บทที่ 762 การขัดเกลากฎ
บทที่ 762 การขัดเกลากฎ
ภายในโลกแห่งดารา เฉินซีกำลังนั่งขัดสมาธิ หลังตรงอยู่ใต้ดวงดาวนับหมื่นแสนล้านด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง และตัวคนดูราวจะหลอมรวมเข้ากับมหาเต๋า ทำให้ทั่วทั้งร่างกายของเขาแผ่กลิ่นอายของเต๋าออกมา
เหนือศีรษะขึ้นไป มีกฎที่ลึกล้ำมากมายนับไม่ถ้วนผสานเข้าด้วยกันและหมุนวนอย่างไม่มีสิ้นสุดเหมือนหมอกเพลิง และความลึกล้ำของมหาเต๋าที่ว่าก็หมุนวนและพรั่งพรูภายในนั้น ทำให้มันดูราวกับปาฏิหาริย์จากแดนสรวง
มันเป็นมวลกฎแห่งฟ้าดินที่แท้จริง!
สิ่งนี้มาจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ และมาจากแก่นแท้ของมัน!!
…เพราะว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จากยุคบรรพกาล และเป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างภพมนุษย์กับภพเซียน ดังนั้นกฎแห่งเต๋าสวรรค์ที่มันครอบครองอยู่จะน่าตกใจเพียงใดกัน?
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแก่นแท้ที่เฉินซีได้รับจากภายในด่านแห่งความลึกล้ำ แต่ความลึกล้ำของแก่นแท้ที่อยู่ภายในนั้นก็ช่วยให้ความเข้าใจในเต๋ารู้แจ้งของเขาบรรลุการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้!
เฉินซีในตอนนี้กำลังทำความเข้าใจด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่ง เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เผยออกมาจากมันด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์และกระจ่างชัด
นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของกฎโดยตรง มันเหมือนโซ่จำนวนมากของเต๋าแห่งสวรรค์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งระเบียบและการสรรค์สร้าง
เหนือเต๋ารู้แจ้งคือกฎ ซึ่งเป็นกฎของเคล็ดวิชาทั้งมวล มันคือการเปลี่ยนแปลงของมหาเต๋า กฎของสวรรค์ที่ยึดโลกไว้ด้วยกันและควบคุมความเป็นระเบียบ!
เขายังจินตนาการได้ว่า ความแข็งแกร่งของเซียนสวรรค์นั้นต้องเกี่ยวข้องกับจำนวนกฎที่ผู้บ่มเพาะได้รับอย่างแน่นอน กฎเหล่านี้ได้มาสอดผสานกับผู้เป็นเซียนสวรรค์ราวกับเป็นโซ่ตรวนของเทพเจ้า และทุกสิ่งอย่างล้วนสะท้อนถึงการทำงานของสวรรค์ ทำให้ทุกกระบวนท่าคล้อยตามกฎเกณฑ์และเคล็ดวิชา
แม้การรับรู้โดยตรงและความเข้าใจในกฎนี้จะไม่สามารถแสดงพลังของมันได้ชั่วคราว แต่เมื่อวันนั้นมาถึง เมื่อเฉินซีบรรลุสู่ความเป็นเซียนแล้ว เขาจะได้รับประโยชน์จากมันอย่างมหาศาลแน่นอน!
โดยขณะนี้ ชายหนุ่มกำลังทำความเข้าใจอยู่เงียบ ๆ ในขณะที่พลังของกฎที่อยู่ภายในแก่นแท้ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬได้แปรเปลี่ยนเป็นเต๋ารู้แจ้งสมบูรณ์ ซึ่งถูกดูดซับ ขัดเกลา และใช้เพื่อเสริมความเข้าใจในเต๋ารู้แจ้งของเขา!
ความเข้าใจไม่ถูกจำกัดด้วยกาลเวลา
มันแตกต่างจากชิ้นส่วนของมหาเต๋าที่จะต้องขัดเกลาในทันที พลังงานแก่นแท้ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬนี้ก่อตัวขึ้นจากกฎแห่งผืนพิภพ อย่างแรกเป็นเหมือนอาหารที่ปรุงสุกแล้วและบริโภคได้โดยตรง ส่วนอย่างหลังเป็นเหมือนส่วนผสมอันไร้ที่ติ ซึ่งต้องหั่น ต้องเตรียม และปรุงทีละนิดเสียก่อน จึงจะบริโภคได้
อย่างแรกนั้นรวดเร็ว แต่ขาดประสบการณ์ เปรียบเหมือนคนที่กินเข้าไปจนอ้วนในคราวเดียว มีไขมันส่วนเกินปกคลุมอยู่ ยากจะควบคุมกำลังของตนได้ จึงทำได้เพียงค่อย ๆ ขัดเกลาอย่างช้า ๆ และขัดเกลากล้ามเนื้อจนเต็มไปด้วยพลัง
ส่วนอย่างหลังเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม มันเหมือนคนธรรมดาที่อ่อนแอและได้บ่มเพาะไปทีละขั้นตอน ก่อนที่จะกลายเป็นตัวตนอันแข็งแกร่งและทรงพลังในที่สุด ทำให้สามารถสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของความเข้าใจในเต๋ารู้แจ้งที่เพิ่มขึ้น และสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ดั่งใจนึก
นี่คือความแตกต่างระหว่างชิ้นส่วนมหาเต๋าและพลังงานแก่นแท้ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว แก่นแท้ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬนั้นเหนือกว่ามาก ด้วยแม้ว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง แต่พลังของกฎที่อยู่ในนั้นก็มีค่ามากที่สุด!
โอม!
หลังจากไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใด เสียงก้องกังวานของมหาเต๋าพลันดังขึ้นในบริเวณรอบกายเฉินซี และมีลำแสงสาดส่องออกมาจากตัวเขา ยิ่งไปกว่านั้น สายลมกระโชกที่ไร้รูปร่างยังส่งเสียงหวีดหวิวและพัดโหมบริเวณโดยรอบ ทำให้ชายหนุ่มดูดั่งเทพเจ้าแห่งสายลม!
มหาเต๋าวายุ ขอบเขตสมบูรณ์!
ทันใดนั้น แดนฮุ่นตุ้นของเฉินซีก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อักขระยันต์เพิ่มพูนมากขึ้น ในขณะที่พวกมันก่อตัวเป็นลวดลายมากมาย และโลกภายในแดนฮุ่นตุ้นของเขาก็ส่งเสียงเป็นจังหวะที่น่าอัศจรรย์ระหว่าง ‘การเคลื่อนไหว’ และ ‘ความสงบ’
สายลมพัดโหม วูบวาบ และส่งเสียงหวีดหวิว…
ครืนน!
จู่ ๆ ฟ้าร้องพลันปะทุขึ้นภายในแดนฮุ่นตุ้นของชายหนุ่ม และหลอมรวมกับสายลม ทำให้แดนฮุ่นตุ้นของเขาปกคลุมไปด้วยปรากฏการณ์ของ ‘การทำลายล้าง’ และ ‘การเกิดใหม่’ อันกว้างใหญ่
ดังคำกล่าวที่ว่า ทุกสิ่งงอกงามด้วยลมกระโชกและสายฟ้าฟาด!
ตอนที่เขาอยู่ในอาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬครั้งแรก เฉินซีได้บรรลุถึงขอบเขตสมบูรณ์ในมหาเต๋าแห่งทอง มหาเต๋าแห่งพฤกษา มหาเต๋าแห่งอัคคี มหาเต๋าแห่งวารี มหาเต๋าแห่งปฐพีและมหาเต๋าแห่งอัสนี ซึ่งในตอนนี้ มหาเต๋าแห่งวายุได้บรรลุระดับสมบูรณ์แล้ว มันจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าแดนฮุ่นตุ้นมีความสมบูรณ์ มีสีสัน และมีชีวิตชีวามากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ นับจากนี้เป็นต้นไป เขาสามารถใช้พลังต่อสู้ได้ถึงเจ็ดเท่า!
ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนสายน้ำที่ไหลผ่านหัวใจของเฉินซี ในขณะที่รายละเอียดทุกอย่างถูกเปิดเผยต่อหน้า ทว่าชายหนุ่มยังคงไร้อารมณ์และบริสุทธิ์ อีกทั้งไม่ถอนหายใจหรืออุทานด้วยความชื่นชม ก่อนที่ตัวคนจะดำดิ่งสู่การทำความเข้าใจอีกครั้ง
ปัจจุบัน ไม่มีใครสงสัยในพลังของเฉินซี เขามีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา อีกทั้งยังได้รับการเกื้อหนุนจากรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีและชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก มิฉะนั้นชายหนุ่มจะบรรลุความสำเร็จในตอนนี้ได้อย่างราบรื่นได้อย่างไร?
เขาบ่มเพาะมาไม่ถึงร้อยปี แต่การบ่มเพาะของเฉินซีกลับบรรลุถึงระดับนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้สร้างแดนฮุ่นตุ้นขึ้นมาใหม่ด้วยพลังของเต๋าแห่งยันต์อักขระ มันราวกับชายหนุ่มได้เปิดเส้นทางสู่มหาเต๋าด้วยตัวเอง ซึ่งนับตั้งแต่สมัยโบราณก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถบรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้!
ที่จริงแล้ว ด้วยความเข้าใจในเต๋ารู้แจ้งของเฉินซีในปัจจุบัน เขาไม่จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจ เพียงแค่ขัดเกลาและทำให้การบ่มเพาะของตนมั่นคงขึ้น ก็ย่อมสามารถทะลวงสู่ขอบเขตเซียนปฐพีได้โดยตรง
แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น
ทุกขอบเขตต่างมี ‘ความสุดขั้ว’ อยู่ภายใน มันเป็นขีดจำกัดของขอบเขต เป็นตัวแทนของความสมบูรณ์แบบและสุดขั้ว
ความ ‘สุดขั้ว’ ประเภทนี้ไม่ค่อยปรากฏมากนัก และนับตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบัน มีเพียงตัวประหลาดที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งมีศักยภาพจะกลายเป็นสุดยอดฝีมือเท่านั้นที่สามารถบรรลุสถานะนี้ได้!
แดนฮุ่นตุ้นของเฉินซีถูกทำลาย และเขาก็ได้มันกลับคืนมา โดยใช้ยันต์เทวะทั้งห้าเป็นฐานในการสร้างมันขึ้นมาใหม่ ดังนั้นจึงทำให้เขาบรรลุสถานะดังกล่าว
ในขณะนี้ การบ่มเพาะปราณแท้ของชายหนุ่มได้บรรลุจุดสูงสุดมาตั้งนานแล้ว และไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องทุ่มเทบ่มเพาะมันอีก แต่ความลึกล้ำของมหาเต๋ามากมายที่ชายหนุ่มได้หยั่งถึงยังคงไม่บรรลุขอบเขตสมบูรณ์
นี่คือข้อบกพร่องประการหนึ่ง!
ความตั้งใจของเฉินซีในตอนนี้คือ การแก้ไขข้อบกพร่องและทำให้การบ่มเพาะรวมถึงความเข้าใจในเต๋ารู้แจ้งได้บรรลุขอบเขตสมบูรณ์ ก่อนที่เขาจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนปฐพี!
ยิ่งกว่านั้น เส้นทางในขอบเขตสถิตกายาก็เป็นอุปสรรคที่สำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน เพราะอีกแค่ก้าวเดียวก็สามารถอยู่เหนือจากเหล่าผู้บ่มเพาะกายา และบรรลุขอบเขตเซียนปฐพี ซึ่งได้ละทิ้งความเป็นมนุษย์!
นี่คือกระบวนการสร้าง ‘แดนฮุ่นตุ้น’ และสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่
หากกล่าวว่าขอบเขตแกนทองคำหยินหยางเป็นรากฐานที่ไม่อาจสั่นคลอนได้ ขอบเขตจุติก็เป็นขอบเขตที่ขุดค้นศักยภาพและทำให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงของแก่นวิญญาณ …ในทางกลับกัน ขอบเขตสถิตกายาจะต้องพัฒนาและสร้างบนรากฐานนี้ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะละทิ้งความเป็นมนุษย์และบรรลุสู่ขอบเขตเซียนปฐพี
ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนถึงปัจจุบัน ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนที่ประสบความสำเร็จอย่างไม่ธรรมดา มักจะขัดเกลาตัวเองอีกครั้งในขอบเขตนี้ และพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสร้างหรือทำให้แดนฮุ่นตุ้นสมบูรณ์แบบ …ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้การบรรลุสู่ขอบเขตเซียนปฐพีมั่นคงยิ่งขึ้น ในขณะที่เส้นทางสู่เต๋าจะขยายกว้างขึ้นและทอดยาวมากขึ้น!
…
ชิงอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พลางกวาดสายตามองศิษย์พี่ทั้งชายและหญิง จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ข้าได้ทำข้อตกลงกับเหมิงเหวยและโม่ย่าแล้ว ค่ายอัสนีม่วงและค่ายผลึกเยือกแข็งครามจะอยู่ภายใต้คำสั่งของข้าในอนาคต!”
ทันทีที่กล่าวจบ เจ้าตัวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขามีนิสัยอ่อนโยน มีจิตใจเอื้ออารี เก็บตัว และขี้อาย ดังนั้นการขอให้เขามาประกาศสิ่งนี้ต่อหน้าทุกคน จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก
แต่เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น และไม่ต้องประสบกับความอัปยศอดสู หรือความทรมานที่เคยประสบมาก่อนหน้านี้ ชิงอวี่จึงตัดสินใจว่า จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อปกป้องตนเอง ปกป้องศิษย์พี่ทั้งชายหญิง และปกป้องความปลอดภัยของยอดเขาจรัสตะวันตกทั้งหมด!
ศิษย์พี่ทั้งชายและหญิงของเขาต่างพยักหน้าพร้อมกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาทุกคนล้วนหลงใหลในเส้นทางแห่งเต๋าของตนเอง ดังนั้นทุกคนจึงไม่คิดที่จะคัดค้านเรื่องนี้
ชิงอวี่เองก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรับธงผู้บัญชาด้วยตัวเอง และเริ่มออกคำสั่ง “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านมีทักษะในการขัดเกลาอุปกรณ์ และมีสายแร่จำนวนมากบนยอดเขาจรัสตะวันตกของเรา ข้าจึงต้องการให้ท่านขัดเกลาชุดสมบัติวิเศษสำหรับเด็ก ๆ ทั้งหมด ซึ่งเงื่อนไขของข้านั้นง่ายมาก… สมบัติวิเศษทั้งหมดจะต้องดีเลิศที่สุด!”
หั่วโม่เล่ยเพียงยิ้ม จากนั้นก็ตบหน้าอกที่แข็งและเปลือยเปล่าของเขา “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
ชิงอวี่พยักหน้า จากนั้นก็กลับไปมองศิษย์พี่รองหลูเซิง “ศิษย์พี่รอง ท่านเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ และเชี่ยวชาญในการสร้างขบวนศึกที่สุด ข้าต้องการให้ท่านออกแบบขบวนศึกสำหรับตั้งรับ รุก ปิดล้อม ซุ่มโจมตี… ข้าต้องการขบวนศึกมากกว่าสิบแบบสำหรับทุกประเภท!”
“ศิษย์พี่สาม ท่านมีฝีมือในเต๋าแห่งเสียง ขวัญกำลังใจมีความสำคัญสูงสุดในการทำศึกเช่นเดียวกัน ข้าต้องการให้ท่านออกแบบคำสั่งบางอย่างสำหรับการต่อสู้ การป้องกัน และการล่าถอย โดยแต่ละท่อนจะต้องสั้นและตรงประเด็น ยิ่งง่ายก็ยิ่งดี!”
ยิ่งกล่าวมากเท่าไร ความคิดของชิงอวี่ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งความคิดที่อยู่ในใจของเจ้าตัวก็ถูกกล่าวออกมาอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่งที่หาได้ยาก “เมื่อรวมกับศาสตร์แห่งการบัญชาการที่ข้าได้ศึกษามาตลอดหลายปี เราจะขัดเกลาค่ายอัสนีม่วงและค่ายผลึกเยือกแข็งคราม ให้กลายเป็นค่ายต่อสู้ชั้นนำของโลกได้อย่างแน่นอน!”
หัวใจของทุกคนเต้นแรงและเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้
อันที่จริง พวกเขาเคยคิดที่จะทำ ทว่ากลับไร้ซึ่งกองกำลังภายใต้การบังคับบัญชา กอปรกับพวกเขาไม่มีทักษะในการสู้รบ มันจึงล่าช้ามาจนถึงตอนนี้
แต่คำแนะนำของชิงอวี่ได้ดึงเอาความสามารถที่พวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดมาใช้อย่างไม่ต้องสงสัย และใช้เหล่าเด็ก ๆ จากเผ่านรกขุมที่เก้าเป็นแหล่งที่มาของความแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นก่อประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย
“แล้ว…ศิษย์น้องหก แล้วข้าล่ะ? ข้าเชี่ยวชาญเต๋าแห่งการประดิษฐ์ตัวอักษร ข้าควรทำอย่างไรดี?” ศิษย์พี่สี่ต้วนอิงอดไม่ได้ที่จะถาม
“ข้าด้วย! ข้าชำนาญในเต๋าแห่งการวาดภาพ!” ศิษย์พี่ห้า อาจิ่วก็ร้องออกมาเช่นกัน
ในบรรดาผู้คนที่อยู่ที่นี่ มีเพียงพวกนางที่ไม่ได้รับมอบหมาย ทำให้คนทั้งคู่ค่อนข้างไม่พอใจ
ชิงอวี่ตกตะลึง เขาอดไม่ได้ที่จะเกาศีรษะและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ศิษย์พี่สี่มีฝีมือในเต๋าแห่งการประดิษฐ์ตัวอักษร ดังนั้นท่านควรจัดการเรื่องให้รางวัลและลงโทษ การลงทะเบียน รายการสินค้าและเรื่องอื่น ๆ ในการขนส่ง ดังคำกล่าวที่ว่าเสบียงคือชีวิตของกองทัพ หน้าที่นี้ก็มีความสำคัญมากเช่นกัน”
ต้วนอิงหัวเราะลั่นทันที “ประเสริฐ ประเสริฐ ประเสริฐ! ข้าถนัดเรื่องนี้ที่สุด!”
“ส่วนศิษย์พี่ห้า ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบในการลาดตระเวนทางภูมิศาสตร์และสอดส่องสถานการณ์ของศัตรู หากเราอาจต้องสู้รบกับศัตรูในอนาคต ข้าต้องการให้เจ้าดึงรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้ง ภูมิศาสตร์ และการจัดค่ายของศัตรู!”
อาจิ่วกล่าวด้วยความมั่นใจ “ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากเสียอีก! ปล่อยให้ข้าจัดการเอง!”
“เอาล่ะ! เราจะดำเนินการตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป และเราจะพยายามทำให้ศิษย์น้องเฉินต้องประหลาดใจ เมื่อเขาออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะ!” ชิงอวี่กัดฟันแน่น ในขณะที่ความบ้าคลั่งฉายผ่านดวงตาของเจ้าตัว
ไม่เคยมีช่วงเวลาใดเลยที่เขาต้องการจะแสดงตัวตนและพิสูจน์ตัวเองเช่นนี้ กระทั่งเชื่อมั่นว่า ความรู้สึกของศิษย์พี่คนอื่น ๆ ก็เหมือนกับเขาเช่นเดียวกัน!!
เขาต้องการลบล้างชื่อ ‘ขยะ’ ที่พันธนาการเขามาตลอด!