บทที่ 22 ล้มตัวนอนหัวถึงหมอน
บทที่ 22 ล้มตัวนอนหัวถึงหมอน
ตอนที่ซูเสี่ยวเถียนเตรียมพร้อมให้ทุกคนอย่างดี พวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าน้องสาวแตกต่างจากพวกเขาจริง ๆ
ซูเสี่ยวเถียนมีความเข้าใจในสถานการณ์ส่วนใหญ่ของพวกพี่ชาย
เริ่มตั้งแต่เมื่อคืนวานที่เธอวางแผนไว้ว่าจะกระตุ้นพี่ ๆ ให้เรียนหนังสืออย่างไร
ดังนั้นจึงทำแผนการเรียนที่แตกต่างกันของแต่ละคนมา
ลูก ๆ ของตระกูลซูล้วนเฉลียวฉลาด แต่พวกเขาไม่ได้ทุ่มเทให้กับการเรียน
ซูเสี่ยวเถียนยังกลัวว่าพวกพี่ชายจะไม่ทุ่มเท เธอจึงทำท่าเสียใจว่าไม่อยากถูกคนรังแก และอยากให้พวกพี่ ๆ ขยัน อนาคตจะได้เป็นพนักงานในเมืองและปกป้องเธอได้
พวกพี่ ๆ นึกถึงตระกูลคังขึ้นมาก็เพราะว่ามีคนทำงานอยู่ในสหกรณ์จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภค จึงคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น และดูถูกพวกเขาว่าเป็นพวกบ้านนอกคอกนาอีก
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกพี่ ๆ จะเรียนหนักกว่าปกติมาก
ซูเสี่ยวเถียนมอบหมายงานให้พวกเขาเรียนหนังสือ ส่วนตนเองก็อุ้มม้านั่งตัวเล็กออกมานั่งอ่านหนังสือ รับลมเย็น ๆ อย่างเพลิดเพลินใต้ต้นไม้
ซูเสี่ยวเถียนยังคงถือหนังสืออยู่ในมือ หากมองจากสายตาของคนนอกก็จะเห็นเธอแค่พลิกกระดาษทีละหน้า
แต่ในความเป็นจริง ซูเสี่ยวเถียนกำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับพืชพันธุ์ที่ค้นพบจากระบบห้องสมุด
หลังจากที่เธอลองใช้ก็พบว่าหนังสือที่มาพร้อมกับระบบไม่มีใครสามารถมองเห็นได้เลยนอกจากเธอ
สิ่งนี้อำนวยความสะดวกในการอ่านเป็นอย่างมาก
ตราบใดที่มีหนังสืออยู่ในมือหรือมีอะไรหลอกตา เธอก็สามารถอ่านได้อย่างปลอดภัย
พวกพี่ ๆ หันกลับมามองน้องเล็กที่กำลังอ่านหนังสือเป็นบางครั้ง แล้วก็คิดว่าพวกเขาใช้ชีวิตอย่างเสียเปล่ามาหลายปี ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง และยังไม่เหมือนน้องเล็กที่เป็นเด็กผู้หญิง
พวกเขาขอโทษที่ไม่ตั้งใจเรียน
เพียงชั่วพริบตา ช่วงเช้าก็ผ่านไป
หลังจากที่ซูเสี่ยวเถียนอ่านหนังสือจบแล้ว แต่เป็นเพราะนั่งอยู่ในท่าเดิมนานจนเกินไป พอลุกขึ้นยืนร่างกายก็แข็งทื่อ
เมื่อมองไปยังพวกพี่ชายที่ทำงานอย่างหนัก เธอพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ผลลัพธ์เช่นนี้แหละที่ต้องการ แต่การทำงานและการพักผ่อนร่วมกันย่อมสำคัญเช่นกัน
“พี่รอง หนูอยากไปขุดไส้เดือน” ซูเสี่ยวเถียนวางหนังสือในมือลงบนม้านั่งตัวเล็ก และเอ่ยขออย่างจริงจัง
“เถียนเถียน ขุดไส้เดือนไม่สนุกหรอก ไม่อย่างนั้นให้พี่รองพาไปจับปลาดีไหม?”
ซูซื่อเลี่ยงกำลังคิดว่าไส้เดือนมีอะไรน่าสนุกกัน ไม่เหมือนไปจับปลา น่าสนุกกว่าเสียอีก
หากโชคดีและจับปลาได้สักตัว ยังสามารถเปลี่ยนให้เป็นอาหารได้นะ
ซูเสี่ยวเถียนยืนกรานที่จะขุดไส้เดือน
เธอตัดสินใจเลี้ยงไก่ด้วยไส้เดือน หนังสือกล่าวไว้ว่า ไส้เดือนสามารถเพิ่มการผลิตไข่ด้วย
ซูซื่อเลี่ยงทำได้เพียงมุ่งความสนใจไปที่ซูโส่วเวิน ขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยเกลี้ยกล่อมน้องเล็ก
ซูโส่วเวินมองน้องเล็กที่ใบหน้ามีความสุขก่อนจะพูดว่า “ถ้าน้องเล็กอยากขุดดินก็ให้ขุดไปสิ อย่างไรเสียน้องรองก็ขุดได้ไม่น้อยนี่”
เวลาเด็ก ๆ ไปตกปลา ส่วนใหญ่จะเลือกใช้ไส้เดือนเป็นเหยื่อล่อ ซึ่งซูซื่อเลี่ยงมีฝีมือในเรื่องนี้มาก
คาดไม่ถึงว่าซูเสี่ยวเถียนจะขอร้องให้พี่ ๆ ไปขุดไส้เดือนกัน เพราะเธอต้องการมันเป็นจำนวนมาก
พวกพี่ ๆ อยากจะขยันหมั่นเพียรต่อ แต่ทนปฏิเสธคำรบเร้าของน้องเล็กไม่ได้ พวกเขาจึงตัดสินใจหาเวลาออกไปขุดไส้เดือนกัน
เมื่อคุณย่าซูและคนอื่น ๆ กลับมาจากทำงาน สิ่งที่เห็นคือไส้เดือนครึ่งตะกร้า
ไส้เดือนจำนวนมากดีดดิ้นอยู่เต็มไปหมด ดูเหมือนว่าคุณย่าซูท่าทางไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ไอ้เด็กพวกนี้ออกไปก่อปัญหาอีกแล้ว แกขุดไส้เดือนเยอะขนาดนี้ไปทำอะไร? น่าขยะแขยงไม่พอหรืออย่างไร!”
คุณย่าซูถือไม้กวาดในมือแล้ววิ่งไปหาซูซื่อเลี่ยง
ในกลุ่มเด็กเหล่านี้ ซูซื่อเลี่ยงเป็นเด็กที่ไม่น่าไว้วางใจที่สุด และตามสัญชาตญาณของคุณย่าซูเขาต้องเป็นหัวโจกอย่างแน่นอน
“คุณย่า แต่นี่ไม่ใช่ความผิดพวกเรานะ มันเป็นของที่น้องเถียนบอกว่าอยากได้” ซูซื่อเลี่ยงวิ่งไปด้วย ตะโกนใส่ใส่คุณย่าซูไปด้วย
เมื่อคุณย่าซูได้ยินมาว่าเป็นของที่น้องเถียนอยากได้จึงไม่ค่อยปักใจเชื่อเท่าไรนัก
เสี่ยวเถียนเป็นเด็กรักสะอาด แล้วจะเอาไส้เดือนไปทำอะไร?
“คุณย่าคะ เป็นของที่หนูอยากได้จริง ๆ ค่ะ หนูอยากเลี้ยงไก่ด้วยไส้เดือน มันก็จะออกไข่ได้มากขึ้นอย่างไรล่ะคะ”
ซูเสี่ยวเถียนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ที่ริมกำแพง แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือก จึงจำต้องวางงานในมือลงแล้วรีบออกไปปกป้องพวกพี่ชาย
คุณย่าซูไม่เคยได้ยินเรื่องการใช้ไส้เดือนให้อาหารไก่มาก่อน แต่จำได้ว่าบางคนเคยเลี้ยงไก่ด้วยปลาตัวเล็ก ๆ และไก่ก็เติบโตได้ดีมาก เธอเลยเชื่ออย่างนั้น
“เสี่ยวเถียน น้องจะทำอะไรบอกพี่รองมา พี่จะช่วยเอง!”
เพื่อปกป้องตัวเองแล้ว ซูซื่อเลี่ยงตัดสินใจขายตัวเองเป็นข้าทาส
“ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ มีผัก มีใบไม้ใส่เข้าไปหน่อยทุก ๆ วัน ตอนว่างก็รดน้ำสักหน่อยก็ดีค่ะ โอ๊ะ พี่รอง พี่เทไส้เดือนลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว แล้วก็สับฉับ ๆ ให้ไก่กินเลย”
ซูซื่อเลี่ยงยินดีที่จะช่วย ซูเสี่ยวเถียนจึงมีความสุขมากขึ้นอีก
เธอรู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นไส้เดือนจำนวนมาก เลยมอบหมายให้ซูซื่อเลี่ยงทำ
คุณย่าซูล้างมือก่อนไปทำอาหาร ซูเสี่ยวเถียนคอยช่วยอย่างเชื่อฟัง สองย่าหลานคุยกันในห้องครัว บรรยากาศน่ารื่นรมย์
“คุณย่าคะ อีกสองวันให้คุณพ่อหนูหาทางไปในอำเภอ แล้วเอาของกินกลับมาเยอะ ๆ เลยนะคะ” ซูเสี่ยวเถียนแนะนำ
“ได้จ้ะ ย่าได้ยินแล้ว” คุณย่าซูตอบอย่างอ่อนโยน
เมื่อคิดถึงตั๋วพวกนั้นที่อยู่ในบ้าน คุณย่าซูจึงตัดสินใจกินซุปข้าวโพดข้น ๆ อย่างเดียวซึ่งไม่ผสมอย่างอื่นในตอนกลางวัน และเตรียมแป้งทอดธัญพืชให้ทุกคนคนละแผ่น
อาหารของคุณย่าซูเกือบจะพร้อมแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ที่ไปทำงานในนาก็กลับมาเช่นกัน
เมื่อคุณปู่ซูเดินเข้าประตู สีหน้าก็แปลกไปเล็กน้อย
คุณย่าซูจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“ไม่รู้ว่าใครส่งของมาให้ครอบครัวเรา ตอนที่หัวหน้าชุมชนการผลิตเข้าเมืองก็เอาพัสดุกลับมาให้ด้วย”
แค่บอกว่าอยากให้ส่งของมาปิดปากหลอกคนอื่นก็ได้รับพัสดุเลย เป็นการล้มตัวนอนหัวถึงหมอนจริง ๆ
คุณย่าซูตบเข่าฉาด “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ให้เหล่าซานไปขอลาหยุดกับหัวหน้าชุมชนการผลิตไป จะได้ไปอำเภอเอาของคืนไป”
คู่สามีภรรยาสูงวัยเข้าใจความหมาย แต่คนอื่น ๆ ไม่รู้ ดังนั้นพวกเขาจึงเดาเอาเองว่าใครเป็นคนส่งของให้ครอบครัว และส่งอะไรมาให้
“คุณแม่คะ คุณแม่บอกว่าใครส่งพัสดุมาให้เราเหรอคะ? แต่พวกเราไม่มีญาติข้างนอกนี่” เหลียงซิ่วอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย
“บางทีอาจเป็นคนที่คุณพ่อของเธอช่วยชีวิตไว้ก่อนหน้านี้แล้วคิดอยากตอบแทนน้ำใจเขาน่ะ” คุณย่าซูรีบเอาเรื่องนี้มากล่าวลอย ๆ
เหลียงซิ่วเป็นคนจากชุมชนการผลิตใกล้ ๆ ต้องรู้แน่นอนว่าพ่อสามีของตนเมื่อก่อนเป็นคนกะตือรือร้น ได้ยินมาว่าช่วยคนไปมากมาย!
ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับบางคนที่นึกถึงน้ำใจของคุณปู่ซูขึ้นมา แล้วอยากจะส่งของให้
“งั้นบ่ายนี้ก็ให้พ่อเถียนเอ๋อร์ไปหานักบัญชีหลีแล้วขอเอกสารมาแล้วกันค่ะ” เหลียงซิ่วพูดอีกครั้ง
คุณย่าซูตกลง
คนในครอบครัวแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นแป้งทอดทำจากธัญพืชบนโต๊ะและซุปข้าวโพดสีเหลืองอร่าม
ลูกสะใภ้ทั้งสามต่างก็หันมามองคุณย่าซู
สองวันมานี้ เหตุใดอาหารที่บ้านถึงดีขนาดนี้?
“มองอะไรกัน? มีให้กินก็กินสิ แล้วทำไมไม่ใช้ตะเกียบ?” คุณย่าซูยื่นซูปข้าวโพดข้น ๆ ให้คุณปู่ซูหนึ่งถ้วย ตามด้วยแป้งทอด
“คุณแม่ครับ ธัญพืชบ้านเรามีเหลือไม่เยอะแล้วใช่ไหม?” ซูเหล่าต้าถามอย่างไม่มั่นใจ
“ไม่มากแล้ว แต่ธัญพืชหน้าร้อนใกล้จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว ยังพอกินอยู่” คุณย่าซูตอบตามตรง
หวังเซียงฮวาพูดเสียงแผ่วเบา “ถ้าไม่ช่วยหนุนน้องสามี ครอบครัวเราก็พอกิน”