บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 654 ทะลวงพลังอย่างต่อเนื่อง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 654 ทะลวงพลังอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 654 ทะลวงพลังอย่างต่อเนื่อง

อาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬ ณ เขตอัคคี

ผู้บ่มเพาะกลุ่มหนึ่งต่างยืนเรียงรายและเตรียมพร้อมจะต่อสู้ ดวงตาของพวกเขาลุกโชนไปด้วยความโลภอันร้อนแรง เผยท่าทีดั่งฝูงหมาป่าดุร้ายที่จดจ้องไปยังเหยื่อของมัน และทุกคนต่างก็พร้อมที่จะลงมือโดยปราศจากความเกรงกลัว!

ที่เบื้องหน้าของพวกเขาคือแอ่งหินหลอมเหลวที่กินพื้นที่กว้างใหญ่มหาศาล หินหลอมเหลวสีแดงสดพวยพุ่งเป็นฟองปุด ๆ และภายในก็ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบสีขาวขุ่น ซึ่งแม้แต่อากาศก็ยังบิดเบี้ยวจากอุณหภูมิที่สูงและร้อนระอุ

นี่คือพื้นที่ใจกลางของเขตอัคคี ซึ่งชิ้นส่วนของมหาเต๋าที่ประทับด้วยความลึกล้ำของธาตุไฟซุกซ่อนอยู่ภายในนั้น ดังนั้นมันจึงสามารถดึงดูดเหล่าผู้บ่มเพาะมากมาย

ตู้ม!

ทันใดนั้น แอ่งหินหลอมเหลวที่สงบนิ่งพลันปะทุขึ้นมา จนก่อให้เกิดคลื่นมหึมาสีแดงที่พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าถึงพันจั้ง ซึ่งไดย้อมฟ้าดินจนกลายเป็นสีแดงเข้ม ในขณะที่คลื่นความร้อนที่ปล่อยออกมานั้นก็เกินจะทานทน

บางคนไม่ทันตั้งตัวเพราะอยู่ใกล้เกินไป จึงถูกพัดพาเข้าไปในแอ่งหินหลอมเหลวนั้นทันที

คนเหล่านั้นต่างส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพช ในขณะที่ร่างกายก็ถูกหลอมละลายอย่างรวดเร็ว พวกเขาล้วนตายในชั่วพริบตา และมันก็น่าสยดสยองอย่างมาก

ทว่าไม่มีใครสนใจเหตุการณ์อันน่าสยดสยองนี้ เพราะสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ใบไม้สีแดงเข้มขนาดใหญ่ที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากหินหลอมเหลว ใบไม้มีสีแดงเหมือนใบเฟิง*[1] เป็นผลึกและโปร่งแสง เส้นสายของมันหนาแน่นและลึกล้ำ อีกทั้งยังส่องแสงมากมายออกมา มันค่อย ๆ กลายเป็นร่างโปร่งแสงที่มีขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งร่ายรำและโบยบินไปมา

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นชิ้นส่วนมหาเต๋า!

ทุกคนต่างตื่นเต้นเมื่อเห็นมัน พวกเขาล้วนหายใจแรงขึ้นและกระสับกระส่ายอย่างมาก จากนั้นก็พากันพุ่งออกไปในทันทีที่เป็นไปได้ เนื่องจากพวกเขากลัวว่าตนเองจะช้ากว่าคนอื่นและพลาดโอกาสที่ได้จะรับชิ้นส่วนมหาเต๋า

“บุก!”

“ไสหัวไปซะ ชิ้นส่วนมหาเต๋าจะต้องเป็นของเผ่าวานรขาว!”

“หึ! เมื่อสมบัติร่วงหล่นจากสวรรค์ ผู้มีวาสนาย่อมได้ครอบครอง อย่าได้ใช้ตัวตนของเจ้าเพื่อข่มขู่คนอื่น!”

“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงลอบโจมตีข้า ไปตายซะ!”

ทันใดนั้น ทั่วทั้งสวรรค์และโลกก็อยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย การต่อสู้สั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์และเลือดก็ไหลนองไปทั่ว ซึ่งไม่ต่างกับนรกบนดิน

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ในครั้งนี้ยังไม่ทันจบสิ้น แต่ทุกคนกลับหยุดการต่อสู้และดูเหมือนจะถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิง

ภายในขอบเขตการมองเห็นของพวกเขา ชิ้นส่วนมหาเต๋าได้เปลี่ยนเป็นลำแสงและบินออกไปราวกับว่ามันมีสติปัญญา! มีคนพยายามจะหยุดมัน แต่ร่างของคนผู้นั้นกลับถูกมันทะลุทะลวง และตายลงอย่างน่าอนาถในทันที

“นี่มันเกิดบ้าอันใดขึ้น!” ทุกคนตกใจจนกรามแทบหลุด พวกเขาต่างงุนงงและเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขานั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

“บัดซบ เป็นเพราะไอ้เด็กนั่น!” มีบางคนเห็นชายหนุ่มรูปงามกำลังโบกมือจากระยะไกล ในขณะที่ชิ้นส่วนมหาเต๋าก็บังเอิญตกอยู่ในมือของเขาอย่างพอดิบพอดี

“อะไรนะ? มีคนกล้าใช้ลูกไม้ชั้นต่ำต่อหน้านายน้อยคนนี้จริง ๆ หรือ!?”

“ไอ้สารเลว! ทิ้งชิ้นส่วนมหาเต๋าไว้ซะ มิฉะนั้นวันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!”

“ฆ่า! ฆ่าไอ้สารเลวนั่นซะ!”

เมื่อพวกเขาเห็นชิ้นส่วนมหาเต๋าอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่กลับถูกชายหนุ่มแปลกหน้าแย่งไปโดยไม่คาดคิด ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็บันดาลโทสะด้วยการกระทืบพื้นด้วยความโกรธ ในขณะที่ดวงตาก็เบิกโพลงจนแทบถลน พวกเขาต่างก่นด่าสาปแช่งขณะที่ไล่ตามชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นไป

แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนั้นย่อมคือเฉินซีนั่นเอง หลังจากได้รับชิ้นส่วนมหาเต๋ามาแล้ว เจ้าตัวก็หันหลังกลับและจากไปโดยไม่รีรอแม้แต่น้อย และการเคลื่อนไหวของเขาก็ไหลลื่นเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าเคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน

ฟุ่บ!

ในช่วงเวลาต่อมา เฉินซีอาศัยความเร็วของปีกกำราบผกผันที่เทียบได้กับการเคลื่อนย้ายมิติ และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในเขตอัคคีเท่านั้น ทว่าเหตุการณ์ที่คล้ายกันยังเกิดขึ้นในเขตอื่น ๆ เช่น เขตวารี เขตพฤกษา เขตอัสนี…

ทันใดนั้น อาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬทั้งหมดก็ตกอยู่ในความโกลาหล และทุกคนต่างก็พบว่า เหตุการณ์ที่ถูกใครบางคนชุบมือเปิบอย่างต่อเนื่องนั้น แท้จริงแล้วเกิดจากน้ำมือของคนคนเดียวกัน!

เรื่องนี้น่าตกใจเกินไป ถึงอย่างไร ชิ้นส่วนมหาเต๋าเหล่านั้นก็ปราบได้ยาก และไม่ต้องกล่าวถึงผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา เพราะแม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีก็ยังต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก แต่คนผู้นี้เพียงแค่โบกมือของเขาและชิ้นส่วนมหาเต๋าก็จะเข้าสู่อ้อมกอดอย่างเชื่อฟังเหมือนเด็กที่ว่านอนสอนง่าย

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจและไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง เพราะผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านี้ไม่มีทางยอมรับว่า คนผู้นี้จะสามารถทำเรื่องดังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่ล้มเหลวเลยแม้แต่ครั้งเดียว!

หลังจากมีคนนับรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ พวกเขาก็พบว่า เพียงครึ่งวัน คนผู้นี้ก็ได้ชิ้นส่วนมหาเต๋าไปถึงห้าชิ้นแล้ว!

นี่เป็นจำนวนที่พอจะทำให้ทุกคนคลุ้มคลั่ง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เศษกะหล่ำปลี แต่เป็นสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงของสวรรค์และโลก!

ชิ้นส่วนทุกชิ้นล้วนประเมินค่ามิได้ และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบได้ที่ด้านนอกของเหวเงาทมิฬ แต่คนผู้นั้นกลับได้ไปถึงห้าชิ้นในเวลาอันสั้น และข้อเท็จจริงนี้ก็ทำให้ทุกคนถึงกับคลุ้มคลั่ง!

“คนผู้นั้นคือใครกัน?”

“เขามาจากไหน?”

“เหตุใดเขาถึงได้ชิ้นส่วนมหาเต๋าไปอย่างง่ายดาย?”

คำถามเหล่านี้อัดแน่นอยู่ในหัวใจของผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคน และทำให้ความเกลียดชังของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นเมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งพวกเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการจับตัวและแย่งชิงชิ้นส่วนมหาเต๋าที่อยู่ในการครอบครองของคนผู้นี้อย่างโหดเหี้ยม

เพราะการกระทำของชายคนนี้มันล้ำเส้นเกินไปแล้ว!

พวกเขาทั้งหมดล้วนเผชิญปัญหามากมาย ทั้งได้รับบาดเจ็บและล้มตาย แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง เช่นนี้จะไม่ให้พวกเขาเคียดแค้นได้อย่างไร?

“ไล่ตามมัน! เราต้องจับไอ้สารเลวที่ควรจะถูกสับเป็นพันชิ้น ๆ คนนี้ให้ได้!”

“พี่น้อง ลงมือกันเถิด เจ้าเด็กคนนี้ครอบครองชิ้นส่วนมหาเต๋าอยู่มากมาย ดังนั้นเราย่อมสามารถแบ่งมันเท่า ๆ กันหลังจากที่จับมันได้จริงหรือไม่?”

“ใช่แล้ว! เราต้องจับไอ้สารเลวคนนี้ให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไป เราทุกคนจะยิ่งเสียโอกาสมากขึ้น เมื่อมันขัดเกลาและดูดซับชิ้นส่วนมหาเต๋าสำเร็จ เราก็จะไม่มีทางที่จะได้รับแม้แต่เศษชิ้นส่วน!”

“จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับการลงมือในตอนนี้ เหล่าพี่น้องทั้งหลาย หากเราไม่ลงมือในตอนนี้ แล้วจะต้องรอจนไปถึงเมื่อใด? ทุกคน… บุก!”

เสียงโห่ร้องที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความโกรธเกรี้ยวเหล่านี้ ดังก้องไปทั่วทั้งอาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬ พวกเขาต่างก็มีท่าทีขุ่นเคือง และคนเหล่านี้ดูจะไม่หยุดจนกว่าจะฆ่า ‘โจรชั่ว’ คนนี้ได้ ด้วยทุกคนต่างก็รู้ว่า อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามถึงห้าวันในการขัดเกลาและดูดซับชิ้นส่วนมหาเต๋าต่อหนึ่งชิ้น ดังนั้นพวกเขาจะต้องจับตัวคนน่ารังเกียจนี้ให้เร็วที่สุด มิฉะนั้น พวกเขาอาจต้องกลับไปมือเปล่าจริง ๆ!

ทันใดนั้น อาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬก็เต็มไปกลุ่มล่าสังหารอยู่ทุกหนทุกแห่ง และพวกเขาเป็นดั่งเมฆดำที่ส่งเสียงหวีดหวิวขณะที่ค้นหาไปทั่ว ซึ่งดูราวกับว่าพวกเขาแทบจะพลิกแผ่นดินเพื่อตามล่าโจรร้ายคนนี้

เหตุการณ์ดังกล่าวอาจถือได้ว่าน่าทึ่งจริง ๆ เพราะไม่ว่าในอดีตพวกเขาจะเป็นศัตรูกันหรือไม่ก็ตาม แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มาจากทั่วทุกสารทิศเหล่านี้กลับร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นและจัดตั้งแนวร่วมเพื่อตามจับกุมคนคนหนึ่ง!

…หากผู้อาวุโสของนิกายที่อยู่เบื้องหลังพวกเขามาเห็นฉากนี้เข้าละก็ บรรดาผู้อาวุโสเหล่านั้นคงไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงแน่!

เหล่าผู้บ่มเพาะต่างโกรธเกรี้ยวและค้นหาทั่วสารทิศ พวกเขาล้วนเบิกตากว้างและไม่ปล่อยให้สถานที่ใดรอดพ้นจากการตรวจสอบของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกกดดันยิ่ง และได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่นในใจ

เนื่องจากเขาไม่เคยคิดเลยว่า การแย่งชิงชิ้นส่วนมหาเต๋าไปไม่กี่ชิ้น กลับทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ที่ทำให้การเคลื่อนไหวไปยังสถานที่ต่าง ๆ โดยไร้ความเกรงกลัวนั้นเป็นไปได้ยาก และทำได้เพียงกบดานอยู่ในถ้ำที่ซ่อนอยู่ภายในเขตปฐพีเป็นการชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้ซ่อนตัวอยู่เฉย ๆ หากแต่ใช้เวลานี้เพื่อเริ่มทำสมาธิและควบคุมแดนฮุ่นตุ้นของเขา

ชิ้นส่วนมหาเต๋าห้าชิ้นที่เขาได้มาในตอนนี้ได้หลอมรวมเข้ากับแดนฮุ่นตุ้นแล้ว ซึ่งได้แก่ ชิ้นส่วนมหาเต๋าแห่งทอง ชิ้นส่วนมหาเต๋าแห่งอัคคี ชิ้นส่วนมหาเต๋าแห่งพฤกษา ชิ้นส่วนมหาเต๋าแห่งวารี และชิ้นส่วนมหาเต๋าแห่งอัสนีตามลำดับ

เนื่องจากความช่วยเหลือของต้นอ่อนเงาทมิฬ ชิ้นส่วนมหาเต๋าเหล่านี้จึงได้รับการขัดเกลาและถูกดูดซับอย่างสมบูรณ์มานานแล้ว อีกทั้งผลประโยชน์ที่เฉินซีได้รับก็ทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก

แดนฮุ่นตุ้นที่อยู่ภายในร่างกายของเขาขยายตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า และปราณแท้ที่บรรจุอยู่ภายในนั้นก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึงห้าเท่า!

ในเวลานี้ ภูเขา ทะเลสาบ พืชพรรณ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว… ที่อยู่ภายในแดนฮุ่นตุ้นของเขากำลังเติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง มันกว้างใหญ่และท่วมท้นไปด้วยพลังชีวิต อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์

นี่เป็นผลประโยชน์มหาศาลที่เกิดจากการเข้าใจความลึกล้ำของมหาเต๋าแห่งทอง มหาเต๋าแห่งพฤกษา มหาเต๋าแห่งอัคคี มหาเต๋าแห่งวารี และมหาเต๋าแห่งอัสนีที่บรรลุถึงขอบเขตสมบูรณ์ จึงทำให้แดนฮุ่นตุ้นของเขากว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

และสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ ตอนนี้ชายหนุ่มสามารถใช้พลังต่อสู้ได้สูงถึงห้าเท่า!

นี่เป็นความก้าวหน้าที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง และการเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงก็ไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำพูด เพราะมันอาจเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่สั่นสะเทือนใต้หล้า หากเป็นวันก่อน ชายหนุ่มก็คงจะไม่เชื่อว่า พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นถึงระดับที่น่าตกตะลึงได้ในวันเดียว และมันก็น่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก

จนถึงตอนนี้ เฉินซียังคงรู้สึกมึนงงราวกับว่าเขากำลังฝันอยู่ เพราะตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะจนถึงตอนนี้ มันก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับความรู้สึกประหลาดใจและน่าทึ่งนี้ ซึ่งชายหนุ่มไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดได้ทั้งหมด

นอกจากนี้ นี่คือความน่าเกรงขามของการพานพบกับโชคโดยบังเอิญ มันไม่ธรรมดา ไม่คาดฝัน และมักจะทำให้ประหลาดใจ ซึ่งมีเพียงพื้นที่ลึกลับของเหวเงาทมิฬเท่านั้นที่สามารถพานพบโชคครั้งใหญ่เช่นนี้ได้ ทำให้ผู้คนต่างก็คลุ้มคลั่งและเสียสติ!

แต่ชายหนุ่มก็ตระหนักได้ว่า เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะต้นอ่อนเงาทมิฬที่ก่อตัวขึ้นจากแก่นวิญญาณของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬที่อยู่ภายในร่างกายของเขา และมีพลังที่สามารถดึงดูดชิ้นส่วนมหาเต๋าเป็นพิเศษ ทำให้พวกมันไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงไขว่คว้าชิ้นส่วนมหาเต๋าเหล่านั้นมาได้อย่างง่ายดาย และต้นอ่อนเงาทมิฬก็ได้มาจากหม้อใบจิ๋ว!

เฉินซีสงสัยเป็นอย่างมากว่า ผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหลนั้นซ่อนอยู่ที่ใดกันแน่? และครั้งนี้เขาจะต้องช่วยหม้อใบจิ๋วหามันให้จงได้ มิฉะนั้น ชายหนุ่มคงไม่คู่ควรกับของขวัญชิ้นนี้!

เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และยับยั้งความรู้สึกต่าง ๆ ในใจ เขาไม่ได้ครุ่นคิดต่อไป จากนั้นจึงเริ่มทำสมาธิและทำความเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย

ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องใช้เวลาเพื่อทำความคุ้นเคยและปรับเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ เพราะหากยังคงต่อสู้ด้วยวิธีเดิม มันก็จะเป็นการเสียเปล่ายิ่งนัก

ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลานี้ กลุ่มผู้บ่มเพาะด้านนอกกำลังไล่ล่าค้นหาเขาไปทุกแห่งหน และดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการฆ่าให้ได้ ดังนั้นการออกไปอย่างบุ่มบ่ามในตอนนี้ย่อมไม่ฉลาดเป็นอย่างยิ่ง บางที หลังจากที่เขาสามารถควบคุมพลังได้อย่างสมบูรณ์แล้ว อาจเป็นตอนนั้นที่ตัวเขาจะออกไป…

“นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้ว เหตุใดเราถึงยังหาเจ้าเด็กบัดซบนั่นไม่เจอ? มิใช่ว่ามันออกจากอาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬไปแล้วหรอกหรือ?”

“ออกไปแล้ว? ฮึ่ม! ตอนนี้เหล่าผู้แข็งแกร่งต่างก็รู้แล้วว่า โจรชั่วคนนั้นคือเฉินซี และมันมาจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง แม้ว่ามันจะจากไป แต่ก็ไม่อาจหลบหนีการไล่ล่าของทุกคนได้อยู่ดี!”

“ไปกันเถอะ ชิ้นส่วนมหาเต๋าในเขตปฐพีกำลังจะปรากฏขึ้น ข้าได้ยินมาว่า เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนมากต่างรีบรุดไป และเราจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปมิได้”

“หึ หึ ชิ้นส่วนมหาเต๋า? ทุกคนไม่ได้มาเพียงเพื่อสิ่งนั้น แต่พวกเขาได้วางกับดักและกำลังรอให้เหยื่อหลงเข้ามา พวกเขากำลังรอคอยให้เจ้าเด็กบัดซบนั่นกระโดดลงไปในกับดักเอง!”

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าเด็กบัดซบนั่นจะกล้ามาได้อย่างไร ในเมื่อมันเห็นว่าพวกเรามีกันเยอะขนาดนี้”

“มันจะต้องมา ต้องมาอย่างแน่นอน! เท่าที่ข้าทราบมา สหายทั้งสองคนของมันจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองก็ปรากฏตัวในเขตปฐพีเช่นกัน ตราบใดที่พวกเขาถูกจับเป็นตัวประกัน คิดว่าเจ้าเด็กนั่นจะไม่ออกมาหรือ?”

“ฮ่า ๆๆ! ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น! ข้าว่ามันจะเป็นไปได้อย่างแน่นอน!”

จู่ ๆ เสียงสนทนาก็ดังขึ้นจากนอกถ้ำที่เฉินซีซ่อนอยู่ และชายหนุ่มซึ่งกำลังทำสมาธิพร้อมกับสะกดกลิ่นอาย พลันสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที

“กับดัก? ใช้สหายของข้าเป็นตัวประกัน? ไอ้สารเลวพวกนี้ช่างต่ำช้ายิ่งนัก พวกมันกล้าทำทุกวิถีทางโดยไม่ละอายใจจริง ๆ!”

เฉินซีลุกยืนขึ้น ดวงตาของเขาก็ทอประกายแสงอันเย็นชา และมันก็เย็นยะเยือกยิ่ง!!

[1] ใบเฟิง หรือต้นเฟิง คือต้นไม้ที่เราหลายคนอาจรู้จักกันดีในชื่อ ‘ต้นเมเปิ้ล’ หรือหากเป็นในชื่อไทยก็คือ ‘ต้นก่วม’

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท