บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 893 เกียรติยศแห่งซางจือ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 893 เกียรติยศแห่งซางจือ

บทที่ 893 เกียรติยศแห่งซางจือ

หุ่นวิญญาณศึกที่มีกลิ่นอายอันเยือกเย็นและอาฆาต กำลังยืนอยู่บนแท่นบวงทรวงที่สูงราวพันจั้ง มันมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ตัวเป็น ๆ จนคนธรรมดามิอาจแยกแยะมันได้หากมองจากภายนอก

“พลังต่อสู้ของชายคนนี้อาจเหนือล้ำกว่าคนอื่น ๆ ในเผ่าช่างฝีมือวิญญาณทั้งหมดในตอนนั้น…” เฉินซีดูจะกำลังครุ่นคิด

ในขณะเดียวกัน อาซิ่วได้เปิดกล่องที่คล้ายกับทำมาจากหยก ซึ่งอันที่จริง นางได้ดึงหุ่นรบตัวเล็กสีขาวหยกที่มีขนาดเท่าฝ่ามือออกมา หลังจากพิจารณาอยู่ชั่วครู่ หญิงสาวพลันอุทานด้วยความประหลาดใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “คัมภีร์จักรพรรดิแห่งการควบคุม! โอ้ นี่คือมรดกสูงสุดของเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ ซึ่งประกอบด้วยมรดกเต๋าของการสร้างหุ่นวิญญาณศึก เหตุใดจึงถูกทิ้งไว้ที่นี่กัน?”

“มรดกสูงสุดของเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ?” ความสนใจของเฉินซีถูกดึงดูดไปทันที เขาเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นว่าหุ่นรบตัวเล็กมีท่าทางเคร่งขรึม โครงหน้าของมันพร่ามัวไปหมด แต่พื้นผิวของมันถูกจารึกด้วยลวดลายนับไม่ถ้วน และเพียงแวบเดียว เขาก็เห็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือ แม้ว่ามันจะผ่านกาลเวลามานับไม่ถ้วน หุ่นรบตัวเล็กตัวนี้ยังคงเป็นสีขาวหยกและแวววาว ไม่มีมลทินจากฝุ่นผงหรือสิ่งสกปรกใด ๆ ทั้งยังเปล่งกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา

“ใช่แล้ว มันคือคัมภีร์จักรพรรดิแห่งการควบคุม อีกทั้งตราประทับจิตวิญญาณภายในตัวมันก็ยังคงอยู่ รวมถึงเก้าขั้นตอนในการสร้างหุ่นวิญญาณศึก เรียกได้ว่ากว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทรเลยทีเดียว” อาซิ่วเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ “ไม่นึกเลย ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าเราจะพบขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่โดยบังเอิญเช่นนี้้”

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “สิ่งนี้มีค่ามากเลยหรือ?”

อาซิ่วพยักหน้าหงึกหงัก ในขณะที่ดวงตาของนางเป็นประกาย “ล้ำค่าสิ มันย่อมล้ำค่ามาก นี่เป็นสิ่งพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในภพทั้งสาม ดังนั้นมันจะไม่ใช่สมบัติล้ำค่าได้อย่างไรกัน?”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ นางก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยพลางเม้มปาก “แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถทำความเข้าใจเคล็ดวิชาภายในนั้นได้ มิฉะนั้น ข้าจะต้องประสบกับความหายนะ หากข้าถูกค้นพบ”

เฉินซีตกตะลึง แต่เขาย่อมเข้าใจในสิ่งที่อาซิ่วกล่าว มรดกเต๋าเช่นนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากเต๋าแห่งสวรรค์ และถูกขับออกจากภพทั้งสามเมื่อนานมาแล้ว เมื่อมันปรากฏในสามภพ ผลที่ตามมาก็ยากจะหยั่งรู้ได้

แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งต้องห้ามสำหรับเฉินซี ถึงอย่างไร เขาก็ถูกเต๋าแห่งสวรรค์มองว่าเป็น ‘สิ่งแปลกปลอม’ และแม้แต่ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยต่อหน้าผู้คนได้

ตัวอย่างเช่น ระเบียนแดนมรณะ พู่กันพิพากษามาร กระบี่เต๋าวิบัติ ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก และอื่น ๆ เป็นต้น

พวกมันทั้งหมดเป็นสิ่งต้องห้ามที่จะทำให้เขาประสบกับหายนะแห่งความตาย หากข่าวของพวกมันถูกเปิดเผยออกไป

“ขอข้าดูหน่อย” เฉินซีเอื้อมมือจับหุ่นรบตัวน้อย เมื่อสัมผัสกับผิวของมัน เขาพลันรู้สึกเย็นเยียบและชื้นแฉะ เมื่อจิตสัมผัสเทพของชายหนุ่มเข้าไปในนั้น ตัวคนดูจะหลุดเข้าไปในโลกที่กว้างใหญ่ทันที

โลกนี้เต็มไปด้วยหุ่นวิญญาณศึกทุกรูปร่างและขนาด มันมีมากกว่าหนึ่งหมื่นชนิด รวมถึงรูปร่างของมนุษย์ สัตว์ร้าย ปีศาจ และแม้แต่หุ่นรบรูปร่างแปลกประหลาด เช่น รูปร่างของต้นไม้ ดอกไม้ ดาบ หอก กระบี่ และอื่น ๆ พวกมันได้รวบรวมทุกอย่างในโลกไว้ด้วยกัน และมันได้เปิดโลกทัศน์ของชายหนุ่มให้กว้างขึ้น

หุ่นวิญญาณศึกเหล่านี้ไม่มีอยู่จริง พวกมันได้ก่อตัวขึ้นจากเชือกจำนวนมากที่พันเข้าด้วยกัน และเฉินซีก็สามารถมองเห็นความลึกซึ้งที่อยู่ภายในนั้นได้อย่างชัดเจน

ยิ่งกว่านั้น หุ่นวิญญาณศึกแต่ละตัวก็มีแถวข้อความอธิบายอยู่บนตัวพวกมัน คำอธิบายเหล่านี้ระบุวัตถุวิญญาณที่ใช้ วิธีการหลอมกลั่น และเคล็ดวิชาลับอันน่าอัศจรรย์อื่น ๆ อีกมากมาย

เฉินซีพยายามสร้างความเชื่อมโยงกับหนึ่งในหุ่นวิญญาณศึก และคำที่คลุมเครืออย่างยิ่งก็ปรากฏขึ้นในใจเขาทันที ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจถึงการวิธีการสร้างหุ่นวิญญาณศึกนี้

เมื่อมาถึงจุดนี้ ในที่สุดเขาก็เชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่า สิ่งนี้คือมรดกของเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ มิฉะนั้น มันคงไม่มีมรดกเต๋าและเคล็ดวิชาที่สมบูรณ์เช่นนี้อย่างแน่นอน

เฉินซีถอนญาณเทวะอมตะของเขา และสังเกตเห็นคำว่า ‘ทักษะฝีมือพิเศษของช่างฝีมือวิญญาณ’ ที่ด้านหลังของหุ่นรบตัวเล็กที่เขียนด้วยลายมือที่ไม่ชัดเจน

“สมบัติตกทอดหรือ? ดูเหมือนว่าการที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพบุกรุกแคว้นต้าเยี่ยน จะต้องเป็นเพราะสิ่งของชิ้นเล็กชิ้นนี้อย่างแน่นอน” ชายหนุ่มดูจะหลงทางในความคิด

“พวกเจ้าเป็นใครกัน! เจ้ากล้าบุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้ามของตระกูลข้าได้อย่างไร!?” ในขณะนี้ เสียงตะโกนที่เย็นยะเยือกและน่ากลัวได้ระเบิดออกมาราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่น

เฉินซีหันกลับมาอย่างรวดเร็ว และพบว่าหุ่นวิญญาณศึกที่อยู่ทางด้านข้างของแท่นหินปูนซึ่งสวมชุดเกราะและหมวกสีดำพลันเปิดตาที่ปิดแน่นขึ้น!

ดวงตานี้คือสิ่งอันใดกัน?

มันทั้งดำสนิท เย็นยะเยือก ลึกดุจหุบเหว และดุร้ายเหมือนคมดาบ พวกมันฉายประกายอำมหิตและเย็นเยียบออกมา ซึ่งดูจะสามารถตัดวิญญาณของคนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง เนื่องจากเขารู้สึกถึงแรงกดดันจากหุ่นวิญญาณศึกตัวนี้!

“ฮ่า ๆ! ในที่สุดก็มีสมบัติที่สามารถยึดได้! เฮ้ ทดสอบพลังต่อสู้ของมันซะ จากการสังเกตของข้า มันน่าจะมีฝีมือไม่เลว” ท่าทางของอาซิ่วราวกับพบขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่ และดวงตาของนางได้เปล่งประกายอย่างมาก ขณะที่หญิงสาวกระโดดหลบไปด้านข้าง

“เกียรติยศแห่งซางจือ ไม่อาจยอมให้เสื่อมเสีย!” หุ่นวิญญาณศึกที่เรียกตัวเองว่า ‘ซางจือ’ ตะโกนด้วยเสียงเย็นยะเยือก

ชั่วพริบตาต่อมา หอกที่ยาวราวสิบสี่ฉื่อในมือได้ส่งเสียงดังก้อง เพียงแค่ยกมือขึ้นก็ทำให้ความว่างเปล่าสั่นไหวจนระเบิด และคลื่นอากาศกระจายตัวออกไป

ตู้ม!

‘ซางจือ’ กระทืบพื้น ก่อนที่หอกของเขาจะสั่นสะเทือนและกลายเป็นแสงสีเขียวปกคลุมท้องฟ้า มันเหมือนกับดอกสาลี่ที่บานสะพรั่งท่ามกลางพายุ ซึ่งมีกลิ่นอายรุนแรงของการทำลายล้างยุคสมัยและทะลวงผ่านบันทึกประวัติศาสตร์เมื่อมันระเบิดใส่เฉินซี

ทันใดนั้น ทัศนวิสัยของเฉินซีถูกปกคลุมด้วยเงาหอกที่แพรวพราวและเปล่งประกาย ทำให้ผิวหนังของชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทง และนอกจากทำให้เขาตกตะลึงในใจแล้ว ชายหนุ่มยังชักกระบี่ยันต์ศัสตราออกมาโดยสัญชาตญาณ จากนั้นกระบี่ของเขาก็หมุนวนราวกับน้ำตกมหึมาที่ถาโถมลงมา

โครม!

การโจมตีของทั้งสองฝ่ายปะทะกันราวกับดาวสองดวงกระแทกเข้าใส่กันอย่างดุเดือด ทำให้เกิดแสงเจิดจ้าสาดส่องไปทั่วทุกทิศทาง ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบแตกเป็นเสี่ยง ๆ และแท่นบวงสรวงที่สูงราวพันจั้งที่อยู่ข้างใต้ก็พังทลายลงทันที

วูบ!

ร่างของเฉินซีปรากฏขึ้นกลางอากาศห่างออกไปพันจั้ง และที่หว่างคิ้วของเขาได้เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจเล็กน้อย การโจมตีครั้งนี้ทำให้ชายหนุ่มตระหนักได้ว่า พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายนั้นเทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหก!

แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มงุนงงที่สุดก็คือ กระบวนหอกของหุ่นรบตัวนั้นไม่มีพลังแห่งเต๋ารู้แจ้ง แต่อานุภาพของมันกลับทรงพลังอย่างยิ่ง ราวกับมันได้ควบแน่นจากพลังที่บริสุทธิ์ที่สุด

“หุ่นวิญญาณศึกตัวนี้ช่างแปลกยิ่งนัก…”

ความอยากรู้อยากเห็นผุดขึ้นในใจของชายหนุ่ม ในขณะที่จิตวิญญาณต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้น เริ่มประลองกับหุ่นวิญญาณศึก เพราะต้องการเห็นว่าหุ่นเกราะทมิฬตัวนี้น่าเกรงขามแค่ไหน!

ในขณะนี้ ร่างของซางจือเหยียดตรง ในขณะที่เขาถือหอกราวกับเทพสงครามที่เย็นชาและอำมหิต จากนั้นจึงพุ่งเข้าหาเฉินซีด้วยแรงลมจากสวรรค์

กระบวนท่าของซางจือนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ซึ่งพวกมันไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย แต่พลังทำลายล้างในกระบวนท่าของเจ้าตัวนั้นน่ากลัวยิ่ง ทุกที่ที่มันผ่านไป ทุกสิ่งจะพังทลายและแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ พร้อมกับระเบิดคลื่นเสียงที่แหลมเล็ก

เมื่อมองจากระยะไกล ร่างกายของอีกฝ่ายดูเหมือนสายฟ้าสีดำสนิทที่ฉีกกระชากท้องฟ้า!

เฉินซีทั้งหวาดกลัวและหวั่นไหว เขาผ่านการต่อสู้นองเลือดมานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นจึงทราบโดยสัญชาตญาณว่า นี่เป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ที่แท้จริงซึ่งได้รับการขัดเกลาผ่านสมรภูมิ โดยมันได้ขจัดความฉูดฉาดและกลับคืนสู่ความเรียบง่ายมานานแล้ว กระบวนหอกที่เรียบง่ายอย่างยิ่งนี้เกิดมาเพื่อสังหาร และพวกมันไม่ได้แสดงความเมตตาแม้แต่น้อย!

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ทั้งคู่ต่างต่อสู้พัวพันอย่างดุเดือด และระเบิดลำแสงออกมานับไม่ถ้วน ประกายกระบี่พุ่งออกมาอย่างงดงาม ในขณะที่เงาหอกพุ่งลงมาดั่งสายฝน พวกเขาต่อสู้จากท้องฟ้าสู่พื้นดิน และพื้นที่อันกว้างใหญ่ทั้งหมดที่นี่ได้กลายเป็นสมรภูมิของพวกเขา

การเคลื่อนย้ายผ่านมิติของซางจือนั้นรุนแรงมาก ซึ่งแตกต่างจากการเคลื่อนย้ายผ่านมิติของเฉินซี อีกฝ่ายได้เปิดช่องมิติโดยตรงด้วยความแข็งแกร่งของตน ก่อนจะพุ่งเข้าไปข้างใน ซึ่งวิธีการดังกล่าวก็ช่างตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง!

ยิ่งต่อสู้มากเท่าใด เฉินซีก็ยิ่งตกใจกับความน่าเกรงขามของเผ่าช่างฝีมือวิญญาณมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาสามารถใช้หุ่นวิญญาณศึกเพื่อดึงความแข็งแกร่งออกมาในระดับที่น่าสะพรึงกลัวได้ และมันช่างเหนือกว่าจินตนาการยิ่ง!

แม้ว่าชายหนุ่มจะเกลียดชังต่อวิธีการที่โหดร้ายเช่นการนำวิญญาณไปใส่ไว้ในร่างอื่นอย่างมาก แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าการดำรงอยู่อย่างหุ่นวิญญาณศึกนั้นเป็นผลงานการสร้างที่ไม่ธรรมดา

บางทีหุ่นวิญญาณศึกอาจไม่สามารถมองว่าเป็นสิ่งของได้อีกต่อไป เพราะพวกมันเป็นชีวิตใหม่อย่างสมบูรณ์ น่าเสียดายที่พวกมันเป็นสิ่งที่มีชีวิตอยู่เพื่อการบ่มเพาะ การฆ่าฟัน และการปล้นสะดม พวกมันไม่ได้รับการยอมรับจากภพทั้งสาม และถูกมองว่าเป็นเศษสวะ จึงถูกขับออกจากภพทั้งสามไป

“กงล้ออัสนี …ฆ่า!” ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด ร่างของซางจือหยุดลง ก่อนที่จะกลายร่างเป็นสายฟ้าสีดำ ขณะที่หอกในมือควงหมุนไปข้างหลังเพื่อสร้างกงล้อ จากนั้นสายฟ้าสีม่วงพลันหลั่งไหลและควบแน่นอยู่ภายใน ทำให้มันเปล่งรัศมีแห่งการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวออกมา

การโจมตีครั้งนี้น่ากลัวยิ่งกว่าครั้งก่อน คล้ายซางจือดูจะรู้ดีว่า หากไม่ใช้ท่าไม้ตาย มันก็คงไม่สามารถทำสิ่งใดกับชายคนนี้ที่บุกรุกเข้ามาในเขตหวงห้ามของเผ่าได้!

“ไม่เลว เจ้าสามารถบังคับให้ข้าต้องพลังใช้ถึงแปดส่วน ในฐานะหุ่นวิญญาณศึก นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสามารถภาคภูมิใจได้!” เส้นผมและเสื้อผ้าของเฉินซีพลิ้วไหว ในขณะที่เขากู่ร้องไปยังฟ้า ยันต์ศัสตราได้ทะยานขึ้นสู่นภา และฟันปราณรังสรรค์กระบี่ที่มีความยาวถึงพันจั้งออกไป ซึ่งมันเหมือนกับแสงศักดิ์สิทธิ์ที่สาดส่องลงมาจากสวรรค์ ในขณะที่มันอนุมานถึงความล้ำลึกที่ไร้ขอบเขต

ตู้ม!

พลังโจมตีของซางจือสั่นสะเทือนจนแตกสลาย ในขณะที่ร่างของเจ้าตัวเซไปทางด้านหลัง ทุกฝีก้าวที่ถอยร่นบังเกิดเป็นรูขนาดใหญ่บนท้องฟ้า ถอยกลับไปถึงสิบก้าว ทำให้เกิดรูขนาดใหญ่สิบรูในท้องฟ้า สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แรงกระแทกที่เขาได้รับนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด

“สุริยันเจิดจรัส…จงโหมกระหน่ำ!” อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกเจ็บปวด และไม่รู้ว่าความกลัวคือสิ่งใด ดังนั้นทันทีที่ทรงตัวได้ ซางจือพลันสะบัดหอกและพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า

“หยุดสู้ซะ ไม่เช่นนั้นสมบัติชิ้นนี้จะถูกทำลาย และนั่นคงน่าเสียดายเกินไป!” ในขณะนี้ แสงดาวเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นกลางอากาศ และมันหมุนวนรอบตัวของซางจือ ทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายแข็งทื่อ ซางจืออยู่ในท่าทางที่แปลกประหลาด การโจมตีด้วยหอกหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ!

เฉินซีรู้สึกหมดหนทางและเป็นทุกข์เล็กน้อย จิตวิญญาณต่อสู้ของเขาถูกระงับไว้ที่อก และมันเกือบทำให้ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บภายใน เขาจึงกล่าวด้วยความโกรธ “ครั้งหน้า เจ้าอย่าสอดมือเข้ามาส่งเดชได้หรือไม่!”

ครั้งล่าสุดที่เฉินซีต่อสู้กับเจ็ดผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพระดับแม่ทัพ อาซิ่วได้แทรกแซงอย่างรุนแรงในช่วงจังหวะสุดท้าย และตอนนี้นางก็กำลังทำสิ่งนี้อีก ดังนั้นจึงทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก

“นี่ ข้ากำลังช่วยเจ้าเก็บสมบัตินะ!” อาซิ่วพึมพำก่อนจะตีหน้าบึ้งใส่เขา จากนั้นนางก็หันกลับมามองซางจือก่อนจะกล่าวว่า “ยอมจำนนต่อข้าซะ!”

“เกียรติยศแห่งซางจือ ไม่อาจยอมให้เสื่อมเสียได้!” ซางจือดูเหมือนมัจฉาที่ถูกแช่แข็งในน้ำ แต่สายตาของเจ้าตัวยังคงไม่เกรงกลัว กระทั่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ด้วยซ้ำ

“ยอมจำนนต่อข้าซะ!” อาซิ่วกล่าวต่อ

“เกียรติยศแห่งซางจือ ไม่อาจยอมให้เสื่อมเสีย!” ซางจือกล่าวต่อ

“ยอมจำนนต่อข้าซะ!”

“เกียรติยศแห่งซางจือ ไม่อาจยอมให้เสื่อมเสีย!”

กาลผ่านไปเช่นนี้ คนหนึ่งถาม อีกคนตอบ และทั้งคู่ก็ทำเหมือนเดิมทุกครั้ง มันดูแปลกประหลาดอย่างที่สุด แต่ก็ดูไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อย ทำให้ริมฝีปากของเฉินซีกระตุกเมื่อเห็นฉากนี้

“จะมีใครทำให้คู่ต่อสู้ยอมจำนนเช่นนี้บ้าง?”

“และจะมีใครปฏิเสธฝ่ายตรงข้ามเช่นนั้นหรือไม่?”

“ช่างเป็นคู่ที่พิลึกจริง ๆ!”

เฉินซีอึ้งจนกล่าวไม่ออก

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท