บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 739 ไป๋หลี่เยียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 739 ไป๋หลี่เยียน

บทที่ 739 ไป๋หลี่เยียน

แดนไร้นามและสรวงสวรรค์สงบเงียบ

มีตำนานมากมายเกี่ยวกับสถานที่ลึกลับทั้งสองแห่งนี้ ทว่าตำนานเหล่านี้กลับฟังดูไร้สาระยิ่งนัก ใครบางคนเคยกล่าวติดตลกว่าพวกมันคือสอง ‘ภพเซียนจิ๋ว’ ที่เปิดขึ้นในภพมนุษย์ มีทวยเทพ เซียน และนักปราชญ์จำนวนมากที่หลบหนีจากสังสารวัฏ!

แต่ไม่ว่าข่าวลือจะเป็นจริงหรือไม่ สถานที่ลึกลับสองแห่งนี้ได้ถูกย้อมด้วยบรรยากาศลึกลับสุดหยั่งไปแล้ว

แต่เฉินซีก็เข้าใจดีว่า ต่อให้ข่าวลือเหล่านั้นจะกล่าวเกินจริงเล็กน้อย แต่สถานที่ลึกลับทั้งสองแห่งนี้ย่อมเต็มไปด้วยผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากที่น่าเกรงขามไร้ใครเทียบอยู่!

เพราะตอนที่เขาอยู่ในสมรภูมิบรรพกาล เจิ้นหลิวชิง ฟ่านอวิ๋นหลาน หลิงอวี๋ นายน้อยโจว และคนอื่น ๆ ที่เป็นสหายของเขาต่างได้รับเลือกโดยตัวตนยิ่งใหญ่จากสถานที่ลึกลับเหล่านี้ไปเป็นศิษย์

เช่น มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์จากแดนไร้นาม หวงเหมยเวิงจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนก ฟางจ่านเหมยจากนิกายอสูรสวรรค์แรกกำเนิด และหลวงจีนฉผัสสะจากวัดป่าธยานะ

ตัวตนยิ่งใหญ่เหล่านี้ไม่แม้แต่จะสนใจปิงซื่อเทียน หากไม่ใช่เพราะประกาศิตเซียนสวรรค์ มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ก็คงลงมือสังหารปิงซื่อเทียนไปแล้ว ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่านิกายที่หนุนหลังเขาอยู่นั้นน่าหวาดกลัวมากแค่ไหน

เขาวิญญาณนิรันดร์คือกองกำลังอันน่าสะพรึงจากสรวงสวรรค์สงบเงียบ

ในตอนนี้ ศิษย์ของเขาวิญญาณนิรันดร์ไม่เพียงได้ก้าวเข้าสู่โลกภายนอกแล้วเท่านั้น พวกเขาถึงขั้นมาเยือนนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ณ โถงพินิจกระบี่ จึงทำให้เฉินซีได้กลิ่นที่ไม่ชอบมาพากลอย่างรุนแรง

แต่ในอึดใจต่อมา เขาพลันหยุดคิดเกี่ยวกับมัน ด้วยในขณะนี้มีปัญหามากมายนักที่เข้ามาเกี่ยวพันกับชีวิตของเขา ทั้งเรื่องของเหมิงเหวย การแก้แค้นให้กับพวกศิษย์พี่ และการเข้าพบประมุขนิกาย… มีหลายสิ่งเกินไปที่ชายหนุ่มต้องทำ ดังนั้นไม่ว่าศิษย์ของเขาวิญญาณนิรันดร์จะลึกลับน่าเคารพเพียงใด เขาก็ไม่มีอารมณ์จะไปพบแม้แต่นิดเดียว

“ช่างมันก่อน ข้าคงไม่อาจไปยังโถงพินิจกระบี่ได้” เฉินซีกล่าว “ต้องขอรบกวนให้ศิษย์น้องไปบอกผู้อาวุโสเลี่ยเผิงว่าข้ากำลังจะมุ่งหน้าไปยังยอดเขาสัประยุทธ์เพื่อพบกับประมุขนิกาย”

ศิษย์ชั้นยอดทั้งสองต่างตกตะลึง พวกเขาวิตกยิ่ง “ศิษย์พี่เฉินซี รอเดี๋ยวก่อน!”

เฉินซีขมวดคิ้ว “มีอันใดอีก?”

ศิษย์คนหนึ่งเผยรอยยิ้มขมขื่นแล้วตอบว่า “ศิษย์พี่ หากกล่าวกันตามตรง ศิษย์จากเขาวิญญาณนิรันดร์เหล่านั้นหยิ่งทะนงมาก พวกเขาข่มขู่ว่าจะเอาชนะศิษย์ชั้นยอดที่โดดเด่นที่สุดทุกคนในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ตอนนี้ การซ้อมต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นในโถงพินิจกระบี่ เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของพวกเราศิษย์นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ศิษย์พี่ ท่านช่วย…”

ทว่าเฉินซีกลับกล่าวขัดก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้กล่าวจบ “ก็แค่ซ้อมต่อสู้เอง ไม่ใช่สู้ถึงตายเสียหน่อย อีกอย่างยังมีเสิ่นหลางหยา ฉางเล่อ หลงเจิ้นเป่ย อวิ๋นเยี่ย หนิงเจิน และศิษย์พี่คนอื่นบนยอดเขาจรัสเทวะไม่ใช่หรือ?”

มีศิษย์ชั้นยอดบนยอดเขาจรัสเทวะทั้งสิ้นหนึ่งร้อยเก้าคน มีมากกว่ายี่สิบคนที่เป็นผู้ขัดเกลากายา และพวกเขาส่วนใหญ่มาจากยอดเขาจรัสใต้

ในบรรดายี่สิบคนนี้ที่เป็นผู้ขัดเกลากายาสามารถติดอยู่ในห้าอันดับแรกของศิษย์ชั้นยอดได้ พวกเขาล้วนแต่ก็เป็นบุคคลชั้นหนึ่งในยอดเขาจรัสเทวะ ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังครอบครองพลังอันยอดเยี่ยมและมีความสำเร็จในการต่อสู้อันสูงส่ง

ยกตัวอย่างเช่น หนิงเจินที่ชายหนุ่มพูดถึงก่อนหน้านี้คือตัวตนที่ติดสามอันดับแรกในบรรดาศิษย์ผู้ขัดเกลากายา ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าลั่วเชี่ยนหรง อวิ๋นเยี่ย หวังจ้งฮ่วนและคนอื่นแม้แต่นิดเดียว

ส่วนฉางเล่อคือตัวตนในตำนานที่ไม่เพียงอยู่อันดับหนึ่งในบรรดาผู้ขัดเกลากายาเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงท่ามกลางศิษย์ทั้งหนึ่งร้อยเก้าคนบนยอดเขาจรัสเทวะ!

แต่ความโดดเด่นของคนเหล่านี้กลับถูกบดบังด้วยคนคนเดียว เสิ่นหลางหยา!

เขามาจากตระกูลเสิ่นโบราณ ครอบครองพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมกับกุมโชคชะตาอันไร้เทียมทานเอาไว้ กระทั่งตัวเขายังขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะไร้ใครเทียบที่ครอบครองเจตจำนงกับโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ และครองอันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์ชั้นยอดประจำยอดเขาจรัสเทวะ ชนิดที่ว่าไม่มีใครสามารถสั่นสะเทือนตำแหน่งของเขาได้ในรอบสามสิบปีที่ผ่านมา!

แต่คนผู้นี้กลับปกปิดตัวตนจนดูไม่โดดเด่นมากนัก มักเก็บตัวและไม่ข้องเกี่ยวกับศิษย์คนใด บางที นี่อาจจะเป็นศักดิ์ศรีและความถือตัวอีกแบบหนึ่ง เพราะถึงอย่างไร คงเป็นการยากที่จะผสมโรงเข้าด้วยกันเมื่อความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้อยู่ระดับเดียวกัน

แน่นอนว่า เฉินซีย่อมไม่มีความประทับใจหรือความยินดียินร้ายกับคนผู้นี้ เพราะเขาเคยได้ยินชื่อของคนผู้นี้น้อยครั้งนัก

แต่ด้วยชื่อเสียงของอีกฝ่าย ทำให้เฉินซีเชื่อมั่นว่าเขาคงไม่จำเป็นต้องลงมือซ้อมต่อสู้กับศิษย์ของเขาวิญญาณนิรันดร์ในขณะที่เสิ่นหลางหยายังอยู่!

ดังนั้นชายหนุ่มจึงปฏิเสธอีกครั้ง

หากเป็นเวลาอื่น เขาย่อมไม่ปฏิเสธ ถึงอย่างไร ในฐานะศิษย์ของศิษย์นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ชายหนุ่มจะนิ่งดูดายกับใครบางคนที่กล้ามายั่วยุนิกายได้อย่างไร?

แต่ตอนนี้มีความโกรธและความเกลียดชังสั่งสมอยู่ในใจมากเกินไป ชายหนุ่มในขณะนี้ไม่หวังอะไรมากไปกว่าการบุกเข้าไปในยอดเขาจรัสตะวันออกเพื่อต่อสู้กับเยว่ฉือให้รู้แล้วรู้รอด ดังนั้นเขาจะมามีอารมณ์ซ้อมต่อสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างไร? ถ้าเฉินซีไม่สามารถควบคุมความโกรธจนพลั้งมือสังหารอีกฝ่ายขึ้นมาจะทำอย่างไร?

“ศิษย์พี่ฉางเล่อ อวิ๋นเยี่ย หลงเจิ้นเป่ย และหนิงเจินมาถึงนานแล้ว แต่ศิษย์พี่เสิ่นหลางหยาปิดด่านบ่มเพาะ เขาจึงอาจจะไม่สามารถเข้าร่วมได้” ศิษย์คนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความวิตก

“น่าเสียดาย หากศิษย์พี่เสิ่นหลางหยาอยู่ละก็ ผู้อาวุโสเลี่ยเผิงคงไม่กังวลขนาดนี้” อีกคนถอนหายใจออกมา

“นี่มันช่างน่าปวดหัวนัก” เฉินซีขมวดคิ้ว เขาเพิ่งกลับนิกายมาไม่ถึงหนึ่งเค่อด้วยซ้ำ และมีเรื่องด่วนที่ต้องทำ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่มีอารมณ์ไปยังโถงพินิจกระบี่ แต่เสิ่นหลางหยากลับเก็บตัวบ่มเพาะในนิกายมาโดยตลอด เมินเฉยต่อเรื่องราวในนิกาย คล้ายกับทำตัวหยิ่งยโสโอหังยิ่งนัก!

ทุกคนมองเฉินซีอย่างวิตก

ตอนนี้เฉินซีมีชื่อเสียงไปทั่วดินแดน ยืนอยู่จุดสูงสุดในรุ่นเดียวกัน ทั้งชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเสิ่นหลางหยา ดังนั้นศิษย์ชั้นยอดทั้งสองจึงเชื่อว่าหากชายหนุ่มเข้าร่วม มันคงเป็นการดียิ่ง!

“เช่นนั้นก็ไปกันเถิด”เฉินซีขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็สูดหายใจเข้าแล้วตัดสินใจ เขาสะบัดแขนเสื้อก่อนจะทะยานขึ้นท้องนภาอย่างคล่องแคล่ว

“ศิษย์พี่เฉินซี โปรดตามพวกข้ามา!” ศิษย์พวกนั้นต่างยินดี ก่อนที่พวกเขาจะรีบนำทางให้

โถงพินิจกระบี่คือโถงอันโอ่อ่าที่ถูกสร้างขึ้นภายในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง มันถูกสร้างจากทองคำ แต่งแต้มด้วยสีทองเปล่งประกาย จึงดูทั้งโบราณและสูงส่ง และจะเปิดออกก็ต่อเมื่อแขกผู้มีเกียรติที่มาเยี่ยมเยียนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเท่านั้น

ยามที่เฉินซีมาถึงโถง เขาพลันสังเกตเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่งของแขกผู้มีเกียรติ นางสวมมงกุฎที่เหมือนกับดาวตกกับชุดขนนก หญิงสาวมีเส้นผมสีดำสนิทจนดูเหมือนกับน้ำตกที่ไหลลงมาจากศีรษะ ผิวหนังเป็นสีขาวราวหิมะและอ่อนโยน รูปลักษณ์ดูงดงามราวกับภาพวาด ท่วงท่าสุขุมลุ่มลึก แต่ตรงช่วงหว่างคิ้วกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสูงศักดิ์ที่ไม่อาจขัดขืนได้

กลิ่นอายรอบตัวของหญิงสาวคลุมเครือราวกับถูกปกคลุมด้วยม่านหมอก ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เห็นได้ชัดว่านางบ่มเพาะเคล็ดวิชาที่สามารถปกปิดการบ่มเพาะของตนเองได้

‘หญิงสาวผู้นี้น่าจะเป็นองค์หญิงจากเขาวิญญาณนิรันดร์…’ เฉินซีครุ่นคิดอยู่ในใจ

เขาวิญญาณนิรันดร์ตั้งอยู่ในดินแดนสรวงสวรรค์สงบเงียบ มันมีชื่อเสียงพอ ๆ กับวัดป่าธยานะกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนก มันสืบทอดมาเป็นเวลานานจนเหนือกว่าสิบนิกายเซียนเสียอีก!

เบื้องล่างของหญิงสาวมีชายชราและหญิงชราบางส่วนนั่งอยู่ พวกเขาต่างดูลึกล้ำราวกับมหาสมุทร ร่างกายของทุกคนต่างปกคลุมด้วยปราณเซียน ส่วนสิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือ พวกเขาล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี และทุกคนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจิ้งจอกเก้าหางเสวี่ยเหยียนเลย!

นอกจากนี้ยังมีชายหนุ่มบางส่วนที่มีสีหน้าหยิ่งทะนง พวกเขาทุกคนกอดอกราวกับวางท่า ทำกระทั่งกวาดตามองอย่างเย็นชาไปทั่วทั้งโถงพินิจกระบี่ราวกับกำลังประเมินบางสิ่ง

นอกจากนี้ ผู้อาวุโสเลี่ยเผิงก็กำลังนั่งอยู่ตรงกลางในฐานะเจ้าภาพ โดยมีผู้อาวุโสขอบเขตเซียนปฐพีบางส่วนจากตำหนักเมฆครามปรากฏตัวที่นี่เช่นกัน

ในพื้นที่ด้านล่าง ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองประกอบไปด้วยฉางเล่อ อวิ๋นเยี่ย หวังจ้งฮ่วน หลงเจิ้นเป่ย ลั่วเชี่ยนหรง และศิษย์ชั้นยอดอันดับต้น ๆ กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ พวกเขาต่างหันหน้าเข้าหาศิษย์หนุ่มสาวของเขาวิญญาณนิรันดร์ด้วยสีหน้าแน่วแน่!

เฉินซีอดที่จะประหลาดใจไม่ได้เมื่อกวาดตามอง นิกายกระบี่เก้าเรืองรองไม่ได้คิดล้อเล่นแม้แต่น้อยยามสร้างความสำราญกับแขกผู้มีเกียรติเหล่านี้จากเขาวิญญาณนิรันดร์ เพราะศิษย์ชั้นยอดอันดับต้น ๆ ส่วนใหญ่ของยอดเขาจรัสเทวะต่างมารวมตัวกันที่นี่แล้ว!

ในฐานะตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของนิกาย มีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีบางส่วนอยู่ที่นี่ และการจัดวางตำแหน่งผู้คนเช่นนี้ก็มากพอที่จะทำให้ผู้พบเห็นตกตะลึงได้

“เอ๋!”

“เฉินซี!”

“สหายผู้นี้กลับมาแล้วงั้นรึ!?”

เมื่อสังเกตเห็นร่างสูงโปร่งของเฉินซีเหยียบย่างเข้าสู่โถงพินิจกระบี่ ผู้อาวุโสเลี่ยเผิง ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ รวมถึงศิษย์ชั้นยอดทั้งหลายต่างตกตะลึง จากนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น

พวกเขาคล้ายกับไม่คาดคิดว่าเฉินซีจะถึงขั้นกลับมาในเวลาเช่นนี้!

ทว่าหลังจากประหลาดใจแล้ว พวกเขาต่างรู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจระคนยินดี โดยเฉพาะพวกผู้อาวุโสเลี่ยเผิง พวกเขาทุกคนยิ้มจนแทบจะอยากลุกขึ้นทักทาย

ส่วนฉางเล่อและศิษย์คนอื่นต่างประหลาดใจระคนยินดีเช่นกัน แต่พวกเขาส่วนใหญ่รู้สึกงุนงงและอิจฉา ยิ่งกว่านั้น อวิ๋นเยี่ยและหวังจ้งฮ่วนผู้อยู่ในกลุ่มต่างเผยสีหน้าซับซ้อนออกมา

ใครจะคาดคิดว่าศิษย์ที่เพิ่งเข้านิกายมาไม่ถึงหนึ่งปีจะกลายเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงน่าตกตะลึงไปทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬ?

ไม่ว่าจะสถานะ ตัวตน หรือพลังในการต่อสู้อันน่าสะพรึง อีกฝ่ายต่างทิ้งพวกเขาไว้ด้านหลังแบบไม่เห็นฝุ่น ดังนั้นอย่าว่าแต่อวิ๋นเยี่ยกับหวังจ้งฮ่วนผู้นับเฉินซีเป็นศัตรูเลย แม้แต่ศิษย์คนอื่นก็มีความรู้สึกซับซ้อนเช่นกัน

เฉินซีเคลื่อนมาข้างหน้าก่อนทักทายทุกคน จากนั้นจึงหาที่นั่งลง

“เจ้าคือเฉินซีผู้สังหารเยี่ยนสือซาน และสร้างความวุ่นวายใหญ่โตในอาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬหรือ?” เมื่อชายหนุ่มกำลังจะนั่งลง องค์หญิงผู้นั้นพลันกล่าวขึ้นทันที สายตาเย็นเยือกและดุร้ายของนางราวกับกระบี่คมกริบที่ทิ่มแทงผ่านท้องนภาก่อนจะจับจ้องเฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับอยากมองให้ทะลุปรุโปร่ง

การกระทำของนางค่อนข้างกดขี่และไร้ความเคารพเล็กน้อย แต่เนื่องจากเป็นองค์หญิงของเขาวิญญาณนิรันดร์ ท่าทางของนางจึงดูเป็นธรรมชาติ ไร้กังวล จนส่งผลให้นางยิ่งดูกดขี่และดุร้ายมากยิ่งขึ้น …เห็นได้ชัดว่านางทำแบบนี้มามากกว่าหนึ่งครั้ง

เฉินซีชำเลืองมององค์หญิงคนนี้ก่อนจะถอนสายตากลับ เขาสามารถสัมผัสได้ด้วยสัญชาตญาณว่าพลังของนางแข็งแกร่งทีเดียว บางทีอาจบ่มเพาะถึงขอบเขตสถิตกายา และบางทีอาจน่ากลัวยิ่งกว่านั้นด้วยซ้ำ!

สิ่งนี้สอดคล้องกับคำพูดที่ว่าผู้มาจากสรวงสวรรค์สงบเงียบคืออัจฉริยะ …ไม่มีคนอ่อนแอสักคนในหมู่พวกเขา!

“ฮ่า ๆ! องค์หญิงไป๋หลี่พูดถูกแล้ว นี่คือศิษย์เอกของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองนามว่าเฉินซี เขาเพิ่งเข้าร่วมนิกายไม่ถึงหนึ่งปี แต่กลับกลายเป็นอัจฉริยะหนุ่มที่มีชื่อเสียงในโลกหล้า!” ผู้อาวุโสเลี่ยเผิงแผดเสียงหัวเราะออกมา เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวรู้สึกภาคภูมิใจและยินดียิ่งที่ได้มีศิษย์อย่างเฉินซีอยู่ในนิกาย

จากนั้นเขาก็นิ่งไปสักพัก ก่อนจะกล่าวต่อ “เฉินซี นี่คือแขกผู้มีเกียรติจากเขาวิญญาณนิรันดร์ องค์หญิงไป๋หลี่เยียน เคล็ดวิชาบ่มเพาะของนางลึกล้ำ มีพลังไร้เทียมทาน หากเจ้ามีโอกาส สามารถแลกเปลี่ยนฝีมือกับนางได้ เพราะเจ้าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน”

เพราะต้องคำนึกถึงมารยาท เฉินซีจึงประสานมือให้กับไป๋หลี่เยียน แต่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ในหัวของชายหนุ่มตอนนี้มีเรื่องมากมายนัก ดังนั้นเขาจะมีอารมณ์มาแลกเปลี่ยนฝีมือกับองค์หญิงหยิ่งทะนงยิ่งผู้นี้ได้อย่างไร?

มาจากเขาวิญญาณนิรันดร์แล้วอย่างไร?

เฉินซีไม่ให้ความสนใจต่อต้นกำเนิดและสถานะของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท