บทที่ 8 ภารกิจหลัก
บทที่ 8 ภารกิจหลัก
ทำไมคนที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันอย่างเธอจึงไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง
“ตอนที่หนูนอนกลางวันค่ะ พอตื่นขึ้นมามันก็มีแล้ว” ซูเสี่ยวเถียนไม่คิดโกหก แต่ในตอนนี้เธอจะทำอะไรได้อีกล่ะ?
คุณย่าซูเชื่อจริง ๆ ว่าหลานสาวของเธอฝันถึงราชามังกร
ไม่อย่างนั้น ทำไมตั๋วเงินจำนวนมากถึงตกไปอยู่ในมือของเด็กสาวตัวน้อยได้เล่า?
“หลานรัก ย่ารู้ว่าหลานนำพาโชคมาให้ หลานคงไม่รู้ว่าในปีที่หลานเกิด สภาพอากาศแห้งแล้ง ตลอดสองเดือนไม่เคยเห็นฝนเลย แต่หลังจากที่หลานเกิดก็มีฝนตกห่าใหญ่ พืชผลต่าง ๆ ได้น้ำกันอย่างทั่วถึง…”
ใบหน้าของซูเสี่ยวเถียนประดับไปด้วยรอยยิ้มขณะที่ฟังคุณย่าซูพูด
ไม่รู้ว่าได้ยินคำพูดนี้กี่ครั้งแล้ว ทั้งในชีวิตครั้งก่อนและในชีวิตครั้งนี้ รู้ตัวอีกทีก็ฟังจนจำได้ขึ้นใจ
แต่ถ้าเป็นคุณย่าพูดเธอก็จะฟัง
เพราะผู้ใหญ่บ้านนี้ชักจูงค่อนข้างยาก!
ไม่ง่ายเลยที่จะรอจนคุณย่าซูเล่าเรื่องอันแสนยาวนานจบ ซูเสี่ยวเถียนดึงแขนเสื้อคุณย่าและพูดเสียงแผ่ว “คุณย่าคะ ให้คุณพ่อไปซื้อของในตำบลหน่อยค่ะ หนูอยากไปขอบคุณพี่ชายบ้านฉือค่ะ!”
ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้ถามความเห็นแต่พูดออกไปโดยตรง
“ได้สิจ๊ะ รอย่าบอกกับพ่อของหลานก่อนนะ ตอนบ่ายเขาต้องเข้าตำบลไปซ่อมเครื่องมือเกษตรพอดี” คุณย่าซูตอบตกลงในทันที
หากเป็นเมื่อก่อน คุณย่าซูคงลังเลเพราะครอบครัวยากจน แต่ตอนนี้มีเงินและตั๋วแล้ว คุณย่าซูก็เลยใจกว้างขึ้นด้วย
เมื่อซูเสี่ยวเถียนได้ยินว่าต้องรอคุณพ่อก่อนถึงจะไปได้ ก็รีบรั้งคุณย่าซูเอาไว้ “ถ้าอย่างนั้นหนูตามคุณพ่อไปในตำบลได้ไหมคะ”
คุณย่าซูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลานสาวตัวน้อยร่างกายอ่อนแอเกินไป หากไปแล้วคงจะไม่ป่วยใช่ไหม?
แค่เห็นท่าทางของคุณย่าก็รู้ในทันทีว่ากำลังกังวลเรื่องร่างกายของเธออยู่
“คุณย่าขา หนูดีขึ้นแล้วค่ะ! อาทิตย์หน้าก็ไปโรงเรียนได้แล้ว” เสียงออดอ้อนของสาวน้อยดังขึ้นมาในทันที
“ก็ได้ รอให้พ่อของหลานพาไปแล้วกัน แล้วค่อยให้เขาซื้อขนมไข่กลับมาให้หลานสักหน่อย”
เมื่อเห็นว่าหลานสาวตัวน้อยดีขึ้นจริง ๆ คุณย่าซูจึงเห็นด้วยในทันที
“ไม่ซื้อขนมไข่แล้วค่ะ มันแพงมากเลย พวกเราซื้อเนื้อสักหน่อยแล้วก็ซื้อแป้งสาลีกันเถอะค่ะคุณย่า เราทำแป้งทอดไส้เนื้อกินกันเถอะ ดีกว่ากินขนมไข่ตั้งเยอะ!”
ขนมไข่มีไม่กี่ชิ้น แต่ใช้เงินตั้งมากมาย ทั้งยังใช้ตั๋วอีกด้วย ไม่มีประโยชน์เลย
สู้ซื้อเนื้อมาทำแป้งทอดไส้เนื้อเสียดีกว่า ได้กินกันทั้งบ้านด้วย
แม้ว่าคุณย่าซูจะต้องเสียเงินเพื่อซื้อเนื้อ แต่หลังจากที่ครุ่นคิดดูแล้ว เงินและตั๋วพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่ราชามังกรส่งมาให้ จะไม่ใช้ได้อย่างไร? รอบ้าอะไรอยู่ล่ะ?
“ได้สิ ในบ้านยังพอมีอยู่ กินกันพออยู่แล้ว ให้พ่อของหลานไปซื้อเนื้อสักสองจินกลับมาก็ได้ พอดีเลย กุยช่ายที่บ้านเราใกล้จะโตเต็มที่แล้ว” คุณย่าซูชั่งน้ำหนักเล็กน้อย แล้วค่อยตอบตกลง
ประเด็นสำคัญคือหลานสาวตัวน้อยต้องได้กิน ส่วนคนอื่น ๆ แค่ชิมสักหน่อยก็พอ!
ปากคนเฒ่าคนแก่พวกนี้กินแป้งสาลีกับเนื้อจะไปทำให้เกิดเรื่องดี ๆ ได้อย่างไร?
ซูเสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าคุณย่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ จึงกลับห้องไปอ่านหนังสือด้วยความเบิกบานใจ
“เด็กคนนี้นี่ ทำไมช่วงนี้เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องกัน? ไม่ออกไปหาตุ๊กตาเล่นสักหน่อยเล่า!” คุณย่าซูพึมพำก่อนรีบไปทำงาน
ตกบ่าย ซูเสี่ยวเถียนตามพ่อของเธอไปในตำบล
ซูเหล่าซานกำลังลากรถบรรทุกของพื้นเรียบ บนนั้นแบกเครื่องมือการเกษตรไว้มากมาย แล้วคลุมทับด้วยผ้าสักหลาดใยขนแกะ พร้อมกับเจ้าเกี๊ยวเสี่ยวเถียนที่นั่งอยู่บนนั้นด้วย
ทางเข้าตำบลเป็นถนนลูกรังทำให้เดินไม่สะดวก
ซูเสี่ยวเถียนนั่งอยู่บนรถ แม้จะปูด้วยผ้าสักหลาดใยขนแกะก็ยังนั่งจนก้นแข็งอยู่ดี
โชคดีที่ระยะทางจากหมู่บ้านถึงตัวตำบลอยู่ไม่ไกลนัก ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าก็มาถึง
“ลูกสาว เรามาถึงแล้ว!” ซูเหล่าซานอุ้มสาวน้อยที่ใบหน้ายู่จนกลายเป็นก้อนลงมาจากรถ
หลังจากลงจากมาได้ ซูเสี่ยวเถียนก็ขยับร่างกายสองสามทีเพื่อบรรเทาความเมื่อยล้าทั่วทั้งร่าง
“เป็นอะไรไป ไม่สบายเหรอ?”
“ไม่มีอะไรค่ะคุณพ่อ แค่นั่งนานก็เลยตัวแข็ง” ซูเสี่ยวเถียนไม่กล้าพูดว่าก้นของเธอระบมมาก
ซูเหล่าซานหัวเราะขณะอุ้มลูกสาว เขาพูดอย่างรักใคร่ “สาวน้อยรู้จักเขินอายเป็นด้วย!”
ซูเสี่ยวเถียนอับอายเล็กน้อย
ตำบลแห่งนี้เป็นตำบลเล็ก ๆ ถนนยาวไม่เกินยี่สิบเมตร ไม่เจริญและมีร้านค้ากระจัดกระจายเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น
สถานที่ที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดคือสหกรณ์จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประตูด้านหน้ามีความโอ่อ่าเป็นพิเศษ
การมีอยู่ของสหกรณ์จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในตอนนี้ยิ่งใหญ่มาก ใครจะคาดเดาได้ว่าไม่กี่ปีในภายหลังนั้น ด้วยระบบเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจะทำให้การมีอยู่ของมันเสื่อมลงไป
ซูเสี่ยวเถียนจำอาคนนั้นของเธอได้ เพราะหล่อนแต่งงานกับลูกจ้างของสหกรณ์จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคหรืออย่างไรถึงได้คิดว่าสูงส่งกว่าน่ะ?
ทว่าไม่แปลกนักที่คนของสหกรณ์จะสามารถซื้อของคุณภาพต่ำในราคาที่ต่ำได้ ทั้งยังไม่ต้องใช้ตั๋วอีกด้วย ชีวิตจึงดีกว่าคนอื่นมาก
แต่เธอเชื่อมั่นว่า ด้วยความวิเศษของระบบการอ่าน ชีวิตของครอบครัวจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนลูกจ้างของสหกรณ์จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคอะไรนั่นจะมายุ่งอะไรด้วย?
เธอต้องการให้ครอบครัวของเธอได้ใส่เสื้อผ้าอุ่น ๆ ได้กินเนื้อ อยู่ดีมีสุข!
ในตอนนั้นเองซูเสี่ยวเถียนก็ได้ยินเสียงระบบแอนนา
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ด้วยค่ะ เปิดใช้งานภารกิจหลักแรก ‘พืชนับพันล้วนอยู่ในตำรา’!”
อะไรนะ
ภารกิจหลัก?
นี่ไม่ใช่การลงชื่อเข้าใช้ระบบการอ่านหรอกเหรอ?
ยังมีภารกิจอีก?
อืม ดูเหมือนเธอจะเข้าใจอะไรผิดไป
ระบบไม่เคยบอกว่าเป็นการลงชื่อเข้าใช้ระบบเสียหน่อย…
ซูเสี่ยวเถียนไม่สามารถหยุดความคิดภายในใจและสื่อสารกับตัวระบบได้ในทันที เพราะพ่อของเธอยังอยู่ข้าง ๆ!
อดทนซะ!
อดทนจนกว่าจะกลับบ้าน แล้วค่อยมาศึกษาสิ่งนี้กัน!
“ไปกันเถอะ พวกเราไปส่งเครื่องมือที่โรงงานเครื่องมือการเกษตรก่อน หลังจากนั้นพ่อค่อยพาลูกไปเดินดูรอบ ๆ”
เป็นเรื่องยากสำหรับซูเหล่าซานที่จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับลูกสาวตัวน้อยของเขา เขาจะไม่ปล่อยมันไปแน่นอน
แต่เขามาเพื่อซ่อมเครื่องมือการเกษตร และแน่นอนว่าเขาจะต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้เสร็จก่อน
ซูเสี่ยวเถียนไม่คิดว่าจะมีอะไรให้เดินดูในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้
ระยะทางไม่เกินยี่สิบเมตร เดินสองก้าวก็ถึงแล้ว
แต่ตอนนี้เธอเป็นเด็กขี้สงสัยวัยเจ็ดขวบและไม่เคยเห็นโลกมาก่อน จึงไม่สามารถพูดอย่างนี้ออกไปได้ จึงพยักหน้าอย่างจริงจังแทน
ทั้งสองไปที่ร้านซ่อมเครื่องมือการเกษตรก่อน
ร้านแห่งนี้ตั้งอยู่สุดถนน ภายในลานเล็ก ๆ อันทรุดโทรมสามารถมองเห็นการตีเหล็กที่ส่งเสียงดังเคร้ง ๆ อย่างชัดเจนได้
ดูเหมือนว่าเครื่องมือการเกษตรส่วนใหญ่ในยุคนี้จะทำโดยช่างตีเหล็ก
แน่นอนว่าเรื่องซ่อมก็ยังคงใช้ช่างตีเหล็กอยู่
ไม่มีปัญหา
“ทำไมวันนี้พาลูกสาวตัวน้อยมาด้วยเล่า? สาวน้อยน่ารักจริง ๆ เลย!” ผู้ดูแลโรงงานเครื่องมือการเกษตรอายุสี่สิบปีกว่าแล้ว เขาใจดีและเป็นมิตรมาก
“พี่หวัง วันนี้ไม่ได้มาส่งแค่เครื่องมือเฉย ๆ แต่ยังพาลูกมาเที่ยวเล่นด้วย ปกติไม่ค่อยมีเวลาน่ะ!” ซูเหล่าซานอธิบายด้วยรอยยิ้มเขินอายเล็กน้อย
“สวัสดีค่ะคุณลุง!” ซูเสี่ยวเถียนเงยหน้าขึ้นและทักทายด้วยรอยยิ้มสดใส
“โอ้โห สาวน้อยยังรู้จักวิธีทักทายด้วย แค่มองก็ปวดใจแล้ว มา ๆ คุณลุงมีลูกอมนมกระต่ายขาวอยู่สองสามเม็ด จะให้เด็กปากหวานแบบหนูสองเม็ดนะ”
ผู้จัดการหวังยิ้มจนใบหน้ามีรอยย่น จากนั้นเขาก็หยิบลูกอมนมกระต่ายขาวสองเม็ดออกจากกระเป๋าของเขาจริง ๆ หมายจะมอบให้ซูเสี่ยวเถียน
“คุณลุงหนูโตแล้วค่ะ ไม่เอาแล้ว!”
ครั้นได้ยินเสียงเจื้อยแจ้ว ผู้จัดการหวังก็หัวเราะอย่างร่าเริง
“น้องชายซู ลูกสาวคนนี้ของแกยังเป็นสาวน้อยตัวจ้อยอยู่แท้ ๆ กลับบอกว่าตัวเองโตแล้ว! ฮ่า ๆ…”