บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 671 การลอบทำร้ายจากเซียนปฐพี

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 671 การลอบทำร้ายจากเซียนปฐพี

บทที่ 671 การลอบทำร้ายจากเซียนปฐพี

การลงมือของเฉินซีที่สามารถบีบบังคับให้ผู้บ่มเพาะอัจฉริยะที่ไร้เทียมทั้งสองคนอย่างเหวินเต้าหรานกับนักพรตเต๋าสุริยันชาดต้องล่าถอย ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และยึดวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนโต๊ะศิลาไป ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างตกใจจนอ้าปากค้าง

แม้เหลิ่งฉานเอ๋อร์จะมาช้าไปก้าวหนึ่ง แต่ถ้อยคำที่เปล่งออกมาโดยไม่ตั้งใจนั้นก็เหมือนกับการเติมเชื้อไฟ และทำให้ทุกคนได้ตระหนักอีกครั้งว่า เฉินซีนั้นแข็งแกร่งเพียงใด!

เพราะคงไม่มีผู้ใดคาดคิดได้ว่า คนคลั่งการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีฝืมือร้ายกาจอย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดากลับต้องพ่ายแพ้ให้แก่เฉินซี!

บรรยากาศพลันเงียบลงทันที มันเงียบสนิทจนแม้แต่เสียงเข็มหล่นยังได้ยิน

ทุกคนต่างมองไปที่ชายหนุ่มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ขณะที่ทางฝั่งเฉินซีเองก็ชำเลืองมองมาเช่นกัน เขาได้เห็นการมาถึงของเหลิ่งฉานเอ๋อร์แล้ว แต่ความสนใจเขากลับจดจ้องไปที่ชายชรารูปร่างผอมสูง ผู้มีผมขาวราวกับหิมะและสวมเสื้อคลุมสีขาวที่ยืนอยู่เคียงข้างของเหลิ่งฉานเอ๋อร์มากกว่า

ชายชรายืนเอามือไพล่หลังและจ้องมองอย่างเฉยเมย ทว่าร่างกายของเขากลับเปี่ยมไปด้วยปราณเซียน ตัวคนราวกับเหวลึกที่ไร้ก้นบึ้ง ดลบันดาลให้ผู้คนรู้สึกใจสั่นและมิอาจหยั่งถึงได้

ที่แท้คนผู้นี้ก็คือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี!

ดวงตาของเฉินซีพลันหรี่ลงจนแทบมองไม่เห็น และเขาก็คิดในใจว่า ‘ทั้งนิกายเซียน นิกายอสูร และเผ่าบรรพกาลเหล่านี้ล้วนมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเป็นผู้นำอย่างที่ข้าคิดไว้ และชราชราในชุดคลุมสีขาวตรงหน้า ย่อมเป็นบุคคลสำคัญจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์!’

เมื่อเฉินซีเหลือบมองไปทางชายชราผู้นั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองมาที่มาชายหนุ่มเช่นกัน ดวงตาของชายชรานั้นลึกล้ำและเยือกเย็น จากนั้นเขาก็ระเบิดพลังที่คมดุจมีดดาบไปทางเฉินซีอย่างรวดเร็ว มันคมกริบเสียจนดูจะสามารถฟันวิญญาณของเฉินซีให้ขาดออกจากกันได้!

“ไม่ได้การ! ตาเฒ่านี้ดูเหมือนจะมีเจตนาฆ่าข้า!”

เฉินซีรู้สึกหวาดสะพรึงอยู่ในใจ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่มองไม่เห็น ซึ่งแฝงมากับสายตาของชายชรา

แม้ว่ามันจะหายวับไปในพริบตา แต่จิตสังหารที่แฝงอยู่ในสายตาของคนผู้นี้กลับชัดเจนมาก มันทั้งเยือกเย็นและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง คล้ายกับว่าหากชายชราจ้องมองไปที่ใครแล้ว คนคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน

ฟู่ว!

เฉินซีโคจรปีกกำราบผกผันโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เพียงชั่วพริบตาต่อมา เขาก็พุ่งทะยานออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว ร่างของชายหนุ่มดูคล้ายกับลำแสงที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่เหนือจินตนาการ

มีทางเดินหลายสายที่มุ่งสู่ห้องโถงนี้ แต่ส่วนลึกที่สุดของมัน มีประตูใหญ่ทองสัมฤทธิ์ปิดสนิทอยู่ มันเต็มไปด้วยรอยด่างดำของสนิม พื้นผิวของมันถูกประทับด้วยลวดลายโบราณที่ไม่ชัดเจน ทำให้มันดูเก่าแก่ราวกับผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน

ก่อนจะมาถึงห้องโถงนี้ เฉินซีเคยได้รับคำเตือนจากหม้อใบจิ๋วว่า พื้นที่หลักของพระราชวังแห่งการรังสรรค์อยู่ที่ด้านหลังของประตูนี้ และไกลออกไปก็มีด่านแห่งความลึกล้ำที่ลี้ลับและมิอาจหยั่งได้คอยอยู่

แต่ในขณะนี้ ประตูนี้ถือเป็นทางหนีของเขา!

เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่น จิตสังหารที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเผยออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้เฉินซีสัมผัสถึงภัยคุกคามร้ายแรง และถ้าเขาไม่รีบหนีออกไปในตอนนี้ ชายหนุ่มอาจจะต้องทอดร่างทิ้งไว้ตลอดกาล!

ถึงอย่างไร ชายชราคนนั้นคือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี !

คำว่า ‘เซียนปฐพี’ ก็มีอักษร ‘เซียน’ อยู่ในคำอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับเซียนสวรรค์ แต่สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทุกคน ย่อมสามารถดูถูกดูแคลนผู้บ่มเพาะทุกคนในโลกได้ ด้วยพวกเขาครอบครองพลังที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ซึ่งนับเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่อยู่ต่ำกว่าเพียงตัวตนในภพเซียน

เมื่อเผชิญกับตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ แล้วเฉินซีจะกล้าเอาชีวิตไปเสี่ยงได้อย่างไร?

การจากไปอย่างกะทันหันของเฉินซี ทำให้ทุกคนตกตะลึง เพราะต่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายหนุ่มถึงจากไปเช่นนั้น แต่ชายชราในชุดคลุมสีขาวยังคงจ้องมองที่เฉินซี และดูจะไม่แปลกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายหนีไป

“ไอ้หนู ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็ทิ้งชีวิตไว้ซะ!” ชั่วพริบตาต่อมา ชายชราในชุดคลุมสีขาวพลันสะบัดแขนเสื้อของเขา และทันใดนั้น เจ้าตัวก็ปล่อยสายฟ้าที่เปล่งประกายสีม่วงออกมาอย่างรุนแรง

วูบ~ วูบ~ วูบ~

หลังจากสายฟ้าสีม่วงหมุนวนไปชั่วขณะ หลุมดำนับไม่ถ้วนก็ก่อตัวขึ้น และทำให้เกิดแรงดูดอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้พื้นที่รอบกายเฉินซีเริ่มแปรปรวนและส่งเสียงอึกทึกครึกโครม

“ไม่ได้การ!”

ชั่วพริบตาเดียว เฉินซีก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งกาย ความหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจ และโดยสัญชาตญาณ ชายหนุ่มพลันใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อสร้างม่านพลังป้องกันขึ้นเป็นชั้น ๆ รอบตัว อีกทั้งยังใช้เคล็ดวิชาล้ำลึกมากมาย เพื่อปกคลุมร่างกายเอาไว้

แต่ถึงกระนั้นเฉินซีก็ยังไม่สบายใจ เขาจึงโคจรแดนฮุ่นตุ้นอีกครั้ง และทำให้มันสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มยังเรียกปีกกำราบผกผันให้กางออก ก่อนจะโคจรพลังทั้งหมดที่มีไปยังมัน

ครืนน!

สายฟ้าสีม่วงระเบิดอย่างรุนแรง

ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างกาย ในขณะที่ทุกสิ่งรอบตัวเขากำลังถูกทำลาย ราวกับประสบกับภัยพิบัติใหญ่วันสิ้นโลก สภาพแวดล้อมปั่นป่วนวุ่นวายราวเป็นทะเลเพลิงในนรก และม่านพลังป้องกันของชายหนุ่มก็พังทลายลงทีละชั้น

เพียงแค่ชั่วพริบตา ร่างกายของเฉินซีก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ มันร้ายแรงถึงขั้นที่สายฟ้าสีม่วงได้ทะลวงไปถึงแดนฮุ่นตุ้นในกายของเขา!

“ต้นอ่อนเงาทมิฬ พันหมื่นแสนความลึกล้ำ เก็บหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว จงลุกโชนและฟื้นฟู!”

ในช่วงเวลาวิกฤต จู่ ๆ แดนฮุ่นตุ้นของเฉินซีก็ปล่อยคลื่นเสียงดังกัมปนาท ในขณะที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งก่อตัวขึ้นจากต้นอ่อนเงาทมิฬ ก็พ่นปราณเซียนออกมา และหมุนวนไปมาเพื่อกำจัดสายฟ้าสีม่วงที่รุกรานเข้ามาในแดนฮุ่นตุ้น แต่เส้นลมปราณและอวัยวะภายในร่างกายของชายหนุ่มก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกทำลายไปแล้ว

พรวด!

เฉินซีไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเขาซีดเผือดจนแทบโปร่งแสงในทันที

“ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!”

“นี่คือพลังของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี?”

เมื่อเทียบกับบาดแผลฉกรรจ์ทั่วทั้งร่างกาย เฉินซีกลับรู้สึกแปลกพิกล ทันใดนั้น ความรู้สึกอันตรายสุดขั้วได้พุ่งเข้าสู่หัวใจของเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงทะยานหลบไปทางด้านข้างโดยสัญชาตญาณ

ตู้ม!

ประกายกระบี่สายฟ้าได้ฟันลงมายังตำแหน่งที่เขาเคยยืนอยู่ และไถพื้นดินเสียจนเกิดเป็นร่องลึกอันน่าสะพรึงกลัว

แน่นอนว่า เฉินซีในเวลานี้ย่อมไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มกลายเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกต้อนให้จนตรอก ดวงตาของเขาแดงก่ำและกัดฟันแน่น ขณะใช้พลังในร่างกายทั้งหมด ทำให้เลือดและพลังชีวิตในร่างกาย… คล้ายถูกเผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง!

ชั่วพริบตาต่อมา เขากลายเป็นลำแสงกระแทกเข้ากับประตูที่อยู่ภายในห้องโถงให้เปิดออกและพุ่งเข้าไปข้างในนั้น

ครืน!

“เจ้าหมาแก่! ข้าจะจดจำความแค้นครั้งนี้เอาไว้! ข้าจะเอาชีวิตสุนัขของเจ้าให้จงได้!” ประตูทองสัมฤทธิ์ปิดลงอย่างแน่นหนาอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้นและเจตนาฆ่าของเฉินซีที่ดังออกมา

“ฮึ่ม!” ชายชราในชุดคลุมสีขาวส่งเสียงต่ำในลำคอ แต่ไม่ได้ไล่ตามอีกฝ่าย เพียงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าถมึงทึงแทน เจ้าตัวดูจะประหลาดใจเล็กน้อยที่เฉินซีสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของเขาได้

ส่วนคนอื่น ๆ ในห้องโถงต่างก็ตกตะลึงจนเหมือนหุ่นขี้ผึ้ง

เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วเกินไป นับตั้งแต่ที่เฉินซีทะยานออกไป หรือตอนที่ชายชราในชุดคลุมสีขาวโจมตี ตลอดจนถึงตอนที่ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัส การกระทำทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา รวดเร็วจนทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว และกว่าจะตอบสนองได้ทัน ร่างของเฉินซีก็หายวับเข้าไปหลังประตูทองสัมฤทธิ์แล้ว!

การต่อสู้ครั้งนี้อาจถือได้ว่าเกิดขึ้นในชั่วพริบตา!

โดยเฉพาะการต่อสู้ในครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีและผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา ซึ่งแค่คิดถึงฉากการต่อสู้ดังกล่าว ทุกคนก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว และแม้แต่หายใจก็ลำบาก

ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!

ชายหนุ่มสามารถหลบหลีกการลอบทำร้ายของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีได้สำเร็จ!

ทุกคนต่างถามตัวเองว่า ถ้าพวกเขาเป็นเฉินซีในตอนนี้ คงจะถูกบดขยี้จนตายไปนานแล้ว และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจมากที่สุดเช่นกัน

แต่ไม่ต้องกล่าวถึงตอนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาอันไร้ขอบเขตของแดนภวังค์ทมิฬ แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาที่สามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีได้นั้น …ก็หาได้ยากเฉกเช่นเขากิเลนและขนวิหคอมตะ

พวกเขาต่างตระหนักได้ว่า หากเรื่องราวของเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้แพร่กระจายออกไป มันจะทำให้ชื่อของเฉินซีเป็นที่เลื่องลือไปทั่วอย่างแน่นอน!

“ท่านอาจารย์ลุงฉู่จิ่ง การกระทำของท่านดูจะ…” หลังจากนั้นไม่นาน เหลิ่งฉานเอ๋อร์จ้องมองไกลออกไปด้วยความว่างเปล่า และเอ่ยปากถาม

“ไม่คำนึงถึงสถานะของตัวข้าเลยสักนิดสินะ?” ชายชราในชุดขาวที่มีนามว่าฉู่จิ่งยิ้มบาง ๆ แต่ดวงตาของเขากลับเย็นชามาก “ครั้งนี้ เจ้าเด็กเฉินซีจะต้องถูกฆ่าที่นี่! ไม่ใช่แค่ข้า แม้จะเป็นผู้อาวุโสคนอื่นของนิกายที่มาที่นี่ พวกเขาก็จะทำเช่นเดียวกัน และเจ้าน่าจะรู้เหตุผลดีกว่าข้า”

หญิงสาวตกตะลึงราวกับสายฟ้าฟาด ความขมขื่นพลันผุดขึ้นที่มุมปากของนาง นางรู้ดีว่ามันเป็นเพราะปรมาจารย์ชิงซิวอี้ นิกายวิถีกระแสสวรรค์จึงมองว่าเฉินซีเป็นดั่งหนามยอกอก และพวกเขาไม่ต้องการสิ่งใด นอกจากเลาะเส้นเอ็นกระชากกระดูกของอีกฝ่ายออกมา และเผาร่างของเฉินซีให้เป็นจุณ ก่อนจะโปรยเถ้ากระดูกทิ้ง

แต่ตัวนางไม่เคยคิดมาก่อนว่า ผู้อาวุโสของนางจะลอบทำร้ายผู้เยาว์ต่อหน้าต่อตาทุกคน และสิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในใจ

เท่าที่นางกังวล การต่อสู้ของเฉินซีกับใต้เท้าปิงซื่อเทียนก็เหมือนกับปาไข่ใส่หิน และชายหนุ่มก็ประเมินความสามารถของเขาสูงเกินไป แม้ว่าต้องการจะจัดการชายหนุ่ม แต่พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกระทำอย่างไร้อายขนาดนี้มิใช่หรือ?

หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป มันอาจจะไม่ใช่แค่การเย้ยหยันจากกองกำลังต่าง ๆ เท่านั้น แต่อาจเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ …ถ้าข่าวนี้ลอยไปเข้าหูของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง!

“ฮ่า ๆ เจ้าเด็กนั่นบาดเจ็บสาหัสแล้ว ข้าจะไปฆ่ามันและยึดสมบัติคืน!” ศิษย์ของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ระเบิดเสียงหัวเราะแลดูค่อนข้างพึงพอใจ เจ้าตัวตื่นเต้นแล้วตั้งใจจะพุ่งเข้าไปในประตูทองสัมฤทธิ์และไล่ตามเฉินซีไป

“ไม่จำเป็นต้องไล่ตามมัน” จู่ ๆ ฉู่จิ่งก็โพล่งขึ้นและสั่งการอย่างไม่แยแส “อีกด้านหนึ่งของประตูนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีของกองกำลังอื่น ๆ ได้เข้าไปก่อนหน้านี้แล้วและได้ติดอยู่ภายในนั้น เจ้าเด็กนั่นบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของข้าก่อนหน้านี้ และชีวิตของมันจะถึงคราวจบสิ้นหลังจากที่เข้าไปที่นั่น”

ในเวลานี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ของกองกำลังอื่น ๆ ต่างสูญเสียความสงบ และสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

“ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีจากกองกำลังอื่น ๆ? นั่นพวกของเราไม่ใช่หรือ”

เมื่อคนทั้งหมดนึกตามว่า ปรมาจารย์จากกองกำลังของพวกเขาติดอยู่เบื้องหลังของประตูทองสัมฤทธิ์บานนั้น และไม่รู้ว่าชะตากรรมว่าเป็นหรือตาย พวกเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่งหัวใจ …ที่ด้านหลังของประตูมีภัยอันตรายแบบใดกัน ถึงทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีไม่สามารถหลบหนีออกมาได้?

“ไปกันเถอะ นอกจากประตูทองสัมฤทธิ์นั่นแล้ว พระราชวังแห่งการรังสรรค์นี้น่าจะมีความลึกลับมากมายเหลืออยู่ จงค้นหาอย่างระมัดระวัง การพบกับโชคลาภก้อนโตจึงไม่น่าจะใช่เรื่องยากนัก” ฉู่จิ่งกวาดสายตามองคนอื่น ๆ ในห้องโถง และแค่นเสียงอย่างเย็นชา ก่อนจะพาเหลิ่งฉานเอ๋อร์และคนอื่น ๆ จากไป

ด้วยสถานะของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี เขาจะไม่ลงมือกับผู้เยาว์เหล่านี้เป็นอย่างแน่นอน เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการไม่คำนึงถึงสถานะ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงผู้เยาว์เหล่านี้ที่ล้วนมาจากกองกำลังที่แข็งแกร่ง ทำให้ตัวเขาไม่กล้าฆ่าคนเพื่อปิดปาก

แต่การลงมือกับเฉินซีก่อนหน้านี้… เป็นกรณีที่พิเศษและมิอาจเอามารวมกันได้

“ไปกันเถิด พวกเราไปค้นหาที่อื่นกัน” นักพรตเต๋าสุริยันชาดถอนหายใจและรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย เขาส่ายศีรษะและนำผู้เยี่ยมยุทธ์ของนิกายฟ้ากำเนิดจากไปเช่นกัน

“ไปกันเถอะ แม้แต่ปรมาจารย์ก็ยังติดอยู่ข้างใน หากเราเข้าไป มันจะเป็นเส้นทางที่นำไปสู่ความตาย ดังนั้นกังวลไปก็เปล่าประโยชน์!” เหวินเต้าหรานนิ่งเงียบเป็นเวลานาน ก่อนจะตัดสินใจในที่สุด

ในเวลาไม่นาน เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากทั้งนิกายเซียน นิกายอสูร และเผ่าบรรพกาลก็ทยอยจากไปอย่างต่อเนื่อง และไม่มีใครกล้าเดินเฉียดประตูทองสัมฤทธิ์บานนั้นเลย

ราวกับมันเป็นนรกอเวจีที่กว้างใหญ่หรือทางตันที่อยู่อีกฟากของประตูทองสัมฤทธิ์ ซึ่งความตายจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท