บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 863 ข้ามาช้าไป

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 863 ข้ามาช้าไป

บทที่ 863 ข้ามาช้าไป

เมื่อเฉินซีมาถึงชั้นแปดของเจดีย์ต้าเหยี่ยน ทุกคนรวมถึงบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับต่างไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของชายหนุ่ม เนื่องจากเขากำลังยืนอยู่ในพื้นที่ว่างแห่งมิติ

พื้นที่ว่างแห่งมิติที่กว้างใหญ่นี้ทั้งลึกล้ำและดำสนิท มันเป็นข้อจำกัดที่น่ากลัวประเภทหนึ่งภายในเจดีย์ต้าเหยี่ยนที่อยู่ระหว่างชั้นแปดและชั้นเก้า หากไม่ได้อาศัยสมบัติอมตะอย่างไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์ แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนอมตะก็ยังยากที่จะก้าวผ่านไป

เฉินซีไม่ต้องการเปิดเผยร่องรอยของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ว่างแห่งมิติ พร้อมกับลอบสังเกตสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเจดีย์ชั้นที่แปดอย่างใจเย็น

เขาเห็นหลัวจื่อเซวียนกำลังระเบิดหัวเราะอย่างพึงพอใจขณะที่ตั้งใจจะจับตัวเหลียงปิงเอาไว้ พร้อมกันนั้น ชายหนุ่มก็เห็นเถิงหลานได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการเข้าช่วยเหลือคุณหนูของตน ทว่าตอนนี้เฉินซีก็ทำได้เพียงพูดคุยกับหม้อใบจิ๋วเท่านั้น

ชายหนุ่มรู้ดีแก่ใจว่า ด้วยความแข็งแกร่งที่เขามีในตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับเลย เพียงแค่แรงกดดันที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากคนเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะคร่าชีวิตเขาแล้ว

ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันและอันตรายเช่นนี้ มีเพียงพลังของหม้อใบจิ๋วเท่านั้นที่จะมอบโอกาสรอดชีวิตให้แก่เขาได้

กระนั้นคำตอบจากหม้อใบจิ๋วก็ทำให้หัวใจของเขามืดมน

เหตุผลนั้นง่ายมาก เจ้าหม้อใบจิ๋วบอกชายหนุ่มอย่างตรงไปตรงมาว่ามันเพิ่งฟื้นตัว ความแข็งแกร่งจึงด้อยกว่าเมื่อก่อนมาก ถึงจะจับมันขัดเกลาหรือให้กลืนกินสมบัติศักดิสิทธิ์เข้าไปมากมายเพียงไหนในตอนนี้ ก็ไม่อาจทำให้มันแข็งแกร่งมากพอจะรับมือกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับได้

มันทำได้เพียงช่วยเฉินซีให้ออกไปจากเจดีย์อย่างปลอดภัยเท่านั้น ส่วนการช่วยเหลือเหลียงปิงและเถิงหลานให้รอดพ้นจากเงื้อมมือคนพวกนั้นคงเป็นไปไม่ได้

หม้อใบจิ๋วปฏิเสธอย่างหนักแน่น ต่อให้จะยั่วยุให้โกรธแค่ไหนมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เฉินซีรู้ดี เจ้าหม้อใบจิ๋วใบนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าไร้ความรู้สึก

นอกจากเขาแล้ว มันไม่ได้แยแสต่อชีวิตของคนอื่น ๆ เลย

ด้วยเหตุนี้ เฉินซีทำได้เพียงเลิกล้มความตั้งใจที่จะพึ่งพาหม้อใบจิ๋วเพื่อสู้กับหลัวจื่อเซวียนและคนอื่น ๆ ทว่าเขาก็ไม่ได้ถอดใจที่เสาะแสวงหนทางในการช่วยเหลือเหลียงปิงและเถิงหลาน

หม้อใบจิ๋วก็คือหม้อใบจิ๋ว มันทำแค่หน้าที่ของตนเท่านั้น ส่วนเฉินซีก็คือเฉินซี เขาย่อมไม่มีทางนิ่งดูดายต่อความเป็นความตายของเหลียงปิงกับเถิงหลาน

ใช่ หากเขาพุ่งออกไปแล้ว ก็มีเพียงความตายที่รออยู่ เรื่องนั้นชายหนุ่มรู้ดี แต่ถึงอย่างนั้น พอได้เห็นหลัวจ้านเป่ยและคนอื่น ๆ กำลังจะจัดการคนทั้งสอง หัวใจของเขาก็สั่งให้พุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล

ที่ทำไปก็เพราะหัวใจเรียกร้องเท่านั้น!

นี่แหละคือเฉินซี ชายผู้ปฏิบัติต่อศัตรูอย่างโหดเหี้ยมไร้ความปรานี ต่อหน้าคนเหล่านั้นแล้ว เขาเป็นดั่งเทพสังหารผู้เยือกเย็น ทว่าสำหรับผู้เป็นสหาย เขาก็พร้อมที่แลกทุกอย่างเพื่อปกป้องเอาไว้

ชายหนุ่มตระหนักแก่ใจดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเหลือเหลียงปิงและเถิงหลาน อีกทั้งเขาอาจจะตายไปพร้อมกับคนทั้งสอง และชายหนุ่มก็ยังตระหนักดีว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือการอดทนรอให้ความแข็งแกร่งของตนกลายเป็นที่น่าเกรงขาม แล้วจึงค่อยกลับมาทวงแค้นให้แก่เหลียงปิงและเถิงหลานอีกครั้ง

แต่หากทำเช่นนั้น เขาไม่มีวันสงบใจไปชั่วชีวิต

เต๋าของชายหนุ่มนั้นไม่เหมือนใคร คนที่ทำเพียงเฝ้าดูเพื่อนของตนตายตกไปต่อหน้าต่อตา ไม่มีวันจะเป็นเฉินซีอย่างแน่นอน!

เพียงชั่วพริบตา หลัวจ้านเป่ยก็คำรามลั่นประหนึ่งสวรรค์ส่งสายฟ้าฟาดลงยังพื้นดิน เขาตรงเข้าไปคว้าที่ศีรษะของเฉินซีในทันที

การจับกุมครั้งนี้ช่างเป็นไปอย่างเรียบง่าย ยิ่งเป็นมือของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับที่สามารถฉีกกระชากฟ้าดินออกจากกันด้วยแล้ว เพียงแค่กลิ่นอายของมันก็มากพอจะทำลายวิญญาณของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี!

กระนั้น เฉินซีก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี หลังจากที่เขาฟันแขนของหลัวจื่อเซวียนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ชายหนุ่มก็หอบร่างของตนล่าถอยกลับไปข้างในพื้นที่ว่างแห่งมิติที่อยู่ทางด้านหลังในทันที

ปั้ง!

การโจมตีนี้ของหลัวจ้านเป่ยคล้ายกำลังปะทะกับหุบเหวลึก มันไม่สามารถทำลายสิ่งใดได้ด้วยสมบัติของพื้นที่ว่างแห่งมิติ แม้มันจะอยู่ห่างจากเฉินซีเพียงปลายเล็บ ทว่ากลับไม่อาจสร้างบาดแผลภายนอกให้ชายหนุ่มได้

แต่แม้เฉินซีจะหลบเลี่ยงการโจมตีครั้งนี้ได้สำเร็จ ทว่าแรงสั่นสะเทือนจากพลังโจมตีก็ทำให้ร่างกายของชายหนุ่มสั่นสะท้าน เลือดซึ่งไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายสูบฉีดอย่างรุนแรงประหนึ่งถูกทุบอย่างหนักด้วยกระบองขนาดใหญ่ เขาแทบจะกระอักเลือดออกมา

นี่คือพลังของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับ ผู้เป็นยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไป พวกเขาครอบครองกฎ และยิ่งใหญ่กว่าเซียนสวรรค์ หาใช่สิ่งที่พลังจากภพมนุษย์จะสามารถต้านทานได้!

“หืม? ไอ้บัดซบนี่มันจะโชคดีเกินไปแล้ว! ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าถึงความลึกล้ำของข้อจำกัดต่าง ๆ ที่อยู่ในเจดีย์แล้วสินะ อีกทั้ง เคล็ดวิชาที่อยู่ในชั้นสิบก็น่าจะตกเป็นของเจ้าแล้วจริง ๆ” หลัวจ้านเป่ยตกตะลึงเมื่อเห็นว่าตนโจมตีพลาดเป้า เขามองไปยังเฉินซีที่อยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าแห่งมิติและเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที บัดนี้ แววตาของเจ้าตัวไม่เพียงมีจิตสังหาร แต่ยังเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งโลภะ!

ทันใดนั้น เสียงตะโกนของเขาก็ดังขึ้น “สหายเต๋าน้อย รีบส่งเคล็ดวิชานั้นมาโดยเร็ว แล้วข้าจะทำให้ศพของเจ้ายังครบสมบูรณ์ มิฉะนั้น หากข้าลงมือเอง ผลที่ตามมาคงเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!”

หากไม่ใช่เพราะมิติที่กีดขวางไว้ เขาก็คงจะบดขยี้อีกฝ่ายทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาแม้แต่น้อย

แน่นอนว่าหากตนทุ่มสุดกำลัง พื้นที่ว่างแห่งมิตินี้ก็หาได้รับมือยากไม่ ทว่าสิ่งที่เขากังวลก็คือระดับการบ่มเพาะที่ต่ำต้อยของเฉินซีนั้นไม่คู่ควรแก่การทุ่มพลังอันมหาศาล

หากเขาฝืนลงมือ จะเป็นการยกยออีกฝ่ายเสียเปล่า ๆ

“ปล่อยพวกเขาไป แล้วข้าจะมอบเคล็ดวิชาให้แก่เจ้า ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีใครได้ไปทั้งนั้น!” น้ำเสียงของเฉินซีเฉยชาเช่นเดียวกับสีหน้าของเขา ชายหนุ่มไม่ได้หวั่นเกรงต่อคำขู่ของหลัวจ้านเป่ยแต่อย่างไร

“ไม่ได้นะ!” เหลียงปิงที่อยู่ไกลออกไปตะโกนขึ้นมา

ทว่าไม่นาน หญิงสาวก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เถิงหลานนั้นได้รับบาดเจ็บหนักปางตาย ส่วนนางก็ใกล้จะหมดแรงเต็มที เรียกได้ว่าพวกเขาตกอยู่ท่ามกลางวิกฤตที่รายล้อมไปด้วยชายชุดดำ กู่จิ่วเจิน และอินปี้อวิ้น

“จะตายอยู่รอมร่อแล้วยังจะดื้อรั้นอยู่อีก!? เวรเอ๊ย! จับตัวเจ้าได้เมื่อไร ข้าจะทำให้เจ้าต้องอับอายจนถึงตายอย่างแน่นอน!” หลัวจื่อเซวียนพูดเย้ยหยัน มุมปากของเขาเหยียดยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม

“บัดซบ! ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่ก็ยังดึงดันคิดจะต่อรอง เจ้านี่มันแยกแยะอะไรควรอะไรไม่ควรไม่ได้หรืออย่างไร!” หลัวจ้านเป่ยก่นด่าพร้อมด้วยคิ้วขมวด

“คำถามมีอยู่ว่าจะตกลงหรือไม่แค่นั้น” เฉินซียังคงสงบนิ่ง ปราศจากความเกรงกลัว

“เจ้ากล้าดียังไง! ข้าน่ะฆ่าพวกเด็กหนุ่มอย่างเจ้ามานับไม่ถ้วน! เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่าต้องการเป็นคนต่อไป?” หลัวจ้านเป่ยชี้หน้าเฉินซีอย่างเดือดดาล จิตสังหารในดวงตาพลันวาววับดังอสนีบาต เจ้ามดปลวกตัวจ้อย คิดจะยั่วโทสะข้าไปถึงเมื่อไรกัน?

เฉินซีจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเรียบเฉย

“ลุงสาม ท่านอย่าได้เปลืองน้ำลายไปกับเจ้าเด็กนั่นเลย ข้าจะมอบกระบี่สะบั้นเต๋าให้แก่ท่าน จงทำลายมิตินั่นและจัดการมันเสีย!” หลัวจื่อเซวียนคำรามพลางสะบัดข้อมือ เกิดเป็นแสงหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่บนมือของหลัวจ้านเป่ย

มันเป็นกระบี่สัมฤทธิ์โบราณที่มีหน้าตาธรรมดา ผิวสัมผัสของมันหยาบกระด้างเล็กน้อย ทว่าเมื่อมันตกไปอยู่ในมือของหลัวจ้านเป่ย มันกลับเปล่งกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมามหาศาล ราวกับมันจะสามารถฉีกกระชากมหาเต๋าและทำให้สวรรค์ตกอยู่ในความโกลาหล!

กระบี่สะบั้นเต๋า!

หนึ่งในสมบัติศักดิ์สิทธิ์โกลาหลซึ่งยิ่งใหญ่เทียบเคียงได้กับไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์ ตราประทับเทพปฐพี และเจดีย์สยบพิภพ มันถูกครอบครองไว้โดยบรรพบุรุษอสูรหลัวซาง กฎแห่งเต๋าสวรรค์ภายในพิภพยันต์อักขระนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบี่สะบั้นเต๋า!

กระบี่สะบั้นเต๋าในมือของหลัวจื่อเซวียนถือเป็นของลอกเลียน แต่มันก็หาใช่สิ่งที่สมบัติอมตะทั่วไปจะเทียบเทียมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่มันมีร่องรอยรัศมีแห่งกระบี่สะบั้นเต๋าของจริงสถิตอยู่ภายในนั้น ก็ทำให้มันมีความลึกล้ำอย่างมาก และเพียงพอที่จะจัดการกับข้อจำกัดต่าง ๆ ภายในเจดีย์ต้าเหยี่ยนในระดับหนึ่ง

เฉินซีหรี่ตาลงเมื่อเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาดูเอาจริงเอาจังมากขึ้น

อีกด้านหนึ่ง หลัวจ้านเป่ยระเบิดเสียงหัวเราะที่ทรงพลังก่อนจะพูดว่า “ดี! ดีจริง ๆ! เจ้ามดปลวกสู้อุตส่าห์อดทนมาได้ถึงตอนนี้ การได้ตายด้วยกระบี่สะบั้นเต๋าก็นับเป็นวาสนาแล้ว!”

ขณะที่เจ้าตัวพูด เท้าทั้งสองก็ย่างกรายไปเบื้องหน้าพร้อมกับปราณเซียนที่สั่นสะเทือน ร่างกายของเขาผสานเข้ากับกฎ ส่งผลให้หลัวจ้านเป่ยดูคล้ายกับเทพผู้โกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง ก่อนที่กระบี่สะบั้นเต๋าในมือ จะพลันกลายเป็นลำแสงที่ตัดผ่าท้องฟ้ายามฟาดฟันลงมา!

ตู้ม!

พลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์โกลาหลยามอยู่ในมือของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับเป็นอย่างไรน่ะหรือ?

ก่อนหน้านี้ เฉินซีก็ไม่อาจให้คำตอบที่ชัดเจนได้ ทว่าตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ได้ประสบกับมันด้วยตัวเอง ทั้ง ๆ ที่คมกระบี่มาไม่ถึงตัวเขาด้วยซ้ำ แต่มันกลับทำให้ร่างกายแข็งทื่อ พลังปราณหยุดไหลเวียนไปชั่วขณะ สภาพของเฉินซีในตอนนี้ไม่ต่างจากคนธรรมที่ดำดิ่งลงไปในห้วงทะเลลึก แม้เพียงการตะเกียกตะกายหาอากาศ ก็นับเป็นความหวังที่ยิ่งใหญ่แล้ว!

มันน่าสะพรึงเกินไป!

สยดสยองเกินพรรณนา!

ราวกับว่าเต๋าแห่งสวรรค์ และทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้สามารถถูกทำลายล้างได้ง่ายดายผ่านการตวัดกระบี่ แน่นอนว่ามันได้สร้างความสิ้นหวังให้แก่ผู้คนที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้

ปั้ง!

พื้นที่ว่างแห่งมิติถูกฉีกออกอย่างง่ายดาย ฉับพลันนั้น ปราณกระบี่ก็ฟาดฟันลงมา ทำให้เฉินซีรู้สึกว่าแม้แต่การขยับนิ้วก็เป็นเรื่องยากเย็น

“ผู้อาวุโส ท่านจะไม่ทำอะไรสักอย่างเลยหรือ!?” มีหรือที่เฉินซีจะยอมนั่งรอความตาย เขาหมายจะขอความช่วยเหลือจากหม้อใบจิ๋วนี้เพื่อหลบหลีกจากการโจมตีที่น่าสะพรึงขวัญเป็นการชั่วคราว

ม้อใบ

ทว่ามันกลับยังคงตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีการตอบสนองแม้เพียงนิด

ท่ามกลางช่วงเวลาวิกฤตนี้ เฉินซีไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ขึ้น ความรู้สึกที่แสนซับซ้อนหนึ่งผุดขึ้นมาภายในใจ

หรือว่าข้าจะต้อง…

ทันทีที่ความคิดนี้แวบขึ้นมา เฉินซีก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาถูกใครบางคนคว้าเอาไว้ และทำให้เขาหลีกพ้นจากภยันตรายที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา

ตึ้ง!

ปราณกระบี่ที่ถูกปลดปล่อยจากกระบี่สะบั้นเต๋าส่งเสียงดังกึกก้อง มันตัดผ่านพื้นที่ว่างแห่งมิติให้เกิดเป็นรอยแยกขนาดมหึมา พลังของมันรุนแรงประหนึ่งจะแยกหยินหยางออกจากกันพร้อมทั้งผ่าโลกทั้งใบ

เฉินซีตกใจมาก เขารู้ว่าหากตัวเขาถูกดึงออกไปช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เขาก็คงได้ตายสมใจจริง ๆ

“ผู้อาวุโส ในเมื่อท่านเคลื่อนไหวแล้ว ก็อย่าแกล้งให้ข้าต้องกลัวเลย…” เฉินซียิ้มขมขื่น เขายังหวาดกลัวไม่หายเมื่อนึกถึงการโจมตีเมื่อครู่นี้

คงจะมีแต่ต้องเผชิญหน้ากับพลังของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับเท่านั้น ที่จะให้ได้เข้าใจลึกซึ้งว่ามันน่ากลัวเพียงไร

ทว่าหม้อใบจิ๋วก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร

ชายหนุ่มอดสับสนไม่ได้ ทันใดนั้นเอง เสียงที่ไพเราะหนึ่งพลันดังขึ้นที่ข้างหู “ศิษย์น้องเล็ก ขอโทษด้วยที่ข้ามาช้าไปเสียหน่อย”

เมื่อเสียงที่คุ้นเคยนี้กระทบโสตประสาท ร่างกายของเฉินซีก็พลันแข็งทื่อก่อนจะเอี้ยวคอมองตามเสียง นัยน์ตาของเขาสะท้อนภาพของศิษย์พี่หลียางผู้มีใบหน้างดงามในชุดบุรุษเพศ ดวงตาที่กระจ่างใสและลึกล้ำของนางปรากฏแววตำหนิตัวเองฉายชัด นางตบไหล่ของเขาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกผิด

ทันใดนั้น เฉินซีที่กำลังกังวลก็ผ่อนคลายใจลง ราวกับว่าตราบใดที่หลียางอยู่ที่นี่ เขาจะไม่มีวันต้องเผชิญกับอันตรายใด ๆ แม้ฟ้าจะถล่มลงมาก็ตาม

ตอนนี้เอง บรรยากาศภายในชั้นที่แปดของเจดีย์พลันสงบนิ่ง

ทั้งชายชุดดำ กู่จิ่วเจิน และอินปี้อวิ้นหยุดการโจมตีในทันที แววตาของเหลียงปิงและเถิงหลานนั้นสว่างวาบด้วยความหวังอีกครั้ง ขณะที่หลัวจื่อเซวียนและหลัวจ้านเป่ยมีสีหน้าที่มืดมนด้วยความประหลาดใจและงุนงง

เนื่องจากทุกคนจดจำหลียางได้ทันทีที่สบตากับนาง นี่คือหญิงสาวที่เคยขึ้นไปบนยอดเจดีย์เมื่อสามพันปีก่อนไม่ผิดแน่!

ทำไมจู่ ๆ นางถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?

นัยน์ตาของหลัวจื่อเซวียนและคนอื่น ๆ วูบไหวด้วยความคลางแคลง

“อย่ากังวลไป ทุกคนที่ทำให้เจ้าต้องขุ่นเคืองในวันนี้จะไม่มีใครหลบหนีไปได้” หลียางจรดปลายนิ้วของนางลงบนไหล่เฉินซี ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนประหนึ่งพี่สาวที่กำลังปลอบโยนน้องชาย

ทว่าเมื่อนางหันกลับไปเผชิญหน้ากับหลัวจื่อเซวียนและคนอื่น ๆ สีหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท