บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 756 ห้ากระบวนท่าแห่งนิรันดร์!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 756 ห้ากระบวนท่าแห่งนิรันดร์!

บทที่ 756 ห้ากระบวนท่าแห่งนิรันดร์!

บนสังเวียนพินิจกระบี่ เฉินซีกับลู่ผิงยืนเผชิญหน้ากันในระยะไกล

บัดนี้ บรรยากาศในห้องโถงเงียบสนิท ทุกสายตาจับจ้องไปยังเฉินซี ด้วยใคร่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าถึงความลึกล้ำแห่งมหาเต๋านิรันดร์ได้หรือไม่

ตู้ม!

ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาสักประโยคเดียว ร่างของลู่ผิงสั่นสะเทือน ขณะตัวคนกำลังเปล่งแสงแวววาว มันเป็นแสงที่พิสุทธิ์และโปร่งบาง ไร้รูปร่างแต่เจิดจรัส ราวกับว่าร่างกายนี้สามารถหยัดยืนอย่างภาคภูมิอยู่เหนือกาลเวลา ทัดเทียมได้กับความเป็นนิรันดร์!

เพียงครู่เดียว คนผู้นี้ก็ก้าวขึ้นไปบนลำแสงเรืองรองซึ่งสั่นสะท้านไปทั้งผืนฟ้า ทำให้กลิ่นอายที่แผ่กระจายจากทั่วร่างเผยความลึกล้ำออกมามากกว่าเดิม ก่อนที่ตัวคนจะพุ่งเข้าประชิดเฉินซีแทบจะในทันที!

ฟิ้ว!

ทั้งที่หมัดยังไปไม่ถึงเป้าหมาย ทว่าพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่สั่งสมภายในกำปั้นกลับรุนแรงถึงขนาดที่สามารถฉีกกระชากท้องฟ้าออกเป็นสอง ประหนึ่งแสงจ้าที่ผลาญทำลายสายธารแห่งกาลเวลา!

“นี่คือหนึ่งในห้ากระบวนท่าแห่งนิรันดร์ พิฆาตศัสตราวุธ!” ศิษย์จากเขาวิญญาณนิรันดร์อุทานออกมาด้วยความตกใจ

อันที่จริง คัมภีร์เต๋านิรันดร์หาได้มีเพียงความลึกล้ำแห่งความเป็นนิรันดร์เท่านั้น แต่ยังมีกระบวนท่าทั้งห้าแห่งศาสตร์เต๋าที่บรรพบุรุษของภูเขาวิญญาณนิรันดร์ทุ่มเทความอุตสาหะทั้งหมดเพื่อสร้างมันขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาเข้าใจถึงความเป็นนิรันดร์

แม้ว่าจะมีเพียงแค่ห้ากระบวนท่า แต่ทุกกระบวนท่าต่างซุกซ่อนไปด้วยรูปแบบที่ล้ำลึก รวมไปถึงแก่นแท้ของมหาเต๋านิรันดร์ พวกมันจึงมีอานุภาพสะท้านทั้งฟ้าดินให้ตกอยู่ภายใต้ความประหวั่นพรั่นพรึง คู่ควรที่จะได้รับการเชิดชูว่าเป็นกระบวนท่าขั้นสุดยอดของเขาวิญญาณนิรันดร์!

ตัวอย่างเช่น กระบวนท่าพิฆาตศัสตราวุธของลู่ผิงซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ร้ายกาจที่สุดในบรรดากระบวนท่าทั้งหมด ที่ว่ากันว่ามันสามารถทลายเกราะกำบังของศัตรูให้แยกออกจากกัน อีกทั้งจิตวิญญาณของกระบวนท่านี้ก็ยังอยู่เป็นนิรันดร์ไม่สูญสลาย เมื่อกระบวนท่าถูกใช้งาน มันจะเคลื่อนไหวประหนึ่งสายฟ้าฝาดครั้งใหญ่ และไม่มีทางที่สิ่งใดจะต้านทานมันได้!

…แม้ว่านี่จะเป็นกระบวนท่าสำคัญของนิกายเขาวิญญาณนิรันดร์ ทว่ามีเพียงศิษย์ไม่กี่หยิบมือเท่านั้นที่สามารถบรรลุซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มันได้รับการยกย่องอย่างมาก แต่กระนั้น ความยากของมันก็ไม่ได้หยุดความพยายามในการเรียนรู้ของเหล่าศิษย์!

อย่างที่เห็น ทันทีที่ลู่ผิงเปิดกระบวนท่าพิฆาตศัสตราวุธ เสียงชื่นชมจากศิษย์นิกายเขาวิญญาณนิรันดร์พลันดังกึกก้องทันที

ทว่าท่ามกลางสายตามากมายที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง ท่าทางของเฉินซีกลับยังคงสงบนิ่ง เรือนกายอันสูงสง่าของเขาเปล่งประกายรัศมีจ้า มันไร้รูปไร้นามประหนึ่งท้องฟ้าในยามบรรพกาล เจิดจรัสด้วยความเป็นนิรันดร์และสะพรั่งพราวด้วยชีวิตชีวา

นี่มัน…

ม่านตาของพวกเขาหดลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ในฐานะศิษย์นิกายเขาวิญญาณนิรันดร์ มีหรือพวกเขาจะสัมผัสไม่ได้ว่าสิ่งนี้คือกลิ่นอายของเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์!

บ้าน่า!

ทว่ากลิ่นอายที่สามารถทะลวงผ่านพันธนาการแห่งกาลเวลาอันเป็นนิรันดร์… ก็มีเพียงเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์เท่านั้น!

กระนั้น ยังไม่ทันที่พวกเขาจะคลายจากอารามตกใจ พลันมีภาพที่ชวนสะพรึงยิ่งกว่านั้นปรากฏขึ้น

ระหว่างที่เผชิญหน้ากับหมัดของลู่ผิง เฉินซีพลันสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ก่อนจะเหวี่ยงหมัดออกไปเช่นกัน เขากำลังใช้กระบวนท่าพิฆาตศัสตราวุธเช่นเดียวกับอีกฝ่าย มันเป็นการโจมตีที่สอดประสานทั้งจิตวิญญาณและรูปแบบที่ไม่มีใครเทียบได้!

เป็นไปได้อย่างไร?!

ผู้ชมการประลองอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง ใบหน้าพวกเขาชาดิก เหตุการณ์ตรงหน้านี้น่าตกใจเกินไป!

…เฉินซีไม่ได้โป้ปด เขาไม่เพียงเข้าใจถึงเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้กระบวนท่าพิฆาตศัสตราวุธ ซึ่งเป็นหนึ่งในห้ากระบวนท่าแห่งนิรันดร์ได้อีกด้วย!

ม่านตาของไป๋หลี่เยียนหดเกร็ง นางมีใบหน้าแข็งทื่อในพลัน นี่มัน…เรื่องจริงหรือ?

นางจำได้แม่นยำว่าคัมภีร์เต๋านิรันดร์ที่นางมอบให้เป็นเพียงสำเนาที่มีความลึกล้ำมากมายปนเปกันไปจนยากจะจัดสารรบบ ไม่มีทางที่ใครจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้โดยง่าย

จริงอยู่ที่เฉินซีเป็นชายผู้มากพรสวรรค์ที่สามารถวิเคราะห์ความผิดปกติภายในคัมภีร์ได้ แต่มันก็เพิ่งผ่านมาเพียงเจ็ดวันเท่านั้น ช่วงเวลาสั้น ๆ นี้เขาสามารถเข้าใจเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์ได้อย่างไร?

เป็นไปไม่ได้!

ไป๋หลี่เยียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ นางพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะสงบสติอารมณ์ ….มันเป็นเพียงสมบัติอมตะชิ้นหนึ่งเท่านั้น นางไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ทว่าสิ่งที่น่าเป็นกังวลกว่านั้นก็คือเคล็ดวิชาตกทอดประจำนิกายของนาง!

หากอีกฝ่ายเข้าใจมันจริง ๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่ต่อให้สถานะของนางจะสูงส่งค้ำฟ้าเพียงไหน ก็ไม่อาจหลุดพ้นความผิดนี้ไปได้ นางกระทั่งนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ… ถึงภาพตอนที่ตัวเองต้องแบกหน้ากลับไปรายงานเรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสที่นิกายทราบ

นั่นก็เพราะมันหาได้เหมือนกับของมรดกทั่วไป มันเป็นรากฐานที่ทำให้นิกายเขาวิญญาณนิรันดร์ถูกก่อตั้งขึ้น เป็นความล้ำลึกที่มีเพียงศิษย์ของนิกายเขาวิญญาณนิรันดร์เท่านั้นที่จะได้ครอบครอง การที่วิชาเต๋ารู้แจ้งนี้ถูกแพร่งพรายออกไป …เพียงแค่คิดถึงผลที่ตามมาก็ทำเอาใจของนางหนาวสะท้านแล้ว!

ผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงสาวพลันละวางความคิดของตัวเองลง นางกำหมัดแน่นขณะมองไปยังเฉินซีซึ่งอยู่บนสังเวียนพินิจกระบี่

ตอนนี้เอง การต่อสู้ที่ดุเดือดได้เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิมแล้ว!

ไม่ว่าจะเป็นเฉินซีหรือลู่ผิง ต่างก็โจมตีกันและกันด้วยเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์ ส่งผลให้ทั่วทั้งบริเวณเรืองรองไปเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์ทุกหนทุกแห่ง กลายเป็นภาพตระการตาและสว่างวาบท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรง

เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ แล้ว ลู่ผิงดูจะเป็นคนที่ตกใจมากที่สุดในสถานการณ์นี้ ด้วยเขาเป็นคนที่รับมือกับเฉินซีโดยตรง จึงสัมผัสกับพลังได้ชัดเจนยิ่งกว่าใคร

เพราะเฉินซีไม่เพียงจะเชี่ยวชาญเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์เท่านั้น อีกฝ่ายยังเข้าใจถึงกระบวนท่าแห่งนิรันดร์ทั้งห้าได้อีกด้วย!

นับตั้งแต่ที่การต่อสู้เริ่มต้น เฉินซีก็ใช้กระบวนท่าพิฆาตศัสตราวุธ กระบวนท่ากายาหุนหัน กระบวนท่าวสันต์สารท กระบวนท่าสถิตโลกีย์ และกระบวนท่านิรันดร์กัลป์จนครบตามลำดับ!

สิ่งนี้ทำให้คนที่สงบนิ่งดุจหินผาอย่างลู่ผิงอดไม่ได้ที่จะแสดงความคลางแคลงขึ้นบนใบหน้า นี่มันเหลือเชื่อ เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

เขากล้าสาบานต่อฟ้าดินเลยว่าทั้งการเคลื่อนไหว ทั้งแก่นแท้ และความล้ำลึกที่สถิตอยู่ภายในนั้น ล้วนแต่แสดงออกมาเป็นกระบวนท่าแห่งนิรันดร์ทั้งห้าที่เที่ยงแท้และสมบูรณ์ยิ่ง!

หากคู่ต่อสู้ตรงหน้านี้ไม่ใช่เฉินซี เขาก็เกือบจะเผลอคิดไปแล้วว่ากำลังประลองกับศิษย์พี่ในนิกายอยู่เป็นแน่ ชายหนุ่มจินตนาการไม่ออกว่า เหตุใดชายผู้นี้จึงสามารถเข้าใจทุกสิ่งที่อยู่ภายในคัมภีร์เต๋านิรันดร์ได้ในระยะเวลาเพียงเจ็ดวัน…

แน่นอนว่า เขายังคงจับสังเกตได้ว่าการเคลื่อนไหวของเฉินซียังกระท่อนกระแท่นอยู่มาก หมายความว่าเขายังไม่สามารถฝึกฝนมันจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ พูดอีกนัยหนึ่งคือ เต๋ารู้แจ้งนิรันดร์ที่เฉินซีได้ครอบครองเป็นเพียงระดับเริ่มต้นเท่านั้น!

กระนั้น มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเฉินซีสามารถเข้าใจเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์ได้อย่างแท้จริงในเวลาเพียงเจ็ดวัน อีกอย่างชายหนุ่มคงยังไม่เคยได้สัมผัสกับมันมาก่อนเป็นแน่ มิฉะนั้นแล้ว การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายก็คงไม่เก้งก้างเช่นนี้

บุรุษผู้นี้ทำสำเร็จได้อย่างไร?

ลู่ผิงตะลึงงัน แม้แต่คนอื่น ๆ ในห้องโถงก็ชะงัก สายตาที่พวกเขาจับจ้องไปยังเฉินซีที่ยืนอยู่บนสังเวียนพินิจกระบี่ล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ราวกับพวกเขากำลังมองดูสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวตัวหนึ่ง

เลี่ยเผิงถอนหายใจด้วยนึกทึ่งในตัวเฉินซี เด็กคนนี้ทำให้ชายชราตื่นเต้นไม่หยุด ตั้งแต่ที่การต่อสู้เริ่มต้น หน้าของเขาก็บานเป็นจานกระเบื้อง หากมีศิษย์คนใดมาเห็นสภาพของชายชราในตอนนี้ละก็ คงจะสับสนจนถึงขั้นอ้าปากค้างเป็นแน่

…นี่ตาเฒ่าหน้าตายที่ไม่เคยปรานีผู้ใดอย่าเลี่ยเผิงยิ้มกับเขาเป็นด้วยอย่างนั้นหรือ?

เฉินซีไม่ได้สนใจบรรยากาศโดยรอบ สมาธิเขาจดจ่อแต่เพียงการประลองเท่านั้น ชายหนุ่มพยายามใช้โอกาสที่ได้ประมือกับลู่ผิงนี้ เพื่อตรวจสอบสิ่งที่เรียนรู้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอย่างช้า ๆ

เขาพยายามทำความเข้าใจอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่อยู่ในโลกแห่งดารา ในที่สุด ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงแก่นแท้ของเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์!

สิ่งนี้ต้องบอกว่าเพราะได้รับการช่วยเหลือจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากโดยแท้

มันไม่เพียงช่วยเปิดเผยเนื้อความในคัมภีร์เต๋านิรันดร์ให้เขาเท่านั้น หากยังสร้างความผันผวนบางอย่างซึ่งทำให้ชายหนุ่มสามารถเข้าถึงความล้ำลึกมากมายที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นได้

หลังจากนั้น เขาได้ใช้ช่วงเวลาในโค้งสุดท้ายไปกับการศึกษากระบวนท่าแห่งนิรันดร์ทั้งห้าซึ่งอยู่ในคัมภีร์ แม้ว่าเขาจะเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ใจนักว่าความเข้าใจของตนมีข้อบกพร่องหรือผิดพลาดบ้างหรือไม่

การประลองกับลู่ผิงจึงเป็นดั่งสายฝนที่ตกลงมาในหน้าแล้ง ทำให้ชายหนุ่มสามารถตรวจสอบทุกสิ่งที่เขาต้องการได้โดยตรง และอุดช่องว่าง รวมถึงข้อบกพร่องต่าง ๆ ซึ่งส่งผลให้ความรู้และความเข้าใจที่มีต่อห้ากระบวนท่าแห่งนิรันดร์ของเฉินซีลึกซึ้งยิ่งขึ้น!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณไป๋หลี่เยียนที่มอบโอกาสอันหายากเช่นนี้ให้แก่ตัวเขา และช่วยให้เขาสามารถเข้าใจห้ากระบวนท่าแห่งนิรันดร์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นผ่านการต่อสู้ เพราะในอนาคต เขาก็อาจไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว!

ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นจนถึงตอนนี้ ศาสตร์เต๋าที่เขาใช้นั้นขาดความคล่องแคล่วอย่างมาก ส่งผลให้เฉินซีตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบมาตลอด ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ความเชี่ยวชาญที่มีต่อกระบวนท่าทั้งห้าแห่งนิรันดร์ก็ยิ่งเพิ่มทวี การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มก็ยิ่งคล่องตัวมากขึ้น ทำให้พลังโจมตีนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในอีกฟากหนึ่ง ยิ่งการต่อสู้ดำเนินไปยาวนานเท่าไร ลู่ผิงก็ยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้นเท่านั้น เขาลอบสังเกตด้วยความประหลาดใจว่า เหตุใดกระบวนท่าแห่งนิรันดร์ทั้งห้าของเฉินซีถึงได้มีความลึกล้ำและสมบูรณ์ ไร้ที่ติยิ่งกว่าตัวเขาที่ฝึกฝนมานานมากนัก!

บางที เขากระทั่งแอบสงสัยว่าคัมภีร์เต๋านิรันดร์ที่ตนใช้ฝึกฝนเป็นเพียงการคัดสำเนา ในขณะที่เฉินซีได้ต้นฉบับที่แท้จริงไปครอบครองหรือไม่…

ความคิดนี้ไร้สาระเกินไป แต่ยิ่งช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ดำเนินไปเรื่อย ๆ ความคิดที่ว่ามันกลับยิ่งขยายใหญ่อย่างไม่อาจควบคุม

“พอได้แล้ว!” ณ ด้านล่างของสังเวียนพินิจกระบี่ ไป๋หลี่เยียนพลันสิ้นความอดทน นางตะโกนขึ้นด้วยเสียงดังกังวานเพื่อหยุดการประลองนี้ ด้วยนางเองก็เห็นเช่นเดียวกับลู่ผิงว่า การต่อสู้นี้เป็นก็แค่การลับคมให้แก่เฉินซีเท่านั้น และหากปล่อยเวลาให้ยืดยาวไป มันก็มีเพียงจะทำให้อีกฝ่ายเชี่ยวชาญห้ากระบวนท่าแห่งนิรันดร์มากขึ้น!

ลู่ผิงกระโดดลงจากสังเวียนพินิจกระบี่โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งเป็นน้ำแข็ง ทว่าสายตาที่มองไปยังเฉินซีกลับไม่อาจซ่อนความรู้สึกตกใจไว้ได้

ในด้านหนึ่ง เฉินซีเองก็งุนงงเล็กน้อยเช่นกัน เขาเดินลงจากสังเวียนพินิจกระบี่ช้า ๆ ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไรนัก ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าการประลองด้วยวิธีการนี้ทำให้เขาได้รับประโยชน์มหาศาล แล้วอย่างนี้…จะไม่ให้เขาพึงพอใจได้หรือ?

ห้องโถงในขณะนี้ตกอยู่ในความเสียงสงัด จนได้ยินแม้แต่เสียงหายใจ

องค์หญิงไป๋หลี่พลันส่งสายตาเยือกเย็นไปยังเฉินซี คล้ายนางกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดครั้งใหญ่ กระทั่งอกอิ่มของนางยังกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วตามจังหวะการหายใจ “เจ้า…เจ้า…เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร?” น้ำเสียงของนางสั่นริกด้วยสิ้นความอดกลั้น

เฉินซีตอบเสียงเรียบ “ก็เห็นหมดแล้วไม่ใช่หรือ?”

“เป็นไปไม่ได้! ห้ากระบวนท่าแห่งนิรันดร์ถูกบันทึกไว้ในต้นฉบับคัมภีร์เต๋านิรันดร์ของจริงเท่านั้น สิ่งที่ข้าให้เจ้าเป็นเพียงสำเนาที่คัดมา แล้วเจ้าไปรู้มันมาได้อย่างไร!” นางร้องหวีดเสียงร้องเสียจนขึ้นจมูก

หญิงสาวในตอนนี้ไม่อาจควบคุมพายุแห่งโทสะที่คุกรุ่นอยู่ภายในใจได้อีกต่อไป ความอดทนที่มีใกล้จะขาดผึง ความทะนงตนและความมั่นใจที่มีมาทั้งชีวิตกำลังถูกสั่นคลอนเป็นครั้งแรกด้วยการกระทำของคนเพียงคนเดียว!

“องค์หญิงแน่ใจแล้วหรือว่าห้ากระบวนท่าแห่งนิรันดร์ไม่ได้ถูกคัดลงไปในนั้น?” เฉินซีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “บางที มันอาจจะมีในสำเนานี้มาแต่แรก เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเท่านั้น”

แน่สิ เขาจะบอกไป๋หลี่เยียนได้อย่างไรว่า ที่ตนเข้าใจคัมภีร์เต๋านิรันดร์ได้อย่างสมบูรณ์เป็นเพราะชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก!

“ไม่จริง!” ไป๋หลี่เบียนกัดฟันแน่น นางโกรธเสียจนสั่นไปทั้งร่าง “ข้าจะไม่รู้เกี่ยวกับเคล็ดสืบทอดของนิกายเขาวิญญาณนิรันดร์ของข้าได้อย่างไร เจ้าต้องโกหกข้าเป็นแน่!”

เฉินซีขมวดคิ้ว “แล้วคิดว่ากระหม่อมไปเรียนมาจากไหนเล่า?”

ไป๋หลี่เยียนชะงัก ใช่แล้ว! เฉินซีเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เขาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาวิญญาณนิรันดร์ตั้งอยู่ ณ แห่งหนไหน และนอกจากสำเนาคัมภีร์เต๋านิรันดร์ที่ข้าให้ไป อีกฝ่ายจะไปเรียนรู้มันด้วยวิธีไหนได้อีก?

ถึงอย่างไร ทั้งโลกใบนี้ก็มีเพียงคนของนิกายเขาวิญญาณนิรันดร์เท่านั้นที่สามารถครอบครองเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์ได้ …มีเพียงพวกเขาแค่กลุ่มเดียวในโลก!

เฉินซีพูดขึ้นอีกครั้ง “องค์หญิง ครั้งนี้พระองค์แพ้เดิมพันกระหม่อมแล้ว ตามที่ตกลงกันไว้ พระองค์ไม่เพียงต้องส่งมอบสมบัติอมตะมาเท่านั้น แต่ยังต้องขอโทษอาจารย์ลุงเลี่ยเผิงของกระหม่อมด้วย”

ร่างกายของไป๋หลี่เยียนพลันสั่นสะท้านเมื่อตื่นรู้จากความคิดที่วุ่นวาย นางจ้องมองเฉินซีอย่างไม่วางตาด้วยฤทธิ์โทสะ ก่อนจะกัดฟันพูดทีละคำ “อย่าเพิ่งได้ใจไป สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ข้าตกต่ำอย่างที่เจ้าหวังหรอก!”

เฉินซีไหวไหล่ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

“ฮ่า ๆ! องค์หญิงโปรดอย่ากริ้วไปเลย การเดิมพันเล็ก ๆ น้อย ๆ ควรถือเป็นเรื่องสนุกสนาน และหากมากเกินไป มันจะแย่เอาได้ เอาเป็นว่าเราเล่นกันแค่พอหอมปากหอมคอเถิด อย่าไปจริงจังกับมันมากนักเลย” เลี่ยเผิงยืนขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม “จริงสิเฉินซี อย่าเพิ่งรีบไปไหน การเดิมพันครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้า ในเมื่อเจ้าชนะ เช่นนั้นรางวัลเดินพันก็ควรเป็นของเจ้าด้วย!”

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท