่สมบัติเท่านั้น ร่างของคนพวกนั้นยังถูกสับจนแหลกละเอียด เลือดกระฉูดออกมาดั่งสายฝนและล้มตาย ณ ตรงนั้น
“บ้าเอ๊ย! จะเก็บชิ้นส่วนมหาเต๋ามาก็ยากเหลือเกิน หรือนี่จะเป็นบททดสอบเหมือนกันและมีเพียงผู้มากความสามารถเท่านั้นที่จะคว้ามันไว้ได้?” มีคนสบถคำด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
ผู้คนที่กำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้าต่างหยุดลง พวกเขากระจายไปทั่วสารทิศแล้วค่อยเริ่มวางแผนแก้ปัญหานี้
“ชิ้นส่วนมหาเต๋านั้นเกิดขึ้นจากเต๋าแห่งสวรรค์ซึ่งถูกรวบรวมโดยต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬก่อนที่มันจะสูญสลาย หากต้องการได้มา จะต้องอาศัยความแข็งแกร่งที่มากพอจะสยบมัน หรืออาจต้องใช้สมบัติวิเศษคุ้มกันตัวพร้อมลุยจนกว่ามันจะใช้ปราณโกลาหลที่อยู่รอบ ๆ ชิ้นส่วนมหาเต๋าจนหมด”
ไม่นานนัก พวกเขาก็ได้ข้อสรุป ทำให้สีหน้าไม่น่าดูอย่างยิ่ง ถ้าความแข็งแกร่งของพวกเขาน่าเกรงขามพอก็คงจะลงมือไปตั้งนานแล้ว เหตุใดจึงรอคอยอยู่เช่นนี้? ส่วนการใช้สมบัติวิเศษเพื่อต่อกรกับมันนั้นอันตรายยิ่งกว่าเสียอีก หากทำสำเร็จแล้วถูกอีกฝ่ายลอบโจมตีเล่า?
บางคนก็ถึงขนาดปฏิเสธความคิดนี้ แล้วบินลุยออกไปอีกครั้ง ก่อนจะกลับมามือเปล่า!!
ปราณโกลาหลที่อยู่รอบชิ้นส่วนมหาเต๋าน่าสะพรึงกลัวเสียจนสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ขั้นสุดยอดยังถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย แม้แต่สมบัติกึ่งอมตะยังได้รับความเสียหาย
เหตุผลหลักเพราะว่าชิ้นส่วนมหาเต๋าถูกตราด้วยความล้ำลึกของมหาเต๋าแห่งทอง และในบรรดาความล้ำลึกของมหาเต๋าทั้งปวง มหาเต๋าแห่งทองนั้นน่าเกรงขามที่สุด พลังอำนาจของมันมากเสียจนน่าตกตะลึง!
เฉินซีสงบสติอารมณ์ เขาสังเกตอยู่ชั่วครู่ ก่อนตัดสินใจลงมือเพราะสัมผัสได้ถึงความผันผวนอันน่าเกรงขามที่อยู่ไกลห่าง เห็นได้ชัดว่าเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์กำลังวิ่งกรูเข้ามา และยิ่งมีผู้คนมากเท่าไร มันก็จะยิ่งเป็นปัญหามากขึ้นเท่านั้น!
การผุดขึ้นของชิ้นส่วนมหาเต๋าเรียกได้ว่าโชคดีมากแล้วหากได้พบเห็น และตราบใดที่มีคนพบเจอ ก็คงไม่มีใครยอมปล่อยให้มันหลุดมือไปง่าย ๆ
ฟิ้ว!
ชายหนุ่มทะยานขึ้นสู่ท้องนภา มุ่งตรงไปยังชิ้นส่วนมหาเต๋า เขาไม่ได้พึ่งพาพลังในร่างกาย แต่ใช้แสงศักดิ์สิทธิ์กำราบล้ำลึกเพื่อจัดการกับมันแทน แสงนี้มีพลังแก้ทางธาตุทั้งห้า เปรียบได้กับแสงทิพย์ห้ารัศมีแห่งยุคบรรพกาลที่ติดสิบอันดับต้น ๆ ดังนั้นมันจึงมีพลังที่น่าตกใจ แม้ชิ้นส่วนมหาเต๋าจะน่าเกรงขามก็ตาม มหาเต๋าแห่งทองที่บรรจุอยู่ภายในก็ยังเป็นหนึ่งในธาตุทั้งห้า ซึ่งแก้ทางได้ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์กำราบล้ำลึก
แกร็ก!
ห้วงมิติระเบิดออก ปราณโกลาหลแห่งทองฉีกขาดกระจัดกระจาย มันถูกกำจัดจนหมดไป แม้จะช้าไปหน่อย แต่ก็สามารถทำให้เฉินซีตื่นเต้น อย่างน้อยสุดก็พิสูจน์ได้ว่าวิธีการของเขาได้ผล
“หืม? เจ้าเด็กนั่นกำลังเข้าใกล้ชิ้นส่วนมหาเต๋าได้จริง ๆ หรือ?” มีคนสังเกตเห็นพลางร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เป็นเขาจริง ๆ ด้วย ชายหนุ่มที่ปราบผู้เยี่ยมยุทธ์จากเผ่ากระทิงอัคคี!”
“บ้าเอ๊ย! ชิ้นส่วนมหาเต๋าจะตกเป็นของเขาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“หึ ๆ คงไม่เป็นเช่นนั้นหรอก พวกเราลงมือหลังจากที่เขาทลายเกราะป้องกันและยึดชิ้นส่วนมหาเต๋าจะได้หรือไม่?”
ขณะที่ทุกคนกำลังมองเฉินซีเคลื่อนไปข้างหน้าทีละน้อย ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกาย เตรียมตัวที่จะฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้
ทว่าบางคนรั้งตัวเองไม่อยู่ พุ่งออกไปพร้อมกับเจตนาที่จะสังหารอีกฝ่าย
วิ้ง!
ในช่วงเวลาต่อมา ลำแสงสีแดงเข้มพุ่งออกไปอย่างแม่นยำ เล็งไปยังศีรษะของเฉินซี แสงสายนี้รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ซ้ำยังมีพลังทะลุทะลวงที่มากเสียจนน่าตกใจ
ทว่าชายหนุ่มราวกับมีตาวิเศษอยู่ข้างหลัง เขาไม่ได้หันกลับไป เพียงยื่นแขนออกมาบดขยี้ลำแสงด้วยมือเปล่า ทำให้มันสลายกลายเป็นฝนแสงโปรยปรายแทน!
“หืม? น่าสนใจนี่ เจ้าสามารถสกัดกั้นการโจมตีของข้าได้” เสียงนี้มาพร้อมกับชายผู้มีรูปร่างกำยำ ทั้งร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยเพลิงสีแดงชาด หน้าผากเรียบมาพร้อมกับเขาหนึ่งข้างดูราวกับทำมาจากเพลิง แผ่ไปด้วยความผันผวนของปราณอันน่าสยดสยอง
มีคนจำนวนหนึ่งตามหลังเขามา พวกเขาทุกคนล้วนมีระดับความแข็งแกร่งที่ดีพอสมควร มาพร้อมกับเขาบนหน้าผากเช่นกัน
“ผู้เยี่ยมยุทธ์จากเผ่ากระทิงอัคคี! ดูเหมือนพวกเขาจะมาเพื่อล้างแค้น!” ผู้คนหรี่ตาลงพลางคาดเดาถึงสาเหตุของการโจมตีนี้ ก่อนหน้านี้ เฉินซีได้จับชายหนุ่มในเผ่ากระทิงอัคคีโยนลงไปในทะเลสาบทองคำ ทำให้ชายคนนั้นตายอย่างน่าอดสู และมันก็ต้องเป็นเพราะสาเหตุนี้แน่!
“ฮึ่ม! วันนี้เป็นวันตายของเจ้า ในเมื่อเจ้าสังหารคนในเผ่ากระทิงอัคคีของข้า เช่นนั้นก็จงตายเสียเถอะ!” ชายหนุ่มร่างกำยำตะโกนลั่น พลางยิงเปลวเพลิงออกไปในระดับความสูงหมื่นจั้ง ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วโลกา
เพลิงเหล่านี้เหมือนกับคลื่นที่พัดสู่เวหา นำพาความร้อนระอุมาพร้อมกับเจตนาที่จะสังหารเฉินซีในจังหวะสำคัญที่ชายหนุ่มกำลังทะลวงเกราะป้องกันตรงหน้าชิ้นส่วนมหาเต๋า
ฟิ้ว!
เฉินซีไม่ได้หลบหรือหันมาสู้ผู้เยี่ยมยุทธ์เผ่ากระทิงอัคคีแต่อย่างใด ทั้งร่างของเขาเรืองแสง ปีกสีขุ่นเทากางออกมาปกคลุมทั้งหลัง สกัดกั้นเปลวเพลิงที่ลุกโชน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตกตะลึง เพลิงที่ลุกโชนยังไม่ทันถึงตัวอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ทว่ามันก็ถูกความผันผวนของปราณบดขยี้เสียแล้ว ทำให้เพลิงเหล่านั้นกระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่!
อันที่จริง เขาก็ตกใจมากพอสมควร ผู้เยี่ยมยุทธ์เผ่ากระทิงอัคคีผู้นี้น่าเกรงขามยิ่ง เพราะเพลิงดังกล่าวเต็มไปด้วยพลังแผดเผา เห็นได้ชัดว่ามันคือศาสตร์เต๋า หากไม่ใช่เพราะทักษะปีกกำราบผกผัน เฉินซีคงจะไม่สามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดายเพียงนี้!
ทว่าความคิดนี้แล่นผ่านศีรษะของเขาเพียงแค่แวบเดียว เพราะจังหวะต่อมา เฉินซีก็จดจ่อกับเกราะป้องกันตรงหน้าแล้ว แสงศักดิ์สิทธิ์กำราบล้ำลึกกำจัดเกราะป้องกันออกไปในขณะที่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้าชิ้นส่วนมหาเต๋า
บัดนี้ แรงกดดันที่เขาต้องต้านทานนั้นเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ มันหนาแน่นยิ่งนัก นี่เป็นจังหวะสำคัญและตราบเท่าที่ฝ่าแนวป้องกันสุดท้ายได้ ชิ้นส่วนมหาเต๋าก็จะอยู่ไกลแค่เอื้อม!
“ทักษะปีกกำราบผกผัน! เคล็ดวิชาของเผ่าวิหคเพลิงนภาที่สาบสูญมาเนิ่นนาน!” ม่านตาของชายหนุ่มร่างกำยำหดลง ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นพลังอิทธิฤทธิ์ที่ชายหนุ่มแสดงออกมา
“พวกเราลงมือพร้อมกัน และใช้โอกาสนี้กำจัดไอ้เด็กเวรนี่กันเถอะ!” ชายหนุ่มคนเดิมตะโกนเสียงดัง จากนั้นเขาก็กลายร่างเป็นกระทิงอัคคีที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงที่เดือดพล่าน เท้าก้าวไปในท้องนภา เปิดปากพ่นทะเลเพลิงที่โหมกระหน่ำไปทั่วทั้งสวรรค์และโลกตรงมายังเฉินซี
ผู้เยี่ยมยุทธ์เผ่ากระทิงอัคคีคนอื่นจู่โจมต่อเนื่องกัน ในชั่วเวลาหนึ่ง ฟ้าดินปกคลุมไปด้วยทะเลเพลิง พื้นที่ในรัศมีหมื่นลี้กลายเป็นสีแดงเดือดที่เต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล
ดวงตาของเฉินซีเย็นยะเยือก โทสะอันไร้ขีดจำกัดปรากฏขึ้นในจิตใจ หากไม่ต้านทานการโจมตีนี้ เขาจะต้องบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่ ทว่าหากต้านทานเอาไว้ ความพยายามก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า และพลาดโอกาสที่จะได้ชิ้นส่วนมหาเต๋ามาครอบครอง
ที่สำคัญที่สุดคือ มีผู้เยี่ยมยุทธ์จ้องมองตาเป็นมันอยู่ทั่วสารทิศ ซ้ำยังมีคนที่กำลังวิ่งกรูเข้ามา มีปัญหามากมายก่ายกอง ฉะนั้นถ้าพลาดโอกาสตรงหน้า คงจะไม่อาจหาโอกาสอื่นได้แล้ว
แต่หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นบางอย่าง แววแปลกประหลาดพลันปรากฏให้เห็นในดวงตาของชายหนุ่ม
ชั่วอึดใจต่อมา เขาตัดสินใจหลบหลีกการโจมตีที่กำลังล้อมรอบกาย ก่อนจะล่าถอยกลับอย่างไม่ลังเล ซ้ำยังทิ้งชิ้นส่วนมหาเต๋าที่อยู่ตรงหน้าไป…
นับเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดยิ่งนัก!!
ในสายตาของผู้คน การกระทำของเฉินซีถือว่าปกติ หากเสียชิ้นส่วนมหาเต๋าไปก็ยังหาใหม่ได้ แต่ถ้าเสียชีวิตละก็ ไม่มีทางที่เขาได้กลับมาเกิดใหม่เป็นแน่!
ฟิ้ว!
ชายหนุ่มได้เหาะลงมาไกลแล้ว เขามองดูอย่างเย็นชาพร้อมท่าทางที่ไม่พอใจอย่างยิ่ง
“หึ! ฉลาดดีนี่! ข้าจะปลิดชีวิตอันไร้ค่าของเจ้าหลังจากที่ได้ชิ้นส่วนมหาเต๋ามาเอง!” ผู้เยี่ยมยุทธ์เผ่ากระทิงอัคคีทำเสียงขู่ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสั่งให้คนอื่นจับตาดูเฉินซีเอาไว้ในขณะที่เขาทะยานสู่เวหาเพื่อคว้าชิ้นส่วนมหาเต๋า
ตอนนี้ การป้องกันของมหาเต๋าเก้าในสิบส่วนถูกเฉินซีพังทลายหมดแล้ว กล่าวได้ว่าชายหนุ่มร่างกำยำได้เปรียบอย่างมาก ตราบใดที่เขากำจัดแนวป้องกันสุดท้ายได้ ก็จะไขว่คว้าชิ้นส่วนมหาเต๋าได้อย่างง่ายดาย
“เหอะ เขาตั้งใจมาตั้งนาน แต่ผลไม้หอมหวานกลับถูกผู้อื่นชิงเก็บกินแทน เจ้าเด็กนั่นคงกำลังโกรธอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?” ผู้คนรอบ ๆ พากันมองไปยังเฉินซีด้วยสายตาแปลกประหลาด