บทที่ 932 อดีตและปัจจุบัน
บทที่ 932 อดีตและปัจจุบัน
หลุมดำกว้างใหญ่ราวกับปากประตูนรก โดยมีแผ่นทรงกลมลอยอยู่กึ่งกลาง ซึ่งเผยภาพของหกวิถีแห่งสังสารวัฏอยู่!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไวเกินไป หลังจากปิงซื่อเทียนตายแล้ว ก่อนทุกคนจะได้สติจากความตกตะลึง มันก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของชิงซิ่วอี้ในทันที!
เมื่อเฉินซีหันศีรษะ เขาก็เห็นเพียงว่า ร่างของชิงซิ่วอี้ถูกปกคลุมด้วยแผ่นเทพทรงกลมดังกล่าว ตั้งแต่ต้นจนจบ นางไม่มีกำลังจะขัดขืนแม้แต่นิดเดียว!
“รนหาที่ตาย!”
เลี่ยเผิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด เขายืนอยู่ใกล้ชิงซิ่วอี้มากที่สุด ทำให้ตอบสนองได้ไวที่สุด จึงเอื้อมมือออกไป พุ่งเข้าใส่แผ่นกลม ณ ใจกลางหลุมดำนั่น
ปัง!
โลหิตสาดกระเซ็น ฉากอันน่าหวาดกลัวปรากฏขึ้น ทันทีที่แขนขวาของเลี่ยเผิงพุ่งเข้าไปในหลุมดำลึกล้ำ มันได้ถูกบดขยี้จนระเบิดทันที เนื้อหนังและกระดูกถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆ!
หากเขาหลบไม่ทันเวลา แม้แต่ทั่วร่างอาจจะเข้าไปติดพัน ทำให้ถึงฆาตทันที!
เลี่ยเผิงคำรามด้วยความเจ็บปวด ร่างของเขาถอยร่นออกมา ใบหน้าของชายชราซีดเซียว
พลังที่อยู่ข้างในหลุมดำคล้ายกับไม่อาจขัดขืนได้ มันน่าสะพรึงกลัวเกินไป ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับแปดไม่มีพื้นที่ให้สวนกลับและขัดขืน
“ซิ่วอี้!”
เฉินซีแผดเสียงคำรามเช่นกัน เส้นผมสีขาวของเขาพลิ้วไหว จากนั้นชายหนุ่มก็พุ่งไปที่ทางด้านข้างของหลุมดำโดยไม่มีความลังเลแม้แต่นิดเดียว
เขารออยู่หลายปีทีเดียวกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ และเพื่อพาตัวชิงซิ่วอี้กลับมา ชายหนุ่มได้ทุ่มเทความพยายามมากมาย ผ่านความเจ็บปวดอันแสนสาหัส ดังนั้นเฉินซีจะทานทนได้อย่างไร หากสุดท้ายแล้วสิ่งที่พยายามไขว่คว้ามาแทบตายสูญสิ้นลงตรงหน้า!
ตู้ม!
เพียงชั่วพริบตา ชายหนุ่มพุ่งมาอยู่ตรงหน้าหลุมดำ ใช้ยันต์ศัสตราตัดผ่าแนวนอน ปลดปล่อยพลังทั้งหมดในร่างออกมา แล้วฟาดฟันออกไปอย่างเกรี้ยวกราด!
การโจมตีนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเคล็ดวิชาที่ใช้จัดการปิงซื่อเทียนเสียอีก มันทั้งน่าตกตะลึง ยอดเยี่ยม และสุดจะประมาณได้
ทว่าทันทีที่พลังทั้งหมดนี้พุ่งเข้าใกล้หลุมดำ พวกมันกลับมลายหายไปในชั่วพริบตา ราวกับหิมะละลายกลายเป็นน้ำ มีเพียงระลอกคลื่นสองลูกที่แผ่ออกมา แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
ถึงอย่างนั้น แผ่นทรงกลมนั่นได้ปลดปล่อยคลื่นเย็นเยือกน่าสะพรึงออกมา คล้ายตั้งใจจะจองจำเฉินซีเอาไว้ก่อนปลิดชีพเขาทิ้ง …พลังของมันน่าสะพรึงนัก แม้กระทั่งเฉินซียังรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง
ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับเทพผู้ไม่มีวันสั่นคลอน จนตัวเขาไม่แตกต่างจากมดปลวก ไม่สามารถหลีกหนีได้ ไม่สามารถขัดขืนได้ ไม่สามารถกระตุ้นความปรารถนาที่จะหลบหนีได้!
ในตอนนี้ เฉินซีพลันเข้าใจในที่สุดว่าแม้พลังของชิงซิ่วอี้จะมีมากมาย แต่เหตุใดนางจึงไม่อาจหลบหนีหรือขัดขืน จนทำให้ถูกดูดกลืนเข้าไป
เพราะพลังของมันน่าสะพรึงเกินไป!
วิ้ง!
ทว่า เมื่ออำนาจนี้ถาโถมเข้าสู่ร่างของเฉินซีจนจะปลิดชีพเขาได้ ทันใดนั้น เจตจำนงอันน่าสะพรึงของเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ก็พุ่งออกมา และกวาดล้างพลังนี้ออกไป!
ในเวลาเดียวกัน เฉินซีเพียงรู้สึกเหมือนกับหลุมดำถูกเปิดขึ้นภายในร่างกาย เป็นก้อนความผันผวนที่คลุมเครือและแปลกประหลาดพรั่งพรูออกมา หลังจากนั้น ทั่วทั้งร่างของเขาก็ไม่อาจควบคุมได้ จากนั้นก็พุ่งเข้าหาหลุมดำอย่างไร้การควบคุม!
แต่ในสายตาของทุกคนกลับไม่พบความผิดปกติใด พบเพียงว่า จู่ ๆ เฉินซีก็พุ่งเข้าไปในหลุมดำด้วยตัวเอง ขณะที่แผ่นทรงกลมทำตัวราวหนูเจอแมว มันหายเข้าไปในหลุมดำ…
โครม!
ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน ร่างของเฉินซี รวมถึงหลุมดำที่จู่ ๆ ปรากฏขึ้นต่างหายลับไป
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นไวมาก ตั้งแต่การปรากฏตัวของหลุมดำ แผ่นกลม ชิงซิ่วอี้ถูกดูด แขนของเลี่ยเผิงหัก จนกระทั่งเฉินซีพุ่งเข้าไปในหลุมดำ การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
เมื่อทุกคนได้สติ ทุกสิ่งจึงเพิ่งกลับมาเป็นปกติ
แต่ทุกคนทราบดีว่า ทุกสิ่งได้รับแตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงแล้ว!
“นั่นมัน…กลิ่นอายของยมโลกหรือเปล่า?” ใครบางคนตกตะลึง
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด มันน่าจะเป็นสมบัติเทวะสูงสุดของยมโลก …เข็มทิศปรโลก!” ดวงตาของชายชราผู้หนึ่งเผยประกายสายฟ้าจาง ๆ ขณะกล่าวออกมา
เข็มทิศปรโลก!
ทุกคนตกตะลึง ตามข่าวลือแล้ว นี่คือของที่สามารถเปิดใช้งานหกวิถีแห่งสังสารวัฏ เพื่อส่งสมบัติแห่งสวรรค์และโลกทั้งหลายไปสู่ผู้ยิ่งใหญ่ในยมโลก ซึ่งที่นั่น…เต็มไปด้วยความลึกลับสุดหยั่งอันน่าเหลือเชื่อ!
“เข็มทิศปรโลก! สวรรค์ หรือว่าปิงซื่อเทียนจะใช้งานมันก่อนหน้านี้ เพื่อส่งชิงซิ่วอี้ไปยมโลก ทำให้นางกับเฉินซีไม่มีวันได้พบกันอีก?” ใครบางคนอุทานออกมา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การปรากฏตัวของเข็มทิศปรโลกนี้จะต้องเป็นบางสิ่งที่ข้องเกี่ยวกับปิงซื่อเทียนอย่างแน่นอน
ทุกคนทราบเรื่องนี้ดี ทำให้พวกเขาแต่ละคนตกตะลึงจนแทบหยุดหายใจ ใครเล่าจะคาดคิดว่า แผนที่ปิงซื่อเทียนวางไว้ก่อนเริ่มการต่อสู้ จะถึงขั้นนับตอนที่ตัวเองถึงแก่ความตายไปด้วย?
แผนการที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ทำเอาขนลุกยิ่งนัก!
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง โลกก็ได้กลับคืนสู่ความสงบ
แต่หุบเขา รวมถึงลำธารภายในรัศมีหนึ่งแสนลี้นี้ได้ถูกกวาดล้างไปนานแล้ว ก้อนหินถูกบดขยี้ พืชพรรณเหลือเพียงเถ้าถ่าน มีรอยด่างและรอยแตกคดเคี้ยวอยู่ทุกหนแห่ง
ทั้งหมดนี้ คล้ายกับกำลังบอกเล่าถึงความน่าหวาดกลัวของการต่อสู้เมื่อครู่โดยไม่ต้องอาศัยคำพูดใด
ตะวันตกดินแผดแสงคล้ายโลหิต สายลมขุนเขากำลังพัดผ่าน ส่งเสียงครวญครางไปมา ทำให้ผู้คนรู้สึกโศกเศร้าและอ้างว้าง
“การต่อสู้นี้ สุดท้ายปิงซื่อเทียนก็ชนะ” ใครบางคนถอนหายใจ ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“ไม่ เป็นเฉินซีที่ชนะ เพียงตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีระดับแปด กลับสังหารร่างอวตารของเซียนทองคำได้ ความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้น กล่าวได้ว่าตลอดอดีตจนถึงปัจจุบัน มันจะถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์!”
“แต่สุดท้ายปิงซื่อเทียนก็แค่เสียร่างอวตาร ส่วนชิงซิ่วอี้กับเฉินซีต่างจบสิ้นชีวิตลง!” ใครบางคนคัดค้าน
“ตายหรือ? มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ คนอย่างเฉินซีและชิงซิ่วอี้จะมาตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร?”
หลังจากโต้เถียงกันอย่างไร้ข้อสรุป ทุกคนได้แต่เงียบ ก่อนหันหลังแล้วจากไป
พวกเขารู้ดีว่า ภายในหนึ่งวัน ข่าวการต่อสู้ครั้งนี้จะกระจายไปทั่วแดนภวังค์ทมิฬ สร้างความตกตะลึงให้กับทุกผู้บนโลก ส่วนชื่อของเฉินซีมีชะตาจะกลายเป็นตัวตนที่เจิดจรัสที่สุดในประวัติศาสตร์ของแดนภวังค์ทมิฬ ที่ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้!!
…
สีหน้าของทั้งลู่เป๋ยอวี่และอวี้เจินต่างหมองหม่น
บุคคลยิ่งใหญ่ผู้มาชมพิธีในครั้งนี้ล้วนแยกย้ายกันไป แต่สิ่งที่หลงเหลือสำหรับพวกเขาคือความยุ่งเหยิงทั่วทั้งพื้นที่
เดิมที นี่ควรจะเป็นพิธียิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ตอนนี้…
ขณะมองดูรอยบนปฐพี มองดูสิ่งกีดขวางที่ถูกทำลายในขุนเขา มองดูศิษย์ทั้งหลายทั่วทั้งนิกายวิถีกระแสสวรรค์ แม้กระทั่งผู้อาวุโสบางคนที่เผยสีหน้างุนงง ผิดหวัง ขุ่นเคือง และหดหู่ออกมา
ทั้งลู่เป๋ยอวี่และอวี้เจินได้แต่เงียบงันไร้วาจาใด
การต่อสู้ในครั้งนี้สร้างผลกระทบมากเกินไป มันไม่ได้เรียบง่ายเหมือนกับการจากไปของร่างอวตารปิงซื่อเทียน แม้กระทั่งศักดิ์ศรีกับชื่อเสียงของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ก็พลอยได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน
หากการโจมตีนี้เกิดขึ้นในเวลาอื่น คงจะฟื้นฟูไหว แต่ตอนนี้คือช่วงเวลาที่สามภพตกอยู่ในความปั่นป่วน ผลลัพธ์ของการโจมตีในครั้งนี้จึงมีชะตากรรมที่หนักอึ้งยิ่งนัก
ในวันนี้ การต่อสู้อันน่าตกตะลึงระหว่างเฉินซีกับปิงซื่อเทียน ได้กระจายไปทั่วหล้าด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ทำให้เกิดความปั่นป่วน ทุกชีวิตต่างตกตะลึง
อีกทั้งในวันเดียวกันนี้ นิกายวิถีกระแสสวรรค์ประกาศปิดประตูนิกาย ปลีกตัวจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บที่เก็บซ่อนตัวเพื่อเลียบาดแผล
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของแดนภวังค์ทมิฬ วันนี้มีชะตาจะต้องถูกประทับไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมันจะถูกผู้คนในอนาคตจดจำเอาไว้
…
ที่ภพเซียน ภายในห้องโถงหลักขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกเซียน
ปิงซื่อเทียนผู้กำลังนั่งขัดสมาธิสั่นสะท้านไปทั่วร่างอย่างรุนแรง จากนั้นเขาพลันกระอักโลหิตออกมา จนสีหน้ากลายเป็นซีดเผือดโปร่งใส
“เจ้ามดปลวกสารเลว! ถึงกับทำให้ร่างอวตารของข้าพ่ายแพ้ได้ รอให้เจ้ามาถึงภพเซียนก่อนเถอะ ข้าจะทำให้เจ้ามีชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าความตายเสียอีก!” ปิงซื่อเทียนคำรามเสียงต่ำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“นายท่าน เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ?”
ทางด้านนอกห้องโถงหลัก หญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาหลังจากพบความผิดปกติ ร่างของนางเอ่อล้นด้วยปราณเซียน กลิ่นอายแก่กล้า มีพลังกฎเกณฑ์เลือนราง นางถึงกับเป็นเซียนสวรรค์!
“ไม่ใช่กงการของเจ้า! ถอยไป!” ใบหน้าของปิงซื่อเทียนหมองหม่น ขณะตะโกนด้วยเสียงเฉียบขาด
หญิงสาวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ก่อนรีบก้มศีรษะแล้วเดินออกจากห้องโถงหลักไป
“ช้าก่อน!”
ไม่ทราบว่าปิงซื่อเทียนคิดอันใดอยู่ จู่ ๆ เขาก็หันมาห้ามนาง ปากกล่าวสั่งว่า “ข้าจะเก็บตัวสักพัก หากมีข่าวคราวจากยมโลก จงมาแจ้งข่าวทันที อย่าเอาเรื่องอื่นมารบกวนข้า!”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ!” หญิงสาวก้มศีรษะคำนับ ก่อนออกไป
“ศิษย์พี่ชิง ถึงข้าจะไม่ได้หัวใจของเจ้า แต่ตราบใดที่ข้าได้ร่างของเจ้ามา… แค่นั้นก็เกินพอ! เชื่อข้าเถอะ อีกไม่ช้าพวกเราจะได้พบกัน!”
ปิงซื่อเทียนเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา มีร่องรอยความไม่พอใจอยู่ในดวงตา
หลังจากนั้น เขากลับมามีสง่าราศีเหมือนดังเดิม ก่อนหลับตาช้า ๆ เข้าสู่การเก็บตัวอย่างเงียบงัน
…
นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ยอดเขาจรัสตะวันตก ในลานบ้านข้างสระชำระกระบี่
เฉินซีผู้สวมชุดคลุมเต๋าสีเหลืองส้มพลันปรากฏตัวขึ้น คิ้วของเขาขมวดด้วยความสงสัย
“มันถึงกับกระตุ้นพลังของระเบียนแดนมรณะ นำพาร่างหลักของข้าเข้าไปในหลุมดำ …แล้วที่ปลายทางของหลุมดำนั่น จะเป็นยมโลกหรือไม่?”
เฉินซีขมวดคิ้ว ในตอนนั้น เขาได้สูญเสียการติดต่อกับร่างหลักไป และไม่อาจรู้สึกถึงตัวตนของอีกฝ่าย ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
“ไม่ว่าอย่างไร ร่างหลักไม่มีทางล่วงลับได้ หาไม่แล้วร่างอวตารนี้จะต้องได้รับผลย้อนกลับร้ายแรงอย่างแน่นอน” เฉินซีพึมพำกับตัวเอง
“เข็มทิศปรโลก ระเบียนแดนมรณะ… ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับซิ่วอี้…”
หลังจากครุ่นคิดสักพักใหญ่ ในที่สุดเฉินซีก็ส่ายหน้า ตอนนี้ เขาทำได้เพียงรออยู่ที่นี่อย่างเงียบงัน นอกเหนือจากนั้น ชายหนุ่มก็ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว
แต่ก่อนที่จะกลับมายังโลกแห่งดารา ชายหนุ่มได้เขียนกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้ ใช้เคล็ดวิชาเคลื่อนย้าย ก่อนสั่งให้มันตกไปอยู่ในมือของมู่ขุย
มีเพียงข้อความบรรทัดสั้น ๆ เท่านั้นที่เขียนไว้ ‘ชีวิตปลอดภัยดี ไม่ต้องเป็นห่วงมากเกินไป จงฝึกฝนเงียบ ๆ รอข้ากลับไป’
ในเวลาเดียวกัน ณ ราชวงศ์ซ่ง บริเวณรอบนอกเมืองหมอกสนในดินแดนทางใต้
ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงกำลังขี่ลาสีดำ มือถือหนังสือ เขาเดินทางมาถึงประตูของเมืองหมอกสนอย่างเกียจคร้าน
“เมืองหมอกสน นี่คือที่ที่เขาใช้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก…” ชายหนุ่มเงยหน้ามอง คิ้วและดวงตาเผยความเป็นมิตร มีรอยยิ้มอบอุ่นที่มุมปาก ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกับต้องสายแห่งลมวสันต์ฤดู
“เจ้าลา เจ้าแบกข้าข้ามเขาสามถึงห้าลูก ข้ามแม่น้ำลำธารหลายสาย ตอนนี้ข้ากำลังจะไปแล้ว แต่ไม่มีของขวัญราคาแพงมอบให้เจ้าเลย เอาแบบนี้ เจ้าเอาชะตาเต๋าไปดีหรือไม่?”
ชายหนุ่มผู้นั้นก้าวลงจากลา ยกมือขึ้นลูบแผงคอของมัน ราวกับไม่เต็มใจจะจากไปนัก ในที่สุดเขาก็หันหลังเพื่อเดินเข้าสู่เมืองหมอกสน
“อี้อ่อ! อี้อ่อ!” ลาสีดำคล้ายกับรับรู้ได้ มันส่งเสียงร้องสองครั้ง จากนั้นทะยานขึ้นหมู่เมฆในชั่วพริบตา ก่อนมุ่งสู่ท้องนภา ไม่ช้าจึงหายลับไป
ฉากนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่นอกเมืองหมอกสนอ้าปากจนขากรรไกรแทบหลุดด้วยความตกตะลึง สัตว์เช่นนี้สามารถฝึกฝนเต๋าได้ด้วยหรือ?
เมื่อผู้คนมองหาชายหนุ่มที่สง่าและอบอุ่นอีกครั้ง กลับพบว่าอีกฝ่ายหายเข้าไปในถนนที่จอแจของเมืองหมอกสน ไม่อาจหาพบได้อีก